บทที่ 4
“แล้วแกจ้องหนูรินอะไรขนาดนั้น”
“แล้วมองไม่ได้เหรอครับ ไหนพ่ออยากให้ผมแต่งงานกับคนดีของพ่อนักไงครับ ทำไมผมจ้องแค่นี้พ่อต้องหวงด้วย”
“สายตาแกมันคุกคาม”
“ผมจ้องแค่นี้คงไม่สึกหรอหรอกครับพ่อ” ไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาเขามันคุกคามขนาดนั้น...
“ตราบใดที่ยังไม่ได้แต่งงาน ห้ามทำอะไรเกินขอบเขตเข้าใจไหม รอยด์ แมคคาร์นิค ถ้าทำอะไรไม่เข้าท่า พ่อจะเอาเลือดหัวแกออก” เพราะรู้จักนิสัยลูกชายดี คนเป็นพ่อเลยรีบชี้หน้าคาดโทษ
รอยด์หัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ
“ครับ ตามนั้นครับพ่อ...”
รอยด์สาวเท้าเข้ามาในตัวบ้านพลางคลายปมเนกไทออกเล็กน้อยหลังจากเหน็ดเหนื่อยกับงานมาตลอดทั้งวัน นึกแปลกใจเล็กน้อยที่ไม่เจอบิดาอยู่ตรงห้องนั่งเล่นเหมือนทุกครั้ง ล้วงสมาร์ตโฟนออกมาจากอกเสื้อหมายจะต่อสายหาคนเป็นพ่อแต่พอเห็นการแจ้งเตือน ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็เก็บมันลงไว้ดังเก่า
‘พ่อไปสเปนกับครีมนะ จะไปคุยเรื่องงานแต่งของครีมกับอาซิลิโน่’
น้องสาวของเขาพลัดพรากจากครอบครัวแมคคาร์นิคไปนานหลายสิบปี เพิ่งกลับเข้าสู่อ้อมอกได้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ยังไม่ทันจะได้คลายหายคิดถึงก็ต้องบินออกจากอ้อมอกอีกครั้งเพราะกำลังจะแต่งงานในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า ลึก ๆ แล้วเขาก็ใจหายอยู่เหมือนกันที่น้องสาวกำลังจะออกเรือน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็นึกดีใจที่คาริสาได้เจอผู้ชายดี ๆ ที่รักจริง
รอยด์ถอดเสื้อสูทเนื้อดีออกมาถือไว้ลวก ๆ ก่อนจะสาวเท้าไปยังริมสระว่ายน้ำ ทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ผ้าใบตัวยาว หยิบบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อออกมา
เป็นอีกหนึ่งวันที่เขาต้องใช้บุหรี่ดับความฟุ้งซ่านที่มันอัดแน่นอยู่ในหัวตลอดทั้งวัน...
บุหรี่หนึ่งมวนมอดไหม้ไปอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าความขุ่นมัวในใจรอยด์ยังไม่คลายลงแต่อย่างใด กรามแกร่งขบกันแน่นจนได้ยินเสียงไรฟันที่บดกัน เขาอัดบุหรี่เข้าปอดอีกครั้งเพื่อดับความฟุ้งซ่านที่เริ่มปะทุขึ้นมาอีกระลอก
คนอย่างรอยด์ แมคคาร์นิคไม่เคยเสียการควบคุมตัวเองไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม…
แต่ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ความฝันบ้า ๆ นั่นกำลังปั่นป่วนเขาจนรู้สึกหงุดหงิด มันรบกวนจนเขาแทบไม่สมาธิทำงาน
“บ้าฉิบ!” สบถออกมาอย่างหัวเสีย ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไรในรอบหนึ่งอาทิตย์นี้ที่เขาสบถคำนี้ออกมา ไม่ชอบใจที่ตัวเองเป็นแบบนี้
นิ้วเรียวยาวเคาะปลายมวนบุหรี่ที่มอดไหม้ไปแล้วลงกับที่เขี่ยบุหรี่คริสตัล นัยน์ตาสีมรกตมองวิวสระว่ายน้ำตรงหน้าด้วยสายตาราบเรียบ สายลมเย็น ๆ ปะทะกับผิวแก้ม แม้จะบาดผิว แต่ก็ช่วยให้รู้สึกดีเล็กน้อย
บุหรี่มวนที่สองถูกจุดขึ้นอีกครั้ง อัดมันเข้าปอดหนัก ๆ ก่อนปล่อยควันสีขาวคลุ้งให้ลอยฟุ้งไปทั่วอากาศ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ได้ยินเสียงเสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้
“คุณรอยด์จะรับอาหารเย็นที่นี่เลยไหมคะ”
น้ำเสียงหวานซึ้งที่เดาได้ไม่ยากว่าเป็นใคร มีไม่กี่คนที่อาศัยอยู่ร่วมบ้านเดียวกับเขา แต่ดูเหมือนว่าตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาคนคนนั้นจะพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขาสองต่อสองมาตลอด...
รอยด์เบือนสายตากลับมาสบตากับคนถามพลางพ่นควันสีขาวออกมาอย่างช้า ๆ รอยยิ้มหยันกดลึกตรงมุมปาก
ดารินทร์เผลอบีบมือตัวเองแน่น เมื่อรอยด์เงียบไม่ตอบอะไร มีเพียงสายตานิ่ง ๆ ที่พานให้คนถูกจ้องรู้สึกกดดัน ตั้งแต่เธอย้ายเข้ามาอยู่บนคฤหาสน์ น้อยครั้งนักที่จะได้เผชิญหน้ากับรอยด์แบบสองต่อสองแบบนี้ ส่วนใหญ่แล้วการเผชิญหน้ากันระหว่างเธอกับรอยด์มักจะมีโรมอยู่ด้วยเสมอ
แต่เพราะวันนี้ช่วงบ่ายโรมมีธุระด่วนไปยุโรปกะทันหันเลยทำให้ภายในคฤหาสน์เหลือเพียงเธอกับรอยด์เพียงสองคน หากไม่ใช่เพราะหน้าที่ที่ต้องดูแลความเรียบร้อยของคนในบ้าน ดารินทร์คงไม่เอาตัวเองมาอึดอัดกับบรรยากาศที่ชายหนุ่มสร้างแบบนี้
“งั้นเดี๋ยวรินยกมาเสิร์ฟให้ที่นี่นะคะ” เพราะเขาไม่ตอบ เธอจึงเลือกให้เองเสร็จสรรพเพราะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ตั้งใจจะหมุนกายเดินจากไป แต่เสียงหนักที่ดังขึ้นทำเอาสองขาชะงักกึกอยู่กับที่
“เธอใส่ต่างหูข้างเดียวเหรอดารินทร์...”
บทที่ 5“เธอใส่ต่างหูข้างเดียวเหรอดารินทร์...”คำถามเรียบ ๆ ง่าย ๆ แต่หัวใจดวงน้อยกลับกระตุกวูบ มือเล็กยกขึ้นสัมผัสใบหูตัวเองโดยอัตโนมัติ หูข้างซ้ายที่เคยมีต่างหูประดับอยู่กลับว่างเปล่า“ริน...”เรียวปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น อึกอักขึ้นมาทันควัน ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอทำต่างหูหายไปตอนไหน แทบไม่ได้สังเกตความเรียบร้อยของตัวเองเลยเพราะช่วงนี้จิตใจเธอว้าวุ่น ไม่อยู่กับร่องกับรอยเท่าไรนัก คาดไม่ถึงว่ารอยด์จะสังเกตเห็นเรื่องเล็กน้อยแบบนี้รอยด์ยืดกายขึ้นเต็มความสูงก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ ดารินทร์เผลอก้าวถอยหลังหนีโดยอัตโนมัติ รู้ตัวอีกทีก็ตอนแผ่นหลังสัมผัสกับผนังอันแสนเย็นชืด แขนแกร่งเท้าลงกับผนังตรงหน้าทำให้รู้สึกเหมือนกำลังถูกคุกคามจนตัวหดเล็กลงเขาเกลี่ยปอยผมที่ปรกแก้มหญิงสาวออก ปลายนิ้วไล้ปัดผ่านใบหูอย่างแผ่วเบาชวนให้ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาครามครัน“ของเธอหรือเปล่า...”คำถามเรียบง่าย แต่คนถูกถามกลับรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก ต่างหูอันเล็กถูกยื่นมาตรงหน้า ดวงหน้าหวานซึ้งซีดเผือดทันควัน ช้อนสายตาขึ้น สบตากับนัยน์ตาสีมรกตด้วยแววตาสั่นไหวเพราะหญิงสาวเอาแต่เงียบ เสียงหนักจึงกระซิบถามซ้ำ“ถา
บทที่ 6ดูจากการที่รอยด์ทิ้งตัวขนาดนี้ ดูท่าแล้วรอยด์คงดื่มหนักเกินไปจริง ๆ ดารินทร์ช่วยประคองคนเมาไปยังห้องนอน แม้จะทุลักทุเลแต่ก็ถือว่าสำเร็จไปด้วยดีดารินทร์มองสีหน้าการ์ดคนสนิทของรอยด์ที่ดูจะเหนื่อยล้าไม่แพ้กัน‘คุณมาเธียสไปพักผ่อนเถอะค่ะ ดึกมากแล้ว เดี๋ยวรินช่วยดูคุณรอยด์ให้เองค่ะ’ราวกับแม่พระมาโปรด มาเธียสส่งยิ้มมาให้อย่างขอบคุณ‘ขอบคุณคุณรินมากนะครับ ผมเองก็ชักจะไม่ไหวเหมือนกัน’‘ห้องครัวมีน้ำอุ่นอยู่นะคะ แวะดื่มสักแก้วก่อนนะคะ จะได้รู้สึกดีขึ้น’‘ขอบคุณมากครับ’คล้อยหลังการ์ดคนสนิทลับสายตาไป ดารินทร์ก็หันกลับมาสนใจคนเมาบนเตียงต่อ‘อือ...’รอยด์ครางในลำคอเบา ๆ พลางดึงทึ้งเนกไทออกจากลำคอคล้ายกับรำคาญ ดวงตากลมโตมองคนบนเตียงอยู่ครู่ใหญ่ อดไม่ได้ที่จะช่วยถอดเนกไทออกจากลำคอให้ เพราะขืนให้รอยด์ถอดเอง คืนนี้ก็คงไม่เสร็จแน่ ๆดารินทร์ช่วยจัดท่านอนให้ชายหนุ่มได้นอนสบายขึ้นพลางพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย ยกหลังมือขึ้นเช็ดเหงื่อ กว่าจะช่วยถอดเนกไทกับคลายกระดุมเสื้อได้ก็เสียพลังงานไปมากโขเธอสาวเท้าออกไปนอกห้องก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับชามแก้วใบใหญ่ที่ใส่น้ำอุ่นเอาไว้กับผ้าขนหนูผืนนุ่ม
บทนำคล้ายกับกลิ่นขนมคละเคล้ากับกลิ่นดอกไม้ระเหยมาให้ได้กลิ่นยามไล้ปลายจมูกไปตามผิวเนื้อนุ่ม กรามแกร่งบดเข้าหากันแน่นก่อนนัยน์ตาสีมรกตจะฝืนมองคนใต้ร่าง แต่ภาพตรงหน้ากลับพร่าเบลอ...อาจเป็นเพราะแอลกอฮอล์และฤทธิ์ยาทำให้เขาไม่มีสติมากนัก รับรู้เพียงแค่ว่าคนใต้ร่างเขาเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ผมยาว แล้วก็ตัวหอมมาก ไม่ว่าจะจับไปตรงไหนก็นุ่มละมุนมือไปหมด เอวคอดเล็กรับกับมือเขาอย่างพอเหมาะราวกับถูกสรรค์สร้างมาเพื่อเขาทั้ง ๆ ที่ควรสงสัยว่าใครที่มานอนระทวยอยู่ใต้ร่างแบบนั้น แต่เพราะแทบจะไม่เคยขาดผู้หญิงข้างกาย รอยด์ก็เลือกที่จะสลัดความคิดที่จะหาคำตอบทิ้งไปบางทีอาจจะเป็นผู้หญิงสักคนที่ลูกน้องเขาหามาให้...เรียวปากร้อนชื้นก้มลงไปครอบครองอวัยวะเดียวกัน บดเคล้าคลอเคลีย ใช้ชั้นเชิงที่มากล้นบังคับให้อีกฝ่ายเผยอริมฝีปากออกก่อนจะแทรกเรียวลิ้นร้ายกาจเข้าไปควานหาความหวานรสหวานหอมคล้ายกับคาราเมลติดปลายลิ้น ยิ่งจูบก็ยิ่งมัวเมา เรียวปากร้อนชื้นลากไล้ไปทั่วผิวเนื้อนวล ฝากรอยจูบสีกุหลาบไว้ในทุก ๆ จุดที่เรียวปากลากผ่านอึดอัดจนอยากระบายเสียเดี๋ยวนี้...ฝ่ามือร้อนผ่าวลากไล้ไปทั่วร่างนุ่มก่อนปลายนิ้วสากระคายจะเกี่
บทที่ 1“ชาร้อน ๆ ค่ะคุณท่าน”น้ำเสียงหวานซึ้งเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงละมุนหู วางถ้วยชาคาโมมายล์ลงตรงหน้า โรม แมคคาร์นิค มาเฟียรุ่นใหญ่แห่งรัสเซีย วัยห้าสิบหกปี เจ้าของคฤหาสน์หลังงามสไตล์เรเนซองส์ที่ตั้งอยู่แถบชานเมืองของกรุงมอสโก“ขอบคุณนะหนูริน”“ยินดีค่ะคุณท่าน”ดารินทร์หญิงสาวลูกเสี้ยวรัสเซียวัยยี่สิบเอ็ดปีคลี่ยิ้มให้ประมุขของบ้านอย่างอ่อนหวาน เธอเป็นลูกสาวของเดร็ค อดีตการ์ดคนสนิทของโรม ที่เสียชีวิตไปเมื่อสามปีก่อนจากการปกป้องผู้เป็นนายจากการลอบยิงทำให้ต้องกำพร้าพ่อตั้งแต่อายุสิบแปดปี ส่วนมารดาก็เสียชีวิตไปตั้งแต่คลอดเธอได้เพียงสามเดือน แต่โชคดีที่โรมรับปากพ่อเธอไว้ก่อนตายว่าจะดูแลเธออย่างดีทำให้เธออยู่ในความดูแลของโรมหลังจากเธอเรียนจบด้านบัญชีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัสเซีย โรมก็มอบหมายให้เธอดูแลความเรียบร้อยของคฤหาสน์แมคคาร์นิคแทนการออกไปทำงานนอกบ้านเธออาศัยอยู่ที่บ้านหลังเล็กของการ์ดบริเวณด้านหลังคฤหาสน์มาตั้งแต่เด็ก แต่พอเดือนก่อนประมุขของบ้านไม่ค่อยสบาย เธอจึงต้องย้ายขึ้นมาพักบนคฤหาสน์แทนเพื่อที่จะได้ดูแลประมุขของบ้านได้สะดวกขึ้น“แล้วนี่ครีมไปไหนล่ะ หนูรินเห็นบ้างไหม” เอ่ยถามถึ
บทที่ 2 รอยด์ แมคคาร์นิคดารินทร์ขบริมฝีปากแน่น ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาถูกตอกย้ำอีกครั้งในวันที่บิดาถูกยิง ภาพของบิดานอนหายใจรวยรินอยู่ห้องไอ.ซี.ยู โดยมีสายระโยงระยางไปทั่วจนเธอนึกสงสารพ่อจับหัวใจ เจ็บปวดที่ช่วยอะไรพ่อไม่ได้ ได้แต่ยืนร้องไห้อย่างน่าสงสาร ทำเอาพ่อเธอต้องเป็นห่วงจนต้องเอ่ยปากอ้อนวอน ขอให้โรมดูแลเธอแทนและโรมเองก็รับปากว่าจะดูแลเธออย่างดีไม่ต่างอะไรจากลูกสาวคนหนึ่ง รวมถึงให้เธอแต่งงานกับรอยด์และสิ้นสุดประโยคนั้น พ่อเธอเอ่ยขอบคุณเสียงแผ่วก่อนจะก็ค่อย ๆ จากไปอย่างสงบนับแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมานานเกือบสามปี การแต่งงานก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะถูกจัดขึ้นแต่อย่างใด เพราะคนที่ถูกยัดเยียดให้เป็นเจ้าบ่าวแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่คิดจะแต่งงานเพราะเขายังทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาและเท่าที่เธอรู้จักรอยด์มา เธอรู้ว่าเขาเกลียดการถูกบังคับยิ่งกว่าอะไร การที่เขาถูกยัดเยียดบังคับให้แต่งงานกับเธอก็ไม่ต่างอะไรจากการทำให้เขารู้สึกเกลียดขี้หน้าเธออย่างไร้เหตุผลจนพาลพาโลหาเรื่องแขวะเธอทุกครั้งที่เจอหน้ากันเขาไม่เคยคิดจะรักเธอ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีต่อกี่ปีเขาก็ไม่เคยชายตาแล เป็นได้แค่คนนอก
บทที่ 3เพราะเห็นว่าบุตรชายเอาแต่จ้องคนในปกครองไม่วางตา ประมุขของบ้านก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปราม“มานั่งสิ จะยืนอีกนานไหมรอยด์”รอยด์ถอนสายตากลับมา ก่อนจะสาวเท้าตรงดิ่งมานั่งตรงที่ประจำของตัวเอง เพียงทรุดกายลงนั่งก็ถูกบิดาแขวะทันควัน“เมื่อคืนหนักหรือไง ตื่นสายเชียว”“ผมกลับบ้านมาได้ยังไงครับพ่อ”“มาเธียสพากลับมา”เมื่อวานตอนค่ำเขามีนัดเลี้ยงฉลองกับพาร์ตเนอร์คนใหม่ที่เพิ่งเซ็นสัญญาร่วมทุน ด้วยความไม่ระวังจึงโดนยาปลุกเซ็กซ์ที่พาร์ตเนอร์แอบใส่ไปในแก้วเหล้า แม้ฤทธิ์ยามันจะไม่แรงมากนักจนถึงขั้นขาดสติ แต่ด้วยความที่ดื่มเหล้าเข้าไปหนักพอสมควรก็ทำเอาสมองพร่าเบลอไปชุดใหญ่ ภาพสุดท้ายที่จำได้คือการ์ดคนสนิทกำลังพาเขาออกจากเลานจ์แค่คิดก็รู้สึกมึนหัวอีกระลอก จนต้องยกถ้วยชาหอมกรุ่นตรงหน้าขึ้นดื่มอึกใหญ่ กลิ่นสดชื่นของเปเปอร์มินต์ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย“ชาแก้แฮ้งน่ะ หนูรินเตรียมไว้ให้”เพียงแค่เห็นสีชากับได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ คนคอชาอย่างโรมก็รู้ได้โดยทันทีเลยว่าถ้วยชาของบุตรชายเป็นชาสมุนไพรที่ช่วยแก้อาการเมาค้างมือที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นจิบชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเหยียดยิ้มออกมา “คนดีของพ่อเก่งนะครับ รู้ด้วย
บทที่ 6ดูจากการที่รอยด์ทิ้งตัวขนาดนี้ ดูท่าแล้วรอยด์คงดื่มหนักเกินไปจริง ๆ ดารินทร์ช่วยประคองคนเมาไปยังห้องนอน แม้จะทุลักทุเลแต่ก็ถือว่าสำเร็จไปด้วยดีดารินทร์มองสีหน้าการ์ดคนสนิทของรอยด์ที่ดูจะเหนื่อยล้าไม่แพ้กัน‘คุณมาเธียสไปพักผ่อนเถอะค่ะ ดึกมากแล้ว เดี๋ยวรินช่วยดูคุณรอยด์ให้เองค่ะ’ราวกับแม่พระมาโปรด มาเธียสส่งยิ้มมาให้อย่างขอบคุณ‘ขอบคุณคุณรินมากนะครับ ผมเองก็ชักจะไม่ไหวเหมือนกัน’‘ห้องครัวมีน้ำอุ่นอยู่นะคะ แวะดื่มสักแก้วก่อนนะคะ จะได้รู้สึกดีขึ้น’‘ขอบคุณมากครับ’คล้อยหลังการ์ดคนสนิทลับสายตาไป ดารินทร์ก็หันกลับมาสนใจคนเมาบนเตียงต่อ‘อือ...’รอยด์ครางในลำคอเบา ๆ พลางดึงทึ้งเนกไทออกจากลำคอคล้ายกับรำคาญ ดวงตากลมโตมองคนบนเตียงอยู่ครู่ใหญ่ อดไม่ได้ที่จะช่วยถอดเนกไทออกจากลำคอให้ เพราะขืนให้รอยด์ถอดเอง คืนนี้ก็คงไม่เสร็จแน่ ๆดารินทร์ช่วยจัดท่านอนให้ชายหนุ่มได้นอนสบายขึ้นพลางพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย ยกหลังมือขึ้นเช็ดเหงื่อ กว่าจะช่วยถอดเนกไทกับคลายกระดุมเสื้อได้ก็เสียพลังงานไปมากโขเธอสาวเท้าออกไปนอกห้องก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับชามแก้วใบใหญ่ที่ใส่น้ำอุ่นเอาไว้กับผ้าขนหนูผืนนุ่ม
บทที่ 5“เธอใส่ต่างหูข้างเดียวเหรอดารินทร์...”คำถามเรียบ ๆ ง่าย ๆ แต่หัวใจดวงน้อยกลับกระตุกวูบ มือเล็กยกขึ้นสัมผัสใบหูตัวเองโดยอัตโนมัติ หูข้างซ้ายที่เคยมีต่างหูประดับอยู่กลับว่างเปล่า“ริน...”เรียวปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น อึกอักขึ้นมาทันควัน ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอทำต่างหูหายไปตอนไหน แทบไม่ได้สังเกตความเรียบร้อยของตัวเองเลยเพราะช่วงนี้จิตใจเธอว้าวุ่น ไม่อยู่กับร่องกับรอยเท่าไรนัก คาดไม่ถึงว่ารอยด์จะสังเกตเห็นเรื่องเล็กน้อยแบบนี้รอยด์ยืดกายขึ้นเต็มความสูงก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ ดารินทร์เผลอก้าวถอยหลังหนีโดยอัตโนมัติ รู้ตัวอีกทีก็ตอนแผ่นหลังสัมผัสกับผนังอันแสนเย็นชืด แขนแกร่งเท้าลงกับผนังตรงหน้าทำให้รู้สึกเหมือนกำลังถูกคุกคามจนตัวหดเล็กลงเขาเกลี่ยปอยผมที่ปรกแก้มหญิงสาวออก ปลายนิ้วไล้ปัดผ่านใบหูอย่างแผ่วเบาชวนให้ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาครามครัน“ของเธอหรือเปล่า...”คำถามเรียบง่าย แต่คนถูกถามกลับรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก ต่างหูอันเล็กถูกยื่นมาตรงหน้า ดวงหน้าหวานซึ้งซีดเผือดทันควัน ช้อนสายตาขึ้น สบตากับนัยน์ตาสีมรกตด้วยแววตาสั่นไหวเพราะหญิงสาวเอาแต่เงียบ เสียงหนักจึงกระซิบถามซ้ำ“ถา
บทที่ 4“แล้วแกจ้องหนูรินอะไรขนาดนั้น”“แล้วมองไม่ได้เหรอครับ ไหนพ่ออยากให้ผมแต่งงานกับคนดีของพ่อนักไงครับ ทำไมผมจ้องแค่นี้พ่อต้องหวงด้วย”“สายตาแกมันคุกคาม”“ผมจ้องแค่นี้คงไม่สึกหรอหรอกครับพ่อ” ไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาเขามันคุกคามขนาดนั้น...“ตราบใดที่ยังไม่ได้แต่งงาน ห้ามทำอะไรเกินขอบเขตเข้าใจไหม รอยด์ แมคคาร์นิค ถ้าทำอะไรไม่เข้าท่า พ่อจะเอาเลือดหัวแกออก” เพราะรู้จักนิสัยลูกชายดี คนเป็นพ่อเลยรีบชี้หน้าคาดโทษรอยด์หัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ“ครับ ตามนั้นครับพ่อ...”รอยด์สาวเท้าเข้ามาในตัวบ้านพลางคลายปมเนกไทออกเล็กน้อยหลังจากเหน็ดเหนื่อยกับงานมาตลอดทั้งวัน นึกแปลกใจเล็กน้อยที่ไม่เจอบิดาอยู่ตรงห้องนั่งเล่นเหมือนทุกครั้ง ล้วงสมาร์ตโฟนออกมาจากอกเสื้อหมายจะต่อสายหาคนเป็นพ่อแต่พอเห็นการแจ้งเตือน ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็เก็บมันลงไว้ดังเก่า‘พ่อไปสเปนกับครีมนะ จะไปคุยเรื่องงานแต่งของครีมกับอาซิลิโน่’น้องสาวของเขาพลัดพรากจากครอบครัวแมคคาร์นิคไปนานหลายสิบปี เพิ่งกลับเข้าสู่อ้อมอกได้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ยังไม่ทันจะได้คลายหายคิดถึงก็ต้องบินออกจากอ้อมอกอีกครั้งเพราะกำลังจะแต่งงานในอีกหนึ
บทที่ 3เพราะเห็นว่าบุตรชายเอาแต่จ้องคนในปกครองไม่วางตา ประมุขของบ้านก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปราม“มานั่งสิ จะยืนอีกนานไหมรอยด์”รอยด์ถอนสายตากลับมา ก่อนจะสาวเท้าตรงดิ่งมานั่งตรงที่ประจำของตัวเอง เพียงทรุดกายลงนั่งก็ถูกบิดาแขวะทันควัน“เมื่อคืนหนักหรือไง ตื่นสายเชียว”“ผมกลับบ้านมาได้ยังไงครับพ่อ”“มาเธียสพากลับมา”เมื่อวานตอนค่ำเขามีนัดเลี้ยงฉลองกับพาร์ตเนอร์คนใหม่ที่เพิ่งเซ็นสัญญาร่วมทุน ด้วยความไม่ระวังจึงโดนยาปลุกเซ็กซ์ที่พาร์ตเนอร์แอบใส่ไปในแก้วเหล้า แม้ฤทธิ์ยามันจะไม่แรงมากนักจนถึงขั้นขาดสติ แต่ด้วยความที่ดื่มเหล้าเข้าไปหนักพอสมควรก็ทำเอาสมองพร่าเบลอไปชุดใหญ่ ภาพสุดท้ายที่จำได้คือการ์ดคนสนิทกำลังพาเขาออกจากเลานจ์แค่คิดก็รู้สึกมึนหัวอีกระลอก จนต้องยกถ้วยชาหอมกรุ่นตรงหน้าขึ้นดื่มอึกใหญ่ กลิ่นสดชื่นของเปเปอร์มินต์ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย“ชาแก้แฮ้งน่ะ หนูรินเตรียมไว้ให้”เพียงแค่เห็นสีชากับได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ คนคอชาอย่างโรมก็รู้ได้โดยทันทีเลยว่าถ้วยชาของบุตรชายเป็นชาสมุนไพรที่ช่วยแก้อาการเมาค้างมือที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นจิบชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเหยียดยิ้มออกมา “คนดีของพ่อเก่งนะครับ รู้ด้วย
บทที่ 2 รอยด์ แมคคาร์นิคดารินทร์ขบริมฝีปากแน่น ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาถูกตอกย้ำอีกครั้งในวันที่บิดาถูกยิง ภาพของบิดานอนหายใจรวยรินอยู่ห้องไอ.ซี.ยู โดยมีสายระโยงระยางไปทั่วจนเธอนึกสงสารพ่อจับหัวใจ เจ็บปวดที่ช่วยอะไรพ่อไม่ได้ ได้แต่ยืนร้องไห้อย่างน่าสงสาร ทำเอาพ่อเธอต้องเป็นห่วงจนต้องเอ่ยปากอ้อนวอน ขอให้โรมดูแลเธอแทนและโรมเองก็รับปากว่าจะดูแลเธออย่างดีไม่ต่างอะไรจากลูกสาวคนหนึ่ง รวมถึงให้เธอแต่งงานกับรอยด์และสิ้นสุดประโยคนั้น พ่อเธอเอ่ยขอบคุณเสียงแผ่วก่อนจะก็ค่อย ๆ จากไปอย่างสงบนับแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมานานเกือบสามปี การแต่งงานก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะถูกจัดขึ้นแต่อย่างใด เพราะคนที่ถูกยัดเยียดให้เป็นเจ้าบ่าวแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่คิดจะแต่งงานเพราะเขายังทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาและเท่าที่เธอรู้จักรอยด์มา เธอรู้ว่าเขาเกลียดการถูกบังคับยิ่งกว่าอะไร การที่เขาถูกยัดเยียดบังคับให้แต่งงานกับเธอก็ไม่ต่างอะไรจากการทำให้เขารู้สึกเกลียดขี้หน้าเธออย่างไร้เหตุผลจนพาลพาโลหาเรื่องแขวะเธอทุกครั้งที่เจอหน้ากันเขาไม่เคยคิดจะรักเธอ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีต่อกี่ปีเขาก็ไม่เคยชายตาแล เป็นได้แค่คนนอก
บทที่ 1“ชาร้อน ๆ ค่ะคุณท่าน”น้ำเสียงหวานซึ้งเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงละมุนหู วางถ้วยชาคาโมมายล์ลงตรงหน้า โรม แมคคาร์นิค มาเฟียรุ่นใหญ่แห่งรัสเซีย วัยห้าสิบหกปี เจ้าของคฤหาสน์หลังงามสไตล์เรเนซองส์ที่ตั้งอยู่แถบชานเมืองของกรุงมอสโก“ขอบคุณนะหนูริน”“ยินดีค่ะคุณท่าน”ดารินทร์หญิงสาวลูกเสี้ยวรัสเซียวัยยี่สิบเอ็ดปีคลี่ยิ้มให้ประมุขของบ้านอย่างอ่อนหวาน เธอเป็นลูกสาวของเดร็ค อดีตการ์ดคนสนิทของโรม ที่เสียชีวิตไปเมื่อสามปีก่อนจากการปกป้องผู้เป็นนายจากการลอบยิงทำให้ต้องกำพร้าพ่อตั้งแต่อายุสิบแปดปี ส่วนมารดาก็เสียชีวิตไปตั้งแต่คลอดเธอได้เพียงสามเดือน แต่โชคดีที่โรมรับปากพ่อเธอไว้ก่อนตายว่าจะดูแลเธออย่างดีทำให้เธออยู่ในความดูแลของโรมหลังจากเธอเรียนจบด้านบัญชีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัสเซีย โรมก็มอบหมายให้เธอดูแลความเรียบร้อยของคฤหาสน์แมคคาร์นิคแทนการออกไปทำงานนอกบ้านเธออาศัยอยู่ที่บ้านหลังเล็กของการ์ดบริเวณด้านหลังคฤหาสน์มาตั้งแต่เด็ก แต่พอเดือนก่อนประมุขของบ้านไม่ค่อยสบาย เธอจึงต้องย้ายขึ้นมาพักบนคฤหาสน์แทนเพื่อที่จะได้ดูแลประมุขของบ้านได้สะดวกขึ้น“แล้วนี่ครีมไปไหนล่ะ หนูรินเห็นบ้างไหม” เอ่ยถามถึ
บทนำคล้ายกับกลิ่นขนมคละเคล้ากับกลิ่นดอกไม้ระเหยมาให้ได้กลิ่นยามไล้ปลายจมูกไปตามผิวเนื้อนุ่ม กรามแกร่งบดเข้าหากันแน่นก่อนนัยน์ตาสีมรกตจะฝืนมองคนใต้ร่าง แต่ภาพตรงหน้ากลับพร่าเบลอ...อาจเป็นเพราะแอลกอฮอล์และฤทธิ์ยาทำให้เขาไม่มีสติมากนัก รับรู้เพียงแค่ว่าคนใต้ร่างเขาเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ผมยาว แล้วก็ตัวหอมมาก ไม่ว่าจะจับไปตรงไหนก็นุ่มละมุนมือไปหมด เอวคอดเล็กรับกับมือเขาอย่างพอเหมาะราวกับถูกสรรค์สร้างมาเพื่อเขาทั้ง ๆ ที่ควรสงสัยว่าใครที่มานอนระทวยอยู่ใต้ร่างแบบนั้น แต่เพราะแทบจะไม่เคยขาดผู้หญิงข้างกาย รอยด์ก็เลือกที่จะสลัดความคิดที่จะหาคำตอบทิ้งไปบางทีอาจจะเป็นผู้หญิงสักคนที่ลูกน้องเขาหามาให้...เรียวปากร้อนชื้นก้มลงไปครอบครองอวัยวะเดียวกัน บดเคล้าคลอเคลีย ใช้ชั้นเชิงที่มากล้นบังคับให้อีกฝ่ายเผยอริมฝีปากออกก่อนจะแทรกเรียวลิ้นร้ายกาจเข้าไปควานหาความหวานรสหวานหอมคล้ายกับคาราเมลติดปลายลิ้น ยิ่งจูบก็ยิ่งมัวเมา เรียวปากร้อนชื้นลากไล้ไปทั่วผิวเนื้อนวล ฝากรอยจูบสีกุหลาบไว้ในทุก ๆ จุดที่เรียวปากลากผ่านอึดอัดจนอยากระบายเสียเดี๋ยวนี้...ฝ่ามือร้อนผ่าวลากไล้ไปทั่วร่างนุ่มก่อนปลายนิ้วสากระคายจะเกี่