หลังจากส่งคิร่ากลับห้องนอนเรียบร้อยแล้วโคลด์ก็กลับมาที่ห้องทำงานอีกครั้ง เขาใช้นิ้วเคาะโต๊ะอย่างใช้ความคิด..เบลล่า เมบิล?
โคลด์ก้มมองตุ้มหูทับทิมสีแดงในมืออย่างอารมณ์ดี ใบหน้าที่แสนจะงดงามนั่นดึงดูดความสนใจของเขาได้ไม่ยากเย็นเท่าไหร่นัก และไม่ว่าเธอจะเข้ามาที่เคนเนดี้ด้วยเหตุผลใด เขาก็จะต้องระวังเรื่องความปลอดภัยของคิร่าก่อนเป็นอันดับแรก “กัสส่งคนไปตามสืบเรื่องของเบลล่ามาอย่างละเอียด…ข้าต้องการรู้ถึงเรื่องราวตั้งแต่นางยังเด็กจนถึงตอนนี้เลย…แล้วก็นี่..ตุ้มหูทับทิมเช่นนี้ตั้งแต่เกิดมาข้าเห็นสตรีเพียงคนเดียวที่สวมทับทิมออกงาน นั่นก็คือแกรนด์ดัชเชสโอเว่น ตามสืบเรื่องความสัมพันธ์ของนางกับดยุคโอเว่นมาด้วย” “ครับท่านเคาน์” กัสออกไปอย่างรวดเร็ว…โคลด์ยกยิ้มก่อนจะมองไปที่ด้านนอกหน้าต่าง ไม่ว่าเธอจะมาแผนไหน เขาจะเป็นคนกักขังเธอเอาไว้ที่เคนเนดี้เอง วางใจเถอะเบลล่า ในเมื่อเจ้ากล้าที่จะเข้าถ้ำเสือแล้ว ก็อย่าคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ง่ายๆ …… เบลล่ายกยิ้มให้กับท่านเคาน์ที่กำลังมองหน้าเธอ “อืม..เอกสารเรียบร้อยแล้ว เช่นนี้เจ้าลงมือสอนคิร่าได้เลย” “ข้าคิดว่าจะมาสอนนางวันพรุ่งนี้ค่ะ วันนี้ขออยากจะกลับไปเตรียมตัวก่อน…” “อืม..เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า…ว่าแต่เจ้าทานข้าวรึยัง?” “เรียบร้อยแล้วค่ะ หากว่าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะคะ” เบลล่าก้มหน้าลงเพื่ออำลาท่านเคาน์ “เรื่องค่าจ้างล่ะ? เจ้าไม่คุยเรื่องค่าจ้างไม่กลัวข้าจะกดราคารึไง?” เบลล่าหัวเราะ “ข้าคิดว่าท่านเคาน์คงจะไม่ทำเรื่องเช่นนั้นหรอกค่ะ…อีกอย่างข้าเป็นเพียงคนที่ว่างงาน เพียงแค่ท่านยอมให้ข้ามาสอนหนังสือข้าก็ขอบคุณท่านเคาน์มากแล้วค่ะ” “อันที่จริง…ข้าคิดว่ามันมีปัญหาอยู่บ้าง เพราะว่าคิร่านั้นเริ่มเรียนช้ากว่าคนปกติ ข้าก็เลยอยากให้นางเรียนมากขึ้นกว่าที่เจ้าสอนคนอื่น หากว่าไม่เป็นการรบกวนเจ้า ข้าก็อยากให้เจ้าย้ายมาอยู่ที่นี่เลย….” ห๊ะ! จะให้มาอยู่ที่นี่งั้นเรอะ! จะให้มาอยู่ทำไมก่อน! หรือว่าท่านเคาน์ไม่เชื่อใจเธอ…เขาอาจจะอยากให้เธอมาอยู่ที่นี่เพื่อจะได้คอยจับตาดู หากว่าเธอปฏิเสธเขาก็อาจจะเกิดความสงสัยในตัวเธอมากขึ้น…รึเปล่า แต่หากว่าเธอมาอยู่ที่นี่มันก็ไม่สะดวกในหลายๆ อย่าง เธอพึ่งจะได้คฤหาสน์เมบิลมา ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังจัดการไม่เรียบร้อย ไหนยังจะท่านแม่อีก โคลด์มองท่าทางคิดมากของเบลล่า…ตามที่เขาได้รับรายงานคือเธอมีแม่เพียงคนเดียว…นี่มันมากไปรึเปล่านะที่จะให้เธอมากอยู่ที่นี่ คำขอของเขามันมากเกินไปรึเปล่า? “ข้าไม่ได้จะให้เจ้ามาอยู่ที่นี่ทุกวันสักหน่อย แค่วัน จันทร์ อังคาร พุธ ส่วนวันอื่นเจ้าก็หยุดไป เพราะคิร่าต้องการ การปรับตัว ข้าเลยคิดว่าจะให้นางเรียนแค่สามวันก็พอ” “อ่า..หากว่าเป็นเช่นนั้นข้าก็ไม่มีปัญหาค่ะ ขอบคุณท่านเคาน์ที่เมตตา” “อืม..เช่นนั้นเจ้าก็ควรมาค้างที่นี่วันพรุ่งนี้เลยเป็นไง” ต้องรีบ…ขนาดนี้เลยเรอะ! “ค่ะ..ได้ค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะนำของใช้บางส่วนติดมาด้วย” “ไม่ต้อง…ของใช้ของเจ้าเราก็ต้องไปซื้อใหม่สิ…เจ้าไม่ได้ไปไหนแล้วใช่ไหม เช่นนั้นเราควรจะไปเลือกของใช้ต่างๆ ของเจ้าด้วยกัน” โคลด์ลุกขึ้นก่อนจะส่งยิ้มให้เบลล่า “ไปเถอะ..ชวนคิร่าไปด้วยกันนางต้องดีใจมากแน่ๆ” เขาพูดจบก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้เบลล่ายืนมองแผ่นหลังของเขาอย่างเหนื่อยใจ เหตุใดเขาถึงชอบคิดเองเออเองนักนะ!! ทุกสายตาจับจ้องมาที่ใบหน้าของเบลล่าอย่างสนใจ…อาจจะเป็นเพราะไม่มีสตรีใดที่เดินเคียงข้างสองพี่น้องตระกูลเคนเนดี้มานานแล้ว เบลล่าจึงได้เป็นจุดสนใจโดยไม่ต้องคาดเดา “พรุ่งนี้เจ้าอาจจะได้ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์” คิร่ากล่าวติดตลกกับเบลล่า “ข้าไม่อยากจะขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เลยด้วยซ้ำ!! เราควรจะรีบซื้อของแล้วรีบกลับกันเถอะ!” “ได้ที่ไหนกัน ของใช้ของเจ้าก็ต้องเลือกให้ดีหน่อย!!” “ไม่เอาคิร่า ข้าเกรงใจ อีกอย่างข้าไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ของเจ้าเป็นแขก แต่ข้าเปรียบเสมือนคนงานคนหนึ่งเลยก็ว่าได้เจ้ากำลังทำให้ข้าลำบากใจ!!” “คนงานอะไร!! เจ้าเป็นเพื่อนข้านะ เป็นเพื่อนคนแรกของข้าด้วย วันพรุ่งนี้ข้าจะไปนอนห้องเจ้า เราจะคุยกันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ ส่วนอีกวันเจ้าก็จะต้องมานอนห้องข้า เราจะเล่นไพ่กันจนถึงเช้าเลยเป็นไง!” เป็นครั้งแรกที่หัวใจของเบลล่านั้นรู้สึกชา คิร่านั้นย้ำทุกครั้งว่าเธอคือเพื่อนคนแรก…เธอคิดไม่ออกเลยจริงๆ หากว่าคิร่ารู้ว่าที่เธอมาตีสนิทด้วยเพราะเงินหนึ่งแสนเหรียญทอง ความรู้สึกของคิร่าจะเป็นยังไง…จะแตกสลายแค่ไหนกัน “เบลผ้าห่มลายนี้สวยมากๆเลย เจ้าชอบรึเปล่า?” “อื้อ..เอาอันนี้แหละ สวยดี” คิร่ายกยิ้มอย่างอารมณ์ดี ส่วนท่านเคาน์ก็เดินตามหลังพวกเราพร้อมทั้งเป็นคนคอยจ่ายเงินให้ “เดี๋ยวก่อนคิร่า” เบลล่าดึงผ้าห่มมาจากมือของคิร่า เพราะเธอคิดว่าเธอเห็นเลขศูนย์ที่มันมากเกินไป พอมาพลิกราคาดูเบลล่าก็รีบวางผ้าห่มผืนนั้นไว้ที่เดิมทันที “ทำไมล่ะเบล ไม่สวยงั้นเหรอ?” “คิร่า ผ้าห่มบ้าบออะไรราคาห้าพันเหรียญทอง นั่นมันเงินเก็บทั้งชีวิตของข้าเลยนะ!!..ไม่เอาผืนนี้ ไปดูที่ราคาถูกกว่านี้หน่อยเถอะ” คิร่าหันมองที่หน้าโคลด์ก่อนที่ทั้งสองคนจะหัวเราะ “เบล..ข้าบอกแล้วไงเจ้าคือเพื่อนข้า สำหรับเจ้าข้าจ่ายให้ได้สบายๆ อยู่แล้ว” “แต่ข้ารับมาแล้วข้าไม่สบายใจ..หากเจ้าจะซื้อผ้าห่มราคาห้าพันเหรียญให้ข้า เจ้าเอาเงินมาให้ข้าดีกว่า ข้าจะนอนห่มเหรียญทองแทนห่มผ้าเอง!” คิร่าหัวเราะเสียงดัง เบลนี่เป็นน่ารักจริงๆ เธอหันมองหน้าพี่ชายก่อนจะขยิบตาให้เขาแล้วพาเบลล่าเดินไปที่อื่น พอเบลล่าเดินจากไปโคลด์ก็ส่งผ้าห่มผืนนั้นให้พนักงานขาย “…เป็นเลดี้ที่งดงามมากเลยนะคะ ท่านเคาน์เลือกสตรีได้ดีจริงๆ” โคลด์มองที่เบลล่าก่อนจะยกยิ้มออกมา “อื้ม..งดงามมากจริงๆด้วยสิ” หลังจากที่พวกเราไปเลือกซื้อของหลายๆอย่าง กว่าคิร่าจะปล่อยให้เธอกลับก็เป็นเวลาค่ำมืด เบลล่ามาถึงที่เมบิลก็พบท่านแม่ที่กำลังเลือกดูผ้าไหมอยู่ “ผ้าไหมมากมายนี้คืออะไรคะท่านแม่” “เบล ตลอดระยะเวลาที่แม่อยู่ที่นี่มันรู้สึกเหมือนมีอะไรขาดหายไปจากชีวิตของแม่ เมื่อวานพอแม่ได้ลองตัดเสื้อดูอีกครั้งแม่มีความสุขมากเลยเบล กลายเป็นว่างานที่ร้านตัดเสื้อมันไม่ใช่งาน แต่มันคือส่วนหนึ่งของชีวิตแม่…” เบลล่ายกยิ้ม “ท่านแม่ก็เลยจะเปิดร้านตัดเสื้ออีกครั้งงั้นหรือคะ?” ท่านแม่พยักหน้า “แม่ไปดูทำเลกับเซ็ดดริกมาแล้ว วางเงินมัดจำไปแล้วด้วย เจ้าของที่ใจดีมากๆเลยเขาคิดค่าเช่าเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเหรียญเท่านั้น” เบลล่าเลิกคิ้วมองหน้าท่านแม่ “ร้านตั้งอยู่แถวไหนคะท่านแม่” “ทำเลดีมากเลยนะ อยู่ที่หน้าโรงละครพอดีเลย ตรงข้ามกับหอนาฬิกา” มันไม่มีทางที่ร้านตรงนั้นค่าเช่าจะหลักร้อยเหรียญ แค่ร้านขายเนื้อย่างเล็กๆ ที่เธอชอบกินค่าเช่ายังแปดพันเหรียญเลย! นี่ร้านตัดเสื้อตึกสี่ชั้น ค่าที่มันควรจะเป็นหลักหมื่นเหรียญสิ!! “เซ็ดดริกเป็นคนพาไปดูงั้นเหรอคะ?” “ใช่แล้ว เขาบอกว่าเขารู้จักกับเจ้าของตึกพอดี ก็เลยเช่าได้ในราคาพิเศษ” เบลล่ายกยิ้มให้ท่านแม่อีกครั้ง อย่างไม่ต้องเดาเลยว่าเจ้าของตึกนั้นคือใคร เอาไว้เธอต้องหาโอกาสไปขอบคุณท่านดยุคเรื่องนี้ก้แล้วกัน หลังจากนั้นเธอก็คุยกับท่านแม่เรื่องการไปทำงานที่คฤหาสน์เคนเนดี้ ท่านแม่ได้แต่ยินดีกับเธอเพราะการได้สอนหนังสือชนชั้นสูงเช่นตระกลูเคาน์นั้นถือเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งของเบลล่าเลย ถือว่าลูกสาวของเธอได้รับการยอมรับจากชนชั้นสูงบ้างแล้ว เบลล่าเดินขึ้นมาเก็บกระเป๋าสำหรับอยู่ที่คฤหาสน์เคนเนดี้ เรื่องราวมันเลยเถิดมาขนาดนี้ได้ยังไงกัน เธอแค่จะไปตีสนิทคิร่า กลับกลายมาเป็นได้ไปอยู่บ้านเค้าเฉย! แต่นั่นก็นับว่าคือเรื่องที่ดีแล้วกัน เพียงแต่เธอต้องระวังตัวมากขึ้นอีกหน่อย เพราะตามที่ท่านดยุคกล่าวว่าท่านเคาน์เป็นคนฉลาดมาก ด้วยสายตาที่เขามองมาที่เธอ เบลล่าต้องยอมรับเลยว่าชายผู้นี้ฉลาดมากจริงๆ ……. เบลล่ากำลังเดินตามคิร่าขึ้นไปชั้นบนเพื่อเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บ “ห้องนี้เลยเบล ด้านซ้ายคือห้องของข้า ส่วนด้านขวาคือห้องท่านพี่” ..คือจะมานอนห้องติดกันเพื่อ!! “ข้าคิดว่า…” “ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นแหละ! รีบเอาของไปเก็บสิ ท่านพี่บอกว่าถ้าข้าสามารถทำแบบฝึกหัดของท่านพี่ได้คะแนนเกินครึ่ง ท่านพี่จะพาเราสองคนไปเที่ยวงานเทศกาลด้วยล่ะ น่าตื่นเต้นสุดๆ ไปเลยใช่ไหมเบล!!” เธอที่ขายของตามงานเทศกาลมากว่าสิบหกปี บอกเลยว่ามันไม่น่าตื่นเต้นสักนิด!! “อ่า..เช่นนั้นข้าจะตั้งใจสอนเจ้าเอง…ไปรอข้าที่ห้องหนังสือได้เลย” พอเปิดประตูเข้ามาในห้องเบลล่าก็ต้องตกใจอีกครั้ง ห้องนี้มันใหญ่กว่าห้องนอนเธอสิบเท่าได้มั้ง ทำไมคนรวยจะต้องสร้างห้องนอนใหญ่ๆ เอาไว้ด้วยนะ สุดท้ายก็นอนคนเดียวอยู่ดีไม่ใช่รึไง!! เธอนำกระเป๋าเสื้อผ้าไปวางก่อนจะเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้ แต่เบลล่าก็ต้องชะงักเพราะในตู้เสื้อผ้ามีชุดแขวนอยู่เต็มจนแน่นตู้… นี่อาจจะเป็นเสื้อผ้าของคิร่าสินะ ตู้ของนางคงจะเต็มจนล้นเลยเอามาเก็บที่ห้องนี้… เบลล่าถอนหายใจก่อนที่เธอจะวางเสื้อผ้าของเธอลงบนเก้าอี้และพับมันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย หลังจากจัดการเรื่องในห้องตัวเองเสร็จเธอก็เดินไปหาคิร่า ก่อนจะเริ่มสอนวิชาการปกครองก่อน “ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเราต้องเรียนเรื่องพวกนี้ด้วย ชีวิตของสตรีก็มีเพียงแค่แต่งตัวสวยๆ แล้วก็ดูแลคฤหาสน์ไม่ใช่รึไง?” เบลล่ายกยิ้ม “นั่นก็มีส่วนที่ถูก แต่เราทุกคนต่างก็แต่งงาน เรามิได้ต้องปกครองตระกูลทางตรงก็จริง แต่สามีของเราต้องปกครอง หากภรรยามิสามารถเป็นเพื่อนคู่คิดได้ สามีก็อาจจะต้องเหน็ดเหนื่อยเพียงลำพัง คิร่า..การเป็นสตรีนั้นมิได้ต้องมีแต่ใบหน้าที่งดงามอย่างเดียว แต่ต้องมีความรู้เอาไว้ค้ำจุนสามีด้วย” คิร่าพยักหน้าอย่างเข้าใจ “เจ้าสอนรู้เรื่องกว่าอาจารย์ที่ผ่านมาอีก..เอาล่ะข้าพร้อมแล้ว เจนไปเรียกท่านพี่มาให้หน่อย!!” สาวใช้ก้มหน้าให้คิร่าก่อนจะเดินออกไปด้านนอก ใช้เวลาไม่นานนักท่านเคาน์ก็เดินเข้ามา “พร้อมแล้วงั้นหรือคิร่า…อย่าลืมว่าหากเจ้าได้คะแนนไม่ถึงครึ่งนอกจากเจ้าจะไม่ได้ไปงานเทศกาลแล้ว อาจารย์ของเจ้าอาจจะถูกหักเงินเดือนด้วยนะ” “อ๊ะ!!..ท่านพี่ไม่ได้บอกนี่นาว่าจะหักเงินเดือนของเบลด้วย!!” เบลล่าส่งยิ้มให้คิร่า “ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องทำได้” คิร่ามองที่เบลล่าอย่างอึ้งๆ ก่อนที่เธอจะหายใจเข้าลึกๆ “ข้าพร้อมแล้วค่ะ!!” ท่านเคาน์ส่งกระดาษให้คิร่า เธอรับมาก่อนจะตั้งใจเขียนลงไป “ห้องเป็นไงบ้าง ถูกใจรึเปล่า?” “ข้าจะคุยเรื่องนี้กับท่านเคาน์อยู่พอดี ห้องที่ท่านให้ข้าพักนั้นมันดีมากเกินไปค่ะ…” “เอาเป็นว่าถูกใจก็แล้วกันนะ..คิร่าเป็นคนเลือกให้เจ้านอนห้องนั้นเอง นางดีใจมากเลยนะที่จะมีเพื่อนมาค้างที่คฤหาสน์” ท่านเคาน์นี่พอเถียงสู้เธอไม่ได้ก็ยกคิร่ามาอ้างตลอด! คิร่าส่งกระดาษให้พี่ชาย ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ โคลด์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะส่งให้เบลล่าตรวจ เธอรับกระดาษมาพร้อมกับลงมือตรวจคำตอบ นั่นทำให้เบลล่ารู้ได้ทันทีเลยว่า เธอเจองานหินเข้าให้แล้ว… “ได้สี่เต็มสิบ..คิร่านี่มันไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำนะ” โคลด์กล่าวกับคิร่าพร้อมกับหัวเราะ เบลล่าถอนหายใจก่อนจะส่งยิ้มให้คิร่า “ที่ผ่านมาคิร่าเคยทำแบบทดสอบได้กี่คะแนนคะ?” “ไม่เกินสอง…” คิร่าตอบพร้อมกับก้มหน้าลง “อ่า..เช่นนั้นวันนี้ได้สี่คะแนนก็ถือว่าทำได้ดีมากแล้ว วิชานี้เจ้าได้คะแนนไม่เยอะ แต่วิชาต่อไปเจ้าอาจจะได้คะแนนเต็มก็ได้ ท่านเคาน์เองก็อย่าพึ่งด่วนตัดสินนางเช่นนั้นสิคะ” โคลด์เลิกคิ้วมองเบลล่า “อื้ม..ไม่ตัดสินก็ไม่ตัดสิน แต่เรื่องไปงานเทศกาลคำไหนคำนั้น ไม่ได้คะแนนถึงครึ่งพี่ก็ไม่พาไปหรอกนะ!” คิร่าถอนหายใจ ก่อนจะทำหน้าเศร้า “ไม่เป็นไรนะคิร่า…ข้าได้ยินว่างานเทศกาลรอบนี้จัดทั้งหมดห้าวัน เอาไว้พรุ่งนี้ท่านเคาน์ค่อยมาทดสอบนางใหม่ได้ไหมคะ?” คิร่ามองที่พี่ชายอย่างมีความหวังก่อนที่เธอจะหันไปกอดเบลล่า “เบลดีที่สุดเลย!! เช่นนั้นคืนนี้เรามาเล่นไพ่กันดีกว่า!” เบลล่ามองไพ่ในมือ…ก่อนจะมองไปรอบๆ ตอนนี้ในห้องเธอราวกับงานเทศกาลก็ว่าได้ มีคิร่าที่กำลังจั่วไพ่และท่านเคาน์ที่นั่งดื่มเหล้าอยู่ ตามมาด้วยคนรับใช้อีกราวห้าคนที่นั่งลงเป็นวงกลมเพราะถูกคิร่าบังคับให้เล่นไพ่ ซึ่งทุกคนก็มีสีหน้าไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่ คือง่วงนอน เพราะว่าตอนนี้เป็นเวลาราวตีหนึ่งแล้ว “ข้าชนะอีกแล้ว!!! เย้!!” คิร่ากล่าวพร้อมกับตบมืออย่างอารมณ์ดี “จบตาแล้วเช่นนั้นพวกเราคงจะต้องขอตัว…” “ใครให้พวกเจ้ากลับไปกัน!!..นั่งลงเล่นกับข้าอีกตาก่อน!!” “แต่เมื่อตาที่แล้วคุณหนูก็บอกว่าให้พวกเราเล่นอีกตาเดียวนะคะ” “คิร่า พอแล้วน่า ทุกคนง่วงกันหมดแล้ว พรุ่งนี้เราค่อยมาเล่นกันใหม่ก็ได้นี่…” ทุกคนหันมองหน้าท่านเคาน์ด้วยสีหน้าเดียวกัน นั่นก็คือ.. พรุ่งนี้ยังจะต้องเล่นอีกเรอะ! “ก็ได้!!” คิร่าลุกขึ้นก่อนจะเดินไปกอดเบลล่า “ฝันดีนะเบลที่รักของข้า!!” เบลล่าส่งยิ้มให้คิร่า ก่อนจะโบกมืออำลา ทุกคนเริ่มทยอยออกไป เหลือเพียงสาวใช้คนหนึ่งที่กำลังเก็บไพ่และแก้วต่างๆ ออกไปจากห้องของเธอ… เบลล่าล้มตัวนอนลงบนเตียง…วันแรกก็เล่นผ่านไปแบบยากเย็นเลยทีเดียว ท่านเคาน์นั้นตามใจคิร่ามากจริงๆ ส่วนคิร่าก็มีมุมที่งอแงเป็นเด็กๆ อยู่เหมือนกัน นั่นอาจจะเป็นเพราะเธอเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็กละมั้ง ก็เลยยังติดนิสัยงอแงอยู่ “นอนแล้วเหรอ?” เบลล่าลืมตาขึ้นมาก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนออกไปแล้วทำไมท่านเคาน์ยังไม่ออกไปอีก!!เบลล่าตื่นขึ้นมากลางดึก ไบรอันยังคงโอบกอดเธอเอาไว้ ส่วนเลโอนอนอีกฝั่งนึกตอนที่ทั้งสองคนมาเจอกันไม่ออกเลย แต่รอยช้ำที่แก้มของไบรอันก็บอกเธอได้ดี ว่ากว่าเลโอจะยอมคงจะตกลงกันนานพอสมควรเธอลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างก่อนจะมองไปด้านล่าง เบลล่ามองฝนที่ยังคงตกลงมาต่อเนื่องอย่างไม่มีทีท่าว่าจะแล้งเธอไม่ชอบเวลาฝนตกเลย มันเหมือนกับว่าบรรยากาศรอบข้างมันเศร้ายังไงไม่รู้เลโอลุกขึ้นจากเตียง เขาเดินมาโอบกอดเธอจากด้านหลัง“นอนไม่หลับอีกแล้วงั้นหรือ ไปเจออะไรที่วิหารมา”เธอถอนหายใจ“ข้าไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ข้าเห็นมันจะเป็นจริงรึเปล่า แต่ในอนาคตที่ไม่รู้ว่าระยะเวลามันจะอีกแค่ไหน ข้าจะตาย…”เบลล่าสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดที่แน่นขึ้นของเลโอ เขาพรมจูบที่ต้นคอของเธอไล่ลงไปจนถึงไหล่“นั่น!..อาจจะมีอะไรผิดพลาด ข้าจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่!”เธอยกมือขึ้นมากุมหน้าเขาเอาไว้“ข้ารู้เลโอ ว่าท่านจะต้องปกป้องข้า ข้าก็ไม่คิดจะยอมรับโชคชะตาเช่นนั้นเหมือนกัน การที่อาเชอร์บอกเรื่องนี้กับข้าแสดงว่าเขาอยากให้ข้าเป็นคนแก้ปัญหา…”“ข้าจะช่วยแก้ปัญหาด้วย!”ไบรอันลุกขึ้น เขาเดินมาหาเบลล่าพร้อมทั้งเอาคางเกยไว้ที่ไหล่ของเธอ“ตอนที่เจ้า
ไบรอันมองเบลล่าอย่างเป็นห่วง เขายกมือขึ้นมาแตะที่หน้าผากของเธอเพราะตอนนี้ใบหน้าของเธอมันกำลังแดง จริงๆ ไม่ใช่แดงแค่หน้าแต่แขนและคอของเธอมันแดงไปหมด“เบล ข้าควรไปตามนักบุญด้านนอกมารักษาเจ้า”“โพชั่นที่อาเชอร์ทำ ไม่มีเวทมนตร์ใดที่สามารถรักษาได้ มีแต่ต้องรอให้มันหายไปเองเท่านั้น!”อาการของเธอดูน่าเป็นห่วงจนไบรอันรู้สึกไม่ดีเลย ใบหน้าที่งดงามของเธอมันบิดเบี้ยวเพราะเธอกำลังเจ็บปวด“ล็อกห้องนี้แล้วพาข้ากลับเมบิล…”ไบรอันอุ้มเธอขึ้นมาเขาพาเธอเดินออกไปพร้อมกับปิดห้องให้เรียบร้อย แล้วรีบอุ้มเบลล่าไปที่รถม้า“อื้อ!!”เขาวางเธอลงบนรถม้า ตอนนี้ใบหน้าของเธอมันชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ“ข้าควรจะตามหมอมารักษาเจ้า”เบลล่าส่ายหน้า“ไม่ต้อง!! ไปตามเลโอมาก็พอ อึก!!”ความปรารถนากำลังโจมตีเธออยากหนักจนขาทั้งสองข้างมันกำลังสั่นเทา เบลล่าสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่จุดกึ่งกลางจนเธอจนต้องหนีบขาเข้าด้วยกัน คอของเธอมันแห้งผาดราวกับว่าเธอกำลังกระหายน้ำ“แกรนด์ดยุคเขาจะรักษาเจ้าได้ยังไง เขาไม่ใช่หมอสักหน่อย”เธอกำลังหงุดหงิด เขาจะถามอะไรมากมายนัก แค่ไปทำตามที่เธอสั่งมันยากนักรึไง!!ไบรอันเห็นตัวของเบลล่ากำลังสั่นเทา
เลโอดึงเบลล่าไปกอด เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความกังวลมากมายจากสายตาของเธอ“เบล ไม่ว่าข้างหน้าจะมีอะไรรออยู่ ข้าจะเป็นคนปกป้องเจ้าเอง อย่าได้กังวลไปเลย”เธอกำกุญแจในมือเอาไว้แน่น แล้วโอบกอดเลโอ“เลโอ ท่านทำให้ข้ามีแรงสู้ขึ้นมา หากว่าไม่มีท่านข้าอาจจะซื้อเรือสำเภาสักลำแล้วหอบเงินขึ้นเรือหนีไป…”เลโอพรมจูบที่ซอกคอของเธอเบาๆ“เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ตัวเองคิดมากนะเบล ไม่อย่างนั้นตอนที่พบกันครั้งแรกเจ้าไม่กล้ารับงานที่ข้าสั่งไปทำหรอก”ใบหน้าที่งดงามของเบลล่ายกยิ้มขึ้นมา เกือบลืมไปแล้วว่าในตอนแรกเธอและเลโอคือเจ้านายและลูกจ้าง“ยังเจ็บตรงไหนอยู่รึเปล่า?”มือของเขานั้นเริ่มซุกซนจนเธอต้องยกมือขึ้นมาห้ามเอาไว้“ไม่เจ็บแล้วค่ะ แต่ข้ายังเหนื่อยอยู่มาก…”“เช่นนั้นก็นอนกันเถิด”เขากลืนความอยากลงคอไปแล้วโอบกอดเธอเข้ามาในอ้อมแขน เสียงฝนที่ตกอย่างหนักราวกับเสียงเพลงที่ขับกล่อมให้เขาและเธอเข้าสู้ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วยามเช้าที่ไร้แสงตะวัน เธอลืมตาขึ้นมาโดยปราศจากเงาของเลโอ เบลล่าลุกขึ้นมาแล้วเดินไปที่หน้าต่าง เช้านี้ฝนตกปรอยๆ พอเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเกือบเที่ยงวันน่าแปลกที่วันนี้เธอไม่รู้สึกง่วงแล้ว เบ
เลโอยกมือขึ้นมากุมมือของเบลล่าเอาไว้ เขามองเธอด้วยสายตาแห่งความเจ็บปวด ถึงอาเชอร์จะช่วยรักษาเธอแล้วแต่อวัยวะภายในได้รับความเสียหายอย่างมาก จะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูตัวเองที่ห้องข้างๆ ก็ตึงเครียดไม่แพ้กัน ถึงจักรพรรดินีจะได้รับยาพิษไปในปริมาณเล็กน้อย แต่นั่นก็เพียงพอที่ทำให้เธอสูญเสียลูกคนแรกไป ถึงแม้จะพ้นขีดอันตรายแล้วแต่สภาพจิตใจของคิร่าแย่มากทีเดียวงานเลี้ยงด้านล่างยังคงดำเนินต่อไปไม่มีการยกเลิก…“พระองค์ควรจะลงไปข้างล่าง…ซ่อนความเจ็บปวดและอ่อนแอในใจเอาไว้ให้มิดชิด อย่าให้คนที่กระทำรับรู้ว่าเรากำลังเจ็บปวด”เอซยกมือขึ้นมาตบไหล่ของวัลโด้เบาๆ วัลโด้มองมาที่เลโอที่พยักหน้าให้เขาเขาสูญเสียลูกคนแรกไป ในตอนนี้ขาทั้งสองข้าจะยืนไม่อยู่แล้วด้วยซ้ำ แต่หากว่าเขาอ่อนแอ คนด้านหลังจะอยู่ได้อย่างไร ตอนนี้เขาถือเป็นผู้นำของทุกคนวัลโด้ถอนหายใจเขายกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดคราบเหงื่อและน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะเดินลงไปด้านล่างพร้อมราชเลขา“สภาพเราทุกคน มันดู…แย่ไปหมด คนพวกนั้นฉลาดมาก พวกมันไม่ได้โจมตีแค่ร่างกายแต่โจมตีที่จิตใจของเรา…”โคลด์ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ทำไมมันถึงเกิดเรื่องกับเบลล่าและคิร่าซ้ำแล้วซ้ำ
สตรีใบหน้างดงามที่เข้ามา..นั่นคือภรรยาของเขาไม่ใช่รึไง!!ชายที่เธอควงแขนอยู่นั่นก็ไม่ใช่โคลด์ แล้วไอ้เวรนั่นเป็นใครกันวะ!!!วัลโด้สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก ในห้องพอเขามองตามสายตาของเลโอไปก็พบกับผู้ที่เดินเข้ามาในงาน..นั่นมันองค์รัชทายาทมาเดลีนไม่ใช่รึไง ข้างกายของเขาคือสตรีใบหน้างดงามที่คุ้นตา เบลล่า!?“อย่าบอกว่านั่นคือองค์รัชทายาท?”เลโอกล่าวถามพร้อมทั้งชี้ลงไปด้านล่าง วัลโด้พยักหน้า เขาส่งยิ้มจางๆ ให้เลโอ“นี่มันเป็นไปตามแผนของเราเลยไม่ใช่รึไง เป็นเบลล่าก็ถือว่า…”“อย่าได้พูดอะไรเช่นนี้ออกมาอีก และอย่ามาคิดใช้ภรรยาของข้าเป็นหมากในกระดานนี้”เลโอกล่าวจบก็รีบเดินไปหาเบลล่าด้านล่าง วัลโด้ยักไหล่พร้อมกับหัวเราะเบาๆ“เอซ ไม่ลงไปรึไง?”เอซยกยิ้ม“กับเบลข้าไม่ห่วงนางแล้วล่ะ เมื่อคืนได้พูดคุยอะไรกับนางหลายๆ อย่าง ก็พอเข้าใจได้ ตอนนี้พระองค์ต่างหากที่ควรลงไปห้ามแกรนด์ดยุค ไม่ให้เขาทำร้ายองค์รัชทายาทมาเดลีน”วัลโด้ชะงักพร้อมกับมองไปที่บันได เลโอกำลังเดินอย่างรวดเร็วไปหาเบลล่าอ่า..ให้ตายเถอะ!!เขามองไปที่ราชเลขาเพื่อสั่งให้วงดนตรีบรรเลงเพลง แล้วรีบเดินลงไปด้านล่างตามเลโอไปติดๆ“นี่คงจะเป็
องค์จักรพรรดิวัลโด้ถอนหายใจเมื่อเขาเห็นจดหมายในมือ เขารู้สึกรำคาญเมเบโล่ยิ่งนัก แกรนด์ดัชเชสผู้นั้นยื่นเรื่องให้เขารับหลานสาวของนางขึ้นมาเป็นสนมเอกปัญหาก็คือแกรนด์ดัชเชสเมเบโล่สนิทกับท่านพ่อนี่แหละ!! เขาไม่อยากผิดใจกับคิร่าเลยจริงๆ นางกำลังตั้งครรภ์ด้วยเขาไม่อยากทำให้นางคิดมากเลย“หากไม่อยากรับสตรีผู้นั้นมาพระองค์ก็แค่หาทางสร้างพรหมลิขิตให้นางกับชนชั้นสูงสักคน…”เลโอกล่าวพร้อมกับวางกระดาษรายงานเรื่องงบประมาณลงบนโต๊ะ“อันที่จริงข้าส่งนางไปเป็นภรรยาน้อยของแกรนด์ดยุคโอเว่นก็ได้นี่นา”“หากไม่กลัวว่าพระองค์จะสูญเสียกำลังทางทหารไปก็ลองดู”“อ่า ล้อเล่นหน่อยก็ไม่ได้งั้นหรือ?”“ข้าแนะนำทางแก้ไปแล้ว สุดแต่พระองค์จะตัดสินใจเถิด…”เลโอและวัลโด้ถูกเลี้ยงมาด้วยกัน ทำให้เลโอไม่นึกกลัวองค์จักรพรรดิ และวัลโด้ก็ไม่ได้นึกโกรธคำกล่าวของเลโอเลยเพราะเขามองเลโอเป็นพี่ชายมาโดยตลอดเอซยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“เมื่อเช้ากิลข้อมูลส่งข่าวมาว่าอาร์ชดยุคกูเรี่ยนเคลื่อนไหวแปลกๆ เมื่อคืนหลังจากที่เบลล่ากลับมา โดโนแวนตามดูต่อ ปรากฏว่าแกรนด์ดัชเชสเมเบโล่เข้าไปพบกับอาร์ชดยุคที่โรงแรม…”เลโอแย่งแก้วเหล้าในมือของเอซมาดื่มจ
อาร์ชดยุคกูเรี่ยนพาสตรีใบหน้างดงามทั้งสองขึ้นโรงแรมไป ดูไปแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าผิดสังเกต เบลล่าเรียกให้โดโนแวนมาเฝ้าอาร์ชดยุคต่อ ส่วนเธอจะกลับไปพักที่คฤหาสน์ พอมาถึงเมบิลก็มีบัตรเชิญจากพระราชวังส่งมา เปิดอ่านก็พบว่าคิร่าเชิญเธอไปที่งานเลี้ยงต้อนรับองค์รัชทายาทมาเดลีน เธอโยนบัตรเชิญนั้นไว้บนโต๊ะก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟา ไม่อยากไปเลยแฮะ…เดิมทีเธอก็ไม่ใช่คนที่จะชอบเข้าสังคมของชนชั้นสูงอยู่แล้ว เบลล่าพยายามหลีกเลี่ยงงานเข้าสังคมมาตลอด เพราะเธอคิดว่ามันไร้สาระ “ท่านหญิงคะ ดยุคเอเซล่ามาขอเข้าพบค่ะ” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเบลล่าเธอไม่ทันจะลุกขึ้นเอซก็เดินเข้ามาใจห้องแล้ว เบลล่าอ้าแขนออกเพื่อโอบกอดเขา “คิดถึงจะบ้าอยู่แล้ว!!” เอซกล่าวพร้อมทั้งจูบลงบนผมของเบลล่าอย่างแรง “เหตุใดถึงมายามนี้ ท่านก็รู้ว่าการเดินทางยามค่ำคืนมันอันตราย บ้านเรือนของเรามิได้อยู่ในช่วงที่สงบ…” “ตั้งแต่ข้าย้ายเข้าไปที่เดเลี่ยน ในใจมันก็ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ อีกแล้ว ที่นั่นอยู่ติดกับชายแดน ข้าศึกพร้อมจะบุกเข้ามาทุกเมื่อ ที่หายไปก็เพราะข้าต้องเฝ้าดูการก่อสร้างกำแพงเมือง โชคดีที่ท่านแกรนด์ดยุคโอเว่นส่งทหารไปช่วยเป
ด้านนอกหน้าต่างฝนกำลังตกอย่างหนัก ค่ำคืนที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ มีเพียงเสียงของเม็ดฝนที่ตกลงมาแรง พร้อมกับเสียงครางแว่วหวานในห้องผ้าปูที่นอนที่ยับเยินและเปียกชุ่มบ่งบอกได้ดีว่าสตรีและบุรุษบนเตียงนั้นร่วมรักกันอย่างรุนแรงแค่ไหน“อื้อ!! ไม่ไหวแล้ว!!”“หึ ใครจะยอมให้เจ้าเสร็จสมกันที่รัก…”เขาดึงแก่นกายออกมาจากทางรักที่เปียกชุ่มของเธอ ผิวกายที่ขาวราวกับหิมะนั้นขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ ใบหน้าที่งดงามของเธอมีสีหน้าเจ็บปวดและโมโหในเวลาเดียวกัน ดวงตากลมโตของเธอมองมาที่เขาอย่างหงุดหงิด แพรขนตายาวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา…ความเจ็บปวดที่ส่งผ่านใบหน้าของเธอมันช่าง สาแก่ใจเขายิ่งนัก!!ไม่บ่อยที่เขาจะรู้สึกสนุกกับการร่วมรักเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาต้องการและเฝ้ามองเธอมาอย่างยาวนานเขายกมือขึ้นมาชักรูดตัวตนของเขา พร้อมทั้งส่งสายตายั่วยวนไปให้เธอ…จนกว่าฝนในค่ำคืนนี้จะหยุดตก เขาจะไม่ยอมหยุดทรมานเธอแน่!!!……..“ให้ตายเถอะ ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะตั้งครรภ์ได้ไวขนาดนั้น มีเจ้าเด็กตัวอ้วนอยู่ในนี้ใช่ไหม?”คิร่าหัวเราะให้กับท่าทางที่ประหลาดใจของเบลล่า เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว“ไม่ท้องสิ
อาเชอร์ก้มมองดอกกุหลาบสีขาวในมือ ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้วท้องฟ้าเริ่มจะเปลี่ยนสีเป็นสีดำเขาออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเที่ยง…หลังจากเข้าไปด้านในเธอก็คงจะด่าเขาเช่นเดิมไม่สิ อาจจะหนักกว่าทุกวันทว่าทันทีที่อาเชอร์เข้ามาภายในบ้านก็มืดสนิท เขายกมือขึ้นมาร่ายเวทย์เพื่อจุดตะเกียงที่ต่างๆ ในบ้านอาเชอร์วางดอกไม้เอาไว้บนโต๊ะ เขาเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อไปหาโจลี่“เจ้า..กินข้าวรึยัง?”เขากลืนน้ำลายลงคออย่างคนที่รู้สึกผิด…อาเชอร์นั่งลงบนเตียงข้างๆ โจลี่“วันนี้ลูกดิ้นรึเปล่า ยังแพ้ท้องอยู่ไหม….”เขาชะงักเมื่อเห็นดวงตาของเธอบวมช้ำราวกับว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก“โจลี่…ข้าขอโทษ ข้าไปทำงานมา…”“ทำงาน!! ท่านก็อ้างแต่ว่าทำงานตลอด อาเชอร์ท่านหายไปหนึ่งวันโดยที่ไม่บอกกล่าวข้าเลย!!”เธอลุกขึ้นมา แล้วยกมือทุบเขาอย่างแรง อาเชอร์ไม่ได้ตอบโต้เขาทำเพียงนั่งนิ่งๆ เพื่อให้เธอได้ระบายอารมณ์จนกว่าเธอจะพอใจ“เหตุใดถึงไม่หลบการโจมตีของข้า…”“ก็ข้าผิดจริงๆ นี่นา เจ้าทุบตีข้าได้เลย ทุบตีได้จนกว่าเจ้าจะหายโกรธ”เธอเม้มปากแน่น อาเชอร์ยกมือขึ้นมา บรรจงเช็ดน้ำตาให้เ