ทางด้านซ่งจื่อเหยียนที่หยุดพักค้างคืนที่ฮวากู่เพราะบุตรชายไม่สบายกำลังศึกษาแผนที่การเดินทางไปเมืองจ้านกั๋ว จากเมืองกู่ไปจ้านกั๋วน่าจะใช้เวลาเดือนครึ่งเกือบสองเดือนเพราะนางมีลูกอ่อน เย่วเล่อมาเคาะประตูเรียกนางจึงเก็บจดหมายและตั๋วเงินเอาไว้ ก่อนจะไปเปิดประตูให้
“พี่ใหญ่ท่านยังไม่นอนหรือ”
“คุณหนู เอ่อ น้องรองพี่อยากถามว่าพวกเราจะไปที่ใด เจ้ามีเป้าหมายหรือเปล่า แล้วจื่อห่าวดีขึ้นหรือยัง”
“จื่อห่าวดีขึ้นมากแล้ว ข้าวางแผนจะไปเมืองจ้านกั๋วน่ะ ที่นั่นอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยข้าลองสืบค้นมาแล้ว”
“อืม..ว่าแต่พวกเราจะไปทำมาหากินอันใด หยกก็ขายไปหมดแล้ว”
“เรื่องนี้พี่อย่ากังลเลย ข้ามีทางออกแน่นอน พี่เย่วเล่อท่านไปพักผ่อนเถอะ รอจื่อห่าวหายป่วยเราจะเดินทางต่อ เข้าฤดูหนาวแล้ว หากหิมะลงจะเดินทางลำบาก”
“อืม..เจ้าก็พักผ่อนเยอะๆ เล่า ที่จริงจวนร้างก็ไม่ได้แย่ เสียดายเพียงแค่ตอนนี้มีคนต้องการมันคืน”
“พี่เย่วเล่อ....บางทีเมืองจ้านกั๋วอาจดีกว่าเมืองหลวงก็ได้ในความคิดของข้าคนชนบทผู้คนจริงใจกว่า พี่ดูอย่างครอบครัวป้าหูสิ พวกเขาอยู่นอกเขตเมืองหลวงคบค้ากับพวกเราจริงใจเพียงใด”
เย่วเล่อพยักหน้า ซ่งจื่อเหยียนจะไปที่ตำบลตอนเช้าเพื่อขอทำเรื่องฐานะใหม่ นางต้องการกลับไปใช้สกุลเดิมมารดาคือแซ่จาง เปลี่ยนจากซ่งจื่อเหยียนเป็นจางจื่อเหยียน ทางด้านสกุลซ่งรอนางตั้งหลักปักฐานเสียก่อนนางจะทำลายทุกอย่างไม่ให้เหลือซาก ส่วนเว่ยเซียวหยางแม้ว่าไม่ได้ร้ายกาจแต่ก็ไม่น่าคบหา เขารู้เต็มอกว่านางถูกวางแผนให้ร้ายแต่กลับเลือกจะผลักไสร่างเดิม แม้ไม่รู้เหตุผลที่เขารังเกียจสตรีแต่ไม่ว่าอย่างไรเขาควรเป็นสุภาพชนมากกว่านี้
ซ่งจื่อเหยียนนอนหลับกอดบุตรชายตั้งแต่วันพรุงนี้จะไม่มีซ่งจื่อเหยียนอีกต่อไป คงมีเพียงจางจื่อเหยียนแม่หม้ายสามีตายกับพี่สาวน้องสาวเท่านั้น
ซ่งจื่อเหยียนสั่งให้สองคนพี่น้องดูแลซ่งจื่อห่าวให้ดี จากนั้นก็เดินทางเข้าตัวอำเภอ นางไปขอทำเรื่องผ่านทางและขอทำป้ายฐานะใหม่เพื่อการเดินทางที่ราบรื่น นางมีเงินจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่ายุคสมัยใดการใช้เงินแก้ปัญหาย่อมผ่านทุกเรื่อง
ผ่านร้านขนมก็ซื้อกลับไปหลายกล่อง บ้านเช่าของท่านปาคนนั้นนางเช่าเพียงวันละสามร้อยอีแปะ บุตรชายนางไปสงครามแล้วไม่ได้กลับมา สะใภ้ก็หนีไปทิ้งหลายชายวัยสิบสองปีไว้ให้นาง เด้กคนนั้นคือคนที่นางจ้างไปเกี่ยวหญ้าหมู ซ่งจื่อเหยียนซื้อขนมกับเสบียงแห้งเอาไปฝากย่าหลานคู่นั้นด้วย คู่ชีวิตตายจากบุตรชายก็ตายจากเหลือเพียงหลานชายคนเดียว ชีวิตแม่หม้ายหากไร้ทรัพย์ก็นับว่าลำบากนัก
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยนางก็เตรียมกลับบ้านเช่า นางเจอคนที่ไม่คิดว่าจะเจอ ซ่งชุนอารองของนาง แต่เขาจำไม่ได้เพราะนางแต่งกายเช่นบุรุษ อีกทั้งยังมีไฝสามเม็ดที่นางแต้มขึ้นมา ได้ยินเขาสนทนากับคนที่มาด้วยกันเหมือนจะเป็นคนต่างแคว้น หืม คบค้ากับต่างแคว้นหรือจางชุนเป็นขุนนางแม้ตำแหน่งจะไม่ใหญ่แต่ก็ถือว่าขัดต่อคำสั่งที่ห้ามขุนนางติดต่อกับต่างแคว้นโดยตรงโดยไม่ผ่านราชสำนัก เหมือนพวกเขาพูดคุยกันเรื่องขายแร่เหล็ก ซ่งจื่อเหยียนร่างเดิมตอนที่มารดายังมีชีวิตอยู่นางสอนภาษาต่างแคว้นให้ ร่างเดิมพูดได้แล้วฟังออกถึงเจ็ดภาษา
มิน่าไอ้อ๋องนั่นถึงบอกว่าที่อี้โจวเป็นเขตตระกูลเว่ย ตราบใดอยู่ที่นั่นก็สามารถคุ้มครองนางได้ แปลว่าเขารู้เรื่องนี้ดีจึงแค่อยากช่วยนางเพื่อไถ่โทษงั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นเปลี่ยนแผนไปอี้โจวแล้วกัน แค่อยู่ในเขตอี้โจวก็พอ ไม่ได้เข้าไปในบริเวณที่ตั้งของสกุลเว่ยก็นับว่าปลอดภัย แค่อาศัยคนของทางการไม่ไปตามหานางหากว่าตระกูลซ่งเกิดวิกฤตขึ้นมาจริงๆ
ซ่งจื่อเหยียนรีบกลับบ้านทันที นางต้องหาทางทิ้งร่อยรอยว่านางไปเมืองอื่น หากมีคนตามจะได้คิดว่านางไปจ้านกั๋วจริงๆ จะได้ไม่มีใครคาดคิดว่านางอยู่ภายใต้ปีกของเว่ยเซียวหยางอนุชาหนึ่งเดียวของฮ่องเต้ มีเพียงฮ่องเต้ที่เขาเกรงใจเพราะเป็นพี่ชายมิใช่เกรงกลัว หรือแม้แต่เขาเองก้คิดไม่ถึงแน่ๆว่านางจะกล้าไปอี้โจว ที่อันตรายคือที่ปลอดภัยที่สุด เมื่อกลับมาถึงบ้านเรียบร้อยก็ไปหาท่านป้าที่ให้เช่าบ้าน หญิงชรานัยน์ตาฟ้าฟางเดินเกาะกำแพงออกมาก ซ่งจื่อเหยียนเอ่ยปากพูดคุยกับนาง
“ท่านย่าหลี่..ท่านอยู่กันเองสองคนย่าหลานข้าเห็นว่าท่านคงไม่มีเสบียงจึงซื้อมาฝากน่ะเจ้าค่ะ”
“ขอบใจนะ บุตรชายหายดีหรือยังเล่าอาซ้อ ถ้าดีขึ้นแล้วก็รีบไปเถอะ บ้านข้ากำลังจะถูดยึดแล้ว”
“ทำไมเป็นเช่นนั้นเจ้าคะ เหตุใดถึงถูกยึดกัน”
หญิงชราปาดน้ำตาก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“สะใภ้ของข้านางขโมยโฉนดเอาไปจำนองเศรษฐีในเมือง ยามนี้นางหนีไปกับชายชู้ของนางเมื่อตอนสายๆ วันนี้ลูกน้องของเศรษฐีคนนั้นแจ้งมาว่าให้พวกเราย่าหลานย้ายออกไป ส่วนพวกเจ้าที่เช่าอยู่พวกเขาจะเก็บวันละสิบห้าตำลึงเพราะบ้านหลังนั้นหลังใหญ่ พวกเจ้าไปเถอะ”
หลี่ผิงอันมาส่งเหวินเมิ่งหรูกลับจวนเหวิน สวนทางกับขบวนของราชครูหยางที่มาสู่ขอเว่ยซูหนีว์ให้กับหยางตงหยาง ทั้งสี่คนหมั้นหมายจ้าวสาวของตนเองเรียบร้อยแล้ว เด็กสาวทั้งสี่ถูกเข้มงวดให้เรียนการเรือน และการปกครองเรือนเพราะอีกสองเดือนพวกเขาจะต้องแต่งงานแล้วทั้งสี่ตระกูลตกลงแต่งงานพร้อมกันวันเดียวกัน ทางด้านนักพรตทำนายฤกษ์ให้แล้วเรียบร้อย เว่ยเซียวหยางที่ปรับปรุงจวนนอกเมืองอยู่ก็กอดเมียรักที่ตามมาดูด้วย จวนกว้างกว่าพันหมู่จางจื่อเหยียนนำผลไม้มาลงปลูก ตามหาต้นชาชั้นดีบนภูเขามาปลูก ดอกไม่หลากหลายพันธุ์ เหมยกุ้ยสายพันธุ์เลื้อยบ่าวทำค่างให้เกาะเกี่ยวไปตามชอบรั้วยิ่งมองยิ่งงามมากนัก ด้านหลังสุดทำโรงเรือนเพราะอยู่ใกล้เชิงเขา เว่ยเซียวหยางตามใจพระชายาของตน นางเปิดโรงเรียนสอนเด็กๆมิได้ต้องการเงินทอง แต่เพื่อให้บิดามารดาเด็กเหล่านั้นได้ไปทำมาหากินสะดวกไม่ต้องกังวลเรื่องบุตร"เสี่ยวเหยียน..อยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่""ไม่เพคะ..เด็กๆเล่าไปเที่ยวเล่นบนเขายังไม่กลับมาอีกหรือ""ปล่อยพวกเขาเถอะ อีกสองเดือนก็แต่งงานกันแล้ว พวกเขาแปดคนคงรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร ว่าแต่เมียพี่เหนื่อยหรือไม่""ไม่เหนื่อยเพคะ กล่
ยามเฉินเหวินเมิ่งหรูตื่นมาล้างหน้าบ้วนปาก วันนี้นางมิต้องไปสำนักศึกษาท่านแม่บอกว่าจะมีเรื่องสำคัญให้นางอยู่บ้าน ทางด้านเหวินลี่ซินเองก็อยู่บ้านเช่นกัน สองคนพี่น้องได้แต่มองหน้ากันไปมา"ชิงชิงไปสืบมาหน่อยวันนี้ที่จวนมีเรื่องอันใด""คุณหนู..ท่านแม่คาดโทษท่านอยู่นะเจ้าคะ""หึ..ไม่สนใจหรอก อยู่ๆจะให้ข้าแต่งกับตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้ ข้าจะไปหาพี่เมิ่งหรู""เจ้าจะไปทำไมหรือ""ข้าจะหนีออกจากบ้าน หึ"เหวินลี่ซินชะงักเพราะเสียงที่ถามนางกลับมามิใช่เสียงของชิงชิง เหวินลี่ซินหันกลับไปก็เจอกับเว่ยจื่อห่าวยืนอยู่ ชิงชิงไปไหนแล้ว ดรุณีน้อยลุกขึ้นทันที นางไม่อยากมองหน้าคนใจร้ายคนนี้ เพราะเขามาฟ้องนางจึงถูกลงโทษคุกเข่าสามวัน ท่านแม่ยังให้สวดมนต์กินเจอีกเพื่อให้จิตใจสงบ หึ..สงบกับผีบรรพบุรุษน่ะสิ นางหิวจนแทบจะจับพี่สาวกินได้อยู่แล้ว เหวินลี่ซินเอ่ยอย่างไม่พอใจทันที"ท่านมาทำไมอาจารย์เว่ย""โอ้ว..สรรพนามเปลี่ยนไวจังลูกศิษย์ของข้า มิเรียกพี่จื่อห่าวแล้วหรือ""ไม่ล่ะ เราไม่ได้สนิทกันถึงเพียงนั้น"เว่ยจื่อห่าวอมยิ้มก่อนจะเดินมาหาคนตัวเล็กที่นั่งหน้างอแก้มป่องอยู่ เขานั่งลงข้างๆก่อนจะโอบไหล่บางมาหา บรรจงหอมแก้ม
ในห้องเหวินเมิ่งหรูนอนพลิกกายไปมา นางไม่อยากคิดถึงคนใจร้ายคนนั้นอีก หลี่ผิงอันคนใจดำเสียแรงที่นางทุ่มเทนางรักเขาแต่เขา ต่อไปอย่าหวัง แต่งงานกับเขาหรือไม่มีทางเสียหรอก นางจะไปให้เขายกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้"หึ..แต่งให้ท่านหรือไม่มีทาง ครั้งก่อนท่านผลักไสข้ามิใช่หรือ คนใจดำ"คนตัวเล็กข่มตาหลับไปแล้วแต่คนตัวโตยังไม่นอนเขากำลังคิดถึงเรื่องเมื่อสามเดือนก่อน ที่แม่ตัวดีก่อเรื่องขึ้นมาสามเดือนก่อนหน้าเหลาสุราเถาจิ่วจางเย่วหลีที่เปิดเหลาสุรากำลังนั่งนับเงินอยู่ วันนี้ต้องไปจัดการคิดบัญชีคำนวณส่วนแบ่งกับร้านย่อยต่างๆที่มารับสุราของนางไปขาย มีบางร้านเบี้ยวไม่จ่าย ร้านไหนกำไรน้อยนางให้ทยอย แต่ถ้าใครเบี้ยวนางก็ไม่เอาไว้เช่นกัน จางเย่วหลีเลี้ยงคนของตนเองไว้พอสมควรนางไม่ออยากใช้คนของสามี เหวินชางเป็นเจ้ากรมกลาโหม ทุกก้าวต้องระมัดระวัง นางไม่อยากให้พวกหัวเก่าเอาเรื่องเหล่านี้ไปหาเรื่องสามีในท้องพระโรงได้ เจ้าตัวดีเหวินเมิ่งหรูวันนี้ไม่ไปเรียนหนังสือ ขอนอนอยู่ที่จวนแต่ตกบ่ายกลับมาเสนอหน้าที่ร้านน่าตียิ่งนักหลี่ผิงอันพาลูกน้องที่ทำผลงานได้ดีครั้งที่แล้วปราบปรามพวกโจรขโมยเด็กและค้ามนุษย์ได้ยกกลุ่
เด็กทั้งสี่คนถูกลงโทษให้คุกเข่าที่หอบรรพบุรุษของแต่ละจวนเป็นเวลาสามวัน จากนั้นพวกนางต้องคัดกฎสกุลของตนเอง เหวินชางที่กำลังกลับมาจากไปทำงานให้ฝ่าบาทมาถึงเมืองหลวงก็นั่งที่โรงน้ำชา เขาสวมหมวกฟางเอาไว้ยังไม่ได้ถอดออกมาเสี่ยวเอ้อรีบมารับหน้าก่อนจะถามเขาว่ารับสิ่งใด เขาสั่งน้ำชาหนึ่งกาพร้อมกับอาหารสามสี่จาน แม้จะคิดถึงจางเย่วหลีกับบุตรสาวและบุตรชายแต่ลูกน้องยังไม่ได้กินข้าวจำต้องหยุดรั้งที่ร้านอาหาร กระทั่งมีบางอย่างเข้าหูเขา"นี่เจ้ารู้ไหม..ผู้ตรวจการหลี่สามวันก่อนอุ้มสตรีงดงามออกมาจากตรอกหลังตลาดด้วยล่ะ""หา..ได้ยินว่าที่บ้านเขาไร้สาวใช้ข้ายังนึกว่าเขาจะชอบบุรุษด้วยกันเสียอีก""ได้ยินว่าสตรีคนนั้นอ่อนระโหยโรยแรงจนเดินไม่ไหว ไม่รู้เข้าไปทำอันใดในตรอกแห่งนั้นกัน ฮ่าๆๆๆ""ชู่..จุ๊ๆๆ...อย่าเสียงดังไป สตรีที่ใต้เท้าหลี่อุ้มออกมาคือคุณหนูเหวินบุตรสาวคนโตเจ้ากรมกลาโหมเหวินชาง คุณหนูเหวินเมิ่งหรูน่ะ""ห๊า..จุ๊ๆๆ เช่นนั้นอาจไม่มีอะไรพวกเขาเป็นน้าหลานกัน""น้าหลานอันใด พวกเขาไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือดสักหน่อย""ฺฮ่าๆๆ เรื่องนี้คนซุบซิบกันทั่วเมืองหลวง เกรงว่าคุณหนูเหวินคนนั้นคงได้แต่แต่งกับชายแก่หร
เหวินเมิ่งหรูวิ่งแยกออกมาอีกทาง ตอนนี้นางแทบจะถอดรองเท้าวิ่งด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงตรอกทางแยกนางจึงเลือกตรอกที่ไปคนละทางกับสำนักศึกษา วิ่งจนมาเกือบพ้นปากตรอกก็ขนเข้ากับอะไรบ้างอย่างที่แข็งๆ เหวินเมิ่งหรูเจ็บจนแทบน้ำตาร่วง นางตวาดออกมาทันที"โอ๊ย เดินดูทางสิวะ ข้ารีบไม่เห็นหรือไง"ร่างเล็กคลำจมูกตนเองนางเจ็บมาก คนตัวสูงที่ยืนมองนางอยู่ก็ข่มอารมณ์ก่อนจะเอ่ยออกมา"โอ่ว..รีบมากไหมเหวินเมิ่งหรู เรียนหนักจนหัวหูมีแต่เศษดินเศษหญ้าเชียวหรือ อีกอย่างทางนี้คนละทางกับสำนักศึกษานี่"เหวินเมิ่งหรูจำเสียงเขาได้ทันที ให้ตายสิเขาไม่ได้อยู่กับเจ้าหน้าที่พวกนั้นบนเขาหรือ นางถึงกับลอบกลืนน้ำลายก่อนจะเงยหน้า นางเอ่ยตะกุกตะกัก"ทะ ท่านน้าคือว่าข้าๆ ว้าย" หลี่ผิงอันจับสาวน้อยแบกขึ้นบ่าทันที"ท่านน้าท่านทำอะไร แบกข้าทำไม่ปล่อยข้าลงนะ ตาเฒ่าหลี่ โอ๊ยยย เจ็บนะท่านตีก้นข้าทำไมเพียะ เพียะ เพียะ หลี่ผิงอันฟาดก้นนางไม่นับเลยทีเดียว ปากคอเราะรายวาจาน่าเกลียดเหลือทน เหวินเมิ่งหรูร้องไห้ออกมา นางถูกเขาแบกจนห้อยหัวลงมา สายตามองเห็นแต่พื้นอิฐของถนนในเมืองหลวง ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกเลย เขาใจร้ายท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่เคยตีนาง
ทั้งสี่สาวเข้าเรียนปกติ จนกระทั่งพักกลางวันเมื่อกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วก็เริ่มกระซิบกระซาบกันปากต่อปาก เว่ยซูหนีว์เดินออกไปก่อนตามด้วยน้องสาว เหวินเมิ่งหรูไปหาท่านลุงที่ตรอกตรงข้ามกับสำนักศึกษาก่อนจะรับเอากระบอกไม้ไผ่มาสี่อันไม่นานเด็กในสำนักศึกษากว่าสามสิบคนก็มาอยู่บนเนินเขาหลังสำนัก โจวผิงบุตรชายคหบดีของเมืองหลวงเอากระบอกไม้ไผ่ของตนเองออกมา จากนั้นเด็กๆก็เริ่มวางเดิมพัน"พวกเจ้าพนันข้างไหนกันมาๆข้าวางข้างคุณชายโจว""ข้าวางข้างท่านหญิง""มาๆวางๆเริ่มที่สองร้อยอีแปะพวกเจ้าวางเท่าไหร่""ข้าห้าร้อยอีแปะ""ข้าแปดร้อย""ข้าหนึ่งตำลึง""ข้าลงสองร้อยตำลึง"เมื่อวางเดิมพันเรียบร้อยทั้งสองคนก็เริ่มเปิดกระบอกไม้ไผ่ที่เจาะรูเอาไว้เทเอาจิ้งหรีดออกมาลงในสนามที่พวกเขาสร้างวเอาไว้ เมื่อทั้งสองตัวลงมาเจอก็นก็เริ่มสู้กันเอาเป็นเอาตาย เด็กๆส่งเสียงฌอลั่น จิ้งหรีดของเว่ยซูถิงกำลังจะแพ้ พวกนางลุ้นจนตัวเกร็ง สุดท้ายโจวผิงก็ชนะ"เอาใหม่ ตานี้เอาของข้า โจวผิงเจ้าจะลงอีกไหมกลัวหรือเปล่า""เหอะคุณหนูเหวิน ท่านดูถูกใครกันมาสิเอาของท่านออกมา""หึข้าไม่เอาเปรียบเจ้าจะเปลี่ยนตัวไหม"เหวินเมิ่งหรูกอดอกยืนเดาะปาก