เบลล่ามองไปที่หน้าของท่านเคาน์ รอยยิ้มที่แสนจะเจ้าเล่ห์มันดันออกมาจากใบหน้าที่งดงามของเขา! เธอคิดว่าท่านเคาน์เป็นคนที่นิสัยไม่ตรงกับหน้าตาเอาซะเลย
ในคราแรกที่พบกันเธอไปเรียกเขาว่าเทวดาได้ยังไง!! “เจ้าไม่อยากรู้งั้นหรือว่า ริมฝีปากของข้าหากมันจุมพิตกับปากของเจ้ามันจะเป็นเช่นไร แล้วข้าจะทำยังไงต่อ…” “เหตุใดข้าถึงต้องอยากรู้เรื่องราวพวกนั้น….” “อ่า..เจ้าไม่อยากรู้ก็ไม่เป็นไรเพราะว่าข้าอยากรู้” เอซหลับตาลงก่อนจะก้มหน้าลงมาประทับริมฝีปากกับเบลล่า เธอพยายามหันหน้าหนีแต่ทว่าก็ไม่เป็นผลเพราะเอซไม่ยอมให้เธอได้มีโอกาสทำเช่นนั้น เขาจับหน้าของเธอเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้เธอได้ปฏิเสธจุมพิตของเขา เธอยกมือขึ้นมาทุบที่อกของเขาเพื่อให้เขาปล่อยริมฝีปากของเธอให้เป็นอิสระ “อื้อ!!” เอซสอดลิ้นเข้าในปากของเธอก่อนจะเริ่มปลุกเร้าเบลล่าเบาๆ เพราะบนโซฟามันคับแคบเกินกว่าที่เธอจะดิ้นหนี เธอในตอนนี้ราวกับไร้ทางเลือก “ท่านไม่ควรจะทำเช่นนี้!!” เธอรีบกล่าวกับทันทีที่เขาปล่อยริมฝีปากของเธอให้เป็นอิสระ “ข้ามิได้ทำเช่นนี้กับสตรีไปทั่ว…ถึงข้าจะมีภรรยามากมายแต่ข้าก็มิได้อยากครอบครองใคร มากเท่าอยากครอบครองเจ้ามาก่อน” เธอมองใบหน้าที่ดูจริงจังของเขาด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย…ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งสองคน “ท่านว่าจ้างให้ข้า เข้ามาทำให้เคาน์เตสหย่า…การกระทำเช่นนี้ไม่ว่ามองทางใดก็ดูไม่เหมาะสม ข้ามิอาจทำใจมีอะไรกับชายที่มีภรรยาอยู่แล้ว…” “ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่านางมิใช่ภรรยาของข้า เจ้าก็รู้ว่าเรื่องราวในอดีตเป็นเช่นไร แล้วเหตุใดถึงยังบอกว่านางเป็นภรรยาของข้าอีก!!” เบลล่าดันตัวของท่านเคาน์ให้ลุกขึ้น…เธอมองใบหน้าที่ดูน่าสงสารของเขาด้วยหัวใจที่กำลังหวั่นไหว เธอรู้ดีว่าเรื่องในอดีตเขาถือว่าเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด… “ข้า..ขอโทษค่ะ ข้ามิได้ตั้งใจจะกล่าวคำที่สะเทือนใจของท่าน” เอซยกมือขึ้นมากุมหน้าของเบลล่าเอาไว้ “ทำไมถึงปฏิเสธข้า…ในครั้งแรกที่เราพบกันเจ้าเรียกข้าว่าเทวดาด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดถึงไม่ยอมเป็นนางฟ้าของข้าเล่า” “นั่นมันตอนที่ข้ายังไม่รู้จักท่าน…” เอซหอมแก้มเธอเบาๆ เขาจูบที่ตาและหน้าผากของเธอ “ข้าเพียงอยากสัมผัสเจ้าให้มากกว่านี้…” “…..หากว่าข้ายอมให้ท่านสัมผัส เรื่องราวระหว่างเราก็จะเปลี่ยนไป” “เจ้าคือภรรยาของข้าอยู่แล้วไม่ใช่รึไง?” “นั่นเป็นเพียงแค่บทบาทที่ท่านว่าจ้างให้ข้าแสดง….” “เช่นนั้นเจ้าก็มาเป็นภรรยาของข้าจริงๆ สิ แบบไม่ต้องแสดง” เขายกมือของเบลล่าขึ้นมาจับที่หัวใจของเขา “หัวใจของเรามันต่างก็กำลังเต้นแรง…ร่างกายของเรามันกำลังต้องการกันและกัน..” อ่า…ให้ตายเถอะ เธอกำลังถูกใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาหลอกลวงอยู่! เอซยกยิ้มจางๆ เพราะเขาเห็นความหวั่นไหวในแววตาของเบลล่า “เบล เจ้าลังเลอะไร?” “เพราะว่าท่านคือคนที่น่ากลัว…” “ข้าอ่อนโยนถึงเพียงนี้เจ้ายังคิดว่าข้าน่ากลัวอีกหรือ?” เธอยกมือขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของเอซเอาไว้ “รอยยิ้มของท่านมันไปไม่ถึงดวงตา ท่านไม่เคยยิ้มโดยที่ท่านมีความสุขจริงๆ สักครั้งเดียว….” รอยยิ้ม…ค่อยๆ จางหายไปจากใบหน้าที่หล่อเหลาของเอซ เขาจับข้อมือของเบลล่าขึ้นมาจูบ “คงจะมีแต่เจ้าที่สังเกตเห็น…ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำเช่นนั้นแต่รู้ตัวอีกทีก็ต้องคอยยิ้มให้ท่านพี่มาซาอยู่ตลอด….” เธอยกมือขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของเขาอีกครั้ง “ใบหน้าที่งดงามของท่านไม่เหมาะกับเรื่องเศร้าๆ พวกนี้ อย่าเอ่ยถึงมันเลยค่ะ” “เช่นนั้น..ใบหน้าของข้ามันเหมาะที่จะทำอะไรล่ะ?” เขาช้อนตัวเธอขึ้นมาก่อนจะตรงไปที่ห้องน้ำ “ข้าจำได้ว่ายังไม่ได้อนุญาตให้ท่านแตะต้องตัวข้าเลย….” เอซไม่ได้กล่าวคำใด เขาเพียงส่งยิ้มให้เบลล่าเท่านั้น รอยยิ้มที่แสนจะงดงาม รอยยิ้มแรกที่มันออกมาจากความสุขของเขาจริงๆ เอซเปิดน้ำใส่อ่างก่อนที่เขาจะเดินมาหาเบลล่า เราทั้งสองสบตากันในขณะที่เขายื่นมือมาถอดชุดให้เธอ “ไม่คิดจะถอดเสื้อให้ข้าบ้างรึไง?” “ท่านเหมาะที่จะใส่มันไว้มากกว่าค่ะ….” เอซยกยิ้มอีกครั้ง เขาถอดชุดตัวเองออกอย่างรวดเร็วแล้วพาเธอลงไปนั่งในอ่าง เขายกฟองน้ำขึ้นมาถูหลังให้เบลล่า “เจ้างดงาม…ไปเสียทุกส่วน” “นี่ถือเป็นข้อมูลลับของเมบิลนะคะ ท่านเคาน์ห้ามนำไปขายให้ใคร…” เอซหัวเราะ… “นอกจากข้าจะไม่ขายให้ใครแล้ว ข้าจะสั่งฆ่าทุกคนที่รู้เรื่องนี้ด้วย ดีไหม?” เบลล่ายกยิ้ม “โหดร้ายเกินไปแล้ว…” เขาดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอด ในเธอลุกขึ้นมานั่งบนตักของเขา “ข้าพึ่งเคยอาบน้ำกับสตรีอื่นครั้งแรก ไม่รู้ว่าจะต้องอาบนานแค่ไหนถึงจะสามารถพาเจ้าไปที่เตียงได้สักที?” เบลล่าหัวเราะเบาๆ “สตรีล้วนแล้วแต่อาบน้ำนาน เพราะต้องใช้น้ำมันต่างๆ มาทาผิว ข้าก็เช่นกัน…” “เจ้าก็รู้ว่าข้ามิใช่คนที่มีความอดทน หากว่าเจ้าต้องอาบน้ำนาน เช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้ คงจะต้องทำไปด้วยอาบน้ำไปด้วยแล้ว….” “ใครจะอนุญาตให้ท่านทำอย่างอื่นนอกเหนือจากอาบน้ำ?” “….ข้าอนุญาตตัวเองได้” น่ารักชะมัดเลยโว้ย! เบลล่ากำลังกรีดร้องในใจแต่ทว่าเธอก็ยังคงต้องทำท่าทางราวกับไม่สนใจท่านเคาน์ ใครจะสามารถต้านทานใบหน้าเช่นนั้นได้ ให้ตาย!!! เอซพรมจูบตั้งแต่ไหลของเธอจนมาถึงซอกคอ “นอกจากงดงาม เจ้ายังหวานล้ำอีกด้วย….” ใบหน้าของเธอมันกำลังเห่อร้อนด้วยความเขินอาย เราทั้งคู่ต่างเปลือยเปล่าท่านเคาน์กอดเธอเอาไว้แน่น เขายกมือขึ้นมาเกาะกุมที่หน้าอกของเธอ แล้วออกแรงบีบมันเบาๆ เบลล่าหลับตาลง…เธอในตอนนี้ต่อให้กล่าวปฏิเสธไปก็ดูจะไร้ความหมาย เพราะท่านเคาน์ดูท่าทางจะไม่ปล่อยเธอไป…อีกทั้งใจของเธอก็กำลังสั่นไหวกับทุกคำพูด การกระทำ และใบหน้าของเขาเป็นอย่างมาก เธอไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยจริงๆ ว่าจะเป็นพวกหลงรูปลักษณ์ภายนอก!! แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทั้งแววตาและคำพูดของเขามันราวกับว่าเขากำลังสะกดจิตของเธออยู่ ความรู้สึกเช่นนี้เองสินะที่เรียกกันความลุ่มหลง… เช่นนั้นวันนี้เธอจะลองปล่อยทุกความรู้สึกไปกับเขาดู เธออยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะมีความสามารถทำให้เธอจมดิ่งไปกับความลุ่มหลงของเขาได้ขนาดไหน… “เบล..เหตุใดถึงได้คิดถึงเรื่องอื่นในขณะที่ข้าสัมผัสเจ้าอยู่?” เอซจับเบลล่าให้หันมามองหน้าเขา ใบหน้าที่งดงามของเธอในตอนนี้มันแดงซ่าน…ผิวกายที่ขาวเนียนของเธอตรงเนินอกก็ขึ้นแบบสีแดงตามรอยนิ้วมือของเขา เธอยกมือขึ้นมาโอบคอเขาเอาไว้ “ข้าเพียงคิด ว่าท่านจะทำให้ข้าลุ่มหลงท่านไปถึงไหน…” เอซยกยิ้ม เขาจับตัวตนของเขาให้มันแนบไปกับส่วนล่างของเธอก่อนจะยกมือขึ้นมาขยับสะโพกของเธอช้าๆ “ผิดแล้วเบล เป็นข้าต่างหากที่กำลังลุ่มหลงเจ้าอย่างหนัก…” “อ๊ะ!!..อื้อ!!” แก่นกายของเขามันเสียดสีไปกับตุ่มไตของเธอจนทำเอาเบลล่าไม่สามารถเก็บกักเสียงเอาไว้ได้… “เจ้ารู้รึเปล่าว่าเพียงแค่ข้าพบหน้าเจ้าที่งานบรรลุนิติภาวะของเลดี้เคนเนดี้ ข้านั่งรอที่จะเต้นรำกับเจ้า นานแค่ไหน…” เธอมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยของเขาที่มันกำลังสั่นไหว “ข้าเห็นเจ้าเดินไปที่สวนจึงรีบตามไป…เพื่อจะทำความรู้จักกับเจ้า แล้ววันที่ข้าแต่งงานเจ้ารู้ไหมว่าข้ารู้สึกเช่นไรเมื่อหันไปด้านหลังแล้วเจอเจ้า…” เอซใช้นิ้วของเขาวนเบาๆ ที่ติ่งเสียวของเธอ… “ข้ายกเลิกงานแต่งในวันนั้น เพราะสตรีที่มาทำลายงานแต่งคือสตรีที่ข้าหลงรักตั้งแต่แรกพบ….” เกินไปแล้วนี่มันเกินไปแล้ว!!! ให้ตาย! ตอนนี้เธอควรจะรู้สึกเช่นไร ท่านเคาน์สารภาพรักกับเธอเนี่ยนะ!! แล้วในแววตาที่มองมาที่เธอมันก็กำลังยืนยันว่าเขามิได้โกหก เขารู้สึกพึงพอใจกับสีหน้าตอนนี้ของเบลล่ามากๆ มันงดงามเย้ายวนและอ่อนไหว เธอมองมาที่เขาอย่างตกใจเล็กน้อย เขากดที่ส่วนของปลายหัวหยักลงเพื่อจะให้มันเข้าไปด้านในของเธอ… “อื้อ!!!” มันเข้ามาแล้ว!! เธอสัมผัสได้ถึงแก่นกายของเขาที่มันมุดเข้ามาช้าๆ เบลล่าหายใจเหนื่อยหอบเธอก้มมองที่ด้านล่างก็ต้องตกใจกับขนาด…ที่มันเกินพอดีของเขา!! “อ่า!! เข้าไปแล้ว….” เธอกอดคอของเขาเอาไว้แน่น มือของเอซกำลังกดสะโพกของเธอให้นั่งลงไปช้าๆ “..มะ..ไม่ไหว…” เธอรู้สึกแน่นในท้องไปหมด ทว่าตัวตนของเขาก็ยังเข้ามาไม่สุดเสียที “เบลอย่ารัดแน่นขนาดนั้น เจ้าต้องรู้จักผ่อนคลาย…” เขาดึงเธอเข้าไปจูบเพื่อปลอบประโลม เอซไม่ได้มากไปด้วยประสบการณ์ในเรื่องเช่นนี้แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยทำเลย “เก่งมากเลย…ข้าเข้าไปอยู่ในตัวเจ้าได้แล้วเบล..ถือว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วนะ…” เขาโอบกอดเธอเอาไว้แน่นโดยที่ยังไม่ได้เริ่มขยับ เอซกดแช่เอาไว้อย่างนั้นเพื่อรอให้เธอเริ่มจะชินกับแก่นกายของเขา “อยากลองขยับเองไหม?” เบลล่าส่ายหน้า “ขะ..ข้าทำไม่เป็น” “นั่นไม่ได้เป็นปัญหาเลยเบล ข้าเองก็ไร้ประสบการณ์ แต่เราจะมาเรียนรู้ไปด้วยกันดีไหม?” ท่านเคาน์ถือเป็นคนที่หลอกลวงเก่งมากๆ คนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เขาแสร้งทำเป็นว่ามีทางเลือกให้เธอ แต่จริงๆ แล้วมันไม่มีเลย เธอบดเอวช้าๆ ตามที่เขาแนะนำ…นี่มันให้ความรู้สึกที่แตกต่าง… พอเธออยู่ด้านบนเช่นนี้มันราวกับว่าตัวตนของเขาเข้าไปได้ลึกมากๆ เอซยกมือขึ้นมากดหน้าท้องของเบลล่าเอาไว้ “ดูสิ…มันเข้าไปจนถึงตรงนี้เลย…ลองเร่งจังหวะดูสิเบล” เธอทำตามที่เขาสอนอย่างตั้งใจ ราวกับว่าเธอนั้นคือลูกศิษย์ที่ดี… เอซยกยิ้ม…นี่สินะคือความสุขที่เขามิเคยพอเจอมาก่อน เขาอุ้มเธอพามาที่เตียงขนาดเล็ก เธอและเขาโอบกอดกันราวกับว่าเราคือหนึ่งเดียวกัน… อากาศที่เหน็บหนาวด้านนอกมิอาจทำอะไรเขาและเธอได้เลย เราต่างก็เป็นไออุ่นให้กันและกัน เขาสัมผัสเธอนับครั้งไม่ถ้วนราวกับว่าเธอคืออาหารรสเลิศที่ทานเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม “ท่านเคาน์…อื้อ!!” “เอซ…เจ้าควรจะเรียกชื่อข้าที่รัก” “ช้าลงหน่อยค่ะ….” เธอลืมตาขึ้นมามองใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา…เธอยกมือขึ้นมากุมหน้าของเขาเอาไว้ “ให้ข้าสัมผัสเจ้าเถิด…เพราะข้ากำลังหวาดกลัว ข้ากลัวว่าที่ข้าได้สัมผัสเจ้าเช่นนี้จะเป็นเพียงความฝัน กลัวว่าพรุ่งนี้ข้าลืมตาขึ้นมาเจ้าก็จะทำเย็นชากับข้าเช่นเดิม…” อ่า..คำหวานเหล่านี้มันคืออะไรกัน…นี่เขาตั้งใจจะให้เธอจมดิ่งลงไปในหลุมพรางที่เขาขุดเอาไว้ไม่ให้เธอมีโอกาสได้ขึ้นมาอีกเลยรึไง? “อื้อ!!” เขายกขาของเธอขึ้นมาช้าๆ เพื่อให้เขาสามารถเข้าไปได้ลึกอีกหน่อย… “โกรธไปเถิดเบล จะโกรธหรือจะไม่พอใจข้าก็ได้ แต่ให้ข้าได้สัมผัสเจ้ามากกว่านี้ ให้ข้าได้รับรู้ว่าเจ้าคือเรื่องจริง มิใช่เป็นเพียงความเพ้อฝันของข้า…” เขากล่าวมาเช่นนี้แล้ว เธอยังจะสามารถทำเช่นไรได้อีก….เบลล่าตื่นขึ้นมากลางดึก ไบรอันยังคงโอบกอดเธอเอาไว้ ส่วนเลโอนอนอีกฝั่งนึกตอนที่ทั้งสองคนมาเจอกันไม่ออกเลย แต่รอยช้ำที่แก้มของไบรอันก็บอกเธอได้ดี ว่ากว่าเลโอจะยอมคงจะตกลงกันนานพอสมควรเธอลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างก่อนจะมองไปด้านล่าง เบลล่ามองฝนที่ยังคงตกลงมาต่อเนื่องอย่างไม่มีทีท่าว่าจะแล้งเธอไม่ชอบเวลาฝนตกเลย มันเหมือนกับว่าบรรยากาศรอบข้างมันเศร้ายังไงไม่รู้เลโอลุกขึ้นจากเตียง เขาเดินมาโอบกอดเธอจากด้านหลัง“นอนไม่หลับอีกแล้วงั้นหรือ ไปเจออะไรที่วิหารมา”เธอถอนหายใจ“ข้าไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ข้าเห็นมันจะเป็นจริงรึเปล่า แต่ในอนาคตที่ไม่รู้ว่าระยะเวลามันจะอีกแค่ไหน ข้าจะตาย…”เบลล่าสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดที่แน่นขึ้นของเลโอ เขาพรมจูบที่ต้นคอของเธอไล่ลงไปจนถึงไหล่“นั่น!..อาจจะมีอะไรผิดพลาด ข้าจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่!”เธอยกมือขึ้นมากุมหน้าเขาเอาไว้“ข้ารู้เลโอ ว่าท่านจะต้องปกป้องข้า ข้าก็ไม่คิดจะยอมรับโชคชะตาเช่นนั้นเหมือนกัน การที่อาเชอร์บอกเรื่องนี้กับข้าแสดงว่าเขาอยากให้ข้าเป็นคนแก้ปัญหา…”“ข้าจะช่วยแก้ปัญหาด้วย!”ไบรอันลุกขึ้น เขาเดินมาหาเบลล่าพร้อมทั้งเอาคางเกยไว้ที่ไหล่ของเธอ“ตอนที่เจ้า
ไบรอันมองเบลล่าอย่างเป็นห่วง เขายกมือขึ้นมาแตะที่หน้าผากของเธอเพราะตอนนี้ใบหน้าของเธอมันกำลังแดง จริงๆ ไม่ใช่แดงแค่หน้าแต่แขนและคอของเธอมันแดงไปหมด“เบล ข้าควรไปตามนักบุญด้านนอกมารักษาเจ้า”“โพชั่นที่อาเชอร์ทำ ไม่มีเวทมนตร์ใดที่สามารถรักษาได้ มีแต่ต้องรอให้มันหายไปเองเท่านั้น!”อาการของเธอดูน่าเป็นห่วงจนไบรอันรู้สึกไม่ดีเลย ใบหน้าที่งดงามของเธอมันบิดเบี้ยวเพราะเธอกำลังเจ็บปวด“ล็อกห้องนี้แล้วพาข้ากลับเมบิล…”ไบรอันอุ้มเธอขึ้นมาเขาพาเธอเดินออกไปพร้อมกับปิดห้องให้เรียบร้อย แล้วรีบอุ้มเบลล่าไปที่รถม้า“อื้อ!!”เขาวางเธอลงบนรถม้า ตอนนี้ใบหน้าของเธอมันชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ“ข้าควรจะตามหมอมารักษาเจ้า”เบลล่าส่ายหน้า“ไม่ต้อง!! ไปตามเลโอมาก็พอ อึก!!”ความปรารถนากำลังโจมตีเธออยากหนักจนขาทั้งสองข้างมันกำลังสั่นเทา เบลล่าสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่จุดกึ่งกลางจนเธอจนต้องหนีบขาเข้าด้วยกัน คอของเธอมันแห้งผาดราวกับว่าเธอกำลังกระหายน้ำ“แกรนด์ดยุคเขาจะรักษาเจ้าได้ยังไง เขาไม่ใช่หมอสักหน่อย”เธอกำลังหงุดหงิด เขาจะถามอะไรมากมายนัก แค่ไปทำตามที่เธอสั่งมันยากนักรึไง!!ไบรอันเห็นตัวของเบลล่ากำลังสั่นเทา
เลโอดึงเบลล่าไปกอด เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความกังวลมากมายจากสายตาของเธอ“เบล ไม่ว่าข้างหน้าจะมีอะไรรออยู่ ข้าจะเป็นคนปกป้องเจ้าเอง อย่าได้กังวลไปเลย”เธอกำกุญแจในมือเอาไว้แน่น แล้วโอบกอดเลโอ“เลโอ ท่านทำให้ข้ามีแรงสู้ขึ้นมา หากว่าไม่มีท่านข้าอาจจะซื้อเรือสำเภาสักลำแล้วหอบเงินขึ้นเรือหนีไป…”เลโอพรมจูบที่ซอกคอของเธอเบาๆ“เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ตัวเองคิดมากนะเบล ไม่อย่างนั้นตอนที่พบกันครั้งแรกเจ้าไม่กล้ารับงานที่ข้าสั่งไปทำหรอก”ใบหน้าที่งดงามของเบลล่ายกยิ้มขึ้นมา เกือบลืมไปแล้วว่าในตอนแรกเธอและเลโอคือเจ้านายและลูกจ้าง“ยังเจ็บตรงไหนอยู่รึเปล่า?”มือของเขานั้นเริ่มซุกซนจนเธอต้องยกมือขึ้นมาห้ามเอาไว้“ไม่เจ็บแล้วค่ะ แต่ข้ายังเหนื่อยอยู่มาก…”“เช่นนั้นก็นอนกันเถิด”เขากลืนความอยากลงคอไปแล้วโอบกอดเธอเข้ามาในอ้อมแขน เสียงฝนที่ตกอย่างหนักราวกับเสียงเพลงที่ขับกล่อมให้เขาและเธอเข้าสู้ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วยามเช้าที่ไร้แสงตะวัน เธอลืมตาขึ้นมาโดยปราศจากเงาของเลโอ เบลล่าลุกขึ้นมาแล้วเดินไปที่หน้าต่าง เช้านี้ฝนตกปรอยๆ พอเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเกือบเที่ยงวันน่าแปลกที่วันนี้เธอไม่รู้สึกง่วงแล้ว เบ
เลโอยกมือขึ้นมากุมมือของเบลล่าเอาไว้ เขามองเธอด้วยสายตาแห่งความเจ็บปวด ถึงอาเชอร์จะช่วยรักษาเธอแล้วแต่อวัยวะภายในได้รับความเสียหายอย่างมาก จะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูตัวเองที่ห้องข้างๆ ก็ตึงเครียดไม่แพ้กัน ถึงจักรพรรดินีจะได้รับยาพิษไปในปริมาณเล็กน้อย แต่นั่นก็เพียงพอที่ทำให้เธอสูญเสียลูกคนแรกไป ถึงแม้จะพ้นขีดอันตรายแล้วแต่สภาพจิตใจของคิร่าแย่มากทีเดียวงานเลี้ยงด้านล่างยังคงดำเนินต่อไปไม่มีการยกเลิก…“พระองค์ควรจะลงไปข้างล่าง…ซ่อนความเจ็บปวดและอ่อนแอในใจเอาไว้ให้มิดชิด อย่าให้คนที่กระทำรับรู้ว่าเรากำลังเจ็บปวด”เอซยกมือขึ้นมาตบไหล่ของวัลโด้เบาๆ วัลโด้มองมาที่เลโอที่พยักหน้าให้เขาเขาสูญเสียลูกคนแรกไป ในตอนนี้ขาทั้งสองข้าจะยืนไม่อยู่แล้วด้วยซ้ำ แต่หากว่าเขาอ่อนแอ คนด้านหลังจะอยู่ได้อย่างไร ตอนนี้เขาถือเป็นผู้นำของทุกคนวัลโด้ถอนหายใจเขายกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดคราบเหงื่อและน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะเดินลงไปด้านล่างพร้อมราชเลขา“สภาพเราทุกคน มันดู…แย่ไปหมด คนพวกนั้นฉลาดมาก พวกมันไม่ได้โจมตีแค่ร่างกายแต่โจมตีที่จิตใจของเรา…”โคลด์ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ทำไมมันถึงเกิดเรื่องกับเบลล่าและคิร่าซ้ำแล้วซ้ำ
สตรีใบหน้างดงามที่เข้ามา..นั่นคือภรรยาของเขาไม่ใช่รึไง!!ชายที่เธอควงแขนอยู่นั่นก็ไม่ใช่โคลด์ แล้วไอ้เวรนั่นเป็นใครกันวะ!!!วัลโด้สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก ในห้องพอเขามองตามสายตาของเลโอไปก็พบกับผู้ที่เดินเข้ามาในงาน..นั่นมันองค์รัชทายาทมาเดลีนไม่ใช่รึไง ข้างกายของเขาคือสตรีใบหน้างดงามที่คุ้นตา เบลล่า!?“อย่าบอกว่านั่นคือองค์รัชทายาท?”เลโอกล่าวถามพร้อมทั้งชี้ลงไปด้านล่าง วัลโด้พยักหน้า เขาส่งยิ้มจางๆ ให้เลโอ“นี่มันเป็นไปตามแผนของเราเลยไม่ใช่รึไง เป็นเบลล่าก็ถือว่า…”“อย่าได้พูดอะไรเช่นนี้ออกมาอีก และอย่ามาคิดใช้ภรรยาของข้าเป็นหมากในกระดานนี้”เลโอกล่าวจบก็รีบเดินไปหาเบลล่าด้านล่าง วัลโด้ยักไหล่พร้อมกับหัวเราะเบาๆ“เอซ ไม่ลงไปรึไง?”เอซยกยิ้ม“กับเบลข้าไม่ห่วงนางแล้วล่ะ เมื่อคืนได้พูดคุยอะไรกับนางหลายๆ อย่าง ก็พอเข้าใจได้ ตอนนี้พระองค์ต่างหากที่ควรลงไปห้ามแกรนด์ดยุค ไม่ให้เขาทำร้ายองค์รัชทายาทมาเดลีน”วัลโด้ชะงักพร้อมกับมองไปที่บันได เลโอกำลังเดินอย่างรวดเร็วไปหาเบลล่าอ่า..ให้ตายเถอะ!!เขามองไปที่ราชเลขาเพื่อสั่งให้วงดนตรีบรรเลงเพลง แล้วรีบเดินลงไปด้านล่างตามเลโอไปติดๆ“นี่คงจะเป็
องค์จักรพรรดิวัลโด้ถอนหายใจเมื่อเขาเห็นจดหมายในมือ เขารู้สึกรำคาญเมเบโล่ยิ่งนัก แกรนด์ดัชเชสผู้นั้นยื่นเรื่องให้เขารับหลานสาวของนางขึ้นมาเป็นสนมเอกปัญหาก็คือแกรนด์ดัชเชสเมเบโล่สนิทกับท่านพ่อนี่แหละ!! เขาไม่อยากผิดใจกับคิร่าเลยจริงๆ นางกำลังตั้งครรภ์ด้วยเขาไม่อยากทำให้นางคิดมากเลย“หากไม่อยากรับสตรีผู้นั้นมาพระองค์ก็แค่หาทางสร้างพรหมลิขิตให้นางกับชนชั้นสูงสักคน…”เลโอกล่าวพร้อมกับวางกระดาษรายงานเรื่องงบประมาณลงบนโต๊ะ“อันที่จริงข้าส่งนางไปเป็นภรรยาน้อยของแกรนด์ดยุคโอเว่นก็ได้นี่นา”“หากไม่กลัวว่าพระองค์จะสูญเสียกำลังทางทหารไปก็ลองดู”“อ่า ล้อเล่นหน่อยก็ไม่ได้งั้นหรือ?”“ข้าแนะนำทางแก้ไปแล้ว สุดแต่พระองค์จะตัดสินใจเถิด…”เลโอและวัลโด้ถูกเลี้ยงมาด้วยกัน ทำให้เลโอไม่นึกกลัวองค์จักรพรรดิ และวัลโด้ก็ไม่ได้นึกโกรธคำกล่าวของเลโอเลยเพราะเขามองเลโอเป็นพี่ชายมาโดยตลอดเอซยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“เมื่อเช้ากิลข้อมูลส่งข่าวมาว่าอาร์ชดยุคกูเรี่ยนเคลื่อนไหวแปลกๆ เมื่อคืนหลังจากที่เบลล่ากลับมา โดโนแวนตามดูต่อ ปรากฏว่าแกรนด์ดัชเชสเมเบโล่เข้าไปพบกับอาร์ชดยุคที่โรงแรม…”เลโอแย่งแก้วเหล้าในมือของเอซมาดื่มจ
อาร์ชดยุคกูเรี่ยนพาสตรีใบหน้างดงามทั้งสองขึ้นโรงแรมไป ดูไปแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าผิดสังเกต เบลล่าเรียกให้โดโนแวนมาเฝ้าอาร์ชดยุคต่อ ส่วนเธอจะกลับไปพักที่คฤหาสน์ พอมาถึงเมบิลก็มีบัตรเชิญจากพระราชวังส่งมา เปิดอ่านก็พบว่าคิร่าเชิญเธอไปที่งานเลี้ยงต้อนรับองค์รัชทายาทมาเดลีน เธอโยนบัตรเชิญนั้นไว้บนโต๊ะก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟา ไม่อยากไปเลยแฮะ…เดิมทีเธอก็ไม่ใช่คนที่จะชอบเข้าสังคมของชนชั้นสูงอยู่แล้ว เบลล่าพยายามหลีกเลี่ยงงานเข้าสังคมมาตลอด เพราะเธอคิดว่ามันไร้สาระ “ท่านหญิงคะ ดยุคเอเซล่ามาขอเข้าพบค่ะ” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเบลล่าเธอไม่ทันจะลุกขึ้นเอซก็เดินเข้ามาใจห้องแล้ว เบลล่าอ้าแขนออกเพื่อโอบกอดเขา “คิดถึงจะบ้าอยู่แล้ว!!” เอซกล่าวพร้อมทั้งจูบลงบนผมของเบลล่าอย่างแรง “เหตุใดถึงมายามนี้ ท่านก็รู้ว่าการเดินทางยามค่ำคืนมันอันตราย บ้านเรือนของเรามิได้อยู่ในช่วงที่สงบ…” “ตั้งแต่ข้าย้ายเข้าไปที่เดเลี่ยน ในใจมันก็ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ อีกแล้ว ที่นั่นอยู่ติดกับชายแดน ข้าศึกพร้อมจะบุกเข้ามาทุกเมื่อ ที่หายไปก็เพราะข้าต้องเฝ้าดูการก่อสร้างกำแพงเมือง โชคดีที่ท่านแกรนด์ดยุคโอเว่นส่งทหารไปช่วยเป
ด้านนอกหน้าต่างฝนกำลังตกอย่างหนัก ค่ำคืนที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ มีเพียงเสียงของเม็ดฝนที่ตกลงมาแรง พร้อมกับเสียงครางแว่วหวานในห้องผ้าปูที่นอนที่ยับเยินและเปียกชุ่มบ่งบอกได้ดีว่าสตรีและบุรุษบนเตียงนั้นร่วมรักกันอย่างรุนแรงแค่ไหน“อื้อ!! ไม่ไหวแล้ว!!”“หึ ใครจะยอมให้เจ้าเสร็จสมกันที่รัก…”เขาดึงแก่นกายออกมาจากทางรักที่เปียกชุ่มของเธอ ผิวกายที่ขาวราวกับหิมะนั้นขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ ใบหน้าที่งดงามของเธอมีสีหน้าเจ็บปวดและโมโหในเวลาเดียวกัน ดวงตากลมโตของเธอมองมาที่เขาอย่างหงุดหงิด แพรขนตายาวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา…ความเจ็บปวดที่ส่งผ่านใบหน้าของเธอมันช่าง สาแก่ใจเขายิ่งนัก!!ไม่บ่อยที่เขาจะรู้สึกสนุกกับการร่วมรักเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาต้องการและเฝ้ามองเธอมาอย่างยาวนานเขายกมือขึ้นมาชักรูดตัวตนของเขา พร้อมทั้งส่งสายตายั่วยวนไปให้เธอ…จนกว่าฝนในค่ำคืนนี้จะหยุดตก เขาจะไม่ยอมหยุดทรมานเธอแน่!!!……..“ให้ตายเถอะ ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะตั้งครรภ์ได้ไวขนาดนั้น มีเจ้าเด็กตัวอ้วนอยู่ในนี้ใช่ไหม?”คิร่าหัวเราะให้กับท่าทางที่ประหลาดใจของเบลล่า เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว“ไม่ท้องสิ
อาเชอร์ก้มมองดอกกุหลาบสีขาวในมือ ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้วท้องฟ้าเริ่มจะเปลี่ยนสีเป็นสีดำเขาออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเที่ยง…หลังจากเข้าไปด้านในเธอก็คงจะด่าเขาเช่นเดิมไม่สิ อาจจะหนักกว่าทุกวันทว่าทันทีที่อาเชอร์เข้ามาภายในบ้านก็มืดสนิท เขายกมือขึ้นมาร่ายเวทย์เพื่อจุดตะเกียงที่ต่างๆ ในบ้านอาเชอร์วางดอกไม้เอาไว้บนโต๊ะ เขาเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อไปหาโจลี่“เจ้า..กินข้าวรึยัง?”เขากลืนน้ำลายลงคออย่างคนที่รู้สึกผิด…อาเชอร์นั่งลงบนเตียงข้างๆ โจลี่“วันนี้ลูกดิ้นรึเปล่า ยังแพ้ท้องอยู่ไหม….”เขาชะงักเมื่อเห็นดวงตาของเธอบวมช้ำราวกับว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก“โจลี่…ข้าขอโทษ ข้าไปทำงานมา…”“ทำงาน!! ท่านก็อ้างแต่ว่าทำงานตลอด อาเชอร์ท่านหายไปหนึ่งวันโดยที่ไม่บอกกล่าวข้าเลย!!”เธอลุกขึ้นมา แล้วยกมือทุบเขาอย่างแรง อาเชอร์ไม่ได้ตอบโต้เขาทำเพียงนั่งนิ่งๆ เพื่อให้เธอได้ระบายอารมณ์จนกว่าเธอจะพอใจ“เหตุใดถึงไม่หลบการโจมตีของข้า…”“ก็ข้าผิดจริงๆ นี่นา เจ้าทุบตีข้าได้เลย ทุบตีได้จนกว่าเจ้าจะหายโกรธ”เธอเม้มปากแน่น อาเชอร์ยกมือขึ้นมา บรรจงเช็ดน้ำตาให้เ