ตกลงมาจากตึกพร้อมผู้หญิงที่คู่หมั้นรักแต่ไม่อาจแต่งงานด้วย คู่หมั้นที่เป็นหมอกลับช่วยนางในดวงใจของตัวเองก่อน ปล่อยฉันที่เลือดออกอย่างหนักให้รอรถพยาบาล ก่อนจะตาย ฉันขอร้องเขาไม่ให้ทิ้งฉันไว้ ลู่ซือเหิงเตะมือของฉันออกไป “หลินหร่วน มีน้ำใจหน่อยได้ไหม? ไม่เห็นหรือไงว่าหย่าฉีสลบไป? เรื่องที่เธอผลักเขาตกตึก ไว้ฉันค่อยกลับมาคิดบัญชีกับเธอ” แต่บัญชีนี้ ลู่ซือเหิงไม่มีโอกาสได้แก้แค้นแล้ว เพราะหลังจากที่เขาอุ้มผู้หญิงที่เขาเฝ้ารักจากไป ฉันกับลูกในท้องก็ได้ตายไปพร้อมกันแล้ว
더 보기นั่นเป็นเช้าที่แสงอาทิตย์สดใส สายลมโชยอ่อนเย็นสบาย เขาหันมามองในทิศทางที่ฉันอยู่ แล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า “หร่วนหร่วน ฉันคิดถึงเธอแล้ว ฉันอยากเจอเธอมากเหลือเกิน….” พูดจบ ลู่ซือเหิงก็กระโดดลงไปจากหน้าต่าง ด้วยความสูงระดับตึกสิบสองชั้น เขาตายในทันที ในตอนที่ตำรวจมาถึง ก็เห็นเพียงศพของลู่ซือเหิงที่เลือดเนื้อปะปนกัน ในที่สุด พ่อของฉันก็ได้รับการปลอบประโลมเล็กๆ เสียที ทว่า โศกนาฏกรรมในครั้งนี้ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ลู่ที่เดิมก็เศร้าจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ได้รับการกระทบกระเทือนใจอย่างหนักอีกครั้ง เมื่อเห็นท่านทั้งสองร้องไห้อย่างเจ็บปวดแบบนั้นในห้องดับจิต ฉันก็ทำได้เพียงคำนับพวกท่านอย่างอ่อนแรงเท่านั้น ชาติหน้า ขอให้ฉันได้เกิดมาเป็นลูกสาวของพวกคุณ และได้แสดงความกตัญญูต่อพวกคุณเถิด (จบบริบูรณ์)
สุดท้าย ลู่ซือเหิงก็กลายเป็นเหมือนร่างไร้วิญญาณที่เดินได้ ทุกวันหลังตื่นขึ้นมา เรื่องเดียวที่เขาทำก็คือการดูแลบ้านหลังนี้ เขาจะพับเสื้อของฉันทีละชิ้น จากนั้นเอาไปเก็บ แล้วยืนมองมันอย่างเหม่อลอยอยู่หน้าตู้เป็นเวลานาน เวลาส่วนใหญ่เขาจะอยู่ในห้องนอน พลิกดูไดอารี่ของฉันวนซ้ำไปมา พอดูไปเรื่อยๆ เขาก็จะส่งเสียงหัวเราะที่ดูโง่งมออกมา ไม่ก็ระเบิดเสียงร้องไห้ออกมาอย่างกะทันหัน ทุกวันเมื่อยามค่ำมาถึง เขาก็จะกอดไดอารี่เล่มนี้กับชุดนอนของฉันเข้านอน คล้ายกับว่า ถ้าไม่มีของพวกนี้อยู่เป็นเพื่อน เขาก็จะไม่สามารถนอนหลับอย่างสนิทได้ นอกจากเรื่องนี้ ตัวเขาที่เมื่อก่อนแทบไม่ทำงานบ้าน กลับหยิบผ้าขี้ริ้วขึ้นมา เช็ดถูบ้านนี้จนสะอาดไร้ที่ติ กระเบื้องถูกเขาขัดจนไม่มีแม้แต่ละอองฝุ่นติดอยู่สักเม็ด ดอกไม้ใบหญ้าที่ฉันเลี้ยงไว้ ถูกเขารับไปดูแลต่อ ไม่ว่าจะเป็นการรดน้ำใส่ปุ๋ย ล้วนทำได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน โดยเฉพาะของใช้ในชีวิตประจำวันของฉันพวกนั้น เขาเช็ดแล้วเช็ดอีก เช็ดเสร็จแล้วยังพูดพึมพำกับตัวเองว่า “หร่วนหร่วน เธอดูสิ ฉันเช็ดสะอาดไหม?” “ฉันทำงานบ้านเก่งขนาดนี้ รอพวกเราแต่งงานกันแล้ว ฉันต้อ
ความจริงที่สวีหย่าฉีตั้งใจจัดฉากและฆ่าฉัน ถูกเปิดโปงออกมาทั้งหมด พ่อของฉันฟ้องเธอ ในวันที่ศาลตัดสิน ลู่ซือเหิงก็อยู่ที่นั่น สวีหย่าฉีถูกตัดสินจำคุกสามสิบปี หลังการพิจารณาคดีจบลง ลู่ซือเหิงก็กลับไปที่บ้านของเราอย่างหมดอาลัยตายอยาก นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ทะเลาะกับลู่ซือเหิง ลู่ซือเหิงก็ไม่ได้กลับมาที่นี่สองเดือนกว่าแล้ว มองท่าทางของลู่ซือเหิงที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังเหตุการณ์นั้น ใจของฉันก็รู้สีกยากบรรยาย ฉันมองลู่ซือเหิงค้นห้องอย่างบ้าคลั่ง เขารื้อของของฉันออกมาราวกับเสียสติไปแล้ว ท่ามกลางข้าวของที่ระเนระนาด ลู่ซือเหิงคุกเข่ากอดเสื้อของฉัน “หลินหร่วน เข้าใจฉัน ให้อภัยฉันมาตลอด ไม่ใช่เหรอ…” “ก็ถือว่าเห็นใจฉันเถอะนะ เธอกลับมาเถอะ กลับมาให้ฉันได้ชดใช้ให้เธอ…” ลู่ซือเหิงคุกเข่ากอดเสื้อของฉัน พึมพำอยู่บนพื้นอย่างเหม่อลอย ทันใดนั้น ก็เหมือนมีบางสิ่งดึงดูดความสนใจของเขา เขาคลานไปข้างหน้าตลอดทาง ท้ายที่สุดก็หยิบสมุดที่ดูสวยงามเล่มหนึ่ง ออกมาจากด้านล่างของชั้นหนังสือ นั่นคือไดอารี่แห่งความรักของฉันกับลู่ซือเหิงที่ฉันทำขึ้น ในไดอารี่นั้น บันทึกการนัดเดตทุกครั้งขอ
เพราะเคยถูกสวีหย่าฉีใส่ร้ายมาครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นครั้งนี้ก่อนจะพบหน้ากัน ฉันเลยเตรียมกล้องจิ๋วติดไว้ที่นาฬิกาข้อมือ วางแผนจะอัดสิ่งเกิดขึ้นทั้งหมดในการพบกันครั้งนี้ไว้ หลังฉันตาย พ่อของฉันตรวจสอบความเคลื่อนไหวทั้งหมดก่อนหน้านี้ของฉันอย่างบ้าคลั่ง เมื่อพบว่าฉันเคยสั่งซื้อกล้องเว็บแคม [1] จิ๋วมา เขาเลยไปค้นนาฬิกาเรือนนั้นออกมาจากของใช้ผู้ตาย หลังขอให้ผู้เชี่ยวชาญเอาสิ่งที่ถูกบันทึกอยู่ออกมา พ่อของฉันก็เข้าใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ที่เขาถ่ายโอนความจริงไปบันทึกไว้ในมือถือ ก็แค่เพื่อคืนความยุติธรรมให้ฉันเท่านั้น ลู่ซือเหิงกดเปิดคลิปที่ถูกอัดไว้ช่วงนั้นอย่างสั่นเทา แม้มุมภาพจะดูยาก แต่ก็มองออกได้ว่า ที่อยู่ตรงหน้าฉันคือสวีหย่าฉี ฉันยังไม่ทันพูดอะไร สวีหย่าฉีก็ร้องไห้กระซิกกระซิกว่า “พี่หลินหร่วนคะ ฉันไม่มีอะไรกับพี่ซือเหิงจริงๆ นะคะ ฉันไม่เคยติดต่อไปหาพี่เขาเองเลย เป็นพี่เขาที่เป็นฝ่ายมาหาฉันเองทั้งนั้น…” “พี่หลินหร่วนคะ ปัญหาของพี่กับพี่ซือเหิง ก็ควรแก้ที่ตัวพี่ ไม่ใช่เอาแต่มาหาเรื่องฉันสิคะ” ฉันถูกสวีหย่าฉีทำให้โมโหจนหัวเราะออกมาสองที ยังไม่ทันได้พูดอะไร สวีห
ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า จนป่านนี้แล้ว ลู่ซือเหิงก็ยังจะปกป้องสวีหย่าฉีอีก เห็นได้ชัดว่าคุณพ่อลู่ก็คาดไม่ถึงเช่นกัน เขาโมโหมากจนยกมือขึ้น คิดจะตบลู่ซือเหิงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ สวีหย่าฉีเข้ามาขวางอยู่หน้าลู่ซือเหิง “คุณลุงคะ เป็นความผิดของหนูเอง คุณลุงอย่าโทษพี่ซือเหิงเลยค่ะ…” “เป็นหนูที่ทำให้พี่หลินหร่วนไม่พอใจเองค่ะ เพราะพวกเราทะเลาะกัน เรื่องเลยกลายเป็นแบบนี้…” สวีหย่าฉีพูดอย่างเวทนา ทำให้ลู่ซือเหิงสงสารเธออย่างมาก เขาคว้าสวีหย่าฉีเข้ามากอด “ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นพวกพ่อคัดค้าน ผมกับหย่าฉีคงอยู่ด้วยกันไปนานแล้ว!” “ตอนนี้ผมแค่ดูแลเธอในฐานะพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น เป็นยัยหลินหร่วนนั่นต่างหากที่เอาแต่หึงหวง! คอยหาเรื่องหย่าฉีครั้งแล้วครั้งเล่า!” คุณพ่อลู่โมโหจนทนไม่ไหวแล้ว เขาเกร็งลำคอตะเบ็งเสียงออกมา “แกไม่ใช่ลูกชายฉัน! แกมันเป็นสัตว์เดรัจฉานไปอย่างสมบูรณ์แล้ว!!” เมื่อเห็นว่าคุณพ่อลู่กำลังจะถูกทำให้โมโหจนเป็นลม คุณแม่ลู่กับหมอที่ตามมาอย่างเร่งร้อน เลยรีบประคองคุณพ่อลู่ไว้ เห็นลู่ซือเหิงยังจะกอดสวีหย่าฉีไว้อย่างงมงายไม่รู้สำนึกอีก สีหน้าของคุณแม่ลู่ก็เต็มไปด้วยความปว
หลังบรรยากาศเงียบสงัดไปสองสามวินาที ลู่ซือเหิงก็กระทืบเท้าด้วยความโมโหอย่างกะทันหัน “หลินหร่วนให้เงินพวกคุณพ่อเท่าไหร่กัน? ถึงได้เล่นใหญ่กันขนาดนี้?” “ตอนนี้คิดจะเอาเรื่องศีลธรรมมาบังคับผมด้วยมุกแกล้งตายแบบเก่าๆ เหรอ? น่าขยะแขยงเกินไปแล้ว!” เสียงเพี๊ยะดังขึ้นทีหนึ่ง นี่เป็นอีกครั้ง ที่คุณพ่อลู่ตบหน้าลู่ซือเหิง “แกเข้าไปดูซะ ว่าคนที่นอนอยู่ข้างในเป็นใครกันแน่!” ดูเหมือนว่าลู่ซือเหิงจะต่อต้านการเข้าไปในห้องดับจิตเป็นอย่างมาก คล้ายว่าคุณพ่อลู่แทบจะฉุดกระชากเขาเข้ามาก บรรยากาศมืดมนเย็นยะเยือกรอบกาย ทำให้ลู่ซือเหิงตัวสั่นขึ้นมา รอจนเขาเดินมาถึงข้างเตียงด้วยความอึดอัด คุณพ่อที่ยืนรออยู่ข้างกายฉันมาตลอด ก็ช่วยเปิดผ้าขาวออกให้เขา และใบหน้าขาวซีดที่ไม่มีสีเลือดเหลืออยู่แม้แต่น้อยของฉัน ก็ปรากฏสู่สายตาของลู่ซือเหิงแบบนั้น ลู่ซือเหิงที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถูกทำให้ตกใจจนค้างไปแล้ว เขาเอาแต่จ้องหน้าของฉันด้วยดวงตาเหม่อลอย หลังจ้องฉันแบบนั้นไปสองนาที ลู่ซือเหิงก็ได้สติแล้วตะโกนออกมาอย่างหวาดหวั่น “…หลินหร่วน! ฉันยอมรับว่าเธอแต่งหน้าได้ดีมาก! เธอทำให้ฉันตกใจได้แล้วจริงๆ!”
댓글