เขียนโดยเพนนี ปัจจุบัน
ฉันได้รับข้อความวิดีโอจากกรมตำรวจ แต่รู้สึกไม่สบายตา ไม่อยากดูทางมือถือ จึงส่งข้อความไปที่อ้อยอิ่ง หุ่นยนต์เอไอหยุดนิ่ง แล้วฉายข้อความออกทางตา ทำให้เห็นวิดีโอที่หัวหน้าพูดคุยมาทางนั้น
"สวัสดีคุณพริมา ภัทรโสภณ มีรายงานว่าผู้ร้ายไซเบอร์นามแฝงว่าบลูคิลเลอร์ได้แฮกเอาเงินในผู้ใช้ VR ในประเทศของเราไปทั้งหมดด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ควอนตัม ซึ่งได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และขาดการควบคุมในบางประเทศทั่วโลก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่เขาทิ้งไว้ คือ 'ฉันมาเอาเพื่อแก้แค้น'
เมื่อเราสืบไป ก็พบว่าเป็นผู้ใช้เดียวกับคนที่นายเรวัช วัชรกุล เคยขโมยเพชรไป และการที่คุณเข้าไปพัวพันโดยไม่รายงานให้เบื้องบนทราบ ทำให้เหตุการณ์บานปลาย ผมในฐานะผู้บังคับบัญชาคุณ ขอสั่งให้คุณ เข้าไปแก้ไขเหตุการณ์นี้ พร้อมผู้ช่วยที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางไอที คือคุณเพียงออ โปรดติดต่อเธอหลังจากคุณดูวิดีโอนี้จบ ขอบคุณครับ"
"เจ้านายคะ จะให้ดิฉันติดต่อคุณเพียงออเลยไหมคะ"
เธอถามอย่างรู้งาน ฉันพยักหน้า ก่อนนั่งลงบนเก้าอี้พนักสูง 'นุ่มเหมือนนั่งบนปุยเมฆ' คือคำโฆษณาที่ทำให้ฉันสั่งซื้อมาใช้ และไม่เพียงไม่ผิดหวัง แต่ยังแนะนำให้เพื่อนๆ ตำรวจไปใช้ด้วย ข้อความเมื่อครู่ทำให้ฉันน้อยใจนิดหน่อย ตรงที่หัวหน้าไม่เรียกฉันด้วยยศ แต่ใช้คำว่า'คุณ' แสดงว่าต้องมีความชอบ ถึงจะได้ยศคืนมาสินะ
ฉันวิดีโอคอลผ่านทางตาของอ้อยอิ่งอีกครั้ง ไม่นานเจ้าตัวก็รับสาย แต่เป็นตัวอวตารและเสียงดัดแปลงให้แหลมเล็ก ฉันทำเสียงจิ๊จ๊ะในปากอย่างไม่พอใจ
"รบกวนขอเห็นตัวจริงด้วยค่ะ ดิฉันยังให้คุณเห็นตัวจริงเลย"
"เราต้องการความเป็นส่วนตัว เราจะไม่เปิดเผยเพศและรู้เพียงแต่ว่าเราใช้นามแฝง ส่วนคุณสนใจจะพูดตามสบายกับเราไหม ไม่จำเป็นต้องเป็นทางการก็ได้นะ"
"ก็ได้เพียงออ งั้นต่อไปนี้เราเป็นเพื่อนกัน และหวังว่าเราจะทำภารกิจสำเร็จนะ"
"เดี๋ยวก่อน เพนนี" เพียงออกดแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว แล้วหน้าจอก็เผยผู้ใช้งานอีกคน เสียงเดินลงส้นหนักๆ ดังก้องกังวานมาจากตัวอ้อยอิ่ง ฉันใจเต้นแรง เพียงแค่เห็นหน้าหวาน ผมยาวสีน้ำตาลถึงกลางหลัง ดวงตากลมโตใสซื่อสีเทา จมูกโด่งแบบลูกครึ่ง ฉันไม่อาจละสายตาจากคนมาใหม่ได้เลย
"สวัสดีค่ะ เราชื่อร.ต.ต.กมลาภา(กะมะลาพา) หรือเรียกว่าหมวดแกรมม่าก็ได้ค่ะ เราจะเข้ามาช่วยคุณในภารกิจนี้ด้วย"
"แต่ว่า หัวหน้าไม่ได้บอกว่าจะมีอีกคนนี่คะ"
ฉันถามอย่างสงสัย หลังเรียกสติกลับมาเมื่อเห็นดวงหน้านั้น
"ลุงกานส่งมาค่ะ" แค่ได้ยินชื่อนี้ฉันก็หมดข้อสงสัยในทันที นี่อาจเป็นภารกิจที่ลุงกานเคยบอกตอนฉันสิบขวบก็ได้ "เราเรียกชื่อเล่นกันนะคะ จะได้สนิทกันทุกคนเลย"
"โอเค/ตกลง" ฉันกับเพียงออพูดพร้อมกัน คนสวยคนใหม่ไม่เพียงทำให้บรรยายกาศดีขึ้น แต่ทำให้เรากระตือรือร้นที่จะทำงานด้วย ลุงกานของฉันใช้ได้เลยไหมล่ะ
"เพียงออ แล้วคุณจะทำยังไงต่อไป เงินของผู้ใช้ VR ในประเทศไทยหายไปหมด"
"เพนนี เรากำลังหาทางอยู่ ตอนนี้เราคิดออกอยู่สองทาง หนึ่งคือฆ่าบลูคิลเลอร์ เพื่อให้เงินในบัญชีหายไป แล้วเงินก็จะกลับไปหาเจ้าของคนเก่า หรือสองจับตัวบูลคิลเลอร์มาลงโทษ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาทำแบบเดิมได้อีก เพราะเราห้ามเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ได้ และเราอยากจับคนผิดให้ดูเป็นตัวอย่าง"
"แกรมม่าคิดว่า เราควรทำทั้งสองอย่าง แกรมม่ากับเพนนีควรเข้าไปในโลกเสมือน แล้วหาทางจับบลูคิลเลอร์ ถ้าจำเป็นก็ฆ่าเขา หรือจับมาไว้ในห้องพิเศษ"
ฉันมองแกรมม่าอย่างใหลหลง ดวงตาสีเทาดูดฉันเข้าไปในห้วงจินตนาการ เธอตบมือต่อหน้าฉัน ทำให้ฉันตื่นขึ้นมา แล้วฉันจึงถามสิ่งที่สงสัย
"ห้องพิเศษคืออะไร"
"เพนนีคงไม่รู้จัก แต่กรมตำรวจทั่วโลกได้สร้างห้องนี้ขึ้นมา เพื่อจับผู้กระทำความผิดทางไซเบอร์ไม่ให้ล็อคเอาท์ออกไปได้ ทำให้เรามีเวลากักขังและสอบสวนเท่าที่จะทำได้ค่ะ"
นักข่าวเพียงออรายงาน
โอ๊ะ ไม่ใช่แล้ว เพียงออทำเสียงเหมือนนักข่าวต่างหาก ทำท่าเหมือนจะล้อเลียนที่ฉันสติหลุดบ่อยๆ เพราะโดนดวงตาสีเทาคู่นั้นดึงดูด มีสติหน่อย เพนนี!
"ว่าแต่ เพนนีไม่มีเสื้อสูทหรือเครื่องมือ VR ที่ทันสมัยเลยนะ เราจะเข้าไปในนั้น ก็ต้องไปหาของเตรียมไว้หน่อย"
"โลว์เทค"
"สุดๆ"
สองเพื่อนร่วมทีมส่งเสียงวิจารณ์ฉัน คอยดูเถอะ แม่จะโชว์บู๊ให้ดู จะได้เลิกสบประมาทฉันสักที ฉันเพนนี ฉายาลูกพระราม หลานหนุมาน ญาติพาลี เท่สุดๆ นะเฟ้ย!
"แกรมม่าเตรียมมาแล้ว"
"ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่รีบบอก" ฉันบ่นอุบอิบ
"สัญญาณล่าสุดที่บลูคิลเลอร์อยู่ คือบ้านใต้มหาสมุทรฝั่งทางใต้ของโลกเสมือน แต่ไม่อาจหาได้เจอว่าสถานที่ที่ร่างจริงของเธออยู่อยู่ที่ไหน เราจะไปที่นั่นได้ด้วยการดำน้ำไป การหายใจไม่มีปัญหาหรอก แต่การจะเข้าไปในบ้านใต้มหาสมุทรนั่น ต้องว่ายน้ำไป ซึ่งต่อให้ใส่ชุดสูท ก็ลำบากสุด"
"งั้นเรามาทำภารกิจกันเหอะ" ฉันถูกมือด้วยความตื่นเต้น สวมอุปกรณ์ต่างๆ ก่อนยกนิ้วโป้งให้สาวน้อยหน้าหวานข้างๆ ฉัน ซึ่งตอนนี้มาอยู่ในห้องนอนฉันด้วยแล้ว ส่วนอวาตารเพียงออทำหน้าเหมือนรู้ทัน แล้วก็รีบเปลี่ยนสีหน้า เมื่อฉันยกกำปั้นขึ้น
เราล็อคอินในเรือสำราญ แล้วกระโดดลงจากเรือ กรมตำรวจพอจะมีเส้นสายหรือไม่ก็มีเงินไม่ใช่น้อยๆ ถึงส่งเรามาจากเรือลำเขื่องนี้ได้ ฉันกระโดดลงน้ำอย่างสบายใจ เพราะรู้ว่า ต่อให้ว่ายน้ำไม่เป็นก็ไม่จมน้ำตาย และฉันลืมบอกแม่สาวตาหวานว่าว่ายน้ำไม่เป็น แต่ก็คงไม่ทำให้ภารกิจเรายากขึ้นสักเท่าไหร่ แล้วเธอก็กระโดดตามลงมา
ฉันควบคุมตัวเองใต้น้ำไม่ได้เลย หมุนวนและว่ายไปข้างหน้าไม่ได้ อยู่ในท่านั้นอยู่นานจนแกรมม่าดึงฉันขึ้นมาบนผิวน้ำ เพื่อคุยกัน
"ทำไมเพนนีไม่บอก ว่าว่ายน้ำไม่เป็น"
"ก็ คิดว่า...ไม่เท่าไหร่"
ฉันเสียฟอร์ม ไปไม่เป็น
"โธ่ งั้นทำท่าตามแกรมม่านะ วาดมือในน้ำแบบนี้ แล้วเตะขาตาม เข้าใจไหม"
"คิดว่าเข้าใจนะ"
โธ่ ฉันผู้มีพรสวรรค์ในการทำทุกอย่าง ไม่ว่าอะไรก็ทำได้ดีเสมอ ฉันดำน้ำลงไปอีกครั้ง แล้วทำท่าตามที่เธอบอก จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปยังโลกใต้ท้องทะเล ในน้ำมีปะการังสีสันสวยงาม และฝูงปลาแหวกว่ายรอบตัวเราสองคน เหมือนจะเป็นใจให้รักสองเรา เอ้ย ให้ภารกิจของเรา
แกรมม่าทำมือชี้ไปที่บ้านใต้มหาสมุทร ที่นั่นมีเรือดำน้ำจอดอยู่ไม่ไกล เธอเคยบอกฉันว่า เราไม่ควรใช้เรือดำน้ำมาที่นี่ เพราะมันจะสังเกตได้ง่าย เราว่ายเข้าไปทางทางเข้าที่แทบจะปิดตาย ฉันใช้มือดึงประตูออก และประตูก็เปิดออกอย่างง่ายดาย น้ำไหลเข้าไปในบ้าน แล้วก็ถูกดูดออก ด้วยระบบอันทันสมัย
เราย่องเข้าไปในบ้านด้วยเสียงเงียบกริบ ฉันดึงมีดออกมา หวังจะปลิดชีพบลูคิลเลอร์แล้วเรื่องก็จะจบ ฉันเชื่อว่าการฆ่าเขาในโลกเสมือนจะทำให้เขาเกรงกลัวการทำผิดได้บ้าง แล้วเราก็จะทำงานได้ง่ายขึ้น
ในตอนนั้นเอง บลูคิลเลอร์แสยะยิ้ม หันสายตามาทางเราสองคน ก่อนปรบมือเป็นสัญญาณให้ลูกน้องเข้ามา บอดี้การ์ดชุดสูทดำเดินเข้ามานับสิบ ยิงปืนเลเซอร์ไปที่แกรมม่า
ฟุ่บ!
เลเซอร์ตัดขั้วอกหญิงสาวคนสวย ก่อนเธอล้มลงโดยไม่ทันได้ทำอะไร ฉันอ้าปากค้าง ทำไมคนสวยตายง่ายขนาดนี้ ความรักของฉันจบลงทั้งๆ ที่ยังไม่เริ่มเลยเหรอเนี่ย น้ำตาไหลอยู่ในใจ
ถุย น้ำเน่าจังฟะ
ฉันตีลังกา ใช่ อ่านไม่ผิดหรอก อย่างที่เคยบอกว่าฉันญาติใคร ฉันเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว คาบมีดไว้ในปาก ไม่กลัวตายเลยด้วยซ้ำ เพราะมันก็แค่การเริ่มต้นใหม่ แล้วฉันก็ไม่มีทรัพย์สินอะไรเลยในโลกเสมือนนี้ ที่จริงก็มีหรอก แต่ขายไปหมดแล้ว
ฉลาดไหมล่ะ
เข้าไปถึงหน้าบลูคิลเลอร์ เธอยังทำอวาตารให้เหมือนตุ๊กตาบาร์บี้เหมือนเดิม แอบสงสัยเหมือนกันว่าตัวจริงเป็นเพศอะไร แต่โลกเราตอนนี้ไม่มีใครล้อเรื่องรักเพศเดียวกันแล้ว ลาก่อนมนุษย์ยุคเก่าที่คร่ำครึเรื่องหญิงรักหญิง
ฉันแทงเข้าที่อกบลูคิลเลอร์ แบบไม่มีใครทันตั้งตัว
สำเร็จ! ภารกิจฉันสำเร็จแล้ว
ฉันว่ายน้ำออกมา แล้วกดปุ่มล็อคเอาท์ เพื่อตัดเบาะแสว่าฉันเป็นใครมาจากไหน ที่ห้องนอนฉัน แกรมม่านั่งรออยู่แล้ว พวกเราไฮไฟว์กันที่ทำภารกิจสำเร็จ แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน
วันต่อมา เพียงออกวิดีโอคอลพวกเราทั้งสามคน ฉันใช้อ้อยอิ่งเหมือนเดิม ที่ต่างไปจากเดิมคืออวาตารทำหน้าเป็นกังวล
"เมื่อสิบนาทีก่อน มีข่าวว่าเกิดการชัตดาวน์(Shut down) โลกเสมือนทั่วโลก ทำให้คนที่ผ่าตัดอุปกรณ์ติดสมองเสียชีวิตในทันที ส่วนที่ใช้อุปกรณ์อย่างแว่นตาหรือเสื้อสูท เพียงแค่ล็อคเอาท์ธรรมดา เราสำรวจแล้ว พบว่าตัวการคือบลูคิลเลอร์ คงจะแค้นที่เราเอาทรัพย์สมบัติไปทั้งหมด"
ฉันทิ้งตัวนั่งอย่างหมดแรง ไม่คิดว่าเรื่องจะร้ายแรงขนาดนี้ ก่อนถาม
"คนตายไปเท่าไหร่"
"หลายล้านอยู่ กำลังอยู่ในช่วงประมาณความเสียหาย"
"ไม่เป็นไรนะเพนนี" แกรมม่าให้กำลังใจ เราเห็นตรงกันว่าพวกเราทำให้เรื่องบานกลายไปไกล
"ถ้าแกรมม่าไม่ตายก่อน คงได้ช่วยเพนนีจับบลูคิลเลอร์"
"ถ้าเพนนีคิดให้ดีกว่านี้ เราคงไม่ต้องเสียคนไปมากขนาดนี้"
น้ำตาดันไหลออกมาง่ายดาย ฉันสะอื้นและร้องไห้อย่างหนัก ใจเหมือนจะขาดเดี๋ยวนั้น ฉันมันโง่แล้วอวดฉลาด งี่เง่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะคิดให้ดีกว่านี้
ไอ้โง่ เพนนี!
ไอ้ไร้ค่า!
ไอ้ขี้แพ้!
โธ่โว้ย!
ได้แต่ตะโกนด่าตัวเองในใจ ทั้งสองคนหันมามองฉันด้วยความเป็นห่วง เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันเช็ดน้ำตาแล้วออกไปดู
ฟุ่บ!
เสียงปืนเลเซอร์ดัง ฉันโดนยิงเข้าที่กลางหน้าผาก ตายต่อหน้าเพื่อนร่วมทีมทั้งสองคน!
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 4 เดือน ลูปที่ 6 ฉันพาแกรมม่ามาที่ห้องพักบ่อยครั้ง พวกเราค่อนข้างหวานแหวว ตัวติดกันจนแทบจะแยกไม่ออก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกเปลี่ยนไปตั้งแต่มีเธอ นั่นคือ… อ้อยอิ่ง หุ่นยนต์แม่บ้านเอไอทำตัวแปลกออกไป อย่างที่ฉันสงสัยมาเสมอ ว่าเธอถูกใส่โปรแกรมให้รักเจ้านายเข้าไปด้วย หรือไม่วิวัฒนาการก็ทำให้เธอมีอารมณ์เหมือนมนุษย์ อ้อยอิ่งไม่ฮัมเพลงเวลาทำกับข้าว อ้อยอิ่งไม่รีบมาเวลาฉันเรียก และอ้อยอิ่งประชดประชันฉันบ่อยขึ้น “หุ่นยนต์เอไอ” ฉันเรียกเธอ “ค่ะ เจ้านาย” แทนที่จะต่อปากต่อคำให้ฉันเรียกชื่อเหมือนอย่างเคย แต่เธอกลับตอบรับอย่างไม่มีชีวิตชีวา “งอนเหรอ” “หุ่นยนต์ไม่สามารถมีความรู้สึกได้ นอกจากยินดีทำตามคำสั่งค่ะ และอ้อยอิ่งก็เป็นแค่หุ่นยนต์” ฉันต้องแคร์ไหมเนี่ย เอา ก็ได้วะ “ขอบคุณอ้อยอิ่งมาก ที่ทำงานรับใช้ฉันอย่างดีเสมอมา” ฉันไม่รู้จะจบประโยคนี้ได้อย่
เขียนโดยนิวตัน เมื่อ 16 ปีก่อน พ่อแม่ของเรามาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ่อยๆ จนพี่เพนนีจำหน้าพ่อกับแม่ได้ เธอจะยิ้มกว้างทุกครั้งที่เห็นพวกท่าน เพราะท่านจะเข้ามาพูดคุยกับเด็กๆ ไม่เว้นแม่แต่กับเธอ เด็กในนี้จะโหยหาความรัก และอยากให้คนมาสนใจ อันที่จริง เพราะอยากจะมีโอกาสได้คุยกับพี่เพนนีด้วย แต่ไม่อยากให้มันโจ่งแจ้งนัก กระทั่งพ่อกับแม่เป็นห่วงพี่เพนนีมาก จนแม่ต้องร้องไห้ทุกคืน “เดี๋ยวผมจะไปอยู่กับพี่เพนนีเองครับ” ผมอาสา “เราเสียลูกสาวให้ส่วนรวมไปแล้ว ยังต้องเสียลูกชายไปด้วยเหรอคะคุณ” แม่ทำตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ “ผมจะดูแลพี่เพนนี จะเอ็นเตอร์เทนจนพี่ต้องร้องขอพัก” ผมหัวเราะคิกคัก “ผมจะเล่าให้ฟังว่าเราทำอะไร กินอะไร นอนยังไงนะครับ แม่จะได้หายกังวล” หลังจากนั้นอีกสามวัน ผมก็เข้ามาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผมเป็นเด็กใหม่ที่ค่อนข้างอ้วน หลายๆ คนจึงเข้ามาบูลลี่ผม เพราะเด็กที่นี่หุ่นสมส่วนทุกคน “ไอ้เด็กอ้วนๆ มันจะโดนไม้เสียบๆ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆ ร
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 93 วัน ลูปที่ 6 ภาพรอบๆ ตัวฉันเป็นสีขาวโพลน แวบแรกฉันคิดว่า นี่คือสวรรค์หรือไม่ก็โลกหลังความตาย มีคนตายกี่คนที่จะกลับมาบอกเราว่า โลกหลังความตายเป็นอย่างไร แล้วภาพก็ค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้น ฉันจึงเห็นว่าสวรรค์แห่งนี้ ดูเหมือนโรงพยาบาล "ตื่นแล้วเหรอ" "คอแห้งมากเลย" ฉันตอบกลับเสียงนั่นเบาๆ ก่อนจะเห็นว่าเป็นแกรมม่า เป็นแกรมม่าเวอร์ชั่นที่ไม่ได้เห็นนานแล้ว นั่นคือเวอร์ชั่นที่ไม่อมทุกข์ "รู้สึกอย่างไรบ้าง" ฉันสำรวจแขนขาตัวเอง ก็ยังผอมบางเหมือนเดิม แต่รู้สึกได้ว่ามีกำลังวังชายิ่งกว่าเดิม เหมือนได้รับยาเพิ่มพลังชีวิตอย่างไรอย่างนั้น "ก็ดี" "พูดให้เจาะจงหน่อย" "รู้สึกมีแรงมากขึ้น ตัวเบาขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อน" "วิเศษมาก!!" แกรมม่าแทบจะตะโกน "ตอนนี้เพนนีหายแล้วนะ เพนนีจะไม่ตายแล้ว" "ว่าไงนะ บุญช่วยงั้นเหรอ" ฉันเอ่ยอย่างใสซื่อ ไม่รู้จะนึกเรื่องไหนได้อีกแล้ว "เพนนีจะไม่ตายจ
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 3 เดือน ลูปที่ 6 "เพนนีเป็นยังไงบ้าง" แกรมม่าถามเมื่อเห็นสีหน้าฉันขาวราวกับกระดาษ โธ่ ลืมปัดแก้มอีกแล้ว "ก็ยังสบายดีค่ะ เพนนีเคลียร์งานนี้เสร็จ จะไปกินข้าวด้วยนะ" "แกรมม่ามีเรื่องจะบอก" เธอทำหน้านิ่ง จนฉันกลัวอีกแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่น่ารู้ก่อนที่ฉันจะตายอีกไหมนะ แต่ก็อีกเป็นปีๆ แหละนะ "แกรมม่าจำได้ทั้งหมด ทุกครั้งที่มีการวนลูป" "หะ?" ฉันอุทาน "ได้ยังไง" "แกรมม่าจดจำเรื่องทุกอย่างได้เพราะ โธ่ อย่าทำหน้าตกใจขนาดนั้น ก็แค่จำได้ ลุงกานเลยคุยกับแกรมม่าเพื่อยืนยันเรื่องของเพนนี ตลอดเวลาที่เราวนลูป" "แล้วยังไงอีก" "หมายความว่าไง ก็บอกไปทุกเรื่องแล้ว" เธอก้มหน้าหงุด รู้ว่าถึงฉันจะวนลูป แต่ในใจก็มีเธอเสมอ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ ฉันได้บอกรักเธอ หน้าฉันเลยมีสีจัดขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ "แล้ว...แล้ว...แล้ว" "แล้วอะไร" แกรมม่าคงจะเขินจริงๆ "แล้วรักเพนนีบ้างหรือยัง"
เขียนโดยเรย์ หลังจากนั้น 8 วัน ลูปที่ 6 ภายหลังนาดาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ อาจารย์เพนนีก็มาหาผมที่บ้าน และขอคุยกับผมตามลำพังในห้องรับแขก “อาจารย์เข้าเรื่องเลยละกัน” “มีนัดต่อกับพี่แกรมม่าเหรอครับ” ผมดักทาง เหม็นกลิ่นความรัก “ขอเขกหัวทีเถอะ ไอ้เด็กนี่” ไม่พูดเปล่า แต่ยกมะเหงกขึ้นมาด้วย แต่ผมหลบไวกว่า ผู้หญิงหรือจะไวสู้ผู้ชายได้ อาจารย์เลยทำหน้าเคร่งขึ้นมา “มานั่งให้ดีๆ” “ครับ” “ไปหาคุณฮาริสที่เพนเฮาส์ ไปต่อหน้าอาจารย์นี่แหละ” “ครับ” ผมสวมเสื้อสูท VR ส่วนอาจารย์เพนนีเปิดแท็บเล็ตส่วนตัวเพื่อติดตามบทสนทนาระหว่างเรา ผมขึ้นลิฟท์ไปแบบอารยชน ไม่ได้ไปในฐานะขโมยหรือผู้ร้าย ผมรู้จากคำบอกเล่าของอาจารย์เพนนีที่ว่า ผมกระตุ้นให้เกิดเรื่องร้ายแรงในประเทศเรา และกำลังจะทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเดือนร้อนจำนวนมาก ถึงขั้นตายเลยเสียด้วยซ้ำ “ผมขอโทษครับ” ผมก้มกราบคุณฮาริสที่อยู่ในรูปร่างบลูค
เขียนโดยฮาริส หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ลูปที่ 6 ผมเข้าประชุมกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อขอปลดแอกประเทศนาดาจากประเทศมหาอำนาจและช่วยให้พ้นความยากจน เพื่อทำแนวทางใหม่สู่ความยั่งยืนและความเสมอภาค ในเวทีนี้ ผมคาดหวังว่าจะได้รับไอเดียดีๆ และพันธมิตรที่จะมาช่วยเหลือนาดาได้สำเร็จ ประธานในที่ประชุมกล่าวต้อนรับเรา และชี้แจงวัตถุประสงค์ในการประชุมวันนี้ ผมตื่นเต้นจนมือเปียก น้ำลายหนืด แถมปากแห้งไปหมด ถึงอย่างนั้น แต่ผมหันหน้าสี่สิบห้าองศาให้กล้องที่กำลังถ่ายทอดสดพวกเราอยู่ แหม ต้องขอบคุณเพื่อนนายแบบที่สอนทริคนี้ให้ผม ส่วนตัวผมกล่าวขึ้นแถลงเป็นคนถัดไป ผมซ้อมมาหลายวันกว่าจะกล้าขึ้นเวทีในวันนี้ ผมบอกตัวเองหลายรอบแล้ว ว่าผมคือพระเอกในวันนี้ พระเอกที่ทำทุกอย่างอย่างที่ควรเป็น เลิกเสียทีการสละเลือดเนื้อ เพื่อเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน “ในประเทศของเรา ความยากจนเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะเชื่อมโยงความไม่เท่าเทียมทางการศึกษาและสิทธิในการเข้าถึงโอกาสทางการปกครอง โดยเฉพาะเมื่อประเทศที่ปกครองเราอ