บทที่ 6
ดูจากการที่รอยด์ทิ้งตัวขนาดนี้ ดูท่าแล้วรอยด์คงดื่มหนักเกินไปจริง ๆ ดารินทร์ช่วยประคองคนเมาไปยังห้องนอน แม้จะทุลักทุเลแต่ก็ถือว่าสำเร็จไปด้วยดี
ดารินทร์มองสีหน้าการ์ดคนสนิทของรอยด์ที่ดูจะเหนื่อยล้าไม่แพ้กัน
‘คุณมาเธียสไปพักผ่อนเถอะค่ะ ดึกมากแล้ว เดี๋ยวรินช่วยดูคุณรอยด์ให้เองค่ะ’
ราวกับแม่พระมาโปรด มาเธียสส่งยิ้มมาให้อย่างขอบคุณ
‘ขอบคุณคุณรินมากนะครับ ผมเองก็ชักจะไม่ไหวเหมือนกัน’
‘ห้องครัวมีน้ำอุ่นอยู่นะคะ แวะดื่มสักแก้วก่อนนะคะ จะได้รู้สึกดีขึ้น’
‘ขอบคุณมากครับ’
คล้อยหลังการ์ดคนสนิทลับสายตาไป ดารินทร์ก็หันกลับมาสนใจคนเมาบนเตียงต่อ
‘อือ...’
รอยด์ครางในลำคอเบา ๆ พลางดึงทึ้งเนกไทออกจากลำคอคล้ายกับรำคาญ ดวงตากลมโตมองคนบนเตียงอยู่ครู่ใหญ่ อดไม่ได้ที่จะช่วยถอดเนกไทออกจากลำคอให้ เพราะขืนให้รอยด์ถอดเอง คืนนี้ก็คงไม่เสร็จแน่ ๆ
ดารินทร์ช่วยจัดท่านอนให้ชายหนุ่มได้นอนสบายขึ้นพลางพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย ยกหลังมือขึ้นเช็ดเหงื่อ กว่าจะช่วยถอดเนกไทกับคลายกระดุมเสื้อได้ก็เสียพลังงานไปมากโข
เธอสาวเท้าออกไปนอกห้องก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับชามแก้วใบใหญ่ที่ใส่น้ำอุ่นเอาไว้กับผ้าขนหนูผืนนุ่ม ทรุดกายลงนั่งขอบเตียง ค่อย ๆ เช็ดไปตามใบหน้าหล่อเหลา หวังจะให้คนเมารู้สึกดีขึ้น อดไม่ได้ที่จะลอบสังเกตชายหนุ่มเป็นระยะ ๆ น้อยครั้งนักที่เธอจะเห็นรอยด์ในสภาพแบบนี้
ปกติแล้วเวลาเจอกันทีไร หากไม่โดนเขาค่อนขอดก็มักจะโดนสายตาหยามเหยียดให้เจ็บ ๆ คัน ๆ หัวใจเล่นอยู่เสมอ
รอยด์ดีกับคนทั้งโลก แต่ยกเว้นเธอเพียงคนเดียว...
เธอรู้มาตลอดว่าผู้ชายที่เพียบพร้อมตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างรอยด์ไม่เคยชอบใจที่ถูกจับคลุมถุงชนให้แต่งงานกับลูกสาวของการ์ดอย่างเธอ ต่อให้เธอจะชอบเขาแค่ไหน แต่เธอก็ไม่เคยคิดฝันถึงขั้นอยากแต่งงานกับเขาเหมือนกันเพราะรู้ดีว่าฐานะเธอกับเขามันต่างกันเกินราวฟ้ากับเหว
ไม่มีทางที่คนอย่างรอยด์จะชายตามองหรือนึกพิศวาสเด็กในบ้านอย่างเธอ
แต่เพราะเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องที่ประมุขของบ้านเป็นคนจัดแจงขึ้น คำว่าบุญคุณที่มันค้ำคออยู่ทำให้เธอไม่กล้าปฏิเสธออกไปอย่างเต็มปาก จึงได้เพียงแค่ก้มหน้ารับและทำตามคำสั่งของโรมโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
มือเล็กค่อย ๆ เช็ดจากแนวกรามไล่มาจนถึงแผงอกแกร่ง เสียงครางดังประท้วงในลำคอคล้ายกับรำคาญดังขึ้นให้ได้ยินเป็นระยะ ๆ
‘อีกนิดเดียวก็เช็ดเสร็จแล้วค่ะ ทนหน่อยนะคะ’ เอ่ยบอกเสียงแผ่ว เช็ดระเรื่อยจนมาถึงแขนทั้งสองข้าง
พอเช็ดเสร็จเรียบร้อย แน่ใจแล้วว่าคนเมาจะนอนสบายก็ห่มผ้านวมให้เป็นสิ่งสุดท้าย ดารินทร์วาดขาลงจากเตียง แต่พอเห็นว่าโคมไฟตรงหัวเตียงยังไม่ได้ปิดก็โน้มตัวไปปิดไฟให้
แต่ยังไม่ทันจะได้ทำตามที่ตั้งใจก็ต้องหวีดร้องออกมาเสียงหลงเมื่อจู่ ๆ คนที่เธอคิดว่าเมาก็ฉุดเธอลงไปนอนใต้ร่าง พร้อมกับซุกไซ้จมูกโด่งเป็นสันไปตามซอกคอโดยไม่ทันตั้งตัว
‘คุณรอยด์!’
หญิงสาวร้องออกมาเสียงหลง ตื่นตระหนกขึ้นมาครามครัน หัวใจร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะทำอะไรแบบนี้
‘คุณรอยด์! ปล่อย!’ มือเล็ก ๆ ทุบไปที่อกแกร่งหวังจะให้ชายหนุ่มได้สติ
มือหนาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กก่อนจะตรึงไว้เหนือศีรษะ ดารินทร์หอบสะท้าน สบตาเข้ากับนัยน์ตาสีมรกตที่ทอดมองอยู่แล้ว...
นัยน์ตาสีมรกตวาววับอย่างที่เธอไม่เคยเห็น ให้ความรู้สึกเย็นเยียบแต่ก็อัดแน่นไปด้วยไฟปรารถนาอย่างที่สัมผัสได้
‘คะ...คุณ อื้อ...!’
เรียวปากร้อนชื้นก้มลงครอบครองริมฝีปากนุ่มก่อนที่เธอจะได้ทันเอื้อนเอ่ยอะไร เขาบดเคล้าและคลอเคลีย ใช้ชั้นเชิงที่มากล้นบังคับให้เธอเผยอริมฝีปากออกก่อนจะแทรกเรียวลิ้นร้ายกาจเข้ามาควานหาความหวานทำเอาสมองเธอว่างเปล่าพร่าเบลอไปหมด
บทที่ 8“เธอคงทำความสะอาดดีมาก...”เสียงหนักเอ่ยออกมาอย่างช้า ๆ ราวกับต้องการให้คำพูดสลักลึกเข้าไปในห้วงความคิดของคนฟังดารินทร์กะพริบตาถี่ ๆ เพื่อดึงสติของตัวเองให้คืนกลับมา เหตุการณ์นั้นมันเด่นชัดในความทรงจำ ชนิดที่สลัดยังไงก็ลบเลือนไม่ได้“มันถึงตกอยู่บนเตียงของฉันได้ ว่าไหม?”ดวงตากลมโตหลุบสายตาลงต่ำทันควัน เรียวปากงามก็เม้มแน่นจนแทบจะเป็นเส้นตรงคืนนั้นหลังจากรอยด์หลับสนิท เธอก็รีบพาร่างกายอันบอบช้ำของตัวเองออกมาจากห้องอย่างทุลักทุเล เลือกที่จะเก็บงำเรื่องราวในคืนนั้นเอาไว้ ไม่อยากนึกถึง ตื่นเช้ามาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใช้ชีวิตอย่างปกติราวกับว่าเรื่องในคืนหวามนั้นเป็นดั่งฝันไปเธอรู้ว่ารอยด์เมามากจนแทบไม่มีสติ เพราะถ้าเขามีสติสัมปชัญญะเต็มร้อย คงไม่มีทางที่เหตุการณ์แบบนั้นจะเกิดขึ้นเธอไม่นึกปรารถนาให้รอยด์รู้ด้วยซ้ำว่าเธอนอนกับเขา เพราะถ้าเขารู้ ก็คงไม่แคล้วถูกเข้าใจผิดว่าตั้งใจจะจับเขาแน่ ๆ แค่ถูกบิดาบังคับให้แต่งงานกับเธอ รอยด์ก็แทบจะไม่เคยมองเธอในแง่ดีเลยด้วยซ้ำเรื่องคืนนั้น... มันก็ไม่ต่างอะไรจากความผิดพลาดที่เธอเองก็ไม่อยากนึกถึง เกลียดตัวเองที่ใจง่ายและไร้ยางอายที่ป
บทที่ 7ดารินทร์หูอื้อตาลาย เรี่ยวแรงที่เคยมีเหมือนโดนสูบหาย ร่างกายอ่อนระทวยจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ความรู้สึกที่ไม่เคยรู้จักวูบไหวอยู่ตรงช่องท้องคล้ายกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นปราดไปทั่วร่างรอยด์ปล่อยข้อมือเล็กของเธอให้เป็นอิสระ วูบหนึ่งที่เธอใจชื้น หมายจะรวบรวมแรงอันน้อยนิดผลักไสชายหนุ่มออกไป แต่เพียงแค่ฝ่ามือร้อนผ่าวบีบเคล้นไปทั่วร่างพร้อมกับเรียวปากร้อนชื้นลากไล้ไปตามซอกคอหอมกรุ่น ฝากรอยจูบสีกุหลาบไว้ในทุก ๆ จุดที่เรียวปากลากผ่าน สมองเธอก็ว่างเปล่าอีกครั้ง…รู้ทั้งรู้ว่าหากปล่อยให้เรื่องราวมันเลยเถิดจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี ดารินทร์นึกเกลียดตัวเองที่ไม่สามารถขัดขืนชายหนุ่มได้อย่างใจคิด เกลียดร่างกายตัวเองที่มันเหมือนจะไม่ปฏิเสธสัมผัสจากรอยด์หนำซ้ำยังโอนอ่อนผ่อนตามไม่ต่างอะไรจากขี้ผึ้งลนไฟไม่ว่าเขาจะจับ...จะจูบตรงไหน ร่างกายเธอก็อ่อนระทวยไปกับสัมผัสเขาเสียหมดสายชุดเดรสตัวสวยหลุดจากหัวไหล่มน ฝ่ามือหยาบบีบคลึงหัวไหล่เปลือยเปล่า ก่อนเรียวปากร้อนชื้นจะพรมจูบไปทั่วเนินอกอวบอิ่ม มือหนาดึงทิ้งชุดเดรสได้ก็ร่นลงมากองอยู่ตรงเอวคอดชวนให้หวามไหวไปทั่วร่างปลายนิ้วสากระคายปัดผ่านไปทั่วบราเซียร์สีหวาน
บทที่ 6ดูจากการที่รอยด์ทิ้งตัวขนาดนี้ ดูท่าแล้วรอยด์คงดื่มหนักเกินไปจริง ๆ ดารินทร์ช่วยประคองคนเมาไปยังห้องนอน แม้จะทุลักทุเลแต่ก็ถือว่าสำเร็จไปด้วยดีดารินทร์มองสีหน้าการ์ดคนสนิทของรอยด์ที่ดูจะเหนื่อยล้าไม่แพ้กัน‘คุณมาเธียสไปพักผ่อนเถอะค่ะ ดึกมากแล้ว เดี๋ยวรินช่วยดูคุณรอยด์ให้เองค่ะ’ราวกับแม่พระมาโปรด มาเธียสส่งยิ้มมาให้อย่างขอบคุณ‘ขอบคุณคุณรินมากนะครับ ผมเองก็ชักจะไม่ไหวเหมือนกัน’‘ห้องครัวมีน้ำอุ่นอยู่นะคะ แวะดื่มสักแก้วก่อนนะคะ จะได้รู้สึกดีขึ้น’‘ขอบคุณมากครับ’คล้อยหลังการ์ดคนสนิทลับสายตาไป ดารินทร์ก็หันกลับมาสนใจคนเมาบนเตียงต่อ‘อือ...’รอยด์ครางในลำคอเบา ๆ พลางดึงทึ้งเนกไทออกจากลำคอคล้ายกับรำคาญ ดวงตากลมโตมองคนบนเตียงอยู่ครู่ใหญ่ อดไม่ได้ที่จะช่วยถอดเนกไทออกจากลำคอให้ เพราะขืนให้รอยด์ถอดเอง คืนนี้ก็คงไม่เสร็จแน่ ๆดารินทร์ช่วยจัดท่านอนให้ชายหนุ่มได้นอนสบายขึ้นพลางพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย ยกหลังมือขึ้นเช็ดเหงื่อ กว่าจะช่วยถอดเนกไทกับคลายกระดุมเสื้อได้ก็เสียพลังงานไปมากโขเธอสาวเท้าออกไปนอกห้องก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับชามแก้วใบใหญ่ที่ใส่น้ำอุ่นเอาไว้กับผ้าขนหนูผืนนุ่ม
บทที่ 5“เธอใส่ต่างหูข้างเดียวเหรอดารินทร์...”คำถามเรียบ ๆ ง่าย ๆ แต่หัวใจดวงน้อยกลับกระตุกวูบ มือเล็กยกขึ้นสัมผัสใบหูตัวเองโดยอัตโนมัติ หูข้างซ้ายที่เคยมีต่างหูประดับอยู่กลับว่างเปล่า“ริน...”เรียวปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น อึกอักขึ้นมาทันควัน ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอทำต่างหูหายไปตอนไหน แทบไม่ได้สังเกตความเรียบร้อยของตัวเองเลยเพราะช่วงนี้จิตใจเธอว้าวุ่น ไม่อยู่กับร่องกับรอยเท่าไรนัก คาดไม่ถึงว่ารอยด์จะสังเกตเห็นเรื่องเล็กน้อยแบบนี้รอยด์ยืดกายขึ้นเต็มความสูงก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ ดารินทร์เผลอก้าวถอยหลังหนีโดยอัตโนมัติ รู้ตัวอีกทีก็ตอนแผ่นหลังสัมผัสกับผนังอันแสนเย็นชืด แขนแกร่งเท้าลงกับผนังตรงหน้าทำให้รู้สึกเหมือนกำลังถูกคุกคามจนตัวหดเล็กลงเขาเกลี่ยปอยผมที่ปรกแก้มหญิงสาวออก ปลายนิ้วไล้ปัดผ่านใบหูอย่างแผ่วเบาชวนให้ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาครามครัน“ของเธอหรือเปล่า...”คำถามเรียบง่าย แต่คนถูกถามกลับรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก ต่างหูอันเล็กถูกยื่นมาตรงหน้า ดวงหน้าหวานซึ้งซีดเผือดทันควัน ช้อนสายตาขึ้น สบตากับนัยน์ตาสีมรกตด้วยแววตาสั่นไหวเพราะหญิงสาวเอาแต่เงียบ เสียงหนักจึงกระซิบถามซ้ำ“ถา
บทที่ 4“แล้วแกจ้องหนูรินอะไรขนาดนั้น”“แล้วมองไม่ได้เหรอครับ ไหนพ่ออยากให้ผมแต่งงานกับคนดีของพ่อนักไงครับ ทำไมผมจ้องแค่นี้พ่อต้องหวงด้วย”“สายตาแกมันคุกคาม”“ผมจ้องแค่นี้คงไม่สึกหรอหรอกครับพ่อ” ไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาเขามันคุกคามขนาดนั้น...“ตราบใดที่ยังไม่ได้แต่งงาน ห้ามทำอะไรเกินขอบเขตเข้าใจไหม รอยด์ แมคคาร์นิค ถ้าทำอะไรไม่เข้าท่า พ่อจะเอาเลือดหัวแกออก” เพราะรู้จักนิสัยลูกชายดี คนเป็นพ่อเลยรีบชี้หน้าคาดโทษรอยด์หัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ“ครับ ตามนั้นครับพ่อ...”รอยด์สาวเท้าเข้ามาในตัวบ้านพลางคลายปมเนกไทออกเล็กน้อยหลังจากเหน็ดเหนื่อยกับงานมาตลอดทั้งวัน นึกแปลกใจเล็กน้อยที่ไม่เจอบิดาอยู่ตรงห้องนั่งเล่นเหมือนทุกครั้ง ล้วงสมาร์ตโฟนออกมาจากอกเสื้อหมายจะต่อสายหาคนเป็นพ่อแต่พอเห็นการแจ้งเตือน ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็เก็บมันลงไว้ดังเก่า‘พ่อไปสเปนกับครีมนะ จะไปคุยเรื่องงานแต่งของครีมกับอาซิลิโน่’น้องสาวของเขาพลัดพรากจากครอบครัวแมคคาร์นิคไปนานหลายสิบปี เพิ่งกลับเข้าสู่อ้อมอกได้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ยังไม่ทันจะได้คลายหายคิดถึงก็ต้องบินออกจากอ้อมอกอีกครั้งเพราะกำลังจะแต่งงานในอีกหนึ
บทที่ 3เพราะเห็นว่าบุตรชายเอาแต่จ้องคนในปกครองไม่วางตา ประมุขของบ้านก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปราม“มานั่งสิ จะยืนอีกนานไหมรอยด์”รอยด์ถอนสายตากลับมา ก่อนจะสาวเท้าตรงดิ่งมานั่งตรงที่ประจำของตัวเอง เพียงทรุดกายลงนั่งก็ถูกบิดาแขวะทันควัน“เมื่อคืนหนักหรือไง ตื่นสายเชียว”“ผมกลับบ้านมาได้ยังไงครับพ่อ”“มาเธียสพากลับมา”เมื่อวานตอนค่ำเขามีนัดเลี้ยงฉลองกับพาร์ตเนอร์คนใหม่ที่เพิ่งเซ็นสัญญาร่วมทุน ด้วยความไม่ระวังจึงโดนยาปลุกเซ็กซ์ที่พาร์ตเนอร์แอบใส่ไปในแก้วเหล้า แม้ฤทธิ์ยามันจะไม่แรงมากนักจนถึงขั้นขาดสติ แต่ด้วยความที่ดื่มเหล้าเข้าไปหนักพอสมควรก็ทำเอาสมองพร่าเบลอไปชุดใหญ่ ภาพสุดท้ายที่จำได้คือการ์ดคนสนิทกำลังพาเขาออกจากเลานจ์แค่คิดก็รู้สึกมึนหัวอีกระลอก จนต้องยกถ้วยชาหอมกรุ่นตรงหน้าขึ้นดื่มอึกใหญ่ กลิ่นสดชื่นของเปเปอร์มินต์ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย“ชาแก้แฮ้งน่ะ หนูรินเตรียมไว้ให้”เพียงแค่เห็นสีชากับได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ คนคอชาอย่างโรมก็รู้ได้โดยทันทีเลยว่าถ้วยชาของบุตรชายเป็นชาสมุนไพรที่ช่วยแก้อาการเมาค้างมือที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นจิบชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเหยียดยิ้มออกมา “คนดีของพ่อเก่งนะครับ รู้ด้วย