Home / รักโบราณ / ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์ / บทที่ 20 เรื่องหลอกลวง

Share

บทที่ 20 เรื่องหลอกลวง

last update Last Updated: 2025-05-20 14:22:35

"ท่านคิดจะทำเช่นไรต่อไปจิ้นหมิง"

หลิวลี่เซียนหันไปเอ่ยถามจ้าวจิ้งเทียน ก่อนจะโยนองุ่นที่นางแอบหยิบมาจากหอโคมแดงตอนที่เดินออกมาจากประตูโยนขึ้นและอ้าปากงับมาเคี้ยวอย่างอารมณ์ดี จ้าวจิ้งเทียนมองหลิวลี่เซียนด้วยสายตาที่เอ็นดูนางไม่น้อย เด็กน้อยผู้นี้ของเขาช่างดูสดใสนัก เขาที่ใช้ชีวิตมาจนอายุสิบแปดปีไม่เคยพบเจอหญิงในใต้หล้าใดที่น่ารักน่าชังเท่านาง

"พรุ่งนี้ข้าคงต้องให้เจ้าไปพบเจินเซียงที่จวนเจ้ากรมกลาโหม เจ้าต้องพานางออกมาให้ได้ ข้าต้องการให้เจินเซียงได้พบกับหวาเยียน หลังจากนั้นข้าจะให้นางไปสารภาพผิดกับเสด็จพ่อ แล้วข้าจะเป็นผู้ทวงคืนความยุติธรรมให้น้องสาวของข้าด้วยตนเอง"

หลิวลี่เซียนพยักหน้าเล็กน้อย พ่อหนุ่มคนนี้ช่างรอบคอบจริงๆ

"เจ้าพักผ่อนเถอะ ขอบใจเจ้ามากที่ไปกับข้าในวันนี้"

"เป็นพระกรุณาเพคะองค์รัชทายาท"

หลิวลี่เซียนโค้งกายคารวะ ก่อนจะปิดประตูหน้าต่างใส่หน้าจ้าวจิ้งเทียน เขายกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยพลางคิด นี่นางเคารพเขาจริงๆ งั้นหรือ?

จวนเจ้ากรมกลาโหม

หลังจากที่แต่งกายเรียบร้อย หลิวลี่เซียนก็ออกจากจวนแต่เช้าเพื่อไปที่จวนเจ้ากรมกลาโหม

"ขอโทษที่ไม่ได้แจ้งเจ้าก่อนว่าข้าจะมา"

"ไม่เป็นไร รีบเข้ามาเร็วเข้า ตอนนี้ข้าอยู่คนเดียวเหงายิ่ง ท่านพ่อเข้าวัง ท่านแม่ก็ไปไหว้พระที่วัด"

หลิวลี่เซียนพยักหน้าก่อนจะยิ้มให้เจินเซียง

"เจ้าดื่มชาร้อนๆ ก่อนเถิด ว่าแต่ลี่เซียน วันนั้นที่ข้าเป็นลมแล้วถูกส่งกลับจวนก็ไม่ได้เจอกับเจ้าอีก ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า"

"เรื่องใดหรือ"

"เรื่องเจ้ากับเสด็จพี่ เจ้ากับเสด็จพี่จิ้นหมิงเป็นคู่รักกันหรือ"

หลิวลี่เซียนแทบจะพ่นชาร้อนออกมาจากปาก คู่รักอะไรกันเหลวไหลสิ้นดี

หลิวลี่เซียนวางถ้วยชาลงก่อนจะเงยหน้าไปมองเจินเซียงและเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้นางฟัง เจินเซียงพยักหน้าเล็กน้อย ใบหน้าเรียวเล็กขาวของนางพลันมีรอยยิ้มจางๆ

"วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปที่ที่หนึ่ง"

"ที่ไหนหรือ ข้าจะไปได้เช่นไร ข้าโดนกักบริเวณเจ้าก็รู้"

"เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา เจ้ารีบแต่งตัวเถอะ ก่อนที่ท่านแม่ของเจ้าจะมา ข้าจะพาเจ้าไปพบกับคนผู้หนึ่ง"

"ใครหรือ"

"เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้"

เจินเซียงที่ใบหน้ามีแต่แววตาสงสัยไม่ได้ถามอะไรมากนัก นางรีบแต่งกายไม่นานก็ออกไปจากจวนพร้อมกับหลิวลี่เซียน

รถม้าเคลื่อนไปไม่เร็วไม่ช้า ในรถม้ามีเพียงหลิวลี่เซียนกับเจินเซียง ส่วนไป๋หลางนั้นหลิวลี่เซียนให้นางอยู่รอที่จวน

ไม่นานรถม้าก็จอด หลิวลี่เซียนลงจากรถม้าก่อนจะยื่นมือไปประคองเจินเซียงลงจากรถม้าด้วย เมื่อเจินเซียงมองไปรอบๆ สีหน้าของนางพลันแดงระเรื่อปนความตกใจ

"นี่มัน!!"

"หอโคมแดง"

"ลี่เซียน นี่เจ้าเล่นตลกอะไร ข้าไม่ขำด้วยนะ"

เจินเซียงหันไปมองหน้าหลิวลี่เซียนด้วยสีหน้าไม่สู้ดี หลิวลี่เซียนยังคงยิ้มน้อยๆ เหมือนไม่รู้สึกสะทกสะท้านต่อสถานที่ตรงหน้า

"อีกประเดี๋ยวเจ้าจะได้ขำจนร้องไห้ไม่ออกแน่"

"เสด็จพี่ ท่าน!!!"

เจินเซียงหันไปมองจ้าวจิ้งเทียนกับหลิวลี่เซียนสลับกันไปมาด้วยความมึนงง จ้าวจิ้งเทียนไม่รอช้ายื่นผ้าปิดหน้าให้นางทั้งสองคนใช้ปิดบังใบหน้าไว้

"อย่าเพิ่งถาม รีบปิดบังใบหน้าไว้ซะ แล้วตามพี่มา"

เจินเซียงรับผ้ามาปิดใบหน้าไว้อย่างทุลักทุเล ก่อนจะถูกหลิวลี่เซียนจับมือนางให้เดินตามเข้าไป

"คารวะคุณชาย เอ๊ะ นั่น!! สตรี ที่นี่ไม่ต้อนรับสตรี"

หนุ่มน้อยคณิกาหน้าขาวหันมามองหลิวลี่เซียนกับเจินเซียงด้วยแววตาไม่เป็นมิตร

"ไม่ต้องกังวล พวกนางเป็นหญิงรับใช้ของข้า ข้าต้องพานางไปด้วยทุกที่"

จ้าวจิ้งเทียนเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะพยักหน้าให้ชุนหลางเอาตำลึงไปเพิ่มให้หนุ่มคณิกาน้อยผู้นั้น

ติดสินบนเก่ง!!!

เมื่อจัดการเรียบร้อยทั้งสี่คนก็เดินไปที่ชั้นบนของหอโคมแดง มีหนุ่มคณิกาคอยต้อนรับบริการอย่างดี หอโคมแดงที่นี่เปิดต้อนรับทั้งวันทั้งคืน จึงไม่น่าแปลกอะไรที่จะมีหนุ่มคณิกามากมายเช่นนี้

"เสด็จพี่จะทำอะไรเพคะ?"

จ้าวจิ้งเทียนไม่ตอบอะไรเจินเซียง พลางมองไปรอบๆ เพื่อมองหาหวาเยียน

ไม่นานเป้าหมายที่เขาต้องการก็มาถึง หวาเยียนกำลังปรนนิบัติคุณชายท่านหนึ่งอยู่อีกโต๊ะไม่ใกล้ไม่ไกล จ้าวจิ้งเทียนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

แต่ทว่าเจินเซียงที่มองไปรอบๆ ด้วยความไม่คุ้นชิน พลันสายตาของนางก็ไปเจอกับใครบางคนเข้า

ชายคนรักของนาง

"ลั่วซือเฉิง!!!"

คำพูดสามพยางค์หลุดออกมาจากปากของเจินเซียง นางเหมือนคนไร้สติไปชั่วขณะ ก่อนจะพรวดพราดลุกขึ้น แต่ทว่ากลับถูกหลิวลี่เซียนที่นั่งอยู่ด้านข้างดึงแขนเอาไว้

"ลี่เซียน นั่น!!!"

"ข้าเห็นแล้ว เจ้านั่งลงก่อนอย่าวู่วาม"

เจินเซียงนั่งลงอย่างว่าง่าย แต่สายตาของนางกลับจ้องมองไปที่หวาเยียนอย่างเจ็บปวด

ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่หอโคมแดงแห่งนี้ ทำไมเขาถึงพัวพันคลอเคลียกับผู้ชายด้วยกันเช่นนั้น แล้วคืนนั้นของนางกับเขาเล่า

หวาเยียนลุกขึ้นพยุงคุณชายผู้นั้นเข้าไปที่ห้องด้านใน จ้าวจิ้งเทียนนั่งรอไม่นานก็พยักหน้าให้หลิวลี่เซียนกับชุนหลาง ให้พาเจินเซียงตามไปด้วย

พวกเขาเดินมาหยุดอยู่ที่ห้องห้องหนึ่ง ก่อนจะพบกับหนิงซานที่เพิ่งเดินออกมาจากห้อง หนิงซานมองพวกเขาด้วยสายตาสงสัยไม่น้อย

"มีอะไรให้รับใช้หรือขอรับ ห้องนี้มีคนใช้งานแล้ว เดี๋ยวข้าน้อยจะเตรียมห้องให้ใหม่ดีหรือไม่"

"ถอยไป!!!"

ชุนหลางผลักหนิงซานจนกระเด็น ก่อนจะถีบประตูให้เปิดออก

เจินเซียงที่ตอนนี้จิตใจร้อนเหมือนไฟ รีบวิ่งเข้าไปในห้อง ภาพตรงหน้าทำให้นางซวนเซจนแทบจะล้มลง

ชายคนรักกำลังมีสัมพันธ์สวาทกับชายอีกคนหนึ่ง

ไม่จริง!!! นี่มันเรื่องอะไร

หวาเยียนที่กำลังตกใจ เขาผละออกจากคุณชายผู้นั้นก่อนจะหันมามอง

"เจินเซียง!!! เจ้ามาที่นี่ได้เช่นไร!!!"

หวาเยียนหน้าซีดเผือด ก่อนจะรีบหยิบชุดมาสวมใส่ลวกๆ เขามองไปรอบๆ ก่อนจะกลับมามองที่เจินเซียงอีกครั้ง แต่ไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยถามอันใด ชุนหลางก็เอาดาบมาจ่อที่คอของเขาเสียแล้ว

"เจ้าจงสารภาพมา อย่าให้ข้าต้องฆ่าเจ้าทิ้งเสียตรงนี้!!!"

จ้าวจิ้งเทียนมองหวาเยียนด้วยความโกรธไม่น้อย หวาเยียนละล่ำละลักตัวสั่นจนพูดผิดๆ ถูกๆ

"ข้า ข้า ไม่ได้ทำอะไร!!!"

"ชุนหลางจัดการตัดคอมันเสีย!!!"

"อย่า!!!"

หนิงซานรีบวิ่งเข้ามาโอบกอดหวาเยียนเอาไว้ ก่อนจะหันมามองจ้าวจิ้งเทียน

"พวกท่านเป็นใคร!!!"

"ข้าคือองค์รัชทายาทแห่งแผ่นดินนี้ หากเจ้าไม่อยากตายรีบสารภาพกับข้ามาเสีย!!! คืนนั้นเจ้าทำอะไรน้องสาวของข้า"

เมื่อได้ยินคำว่าองค์รัชทายาท หวาเยียนพลันหน้าซีดปากสั่น เขาไม่คิดว่าเจินเซียงผู้นี้จะมีเบื้องหลังที่สูงส่งถึงเพียงนี้ เขาคิดว่านางเป็นเพียงลูกขุนนางธรรมดาเท่านั้น เขาเพียงต้องการได้ผลประโยชน์จากนาง

"บอกแล้ว!!! ข้าไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรกับนางเลย ข้าไม่เคยเลย!!!"

เพียะ!!!

เจินเซียงวิ่งเข้าไปตบหน้าของหวาเยียนด้วยความเสียใจ

"เจ้าพูดอันใด คืนนั้นเจ้า!!! เจ้า ฮืออ"

"หุบปากเจ้าซะ!! หวาเยียนของข้าไม่เคยแตะต้องตัวเจ้า เพราะคืนนั้นข้าได้ให้เจ้ากินยานอนหลับที่ผสมในน้ำชา เจ้าจึงเผลอหลับไป แล้วข้าก็จัดฉากเอง!!! โง่งมนัก เขาเป็นสามีข้า ไม่มีทางแตะต้องเจ้า"

"อะไรนะ?"

เจินเซียงพลันนึกถึงเรื่องราวคืนนั้น ลั่วซือเฉิงนัดนางมาพบตอนเย็นวันนั้น ก่อนที่นางจะดื่มชากับเขาที่บ้านหลังหนึ่งและเผลอหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่านางเป็นของเขาไปแล้ว หรือว่า นี่หรือที่เสด็จพี่บอกว่าข้าจะหัวเราะทั้งน้ำตา

"พวกเจ้ารวมหัวกันหลอกข้ารึ!!"

"ใช่ ทั้งหมดเป็นความคิดของข้าเอง ข้าเพียงต้องการได้เงินมาซ่อมแซมหอโคมแดงแห่งนี้ แต่ไม่คิดว่าเจ้าจะมีใจให้สามีของข้า ข้าจ้องเฝ้ามองเจ้าพลอดรักนัดพบกับสามีข้า ช่างน่าสะอิดสะเอียนยิ่งแล้ว เจ้ารู้เรื่องแล้วเช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องทนหึงหวงหวาเยียนจากเจ้า!!"

หนิงซานเท้าสะเอวยืนด่าเจินเซียงฉอดๆ หลิวลี่เซียนยืนมองละครน้ำเน่าฉากนี้อย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเดินไปด้านหน้าหนิงเซียน

"นี่เจ๊ขา ถ้าหวงสามีมาก ทำไมไม่เอาสังขารแก่ๆ นี่ไปขายเลี้ยงดูสามีเองล่ะคะ ให้สามีมาหลอกผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง เป็นข้านี่ข้าเอามาละไม่คืนเจ๊เลยนะ หล่อด้วยนะเนี่ย!!!"

หลิวลี่เซียนพูดพลางยื่นมือไปเชยคางหวาเยียนขึ้นและส่ายหน้าไปมา จ้าวจิ้งเทียนรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นนางทำเช่นนี้

"พูดบ้าอะไรของเจ้า!!! วร้ายยย"

หนิงซานที่กำลังจะก้าวเข้ามาหาหลิวลี่เซียนถูกนางยกเท้าขึ้นถีบยอดอกจนล้มคะมำ

"เจินเซียง เจ้ารู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ก็กลับไปใช้ชีวิตเช่นเดิม อย่าไว้ใจใครง่ายๆ อีก โลกใบนี้ไม่ได้สวยงามดังเช่นที่เจ้าคิดหรอก จำคำของข้าเอาไว้"

เจินเซียงโผเข้ามากอดหลิวลี่เซียนพร้อมกับร้องไห้ออกมา เป็นนางเองที่ดื้อรั้นไม่เชื่อฟังใคร หลิวลี่เซียนตบที่ไหล่ของเจินเซียงเพื่อปลอบโยน

"จับตัวพวกมันไป!!!"

ไม่นานชุนหลางก็จัดการจับตัวของหนิงซานและหวาเยียนออกไป หลิวลี่เซียนที่เดินออกมาพร้อมกับเจินเซียงและจ้าวจิ้งเทียนหันมองไปรอบๆ ก่อนจะยิ้มออกมาจนตาหยี

องุ่นที่นี่หวานอร่อยยิ่ง นางจำไม่ลืม ไหนๆ วันนี้ก็มาแล้ว ข้าขอละกันนะ

หลิวลี่เซียนวิ่งไปหยิบองุ่นออกมาหนึ่งตะกร้าใหญ่พลางยิ้มตาหยี เจินเซียงที่สงบสติอารมณ์ได้แล้วหันมามองหลิวลี่เซียนเล็กน้อย

"เวลาเช่นนี้เจ้ายังมีอารมณ์ขโมยองุ่นอีกหรือ?"

"หวานนะ อะ เจ้าลองชิม"

หลิวลี่เซียนเด็ดองุ่นยื่นเข้าไปในปากเจินเซียง เจินเซียงพยักหน้าเล็กน้อย องุ่นที่หอโคมแดงหวานจริงๆ ด้วย นางหยุดเดินพลางสะกิดแขนหลิวลี่เซียนให้หันไปมอง ก่อนจะมองหน้ากันและยิ้มออกมา

จ้าวจิ้งเทียนมองหญิงสาวทั้งสองอย่างจนปัญญา คนหนึ่งหยิบองุ่นใส่ตะกร้าอย่างเบิกบานใจ ส่วนอีกคนกำลังถือจานขาหมูตุ๋นยาจีนและหัวเราะร่าอย่างมีความสุข

นี่ข้าต้องช่วยพวกนางหรือไม่ โอ๊ะ!!! นี่มันเรื่องอะไรกัน?

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 24 พิธีอภิเษกสมรส

    หลังจากครบกำหนดที่เจินเซียงกลับมาจากวัดต้าฝู นางได้เดินทางกลับจวนเจ้ากรมกลาโหมเพื่อเตรียมตัวอภิเษกกับจ้าวจิ้งเทียน หนึ่งเดือนต่อมาเมื่อเข้าสู่สายลมแห่งฤดูหนาว ขบวนเจ้าสาวจากตระกูลเจินเจ้ากรมกลาโหมพร้อมสินสอดที่ยาวนับพันลี้ก็ได้เคลื่อนขบวนเข้าสู่วังหลวงหลิวลี่เซียนได้เข้าวังหลวงไปพร้อมกับจวิ้นอ๋องและพระชายาในฐานะพระญาติ ส่วนหลิวลี่ซือไปในฐานะว่าที่คู่หมั้นของจ้าวเฟยหรงองค์ชายรองพิธีอภิเษกสมรสเป็นไปด้วยความราบรื่น จนกระทั่งส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ หลิวลี่เซียนนำของขวัญเป็นปิ่นปักผมทองและเวชสำอางที่นางทำขึ้นเองมอบให้แก่เจินเซียงที่ตอนนี้ได้รับการสถาปนาเป็น 'หวงไท่จื่อเฟย' ตำแหน่งองค์หญิงพระชายา พระชายาเอกในองค์รัชทายาท ด้านจ้าวจิ้งเทียนเมื่อเข้าพิธีอภิเษกแล้วเขาก็ได้รับการสถาปนาเป็น 'หวงไท่จื่อ' องค์รัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์อย่างชอบธรรม"ยินดีด้วยเพคะหวงไท่จื่อเฟย ขอให้พระองค์ทรงเกษมสำราญเพคะ""ขอบใจเจ้ายิ่งนักลี่เซียน"หวงไท่จื่อเฟยจากตระกูลเจินยิ้มจนตาหยี นางมีความสุขยิ่งนัก นางตั้งใจว่านับตั้งแต่วันนี้นางจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้มีความสุขหลังจากดื่มสุรามงคลและได้ฤกษ์เข้าหอแล้ว เหล่าพระญ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 23 พระราชทานสมรส

    หลังจากที่ได้รับพระราชโองการจากฮ่องเต้ เสนาบดีหลิวที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนสถานะเป็นจวิ้นอ๋องก็ได้ย้ายครอบครัวตระกูลหลิวของตนมาพำนักที่จวนอ๋องพระราชทาน ซึ่งเป็นจวนอ๋องที่ฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยตั้งใจสร้างเอาไว้เผื่อพระนัดดาทั้งหลายในอนาคตพระชายาจวิ้นอ๋องหลิวลี่หยางยังไม่ค่อยคุ้นชินกับที่อยู่ใหม่มากนัก นางค่อนข้างคิดถึงบ้านเก่าไม่น้อย บางวันจึงกลับไปพักผ่อนที่จวนตระกูลหลิวและรับสั่งให้บ่าวไพร่ดูแลจวนให้ดีจวิ้นอ๋องค่อนข้างปลื้มใจกับบุตรสาวของเขาไม่น้อย เขาได้สอบถามเรื่องราวแต่แรกเริ่มว่าเป็นมาเช่นไร หลิวลี่เซียนสามารถรักษาพระพักตร์องค์รัชทายาทได้อย่างไร หลิวลี่เซียนเองก็เต็มใจเล่าให้ผู้เป็นบิดามารดาฟัง และนางยังได้รู้อีกด้วยว่า แท้จริงแล้วจวนตระกูลหลิวของบิดาเป็นพระญาติใกล้ชิดกับฮ่องเต้มิน่าเล่าทั้งฮ่องเต้และจ้าวฮวงโหวต่างมีใบหน้าเหมือนคุณพ่อคุณแม่ของนาง ที่แท้ก็เป็นบรรพบุรุษของนางนี่เองหลิวลี่ซือลอบเบ้ปากเล็กน้อย นางขี้เกียจจะฟังเรื่องราวพวกนี้ อีกอย่างตอนนี้ตระกูลนางก็ไม่ใช่ขุนนางธรรมดาทั่วไปอีกแล้ว เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกภูมิใจอยู่ไม่น้อยที่จะได้เชิดหน้าชูตาขึ้นมาอีกขั้นไม่นานนักข่าวเรื่องอ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 22 คทาหยกหรูอวี้กับราชโองการสองฉบับ

    หลิวลี่เซียนมองฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยด้วยแววตาที่ตกใจไม่น้อย แต่เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นสายตานี้ของนางก็หายไป เหลือเพียงความเคารพที่มีต่อฮ่องเต้พระองค์หนึ่งเท่านั้นภพปัจจุบันเขาอาจจะเป็นพ่อของนาง แต่ในภพนี้เขาเป็นฮ่องเต้ที่สูงส่ง นางต้องให้ความเคารพเขาเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้วฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยมองหลิวลี่เซียนด้วยแววตาล้ำลึกครั้งหนึ่งบุตรสาวของเสนาบดีหลิวนางทำไมช่างดูคุ้นตา เหมือนกับว่าเขาเคยพบเจอนางที่ใดมาก่อน"ไปเชิญเสนาบดีหลิวเทียนเฉิงมาพบข้าที่ตำหนัก"ฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยเอ่ยพลางสะบัดชายเสื้อมังกรให้ขันทีไปตามเสนาบดีหลิว ก่อนจะหันมามองหลิวลี่เซียนเสนาบดีหลิวรั้งตำแหน่งเสนาบดีกรมพระคลัง ดูแลเรื่องการจัดเก็บภาษีรายได้ของแผ่นดิน เบิกจ่ายงบประมาณของราชสำนัก เป็นขุนนางตงฉินผู้ซื่อสัตย์น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเสนาบดีหลิวผู้นี้เป็นพระญาติฝั่งมารดาของฮ่องเต้จ้าวชิงเฟย เขาเป็นบุตรชายคนโตของน้องสาวไทเฮาองค์ปัจจุบัน นั่นก็คือมารดาของฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยนั่นเองไทเฮาตระกูลหลิวพระองค์นี้ทรงอภิเษกกับฮ่องเต้พระองค์ก่อน และได้รับการสถาปนาให้ขึ้นเป็นจ้าวฮวงโหว ก่อนจะมีพระประสูติการพระโอรสนามว่าจ้าวชิงเฟยแล

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 21 จัดการคนชั่ว

    หลังจากที่จับตัวหนิงซานกับหวาเยียนเข้าคุกหลวงเรียบร้อยแล้ว จ้าวจิ้งเทียนได้ส่งคนไปแจ้งเรื่องราวต่อจ้าวฮวงโหว นางรู้สึกเหมือนดั่งมรสุมใหญ่ได้ลอยหายไปในพริบตา พลันยกยิ้มมุมปาก มเหสีรองเหมย เจ้าไม่มีทางมีชัยชนะเหนือข้าได้หรอกฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยที่กำลังว่าราชการในท้องพระโรงเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น กำลังเดินทางกลับตำหนักมังกร พลันสายตาของเขาได้หันไปพบกับจ้าวจิ้งเทียน พระราชโอรสองค์โตของเขาที่มายืนรออยู่ที่หน้าตำหนัก"ถวายบังคมเสด็จพ่อ"ฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยหันไปมองด้านหลังของจ้าวจิ้งเทียน จึงพบเข้ากับเจินเซียงและหญิงสาวอีกหนึ่งคน ดูจากการแต่งกายแล้วคงจะเป็นบุตรสาวของตระกูลขุนนางเป็นแน่ หลิวลี่เซียนที่ก้มหน้าตลอดเวลาไม่ได้เงยหน้าไปมอง แต่ก็รับรู้ได้ว่าฮ่องเต้กำลังมองมาที่นางอยู่"เจ้ามีเรื่องอันใดถึงมาพบข้าที่นี่?""ลูกมีเรื่องกราบทูลเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ"จ้าวชิงเฟยพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อเข้ามาในตำหนัก ฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยทรงให้เหล่านางกำนัลขันทีออกไปให้หมดเหลือเพียงราชเลขาคนสนิทเพียงคนเดียว ตอนนี้ภายในตำหนักจึงเหลือคนไม่มาก จ้าวจิ้งเทียนเงยหน้าขึ้นมองเสด็จพ่อของเขาเล็กน้อย"ลูกขอให้เสด็จพ่อทรงเชิญเสด็จแ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 20 เรื่องหลอกลวง

    "ท่านคิดจะทำเช่นไรต่อไปจิ้นหมิง"หลิวลี่เซียนหันไปเอ่ยถามจ้าวจิ้งเทียน ก่อนจะโยนองุ่นที่นางแอบหยิบมาจากหอโคมแดงตอนที่เดินออกมาจากประตูโยนขึ้นและอ้าปากงับมาเคี้ยวอย่างอารมณ์ดี จ้าวจิ้งเทียนมองหลิวลี่เซียนด้วยสายตาที่เอ็นดูนางไม่น้อย เด็กน้อยผู้นี้ของเขาช่างดูสดใสนัก เขาที่ใช้ชีวิตมาจนอายุสิบแปดปีไม่เคยพบเจอหญิงในใต้หล้าใดที่น่ารักน่าชังเท่านาง"พรุ่งนี้ข้าคงต้องให้เจ้าไปพบเจินเซียงที่จวนเจ้ากรมกลาโหม เจ้าต้องพานางออกมาให้ได้ ข้าต้องการให้เจินเซียงได้พบกับหวาเยียน หลังจากนั้นข้าจะให้นางไปสารภาพผิดกับเสด็จพ่อ แล้วข้าจะเป็นผู้ทวงคืนความยุติธรรมให้น้องสาวของข้าด้วยตนเอง"หลิวลี่เซียนพยักหน้าเล็กน้อย พ่อหนุ่มคนนี้ช่างรอบคอบจริงๆ"เจ้าพักผ่อนเถอะ ขอบใจเจ้ามากที่ไปกับข้าในวันนี้""เป็นพระกรุณาเพคะองค์รัชทายาท"หลิวลี่เซียนโค้งกายคารวะ ก่อนจะปิดประตูหน้าต่างใส่หน้าจ้าวจิ้งเทียน เขายกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยพลางคิด นี่นางเคารพเขาจริงๆ งั้นหรือ?จวนเจ้ากรมกลาโหมหลังจากที่แต่งกายเรียบร้อย หลิวลี่เซียนก็ออกจากจวนแต่เช้าเพื่อไปที่จวนเจ้ากรมกลาโหม"ขอโทษที่ไม่ได้แจ้งเจ้าก่อนว่าข้าจะมา""ไม่เป็นไร รีบ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 19 หนุ่มคณิกาและเรื่องหลอกลวง 1-2

    รุ่งเช้าหลิวลี่เซียนไปที่เรือนของฮูหยินลี่หยางเพื่อรับประทานอาหารเช้าที่เรือนของมารดา ฮูหยินลี่หยางเอ่ยปากชมว่าหม่าล่าที่นางนำมาให้กินนั้นแปลกตาและอร่อยยิ่ง ส่วนหลิวลี่ซือที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยนั้นลอบบิดเบ้มุมปากตนด้วยความริษยาตั้งแต่ที่พี่สาวนางตกน้ำครานั้นก็ดูเปลี่ยนไป เมื่อก่อนนางช่างอ่อนแอและขี้โรคนัก โดนลมเพียงนิดก็ไม่สบายต้องนอนรักษาตัวอยู่ในจวนเป็นนานแรมเดือน แต่ตอนนี้นางดูแข็งแรงไม่เจ็บป่วยไข้เหมือนแต่ก่อน ซ้ำยังดูงดงามสดใสยิ่งน่าถลกหนังหน้านางให้มันพังพินาศไปเสียหลังจากที่กินข้าวเช้าเสร็จแล้ว หลิวลี่ซือก็เดินออกมาจากเรือนฮูหยินลี่หยาง ก่อนจะจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าออกนอกจวนไปที่หอเป่าชิงเพื่อหาซื้อเครื่องประดับหลิวลี่ซือเป็นคนรักสวยรักงามยิ่ง นางชอบสะสมเครื่องประดับอัญมณีที่งดงามหลากหลายเมื่อเลือกเครื่องประดับได้ตามที่ต้องการแล้ว หลิวลี่ซือเตรียมให้อวี้จู้สาวรับใช้คนสนิทจ่ายค่าเครื่องประดับของนาง แต่ทว่ามีมือปริศนาข้างหนึ่งยื่นมาก่อน"แม่นาง ค่าเครื่องประดับนี้นายของข้าจะเป็นคนจ่ายให้ท่านเอง"หลิวลี่ซือหันไปมองก่อนจะพบกับบุรุษผู้หนึ่ง เขาแต่งกายคล้ายองครักษ์ในวังหลวง"นายของเจ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 18 หนุ่มคณิกาและเรื่องหลอกลวง 1-1

    จ้าวจิ้งเทียนมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ชายารองงั้นหรือ หญิงสาวเช่นชิงชิงไม่ใช่คนที่จะพาเข้าวังหลวงมาเป็นภรรยาได้ง่ายดายเช่นนั้น"เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ ลูกเชื่อว่าด้วยนิสัยของนางไม่มีทางยอมรับตำแหน่งที่ท่านแม่ทรงมอบให้แน่นอน ตั้งแต่ที่ลูกรู้จักนางมา นางเป็นหญิงสาวที่รักอิสระยิ่งพ่ะย่ะค่ะ""เจ้าจึงถูกตาต้องใจนาง?"จ้าวจิ้งเทียนหมดคำจะพูด เขาไม่ได้ปฏิเสธหรือบ่ายเบี่ยงใดๆ ทั้งสิ้น ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจในความรู้สึกที่มีต่อหลิวลี่เซียน เขากลัวว่านางจะไม่ได้คิดเช่นเดียวกันกับเขา จ้าวฮวงโหวย่อมต้องอ่านความคิดของจ้าวจิ้งเทียนออก นางยิ้มออกมาเล็กน้อยคล้ายไม่ได้ติดใจอันใดมากนัก"เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า แม่เป็นคนไม่ชอบบังคับใจใคร เรื่องที่เจ้ารักษาใบหน้าจนหายดีแล้วนั้น ต้องกราบทูลต่อเสด็จพ่อเจ้าเสีย""พ่ะย่ะค่ะ"เมื่อสถานการณ์บีบบังคับ ความลับที่เขาตั้งใจจะไม่ยอมเปิดเผยก็จำต้องยอมเสียแล้วหลังจากที่กลับจากวังหลวงหลิวลี่เซียนก็เข้าไปพูดคุยเล่นกับเสนาบดีหลิวและฮูหยินลี่หยางเกี่ยวกับเรื่องที่เข้าวังหลวงวันนี้เพียงเล็กน้อย หลิวลี่ซือก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน นางพยายามที่จะถามหลิวลี่เซียนว่าเข้าวังหลวงไปด้วยเหตุใด

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 17 เข้าวังหลวงอย่างเร่งด่วน

    ตำหนักจ้าวฮวงโหวจ้าวจิ้งเทียนคิดไตร่ตรองเรื่องของเจินเซียงมาสักพักก่อนจะเข้าไปขอพบกับจ้าวฮวงโหวเสด็จแม่ของเขา"ถวายพระพรเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ""ลุกขึ้นเถิด มานั่งข้างแม่เร็วเข้า จิ้นหมิง"จ้าวจิ้งเทียนลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปนั่งลงข้างพระวรกายของจ้าวฮวงโหว เขามองพระพักตร์ของเสด็จแม่ตนเองอย่างลำบากใจเรื่องนี้หนักหนาเกินกว่าเขาจะแก้ไขเองจริงๆ"ว่าอย่างไรจิ้นหมิง""ที่ลูกมาเข้าเฝ้าเสด็จแม่วันนี้ เพราะมีเรื่องสำคัญสองเรื่องอยากกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ""ไหนเจ้าว่ามาสิ"จ้าวจิ้งเทียนหันไปมองเหล่านางกำนัลเป็นเชิงให้ออกไปให้หมด ก่อนจะยกมือขึ้นไปปลดผ้าคลุมใบหน้าของเขาออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้างดงามราวกับเทพเซียนของเขา รอยแผลบนใบหน้าจางหายไปจนหมดสิ้นแทบไม่ทิ้งร่องรอยใดเหลือไว้ ราวกับว่าไม่เคยมีบาดแผลน่ารังเกียจนั่นอยู่บนใบหน้าของเขามาก่อน"จิ้นหมิง!!! ลูกแม่ นี่เจ้า หมอเทวดารักษาเจ้าจนหายดีแล้วหรือ สวรรค์ช่างเมตตายิ่งนัก!!!"จ้าวฮวงโหวยื่นมือมาจับที่ใบหน้าของจ้าวจิ้งเทียนอย่างดีใจปนตกใจ น้ำตาของนางเอ่อคลออย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ จ้าวจิ้งเทียนกุมมือของพระมารดาเอาไว้ด้วยความรักใคร่ ก่อนจะยิ้มให้จ้าวฮวงโห

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 16 ตัดปีกตระกูลเจิน

    ตำหนักพระมเหสีรองเหมย"ถวายพระพรพระมเหสีรองเพคะ"เหมยฮวาชิงย่อกายทำความเคารพมเหสีรองเหมยท่านอาของนาง พระมเหสีรองเหมยพระองค์นี้เข้าวังมาได้ห้าปีแล้ว แต่ยังไม่มีพระโอรสและพระธิดาแม้สักพระองค์เดียว เพราะสุขภาพของนางค่อนข้างไม่สู้ดี แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังคงเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ เพราะราชสำนักยังต้องพึ่งพากำลังทางทหารของจวนโหวตระกูลเหมย มเหสีรองเหมยแม้ภายนอกจะดูอ่อนโยน ไม่มีปากมีเสียงกับใคร แต่ลึกๆ ภายในใจของนางซ่อนความโหดเหี้ยมเอาไว้ไม่น้อยนางริษยาจ้าวฮวงโหวกับพระสนมเอกยิ่งนัก ทั้งที่พวกนางไม่ใช่คนโปรดของฮ่องเต้สักเท่าใด แต่วาสนากลับทำให้พวกนางมีพระโอรส แล้วนางเล่า นางเป็นที่โปรดปราน แต่สวรรค์กลั่นแกล้งนางถึงเพียงนี้เพราะเหตุใดกัน"รีบลุกขึ้นเถิดหลาน เจ้าไม่ต้องมากพิธีการ""ขอบพระทัยเพคะพระมเหสีรอง"พระมเหสีรองเหมยโบกมือเป็นการไล่บ่าวรับใช้นางกำนัลออกไปจากตำหนักให้หมด เหลือเพียงแม่นมคนสนิทของนางกับเหมยฮวาชิงและชิงฮุ่ย"ท่านอารู้ข่าวของตระกูลเจินรึยังเพคะ"เหมยฮวาชิงเป็นคนเริ่มบทสนทนาเรื่องของเจินเซียงกับพระมเหสีรองเหมยก่อน พระมเหสีรองเหมยยกชาขึ้นจิบเล็กน้อย พลางหัวเราะออกมาอย่างอารมณ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status