ログインชะรอยเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้จะเป็นที่น่าขบขันสำหรับองค์ชายรัชทายาท ทว่าสามีผู้ที่ถูกขอให้หย่าขาดจากภรรยากลับมิได้รู้สึกเช่นเดียวกัน ทั้งยังประหลาดใจที่มีบุรุษรูปงามถึงสองชีวิต กล่าวว่าภรรยายังเยาว์ของเขานั้นงามเหนือหญิงใดในเมืองเทียนโจว แน่นอนว่าเรื่องนั้นย่อมเป็นไปมิได้ ด้วยสตรีที่งดงามหาผู้ใดเทียบได้ยาก ก็คืออดีตคนรักของเขานั่นเอง
“น่าประหลาดใจยิ่งนัก มิใช่เจ้าบอกว่า ภรรยาหน้าตาอัปลักษณ์ ถึงขั้นเห็นแล้วจวนจะอาเจียนมิใช่หรือ”
“คำพูดที่ว่าเอ่ยในยามข้ายังเยาว์อยู่ ออกจะเกินจริงไปบ้าง นางแค่มีหน้าตาธรรมดา หากเทียบเคียงกับ...” หยางเหวินเย่ยังมิกล้าเอ่ยชื่อนางผู้ทำให้เขากลายเป็นคนไร้หัวใจและลืมเลือนรอยยิ้มของตนหลังจากความสูญเสีย
“เจ้าก็มิได้กลับไปเยี่ยมบิดามารดานานมากแล้ว บ้านเมืองยามนี้สงบเงียบ อยู่เมืองหลวงก็มิได้มีงานอันใด กลับไปเยี่ยมเทียนโจวสักสองสามเดือนมิดีหรือ” องค์ชายรัชทายาทคำนวณดูแล้วพบว่าภรรยาของสหายน่าจะอายุได้สิบเก้าปีบริบูรณ์ ถึงเวลาที่จะต้องออกเรือนอย่างเป็นทางการแล้ว
ทั้งยังย้ำอีกว่าในสองเดือนข้างหน้า คือวันคล้ายวันเกิดของอดีตที่ปรึกษาคนสำคัญ บุตรชายคนเดียวของตระกูลหยางพลาดงานฉลองวันเกิดของบิดานานกว่าห้าปีแล้ว ปีนี้ผู้อาวุโสอายุครบหกสิบปี จึงมิควรพลาดวันครบรอบสำคัญอีก
หยางซือถงเกษียณอายุราชการก่อนวัย เพราะต้องการอยู่ดูแลภรรยาที่มิค่อยจะแข็งแรงนัก กล่าวกันว่าทุกครอบครัวควรจะมีบุรุษคอยควบคุมดูแล และในเมื่อทายาทเพียงคนเดียวได้รับตำแหน่งสำคัญตั้งแต่ยังเยาว์ ผู้เป็นบิดาที่ถือว่าตนประสบความสำเร็จมากพอแล้ว จึงไม่ต้องการแสวงหาอำนาจอันใดอีก
“ปีนี้คงจะต้องกลับไปเยี่ยมท่านพ่อสักหน่อย”
“หากมิติดงานราชการ ข้าจะแวะไปเที่ยวชมเมืองด้วย”
“กลับแค่สองเดือน ไม่มากไปกว่านั้น”
หยางเหวินเย่ยืนยันว่าจะไม่อยู่เสียเวลาในเมืองเทียนโจวให้นานเกินกว่าสองเดือน เขายังคงกลัวใจของตัวเอง หากต้องอยู่ร่วมเมืองเดียวกับอดีตคนรัก แม้มั่นใจว่าลืมนางได้แล้ว ทว่าลึก ๆ กลัวว่าจะถูกสามีของนางยั่วยุทำให้อารมณ์เดือดดาลนั้นคุกรุ่นขึ้นมาอีก ส่วนภรรยาอัปลักษณ์ที่ถูกลืม เขาคงจะต้องคิดหาของขวัญสำหรับนางสักหน่อย
พอลองนึกย้อนดูก็ให้รู้สึกสงสารสาวน้อยที่เพิ่งจะสูญเสียบิดา นางเข้มแข็งกว่าบุรุษรูปร่างสูงใหญ่เสียอีก ตลอดเจ็ดวันที่นางฝากชีวิตเอาไว้ในกระโจมแม่ทัพ เขามิได้ยินเสียงสะอื้นเลยแม้เพียงครึ่งคำ นางนั่งคุดคู้ซ่อนตัวอยู่กับบ่าวแค่สองคน รออาหารจากท่านพ่อเพียงวันละมื้อ และมิทำตัวเกะกะขวางทางระหว่างการศึก
จนกระทั่งได้รับชัยชนะแล้ว นางก็ยังมิออกมาเรียกร้องความสนใจ หยางเหวินเย่เดาว่านางคงอับอายดวงหน้าอัปลักษณ์มิสมสตรี จึงมิกล้าแสดงตนต่อหน้าเหล่าทหาร
แต่อย่างไรนางก็เป็นภรรยา เขาจึงมิควรละเลยนางอย่างที่คุณชายสองคนนั้นกล่าวหาจริง ๆ
หยางเหวินเย่สั่งให้บ่าวเลือกซื้อข้าวของราคาแพงสำหรับภรรยาสักสองสามอย่าง ราวกับว่านั่นจะช่วยให้นางลืมเลือนเรื่องที่ถูกลืม ลืมเลือนเรื่องที่ถูกทำให้รอยาวนานถึงห้าปี
‘นอกจากเรื่องความรักแล้ว ข้าสามารถบันดาลให้เจ้าได้ทุกอย่าง’
ท่านแม่ทัพได้บอกต่อภรรยาแล้วว่าจะไม่มีวันรัก และหากนางยังยืนยันว่าจะรักข้างเดียว บุรุษหัวใจด้านชาอย่างหยางเหวินเย่ก็คงทำอันใดมิได้ ต่อให้นางงามขึ้นมาสักสิบส่วน เขาก็ยังมิเชื่อว่านางจะงามพอที่จะทำให้เขาลืมความรักครั้งเก่าได้
เรื่องราวในอดีตเตือนให้ใจเจ็บเกินกว่าจะกินดื่มอันใดให้อร่อยได้ หากจะมีเรื่องอันใดที่บรรเทาความหงุดหงิดของเขาได้บ้าง ก็คงมิพ้นเหล่านางคณิกาที่นอนรออยู่ในห้อง หลังจากส่งเสด็จองค์ชายรัชทายาท หยางเหวินเย่จึงเรียกตัวหญิงงามสามนางเข้าไปปรนนิบัติ พวกนางถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะมิต้องอดทนรับศึกหนักแต่เพียงลำพัง
ทว่าความเครียดทำให้เลือดบุรุษเดือดดาลยาวนาน ท่านแม่ทัพหยางเหวินเย่รั้งตัวพวกนางข้ามวันข้ามคืน จึงยอมปล่อยไปพร้อมกับตั๋วเงินมากมูลค่า หนึ่งในนั้นถึงกับประกาศว่าจะมิยอมรับงานในจวนแม่ทัพอีก
เพราะหากรับงานเพิ่มอีกแค่เพียงครึ่งชั่วยาม พวกนางอาจจะเผลอตัวติดใจ
มิอาจหลับนอนกับผู้ใดได้อีก!
บรรยากาศในสวนของบ้านสกุลหยางร่มรื่นน่าพักผ่อนเอนหลังเป็นอย่างมาก สาวน้อยเจ้าของดวงตาสีน้ำผึ้งสะบัดพู่กันวาดภาพแสดงฝีมือเกือบสองชั่วยาม ก็เริ่มบิดตัวเกียจคร้าน ทำเอาลูกค้าที่นั่งนิ่งเป็นเวลานาน เผลอขยับตัวตามไปด้วยอีกคน นางพยักหน้าเรียกบ่าวคนสนิทให้ทำการเปลี่ยนพู่กันชุดใหม่ เตรียมเอาไว้สำหรับการทำงานในช่วงบ่ายที่จะถึง
“เหลือลงสีอีกเล็กน้อยเท่านั้น พรุ่งนี้ท่านสามารถมารับภาพวาดได้ในช่วงบ่าย”
“วาดได้งามยิ่งนัก ฝีมือของคุณหนูเถียนเถียนพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นแล้ว” ลูกค้าหญิงงามชื่นชมภาพที่วาดยังไม่ทันเสร็จดี แต่ก็พอมองออกว่าฝีมือของนางมิใช่ธรรมดา ค่าจ้างที่เคยคิดว่าแพงเกินสมควร กลับคุ้มค่ากว่าที่คิดเอาไว้มาก
คุณหนูเถียนเถียน ยิ้มกว้างให้กับลูกค้าที่กำลังชื่นชมผลงาน ความสุขของนางคือการลงพู่กันวาดภาพระบายสี ดวงตางามประหลาดแทบมิกะพริบยามลากเส้นวาดเค้าโครงหน้า เพราะหากพลาดเพียงนิดเดียว ภาพก็จะผิดเพี้ยนไม่สมกับความจริง และนั่นหมายความว่านางอาจจะมิได้ค่าจ้างจากลูกค้าสาวงาม
ทว่าสตรีบางนางก็ขอให้ทำภาพผิดเพี้ยน หรือเพิ่มเติมสักหน่อย เพื่อให้ดูสวยเกินกว่าความจริง
น้อยคนนักจะรู้ว่าเงินค่าจ้างที่ได้รับ เพียงพอสำหรับค่าพู่กัน กระดาษ และสีที่มีคุณภาพ หาได้กำไรอันใดไม่
“ดวงหน้าของท่านงดงาม วาดได้ไม่รู้เบื่อ” ผู้สร้างสรรค์งานวาดเอ่ยเสียงใสชื่นชมลูกค้า
“ข้างามน้อยกว่าคุณหนูสักหลายเท่า น่าเสียดาย...” ลูกค้าสาวกลืนคำพูดของตน เมื่อบ่าวชายหน้าตากลาง ๆ แสดงออกชัดว่ามิต้องการได้ยินเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับคุณชายสกุลหยาง
ท่านแม่ทัพหยางเหวินเย่หนีภรรยากลับเมืองหลวง หลังจากเข้าหอได้เพียงคืนเดียวมิใช่ความลับ เรื่องนั้นเป็นที่โจษจันนานเกือบสองปี ทว่าผู้เป็นภรรยากลับมิใส่ใจ ทั้งยังบอกว่าอีกไม่นาน สามีของนางก็จะกลับบ้านแล้ว
คุณหนูเถียนเถียนกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่งดงามราวกับนางสวรรค์ และนั่นทำให้คนที่ตั้งคำถามถึงกับลืมเลือนเรื่องที่ตั้งใจจะกล่าว กระทั่งจะแสร้งสืบความหรือเหน็บแนมอันใดก็ลืมไปจนสิ้น
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 37 ต้องเรียกท่านพ่อ (2)“งาม! ท่านลุงไม่หน้าผีแล้ว ท่านลุงงาม!”เสวียนหนิงอันผละออกจากมารดา รีบตรงเข้ากอดท่านลุงคนงามที่ย่อตัวรับนางเข้าสู่อ้อมกอดทันที“หนิงเอ๋อร์ เรียกท่านลุงได้อย่างไร ต้องเรียกท่านพ่อจึงจะถูก”คนที่เพิ่งมาใหม่กล่าวพลางหัวเราะอย่างขบขัน ทำให้เจ้าซาลาเปาน้อยต้องรีบตะโกนแจ้งอย่างมีความสุขว่านางมีเพื่อนเล่นใหม่แล้ว“ท่านลุง หนิงเอ๋อร์มีท่านลุงคนงามมาเล่นเป็นเพื่อนอีกคนแล้ว”เจ้าซาลาเปาน้อยเอ่ยอย่างฉะฉาน เข้าใจว่าบิดาคือเพื่อนเล่นคนใหม่ ทั้งยังหน้าตางดงามคล้ายท่านลุงหลี่จินหมิงเป็นอย่างมาก“หนิงเอ๋อร์ ข้ามิใช่ท่านลุง แต่เป็นท่านพ่อ ส่วนท่านลุงหลี่เองก็เช่นกัน เขามิใช่ท่านลุงของเจ้า ทว่าเป็นท่านอา จงเรียกว่าท่านอาหลี่”“แต่ท่านพ่อเจ้าคะ หนิงเอ๋อร์อยากเรียกท่านลุงว่าท่านลุง”“นั่นแปลว่าหนิงเอ๋อร์เห็นว่าลุงแก่กว่าท่านพ่อใช่หรือไม่”หลี่จินหมิงแกล้งถามอย่างน้อยใจ เจ้าตัวเล็กเห็นดังนั้นก็รีบดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของบิดา รีบปลอบใจท่านลุงรูปงามทันที“เรียกท่านอาก็ได้เจ้าค่ะ ไม่ต้องเสียใจนะเจ้าคะ” เสวียนหนิงอันกอดขาออดอ้อนอย่างน่ารักจนหลี่จินหมิงเผลอต
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 37 ต้องเรียกท่านพ่อ (1)เสียงหัวเราะของเจ้าก้อนแป้งดังลั่นเรือนตั้งแต่ยามเช้า เรียกรอยยิ้มของเสวียนซือชิงและสองสาวใช้ได้เป็นอย่างดี วันนี้อากาศอบอุ่นขึ้นบ้างแล้ว คุณหนูตัวเล็กที่หมายใจว่าจะออกไปวิ่งเล่นให้ทั่วจึงอารมณ์ดี มารดาให้กินดื่มอันใดก็มิเอ่ยถ้อยคำต่อรอง ต้องอาบน้ำขัดผิวแสบตัวอย่างไรก็ไม่โอดครวญเลยสักคำเสวียนหนิงอันพร้อมออกไปเล่นนอกเรือนอย่างมาก ทว่ามารดาของนางกลับมิอยากก้าวออกไปเลยแม้แต่น้อยนางยังไม่พร้อมที่จะเจอ...ท่านพี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเรียกเขาอย่างไร ควรเรียกท่านพี่อย่างที่เคยเรียกยามเขาหลอกนางว่าเป็นคุณชายเฉินหยาง เรียกท่านอ๋องแทนตำแหน่ง หรือว่าเรียกคุณชายเฉินเพราะเขาคงมิอยากเปิดเผยตัวเอง“เสี่ยวอัน อาเหยาอยู่ที่นี่หรือไม่”เกือบเจ็ดวันแล้วที่เสวียนซือชิงมิได้ออกนอกเรือนเพื่อตรวจสอบดูการย้อมสีเส้นด้าย มิใช่ว่าไว้ใจในฝีมือของลูกจ้างคนใหม่ แต่เป็นเพราะนางไม่ไว้ใจความคิดและการกระทำของตนเองต่างหาก“อยู่เจ้าค่ะ กำลังเก็บด้ายที่เพิ่งแห้ง อีกไม่นานก็คงเสร็จงานแล้วเจ้าค่ะ”“เขากลับไปเมื่อไหร่ก็ให้รีบมาแจ้ง ข้าจะได้พาหนิงเอ๋อร์ออกไปเดินเล่นในสวน ห
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 36 ท่านพี่ (2)“เอาเถิด เห็นแก่ที่เจ้าช่วยดูแลลูกเมียข้านานหลายปี เรื่องที่ไม่พูดก่อนหน้านี้ก็ให้ถือว่าหายกันไป”“แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อเล่า”“เดิมทีคิดให้เวลานางได้ทำใจ แต่พอมีหนิงเอ๋อร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว ข้าย่อมรอต่อไปไม่ได้อีก”“ท่านควรใจเย็นให้มาก ตรองดูทุกอย่างให้ดี”“จินหมิง เจ้าซาลาเปาน้อยเรียกข้าว่าลุงหน้าผี ข้าทนฟังคำคำนี้มิได้ จริง ๆ” หลี่จินหมิงถึงกับลอบกลอกตา เขาทราบดีตวนอ๋องเฉินฟาหยางภูมิใจความงามของตนอย่างมาก พอถูกบุตรสาวเรียกด้วยถ้อยคำไม่น่าฟัง คนหลงตัวเองเช่นนั้นย่อมทนมิได้แน่แค่มิโพล่งไปว่าตนคือใครตั้งแต่ทีแรกก็นับว่าอดทนได้เก่งอย่างมากแล้ว‘… พี่ทำตามคำสั่งของเจ้าแล้วว่าให้ทำงานหนักนานสามเดือน หากวันใดใจอ่อนลงบ้างแล้ว โปรดอ่านจดหมายที่พี่ส่งไปก่อนหน้านั้นได้หรือไม่’เสวียนซือชิงทำอย่างไรก็มิสามารถลืมเลือนประโยคสำคัญนี้ได้ คำสั่งอันใดหรือที่ภรรยาของอาเหยากล่าวไว้ เหตุใดจึงใกล้เคียงกับยามที่นางคุยเล่นกับบุรุษผู้นั้นนักเล่า‘…ให้ทำงานบ้านแทนเสี่ยวผิงเสี่ยวอันสักสามเดือนดีไหมเจ้าคะ’นางเคยตอบเช่นนั้นยามเขาหลอกถาม ว่าหากทำตัวไม่ดีเช่นตวน
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 36 ท่านพี่ (1)หากผู้ใดได้ยินประโยคที่ลูกจ้างคนใหม่กล่าวต่อคุณชายสกุลหลี่คงยิ้มอย่างพึงพอใจ ว่าวาจาของเขาไพเราะอ่อนหวานมากมารยาท น้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังจนทำให้ลืมเลือนไปว่าใบหน้านั้นซ่อนอยู่ใต้ผ้าพันแผล ทั้งดวงตาข้างหนึ่งยังมืดบอดไม่น่าชมทว่าหลี่จินหมิงทราบดีที่สุดว่าตนกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความเป็นความตาย เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าเฉินฟาหยางมิได้พูดจาเช่นนี้ตั้งแต่ได้รับตำแหน่ง ตวนอ๋อง ยิ่งรั้งตำแหน่งแม่ทัพคนสำคัญด้วยแล้ว ยิ่งมิต้องกล่าวคำหวานเอาใจผู้ใดอีก เว้นเพียงยามอยากได้สตรีที่มีรูปโฉมงดงามมาอุ่นเตียง แต่อย่างไรเสียคำพูดเหล่านั้นก็มิได้จริงใจ กล่าวออกไปเพียงเพราะต้องการผลประโยชน์ตอบแทนล้วน ๆวันนี้ตวนอ๋องกล่าววาจาน่าฟังหลายคำ หลี่จินหมิงจึงเดาได้ว่ามิใช่เรื่องดี‘หากคุณชายหลี่เสร็จธุระแล้ว ผู้น้อยขอรบกวนเวลาอันมีค่า สนทนาเรื่องสำคัญสักหน่อยจะได้หรือไม่’อันตรายอย่างมาก...เกริ่นมาเช่นนี้อันตรายจริง ๆคุณชายสกุลหลี่ทำอันใดมิได้นอกจากพยักหน้ารับคำ ตอบไปว่าเสร็จธุระแล้วจะรีบไปหา ทว่าถ่วงเวลาอยู่ได้ไม่นานก็เปลี่ยนใจ เพราะคิดได้ว่ายิ่งพบหน้ากันช้าเท่าไหร่ โทสะ
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 35 เจ้าซาลาเปาน้อย (2)“อาเหยา...”ทว่าเสวียนซือชิงยังมิทันได้เอ่ยอันใดต่อ เจ้าก้อนกลมเล็กก็วิ่งผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเสี่ยวอันที่วิ่งตามมาติด ๆ แจ้งต่อนายหญิงด้วยประโยคที่ทำให้ลูกจ้างคนใหม่หนาวเหน็บราวกับถูกน้ำเย็นจัดราดกลางศีรษะตน“คุณหนูบอกว่าเบื่อบ้าน อยากเจอท่านลุงเจ้าค่ะ!”“หนิงเอ๋อร์! อากาศยังหนาวอยู่ ลูกกลับเข้าบ้านเดี๋ยวนี้!”เสวียนซือชิงวางพู่กันในมือ ก้าวยาว ๆ ตามเจ้าก้อนแป้งที่วิ่งตรงไปยังเรือนใหญ่ แต่หากนางหันหลังกลับไปดูสักหน่อยก็จะพบว่าอาเหยาอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างคล้ายคนเสียสติไปแล้วตวนอ๋องเฉินฟาหยางรู้สึกคล้ายเสียสติไปแล้วจริง ๆ!ลูกของข้ายังมีชีวิตอยู่...เฉินฟาหยางมิอยากเชื่อว่าภาพตรงหน้าจะเป็นความจริง เจ้าก้อนกลมเคลื่อนไหวรวดเร็วอย่างมาก เพียงครู่เดียวก็วิ่งผ่านสวนที่กั้นกลางระหว่างเรือนเล็กกับบ้านใหญ่ หลุดรอดจากสายตาของเสวียนซือชิงและเสี่ยวอัน แต่เขาตัวสูงกว่าพวกนางมาก จึงมองเห็นว่าเด็กน้อยซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้มิไกลนักเสวียนซือชิงและเสี่ยวอันแยกไปหาอีกทางแล้ว เขาจึงค่อย ๆ ย่องไปหาเจ้าก้อนกลมที่ซ่อนตัวอยู่ พอเข้าไปใกล้จึงพบว
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 35 เจ้าซาลาเปาน้อย (1)หลังจากสนทนากับอาเหยาจนความทรงจำในอดีตปรากฏชัด ย้ำเตือนให้นางคิดถึงความรักครั้งแรก เสวียนซือชิงก็มิได้ออกนอกเรือนอีก มิใช่ว่านางกลัวที่จะพูดคุยลูกจ้างคนใหม่ แต่เป็นเพราะต้องเร่งปักผ้าให้ทันตามคำสั่งของลูกค้าที่พี่ชายบุญธรรมรับงานมาให้อีกที“เสี่ยวผิง ฝากผ้าพวกนี้ให้คุณชายหลี่ อย่าลืมบอกให้เขาแวะมาสักหน่อย ข้างในบ้านวุ่นวายอีกแล้ว”เสวียนซือชิงมิลืมกล่าวต่อเสี่ยวอันด้วยว่าให้เข้าไปดูแลเรื่องในบ้าน เพราะนางต้องตรวจดูด้ายที่ตากไว้ครู่ใหญ่จึงจะกลับเข้าไปทำหน้าที่ของตนได้ ทว่าเพียงแวบแรกที่เห็นลูกจ้างที่กำลังยืนกวาดลานบ้าน นางก็พลันนิ่วหน้า ขยี้ตาแรง ๆ ครั้งหนึ่งก็ตระหนักได้ว่าตนมิได้ตาฝาดไปอาเหยาคล้ายมิใช่บุรุษผู้อาภัพดังเดิม“อาเหยา มิใช่ว่าวันนี้คือวันหยุดของเจ้าหรอกหรือ”สิ่งที่ทำให้เสวียนซือชิงประหลาดใจมิใช่เรื่องลูกจ้างคนใหม่ยืนกวาดบ้านในวันหยุดงานของตน ทว่าเป็นเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ต่างหากเล่าเสื้อผ้าของอาเหยาสีสันเรียบง่ายไม่ฉูดฉาด แต่มองไกล ๆ ก็ยังรู้ว่าเป็นผ้าเนื้อดี ราคาแพงอย่างมาก นอกจากนั้นเขายังมิได้เดินกะเผลกหรือห่อไหล่อย่าง







