로그인เขียนโดยเพนนี ปัจจุบัน ลูปที่ 4
เกิดการวนลูปอีกครั้ง ครั้งนี้ฉันใจเย็นและค่อยๆ คุยกับเพียงออและแกรมม่า เลือดอาจารย์ทำให้ฉันเคยชินที่จะพูดอะไรซ้ำๆ ฉันละสายตาไปจากคนตาสีเทาไม่ได้เลย เธอยังมีแววตาเศร้าสร้อยอยู่ในที ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันอยากเห็นเธอยิ้มมากกว่า
"ถ้าไม่ว่าอะไร เราอยากไปเจอลุงกานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปกันไหม"
ฉันเสนอตอนที่มีแกรมม่านั่งข้างๆ และเพียงออฟังอย่างสงบนิ่ง
"ที่จริงลุงกานก็อนุมัติงบให้ไม่จำกัดอยู่แล้วนี่" แกรมม่าเอียงคอด้วยความสงสัย
"เราจะใช้มาตรการขั้นสูงสุดกับนาดา" ฉันประกาศแล้วไม่เอ่ยอะไรอีก
"จอมวางแผน" แกรมม่าประชดเล็กๆ แต่เปี่ยมไปด้วยความเอ็นดู ฉันจึงใจชื้นขึ้น
แหม ก็คนมันรัก
"เล่าหน่อยได้ไหม" เธอออดอ้อน อีกนิดเดียวก็เกือบจะหลุดปากไปแล้ว ขอร้องอย่าทำหน้าแบบนั้นบ่อยๆ เดี๋ยวหัวใจวาย
"เดี๋ยวค่อยฟังทีเดียวดีกว่า เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าแกรมม่าจะเข้าข้างใคร"
เรานั่งรถไร้คนขับมาเกือบชั่วโมง ก็ถึงสำนักงานใหม่ เอี่ยมอ่อง แวววับ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งบัดนี้ตั้งอาคารเดี่ยวทรงไทย สลักเสาด้วยภาพวาดลายไทย และตราสัญลักษณ์เป็นรูปพระแสงดาบเขนและโล่ เป็นเครื่องหมายราชการตำรวจ กลิ่นหอมสีทาผนังและกระเบื้องเงางามทำให้ฉันนึกถึงสมัยก่อนที่ทำงานที่นี่
นายตำรวจยกมือวันทยหัตถ์ฉันตลอดทางที่เดินไป
อะแฮม! ฉันมียศเดิมว่า ร.ต.ต.พริมา ภัทรโสภณ เชียวนะ
ดูเหมือนว่าแกรมม่าจะไม่ตื่นเต้นที่เห็นตำรวจมากมายตะเบ๊ะฉัน แต่เธอดูจะสนใจกับตึกใหม่นี่ต่างหาก เราเดินผ่านห้องต่างๆ ก่อนเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง ฉันเหลือบไปเห็นห้องทำงานเก่าของตัวเอง ฝ่ายอำนวยการ ซึ่งบัดนี้ โต๊ะทำงานถูกโอนไปให้คนอื่นนั่งทำงาน แต่ที่ฉันคาดไม่ถึงคือ...
"ผู้หมวดเพนนี!"
อดีตลูกน้องของฉันอุทานออกมาด้วยเสียงอันดัง
เฉียบ! เอ็งต้องทำให้การมาครั้งนี้เป็นที่โจษจันไปทั้งสำนักงาน เป็นไงละ เพนนีค่อนข้างมีชื่อเสียงเลยนะ แกรมม่าทำตาโตเมื่อเห็นปฏิกิริยานั้น แต่ไม่เอ่ยอะไร คงจะพอได้ยินมาบ้างแล้วสินะ
"ผู้หมวดสบายดีนะครับ"
"ผู้หมวดหน้าผ่องเชียว อยู่แต่ในที่ร่มสินะครับ"
"ผมคิดถึงผู้หมวดจัง"
แน่นอน ว่าในห้องนี้มีแต่ผู้ชาย และฉันค่อนข้างจะป๊อบ หึๆๆ ถ้าคนตาหวานจะหวงฉันบ้างก็คงจะดี
"ฉันมาหาท่านผบ.น่ะ แต่แวะมาทักทาย สบายดีนะทุกคน"
"ครับผม"
เสียงตอบรับของชายหนุ่มดังพร้อมกัน พวกเขายิ้มแก้มปริ ฉันเองก็เช่นกัน
เราคุยกันนิดหน่อย ก่อนที่ฉันจะพาแกรมม่าไปห้องทำงานของลุงกาน เธอเคยเล่าว่าเป็นหลานสาวแท้ๆ ของลุงกาน ดังนั้นก็คงไม่ต้องละลายพฤติกรรม ประเภทชวนร้องเพลง ชวนเต้น หรือเล่าเรื่องตนเองตอนที่น่าอายที่สุด
ว่าไปนั่น
ลุงกานส่งยิ้มมาให้ฉันในแบบที่ทำให้ฉันสบายใจจะคุยกับท่านทุกเรื่อง
"มาหาถึงนี่เลยนะ เอ้า รู้จักกันได้สักที"
"เหมือนคนที่คุ้นเคยกันมานานเลยค่ะ"
ฉันหยอดใส่คนตาสีเทา ก็ด้านได้อายอดนะเว้ย
"เพนนีคงลืมหนูไปแล้ว แต่หนูจำเพนนีได้ไม่ลืมเลยค่ะ"
"หา"
ฉันอุทาน ส่วนแกรมม่ายิ้มแล้วไม่เอ่ยอะไรอีก นี่คิดจะเล่นแง่เพราะฉันไม่บอกแผนให้ฟังสินะ ฉันรอครู่หนึ่ง ก่อนรวบรวมสมาธิแล้วเอ่ยออกไป
"หนูรู้มาว่านาดาอยู่เบื้องหลังการขโมยเงินจากโลกเสมือนเฉพาะในประเทศของเรา แต่ยิ่งไปกว่านั้นเขาเตรียมจะ ชัตดาวน์ผู้เล่น VR ทั่วโลก เพื่อประชดที่โลกโหดร้ายกับพวกเขาก่อนค่ะ และตอนนี้เขามีกองทัพแฮกเกอร์อยู่ใต้ดินในประเทศ เพื่อเตรียมจะล้างแค้นทั้งโลก หนูคิดได้อย่างเดียว คือต้องกวาดล้างนาดาให้หมดทั้งประเทศ ฆ่าคนพันคนแลกกับคนนับล้าน ลุงกานคิดว่าไงคะ"
"ลุงผิดหวังในตัวเพนนีมาก"
หลังเอ่ย ฉันมองไม่เห็นแววตาที่อบอุ่นของท่าน ที่เคยจดจ้องมาที่ฉัน แต่ฉันจะถอยหลังไม่ได้อีกแล้ว
"ถ้าอย่างนั้น หนูจะคุยกับพันธมิตรของเรา"
แกรมม่าได้แต่อ้าปากค้าง มองที่ฉันที ทางลุงกานที ทำให้ฉันเกือบเผลอยิ้มให้เธอ แต่ไม่ได้ เราต้องรักษาฟอร์มไว้ก่อน
ฉันเดินลงส้นออกมาจากห้องลุงกาน แกรมม่าตามมาติดๆ
"เดี๋ยวก่อน เพนนี"
"ไม่เดี๋ยวละ เพนนีจะไปคุยกับประเทศพันธมิตร เกลี่ยกล่อมให้เขาทิ้งระเบิดที่นาดา"
"คนบริสุทธิ์ก็จะตายนับพัน เพนนีมองหน้าตัวเองในกระจกได้เหรอ กล้าเหรอ"
"กล้า! ดีกว่าปล่อยให้คนเป็นล้านตาย เกมตานี้ เราจะตาต่อตา ฟันต่อฟัน"
แกรมม่าใช้สายตาสีเทานั่นจดจ้องมาที่ฉัน ทำให้ฉันเอ่ยอะไรไม่ออกอีกต่อไป ถ้าทุกอย่างเป็นตามที่คิด เธอคงจะติดตามฉันมานานก่อนร่วมทีม ฉันไม่ใช่เพนนีที่เธอรู้จัก แต่ฉันก็จะกลับหันหลังไม่ได้อีกต่อไป
“แกรมม่าผิดหวังในตัวเพนนีมาก และลุงกานก็ไม่มีวันให้อภัยเพนนีเด็ดขาด”
แผนของฉันก็คือ ลองถล่มนาดา แต่ถ้ามันไม่เวิร์ค ฉันจะรู้ได้ และสามารถแก้ไขเหตุการณ์ได้
ฉันไม่ใช่เครื่องแปลภาษา แต่โทรหาเบอร์ตรงของนายพลท่านหนึ่ง ในประเทศมหาอำนาจ ฉันนัดคุยกับนายพลท่านนั้น และรู้ว่าแค่กระดิกมือ ท่านก็สั่งให้ระเบิดไปลงที่นาดาได้ พรุ่งนี้เวลาเก้าโมงเช้า เป็นเวลาเริ่มงาน จะเป็นเวลาที่ระเบิดลงที่นาดา เมืองนี้จะกลายเป็นเมืองร้างตลอดไป
"อย่าลืมว่ามีห้องนิรภัยใต้ดินด้วยนะคะ"
ฉันกำชับเป็นภาษาอังกฤษก่อนวางสาย มือฉันสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ถึงจะเป็นตำรวจเก่า แต่ฉันก็ไม่ถนัดงานฆ่าคน ฉันทำงานฝ่ายอำนวยการ ไม่ค่อยลงพื้นที่ อย่างมากที่เคยๆ ก็ทำให้น็อคก่อนจับเท่านั้น เด็ก ผู้หญิง คนชราที่ไม่รู้เรื่องจะถูกฆ่าตายวันพรุ่งนี้ และฉันเป็นคนสั่งฆ่าทุกคนเอง
ฉันจำเป็นต้องทำ!
ฉันมันเลว แต่ฉันต้องเลือกรักษาชีวิตคนส่วนใหญ่เอาไว้ ฉันไม่มีทางเลือก ขอโทษที่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เสี้ยวหนึ่งของจิตใจบอกฉันว่า การวนลูปเป็นการทดลอง แต่การทดลองนี้แลกมาด้วยพลังชีวิตของฉันเอง และขอให้ทุกคนเข้าใจว่า เรื่องนี้ไม่ควรเลียนแบบ มันเป็นเรื่องเลวร้ายมาก
.
.
เวลาสิบโมง ข่าวทุกช่องเล่นแต่เรื่องระเบิดที่โจมตีนาดา คนนับพันในประเทศมหาอำนาจออกมาประท้วงที่ประเทศของเขาสั่งฆ่าคนเป็นผักปลา แต่ที่เขาไม่รู้คือ นาดากำลังจะฆ่าคนนับล้าน และฉันมีหน้าที่ต้องหยุดเหตุร้ายนี้ให้ได้
ข่าวร้ายคือนาดาไม่ได้มีแฮกเกอร์ที่ทำงานในประเทศเท่านั้น เขาส่งคนไปเรียนด้านไอทีที่ประเทศทั่วโลก ไม่เว้นแต่ประเทศมหาอำนาจ และการลงมือฆ่าชาวนาดาทำให้กลุ่มแกนนำอยากล้างแค้น
และห่างกันเพียงห้านาที ข่าวที่ว่าเกิดการชัตดาวน์ VR ก็เกิดขึ้นทั่วโลก มีคนตายนับล้าน และฉันก็กระตุ้นให้เหตุการณ์นี้เกิดเอง
บ้าที่สุด!
ฉันรับผลลัพธ์นี้ไม่ได้ เดินออกจากห้องพัก ตั้งใจจะไปทำงาน แต่ดูเหมือนว่านาดาจะรู้จักฉันดีพอ จึงมาดักรอหน้าบ้าน
เขาอัดฉันจนหมอบ ฉันสู้แรงผู้ชายไม่ได้
ก่อนสติจะเลือนราง เขาด่าฉันเป็นภาษาอังกฤษ
“แกทำให้นาดาต้องล่มสลาย เราทำอะไรผิด ทำไมต้องฆ่าเด็ก ผู้หญิง และคนไม่มีทางสู้ด้วย หัวใจแกทำด้วยอะไร ทำไมใจร้ายขนาดนี้ เราแค่จะเอาเงินของเราคืน เพราะไอ้เรวัชมันเริ่มก่อน แกควรจะไปจัดการเรวัชสิ ไม่ใช่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างนี้”
ฉันร้องไห้ออกมา มันเกินกว่าที่ฉันจะรับได้ เขาพูดถูก และถ้าเป็นคนปกติคงจะแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ฉันถือว่าฉันแก้ไขสถานการณ์ได้ ฉันจึงเลือกทำแบบนี้
ขอโทษชาวนาดา ฉันไม่ควรใจร้อน ฉันควรมีเมตตาให้มากกว่านี้
ฟุ่บ!
ฉันโดนยิงด้วยปืนเลเซอร์ กลับไปวนลูปอีกครั้ง
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 4 เดือน ลูปที่ 6 ฉันพาแกรมม่ามาที่ห้องพักบ่อยครั้ง พวกเราค่อนข้างหวานแหวว ตัวติดกันจนแทบจะแยกไม่ออก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกเปลี่ยนไปตั้งแต่มีเธอ นั่นคือ… อ้อยอิ่ง หุ่นยนต์แม่บ้านเอไอทำตัวแปลกออกไป อย่างที่ฉันสงสัยมาเสมอ ว่าเธอถูกใส่โปรแกรมให้รักเจ้านายเข้าไปด้วย หรือไม่วิวัฒนาการก็ทำให้เธอมีอารมณ์เหมือนมนุษย์ อ้อยอิ่งไม่ฮัมเพลงเวลาทำกับข้าว อ้อยอิ่งไม่รีบมาเวลาฉันเรียก และอ้อยอิ่งประชดประชันฉันบ่อยขึ้น “หุ่นยนต์เอไอ” ฉันเรียกเธอ “ค่ะ เจ้านาย” แทนที่จะต่อปากต่อคำให้ฉันเรียกชื่อเหมือนอย่างเคย แต่เธอกลับตอบรับอย่างไม่มีชีวิตชีวา “งอนเหรอ” “หุ่นยนต์ไม่สามารถมีความรู้สึกได้ นอกจากยินดีทำตามคำสั่งค่ะ และอ้อยอิ่งก็เป็นแค่หุ่นยนต์” ฉันต้องแคร์ไหมเนี่ย เอา ก็ได้วะ “ขอบคุณอ้อยอิ่งมาก ที่ทำงานรับใช้ฉันอย่างดีเสมอมา” ฉันไม่รู้จะจบประโยคนี้ได้อย่
เขียนโดยนิวตัน เมื่อ 16 ปีก่อน พ่อแม่ของเรามาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ่อยๆ จนพี่เพนนีจำหน้าพ่อกับแม่ได้ เธอจะยิ้มกว้างทุกครั้งที่เห็นพวกท่าน เพราะท่านจะเข้ามาพูดคุยกับเด็กๆ ไม่เว้นแม่แต่กับเธอ เด็กในนี้จะโหยหาความรัก และอยากให้คนมาสนใจ อันที่จริง เพราะอยากจะมีโอกาสได้คุยกับพี่เพนนีด้วย แต่ไม่อยากให้มันโจ่งแจ้งนัก กระทั่งพ่อกับแม่เป็นห่วงพี่เพนนีมาก จนแม่ต้องร้องไห้ทุกคืน “เดี๋ยวผมจะไปอยู่กับพี่เพนนีเองครับ” ผมอาสา “เราเสียลูกสาวให้ส่วนรวมไปแล้ว ยังต้องเสียลูกชายไปด้วยเหรอคะคุณ” แม่ทำตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ “ผมจะดูแลพี่เพนนี จะเอ็นเตอร์เทนจนพี่ต้องร้องขอพัก” ผมหัวเราะคิกคัก “ผมจะเล่าให้ฟังว่าเราทำอะไร กินอะไร นอนยังไงนะครับ แม่จะได้หายกังวล” หลังจากนั้นอีกสามวัน ผมก็เข้ามาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผมเป็นเด็กใหม่ที่ค่อนข้างอ้วน หลายๆ คนจึงเข้ามาบูลลี่ผม เพราะเด็กที่นี่หุ่นสมส่วนทุกคน “ไอ้เด็กอ้วนๆ มันจะโดนไม้เสียบๆ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆ ร
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 93 วัน ลูปที่ 6 ภาพรอบๆ ตัวฉันเป็นสีขาวโพลน แวบแรกฉันคิดว่า นี่คือสวรรค์หรือไม่ก็โลกหลังความตาย มีคนตายกี่คนที่จะกลับมาบอกเราว่า โลกหลังความตายเป็นอย่างไร แล้วภาพก็ค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้น ฉันจึงเห็นว่าสวรรค์แห่งนี้ ดูเหมือนโรงพยาบาล "ตื่นแล้วเหรอ" "คอแห้งมากเลย" ฉันตอบกลับเสียงนั่นเบาๆ ก่อนจะเห็นว่าเป็นแกรมม่า เป็นแกรมม่าเวอร์ชั่นที่ไม่ได้เห็นนานแล้ว นั่นคือเวอร์ชั่นที่ไม่อมทุกข์ "รู้สึกอย่างไรบ้าง" ฉันสำรวจแขนขาตัวเอง ก็ยังผอมบางเหมือนเดิม แต่รู้สึกได้ว่ามีกำลังวังชายิ่งกว่าเดิม เหมือนได้รับยาเพิ่มพลังชีวิตอย่างไรอย่างนั้น "ก็ดี" "พูดให้เจาะจงหน่อย" "รู้สึกมีแรงมากขึ้น ตัวเบาขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อน" "วิเศษมาก!!" แกรมม่าแทบจะตะโกน "ตอนนี้เพนนีหายแล้วนะ เพนนีจะไม่ตายแล้ว" "ว่าไงนะ บุญช่วยงั้นเหรอ" ฉันเอ่ยอย่างใสซื่อ ไม่รู้จะนึกเรื่องไหนได้อีกแล้ว "เพนนีจะไม่ตายจ
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 3 เดือน ลูปที่ 6 "เพนนีเป็นยังไงบ้าง" แกรมม่าถามเมื่อเห็นสีหน้าฉันขาวราวกับกระดาษ โธ่ ลืมปัดแก้มอีกแล้ว "ก็ยังสบายดีค่ะ เพนนีเคลียร์งานนี้เสร็จ จะไปกินข้าวด้วยนะ" "แกรมม่ามีเรื่องจะบอก" เธอทำหน้านิ่ง จนฉันกลัวอีกแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่น่ารู้ก่อนที่ฉันจะตายอีกไหมนะ แต่ก็อีกเป็นปีๆ แหละนะ "แกรมม่าจำได้ทั้งหมด ทุกครั้งที่มีการวนลูป" "หะ?" ฉันอุทาน "ได้ยังไง" "แกรมม่าจดจำเรื่องทุกอย่างได้เพราะ โธ่ อย่าทำหน้าตกใจขนาดนั้น ก็แค่จำได้ ลุงกานเลยคุยกับแกรมม่าเพื่อยืนยันเรื่องของเพนนี ตลอดเวลาที่เราวนลูป" "แล้วยังไงอีก" "หมายความว่าไง ก็บอกไปทุกเรื่องแล้ว" เธอก้มหน้าหงุด รู้ว่าถึงฉันจะวนลูป แต่ในใจก็มีเธอเสมอ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ ฉันได้บอกรักเธอ หน้าฉันเลยมีสีจัดขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ "แล้ว...แล้ว...แล้ว" "แล้วอะไร" แกรมม่าคงจะเขินจริงๆ "แล้วรักเพนนีบ้างหรือยัง"
เขียนโดยเรย์ หลังจากนั้น 8 วัน ลูปที่ 6 ภายหลังนาดาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ อาจารย์เพนนีก็มาหาผมที่บ้าน และขอคุยกับผมตามลำพังในห้องรับแขก “อาจารย์เข้าเรื่องเลยละกัน” “มีนัดต่อกับพี่แกรมม่าเหรอครับ” ผมดักทาง เหม็นกลิ่นความรัก “ขอเขกหัวทีเถอะ ไอ้เด็กนี่” ไม่พูดเปล่า แต่ยกมะเหงกขึ้นมาด้วย แต่ผมหลบไวกว่า ผู้หญิงหรือจะไวสู้ผู้ชายได้ อาจารย์เลยทำหน้าเคร่งขึ้นมา “มานั่งให้ดีๆ” “ครับ” “ไปหาคุณฮาริสที่เพนเฮาส์ ไปต่อหน้าอาจารย์นี่แหละ” “ครับ” ผมสวมเสื้อสูท VR ส่วนอาจารย์เพนนีเปิดแท็บเล็ตส่วนตัวเพื่อติดตามบทสนทนาระหว่างเรา ผมขึ้นลิฟท์ไปแบบอารยชน ไม่ได้ไปในฐานะขโมยหรือผู้ร้าย ผมรู้จากคำบอกเล่าของอาจารย์เพนนีที่ว่า ผมกระตุ้นให้เกิดเรื่องร้ายแรงในประเทศเรา และกำลังจะทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเดือนร้อนจำนวนมาก ถึงขั้นตายเลยเสียด้วยซ้ำ “ผมขอโทษครับ” ผมก้มกราบคุณฮาริสที่อยู่ในรูปร่างบลูค
เขียนโดยฮาริส หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ลูปที่ 6 ผมเข้าประชุมกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อขอปลดแอกประเทศนาดาจากประเทศมหาอำนาจและช่วยให้พ้นความยากจน เพื่อทำแนวทางใหม่สู่ความยั่งยืนและความเสมอภาค ในเวทีนี้ ผมคาดหวังว่าจะได้รับไอเดียดีๆ และพันธมิตรที่จะมาช่วยเหลือนาดาได้สำเร็จ ประธานในที่ประชุมกล่าวต้อนรับเรา และชี้แจงวัตถุประสงค์ในการประชุมวันนี้ ผมตื่นเต้นจนมือเปียก น้ำลายหนืด แถมปากแห้งไปหมด ถึงอย่างนั้น แต่ผมหันหน้าสี่สิบห้าองศาให้กล้องที่กำลังถ่ายทอดสดพวกเราอยู่ แหม ต้องขอบคุณเพื่อนนายแบบที่สอนทริคนี้ให้ผม ส่วนตัวผมกล่าวขึ้นแถลงเป็นคนถัดไป ผมซ้อมมาหลายวันกว่าจะกล้าขึ้นเวทีในวันนี้ ผมบอกตัวเองหลายรอบแล้ว ว่าผมคือพระเอกในวันนี้ พระเอกที่ทำทุกอย่างอย่างที่ควรเป็น เลิกเสียทีการสละเลือดเนื้อ เพื่อเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน “ในประเทศของเรา ความยากจนเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะเชื่อมโยงความไม่เท่าเทียมทางการศึกษาและสิทธิในการเข้าถึงโอกาสทางการปกครอง โดยเฉพาะเมื่อประเทศที่ปกครองเราอ







