Share

บทที่ 6 หลบลี้

Aвтор: Luffy.g
last update Последнее обновление: 2025-02-10 23:44:27

บทที่ 6 หลบลี้

ในค่ำคืนที่ดวงจันทร์เสี้ยวลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า เมฆหมอกเบาบางปกคลุมแสงจันทร์ทำให้ทุกสิ่งดูมืดมัว บริเวณรอบเรือนหลังเล็กที่ดูเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมพัดและเสียงใบไม้เสียดสีกันไปมาชวนให้รู้สึกวังเวง

จางลู่เหวินนั่งอยู่ภายในเรือนที่เขาเช่าอาศัยจากชาวบ้าน เสื้อผ้าที่เคยเรียบร้อยบัดนี้ดูซอมซ่อและเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นดินและคราบสุรา ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาเต็มไปด้วยหนวดเครายาวรกรุงรัง ดวงตาของเขาแดงก่ำไปด้วยฤทธิ์สุราและอาการนอนไม่หลับมาเป็นเวลาหลายคืน

โต๊ะไม้เก่ากลางห้องเต็มไปด้วยขวดสุราที่วางกระจัดกระจายไปทั่ว จางลู่เหวินหยิบขวดสุราขวดหนึ่งขึ้นมากระดกเข้าปากอย่างไม่สนใจสิ่งใด แต่เขากลับพบว่ามันว่างเปล่าไปเสียแล้ว

“เพล้ง...” จางลู่เหวินโยนขวดสุราไปที่มุมห้องอย่างรู้สึกขัดใจ เสียงขวดกระเบื้องตกกระทบลงบนพื้นดังสะท้อนขึ้นมาในความเงียบสงัด

“ชิวเหยา...” จางลู่เหวินพึมพำชื่อของหญิงคนรักที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวใจของเขาอย่างไม่จบสิ้น “เจ้าทิ้งข้าไปได้เช่นใดกัน...”

จางลู่เหวินเอนตัวพิงเก้าอี้ ดวงตาเหม่อลอยมองเพดานไม้เก่าๆ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง เขาไม่สามารถลืมความรู้สึกในวันที่หยางชิวเหยากล่าวคำลา และยิ่งคิดถึงนางที่ต้องตกอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษอื่นก็ยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดให้ยิ่งลุกลามขึ้นมาภายในใจ

“ชิวเหยา...ข้ารักเจ้า...อย่าทิ้งข้าไป...” จางลู่เหวินทำได้เพียงพร่ำเพ้อออกมาพร้อมกระดกเหล้าเข้าปากอีกครั้งเพื่อให้ลืมทุกข์ภายในใจให้หมดสิ้นไปเสียที

ในแต่ละวันที่ผ่านพ้นไป จางลู่เหวินรู้สึกหมดสิ้นทุกสิ่ง เขาใช้ชีวิตไปตามยถากรรม ทำตัวสำมะเลเทเมาจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน

สายวันหนึ่งในขณะที่หยางชิวเหยากำลังนั่งดีดลูกคิดคำนวณบัญชีอยู่นั้น เสี่ยวเว่ยก็รีบร้อนเข้ามาหานางอย่างร้อนใจ

“คุณหนู...ข้าได้ยินมาว่าท่านลู่เหวินบัดนี้ใช้ชีวิตตกต่ำยิ่งนัก อีกไม่นานก็จะถึงการสอบจอหงวนแล้ว ข้าเกรงใจ....”

“ลู่เหวิน...” หยางชิวเหยาได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับน้ำตาซึมออกมา ยิ่งนางรักจางลู่เหวินมากเพียงใด นางก็รู้ดีว่าเขานั้นรักนางมิต่างจากตนนัก

“ตอนนี้ลู่เหวินเป็นเช่นใดบ้าง” หยางชิวเหยาเอ่ยถามออกมาด้วยความเป็นห่วง

“เรียนคุณหนู...ท่านลู่เหวินเอาแต่กินเหล้าทั้งวันทั้งคืน หากไม่เมาอาละวาดจนถูกซ้อมตีที่หน้าโรงน้ำชาก็เมาหลับใหลตามข้างถนนมิต่างจากคนเร่ร่อนนัก”

หยางชิวเหยาทอดถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกลำบากใจยิ่งนัก ก่อนที่นางจะตัดสินใจปิดสมุดบัญชีลง “เสี่ยวเว่ย...บอกพ่อบ้านเตรียมรถม้า ข้าจะไปตลาดเสียหน่อย”

“คุณหนูทำเช่นนี้จะดีหรือเจ้าคะ”

“หากข้าไม่พบลู่เหวินสักครั้ง เขาจะกลับมายืนอย่างองอาจเช่นเคยได้เช่นใด”

“เจ้าค่ะ” เสี่ยวเว่ยรีบพยักหน้ารับ ก่อนจะถอยหลังไปตระเตรียมทุกสิ่งให้พร้อม

รถม้าแล่นไปยังตลาดที่มีผู้คนคึกคักยิ่งนัก หยางชิวเหยาทำทีเข้าไปซื้อสมุนไพรพร้อมกับเครื่องหอมอีกหลายอย่าง ก่อนจะพาเสี่ยวเว่ยเข้าไปยังโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง

เสี่ยวเว่ยรีบจัดแจงให้เสี่ยวเอ้อพานางทั้งสองไปยังห้องส่วนตัวอย่างรู้งาน

หลังจากที่เข้ามาภายในห้องส่วนตัว หยางชิวเหยารีบผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ตระเตรียมไว้ ก่อนจะซ่อนกายหลบออกมาจากโรงน้ำชาอย่างเร่งรีบ

ด้านนอกเรือนที่ดูทรุดโทรมจากการขาดการเอาใจใส่ เงาร่างบางของหญิงสาวในชุดคลุมสีเข้มที่เดินลัดเลาะผ่านถนนอันคับแคบ ใบหน้าของนางแดงเรื่อจากความเหนื่อยล้าที่มี

หยางชิวเหยามาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าประตูไม้ที่ปิดสนิท นางยืนนิ่งครู่หนึ่งราวกำลังชั่งใจอย่างหนัก ก่อนจะใช้สองมือผลักบานประตูเข้าไปภายในเรือนในที่สุด

ดวงตาของหยางชิวเหยามองไปรอบๆ อย่างพิจารณา โต๊ะไม้ที่เต็มไปด้วยขวดสุราที่แตกกระจายไปทั่วห้องอย่างมิได้รับการใส่ใจ นางทอดถอนหายใจออกมาอย่างหนัก สภาพของจางลู่เหวินที่ยังคงสะลึมสะลือจากฤทธิ์สุรา เมื่อได้เห็นหญิงสาวตรงหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง

“ชิวเหยา...เจ้ามาหาข้า...เจ้ามาหาข้าแล้วจริงๆ...ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่” จางลู่เหวินถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า สองมือตบแก้มอย่างแรงด้วยต้องการพิสูจน์ว่าร่างบางตรงหน้ามิใช่เพียงความฝัน

หยางชิวเหยาเบือนหน้าหนีด้วยความรู้สึกรันทดหดหู่ใจ นางพยายามกลั้นน้ำตาที่มีเอาไว้ไม่ให้รินไหลออกมา จากนั้นหยางชิวเหยาจึงหันมาสบสายตากับจางลู่เหวินด้วยแววตาที่เย็นชา “ข้าได้ยินข่าวของท่าน...จึงอยากมาดูให้แน่ใจว่าท่านยังไม่ตายเพราะฤทธิ์สุรา”

คำพูดของหยางชิวเหยาเหมือนเข็มนับพันที่ทิ่มแทงหัวใจ จางลู่เหวินหัวเราะขมขื่น “ข้ายังอยู่...แต่ข้าก็มิต่างจากตายทั้งเป็น”

“ลู่เหวิน...ท่านปล่อยตัวเองให้ตกต่ำเช่นนี้ คิดหรือว่าจะทำให้ข้าหันกลับมาสนใจท่านอีก” หยางชิวเหยารีบกล่าวเข้าประเด็นในทันที นางมีเวลาเพียงไม่มากจึงต้องการจบเรื่องราวดังกล่าวให้เร็วที่สุด

จางลู่เหวินมองนางด้วยสายตาขมขื่น “ชิวเหยา...เจ้าก็รู้ดีว่าข้ารักเจ้ามากเพียงใด...ที่ข้ามีสภาพเช่นนี้ก็เพราะข้าต้องเสียเจ้าไป”

หยางชิวเหยาสะอึกเล็กน้อย แต่ก็ยังคงทำหน้าตาเรียบเฉย “ข้าเคยบอกท่านแล้ว วาสนาของเราจบสิ้นเพียงเท่านี้ ท่านควรกลับไปใช้ชีวิตของท่านเสีย อย่ามัวจมอยู่กับอดีตที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง”

จางลู่เหวินกัดฟันแน่น น้ำเสียงของเขาเริ่มสะท้อนความเจ็บปวดอย่างไม่ปิดบัง “เจ้าช่างพูดจาง่ายดายยิ่งนัก”

หยางชิวเหยาสบสายตาจางลู่เหวินอย่างแน่วแน่ นางพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและเจือความเย้ยหยัน “เพราะท่านต้อยต่ำเช่นนี้อย่างไรเล่า ข้ามีหรือจะยอมลดตัวลงมาสู่อ้อมกอดของท่านได้”

คำพูดของหยางชิวเหยาเหมือนดาบที่แทงลึกเข้าไปในหัวใจของจางลู่เหวิน เขาไม่สามารถตอบกลับสิ่งใดได้อีก จึงทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งพร้อมสองมือที่กำแน่นจนสั่น

หยางชิวเหยาหันหลังกลับแต่ก่อนที่นางจะก้าวออกไป หยางชิวเหยาก็พูดขึ้นโดยไม่หันกลับมามอง “ที่ผ่านมาข้าเพียงนึกสนุกไปกับท่าน แต่เมื่อข้าได้เห็นสภาพของท่านในวันนี้แล้ว ข้าก็รู้สึกยินดียิ่งที่มิเอาชีวิตมาฝากไว้กับคนเช่นท่าน”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชะตารักพันธนาการ   บทที่ 64 ข้าจะรอเจ้า

    บทที่ 64 ข้าจะรอเจ้าลมเย็นโบกสะบัดพัดผ่านยอดเขาส่งเสียงหวีดหวือประสานกับเสียงใบไม้ที่เสียดสีกันคล้ายบทสวดที่ธรรมชาติคอยขับกล่อม อารามอันเงียบสงบตั้งอยู่ท่ามกลางป่าสนที่สูงชะลูดโอบล้อมรอบบริเวณอารามแห่งนี้ราวกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง แสงตะวันอ่อนของยามเช้าสาดส่องลอดผ่านหมอกบางๆ ที่ปกคลุม ไม้ระแนงเก่าแก่ของอารามส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้จันทน์ชวนให้รู้สึกสงบใจหยางชิวเหยาสวมอาภรณ์สีขาวอย่างเรียบง่าย ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยความทุกข์ใจและหม่นหมองในวันวาน เวลานี้กลับดูสงบนิ่งอย่างผู้ที่ผ่านการขัดเกลาจากธรรมะและกาลเวลาจนจิตใจของนางสงบและเยือกเย็นลงดวงตาคู่งามของหยางชิวเหยาไม่เหลือร่องรอยของความเศร้าโศกอย่างที่เคยเป็นแต่กลับแฝงไปด้วยความสงบนิ่งและการปล่อยวางได้เป็นอย่างมากหลังจากที่หยางชิวเหยาเข้ามาถือศีลในอารามแห่งนี้ นับเป็นเวลากว่าสามปีเต็มที่นางมิเคยติดต่อกับผู้ใดอีกเลย นางละทิ้งโลกภายนอกไว้เบื้องหลังราวกับมันมิเคยเกิดขึ้นและมีอยู่จริง ในทุกวันนางจะใช้เวลาอยู่กับการถือศีล ท่องบทสวดมนต์ และทำจิตใจให้เบาบางลงเมื่อสามปีก่อนหลังจากที่หานอี้หลงถูกประหารชีวิตลง หยางชิวเหยาก็ได้แต่ทน

  • ชะตารักพันธนาการ   บทที่ 63 ประหารชีวิต

    บทที่ 63 ประหารชีวิตลมหนาวพัดโชยในช่วงเวลาเช้าจนชวนให้รู้สึกขนลุกชันขึ้นมา บรรยากาศภายในเมืองหลวงต่างอึมครึมและหนักอึ้งไปด้วยความตึงเครียดจากเหตุการณ์กบฏที่เกิดขึ้น หน้าประตูวังหลวงที่ใหญ่โตโอ่อ่าในวันนี้กลับคลาคล่ำไปด้วยฝูงชนที่ต่างมารอดูจุดจบของเหล่านักโทษกบฏเสียงฝีเท้าของเหล่าทหารที่เหยียบย่างไปตามพื้นอย่างหนักหน่วงและมั่นคง แสงแดดยามเช้าที่ตะวันเริ่มเคลื่อนคล้อยขึ้นลอยเหนือหัวขึ้นมาทุกทีทั่วทั้งเมืองหลวงต่างได้ยินข่าวเกี่ยวกับการประหารชีวิตของหานอี้หลงและคนสกุลเจียงทั้งครอบครัว ทุกคนต่างอยู่ในความตื่นตะลึงและใจหายขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้หานอี้หลงผู้ซึ่งเป็นบุรุษที่สง่างามน่าเคารพ บุรุษที่ต่างเป็นที่หมายปองของเหล่าหญิงสาวในเมืองหลวง บัดนี้กลับกลายเป็นนักโทษกบฏที่รอเวลาประหารชีวิตในขณะที่ท่านโหวเจียงเสิ่นเย่วผู้มีจิตใจเมตตาและเป็นที่เคารพยำเกรงของผู้คนทั่วทั้งเมืองหลวง บัดนี้ต่างมีจุดจบอันเลวร้ายไม่ต่างกันหานอี้หลงและเจียงเสิ่นเย่วถูกนำตัวมายังลานประหารที่หน้าวังหลวง หานอี้หลงนั่งคุกเข่าลงบนพื้นดินด้วยสีหน้าที่ยังคงราบเรียบและดูสงบนิ่ง ในขณะที่เจียงเสิ่นเย่วกลับมีท่าทางคอตกดั

  • ชะตารักพันธนาการ   บทที่ 62 คุมขัง

    บทที่ 62 คุมขังภายในคุกกรมอาญา ความมืดมิดและความเงียบสงัดทำให้บรรยากาศรอบตัวหานอี้หลงดูราวกับถูกกลืนกินด้วยความสิ้นหวัง ทุกอย่างรอบตัวเต็มไปด้วยความเย็นเยียบจนแทบจะสัมผัสได้ ราวกับอากาศในที่แห่งนี้ถูกผนึกด้วยความเจ็บปวด ความโหดร้าย และการทรมานทางจิตใจที่ไม่รู้จักจบสิ้นหานอี้หลงนั่งอยู่บนพื้นหินที่เย็นชืด ข้อมือถูกตรึงด้วยโซ่ที่มีความหนาและหนักหน่วง มือขวาของเขาถูกยึดแน่นจนไม่สามารถขยับได้อย่างอิสระ ดวงตาของเขาหม่นหมองไปด้วยความเศร้าโศกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ ทุกสิ่งในชีวิตของเขาดูเหมือนจะพังทลายลงไปแล้วอย่างสิ้นเชิงหานอี้หลงไม่สามารถหนีจากโชคชะตาที่ถูกบีบบังคับมาได้ ในขณะที่รอคอยวันที่จะเป็นการประหารชีวิตของเขา ความคิดที่ทำให้หัวใจเขาเจ็บปวดและหนักอึ้งจนมิอาจปล่อยวางลงได้ยังคงมีเพียงเรื่องเดียวในชีวิตนั่นคือหยางชิวเหยา และเขาจะไม่มีโอกาสได้พบกับคนที่เขารักอีกต่อไปแล้วในขณะที่หานอี้หลงกำลังหลับตาและข่มกลั้นความเจ็บปวดรวดร้าวในใจอยู่นั้น พลันเสียงฝีเท้าหนึ่งก็ก้าวเข้ามาใกล้เขาขึ้นเรื่อยๆทันทีที่หานอี้หลงเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองคนตรงหน้าผ่านลูกกรงเหล็กแข็งนั้น ดวงตาของหานอี้หลงก็เบิก

  • ชะตารักพันธนาการ   บทที่ 61 แผนซ้อนแผน

    บทที่ 61 แผนซ้อนแผนสิ้นเสียงของหงจูเหลียง เหล่าทหารก็กรูกันเข้ามาด้านในห้อง พร้อมกับร่างใหญ่ที่สาวเท้าเข้ามาด้วยท่าทางหยิ่งทะนง ร่างของจางลู่เหวินปรากฏตัวขึ้นในความมืด เขาสวมชุดเกราะทหารที่ทำให้เขาดูสง่าผ่าเผยพร้อมใบหน้าราบเรียบแต่เย็นชายิ่งนักหานอี้หลงตกตะลึงเป็นอย่างมาก ภาพของจางลู่เหวินตรงหน้าราวกับสายฟ้าที่ฟาดเข้ามาตรงกลางหน้าผากของเขาเข้าอย่างจัง หานอี้หลงไม่คาดคิดเลยว่าในช่วงเวลาที่เขาคิดว่ากำลังจะชนะ จางลู่เหวินกลับมาปรากฏตัวในแบบที่ไม่คาดฝัน “จางลู่เหวิน...เจ้า...”“หานอี้หลง...เจ้าคงคิดสินะว่าแผนการของเจ้าฉลาดล้ำลึกจนมิมีผู้ใดเทียบ” จางลู่เหวินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “เจ้า...เจ้า...” หานอี้หลงพึมพำในลำคอด้วยความตกใจ รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังถล่มลงมาจางลู่เหวินยิ้มเยาะออกมาอย่างเหนือกว่าด้วยความเย็นชา “หานอี้หลง ข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับแผนการของเจ้า แต่เพื่อให้เจ้าตายใจ ข้ากับฝ่าบาทจึงเลือกที่จะเล่นงิ้วตามพวกเจ้าก็เพียงเท่านั้น”คำพูดของจางลู่เหวินทำให้หานอี้หลงรู้สึกเหมือนถูกฟันไปที่หัวใจ เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แทรกซึมเข้ามาภายในร่างกาย “เจ้า... เจ้า...” หานอี

  • ชะตารักพันธนาการ   บทที่ 60 ก่อกบฏ

    บทที่ 60 ก่อกบฏทหารที่ยืนเฝ้ายามที่รอบบริเวณจวนสกุลจาง ทำให้หยางชิวเหยาอดนึกหวาดหวั่นและตกใจขึ้นมาไม่ได้ “ลู่เหวิน...นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”จางลู่เหวินเดินเข้ามาสวมกอดหยางชิวเหยาเอาไว้อย่างต้องการปลอบขวัญ “ชิวเหยา...เจ้าอย่าได้เป็นกังวลไป อีกไม่นานทุกอย่างก็จะคลี่คลาย” จางลู่เหวินปลุกปลอบหยางชิวเหยาให้คลายความกังวลใจ“ท่านจะไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” หยางชิวเหยายังคงอดห่วงจางลู่เหวินไม่ได้“ข้ามีเจ้าอยู่เคียงข้าง...ข้าย่อมไม่กล้าเป็นอันใดเป็นอันขาด” จางลู่เหวินกล่าวตอบออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ท่านมิได้หลอกข้าใช่หรือไม่” หยางชิวเหยายังคงไม่แน่ใจกับคำกล่าวของจางลู่เหวินเสียทีเดียว“ข้ามิได้พักผ่อนเสียนาน...ถือโอกาสนี้นอนกกกอดเจ้าทั้งวันทั้งคืนดีหรือไม่” จางลู่เหวินพูดจากรุ้มกริ่มใส่หยางชิวเหยาอย่างอารมณ์ดี“ลู่เหวิน...ท่านนี่นะ...เรื่องราวหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้...ท่านยังมีแก่ใจมาพูดเล่นอยู่อีก” หยางชิวเหยาบ่นกระปอดกระแปดออกมาจางลู่เหวินหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างอารมณ์ดี หยางชิวเหยาเห็นเช่นนั้นก็ค่อยผ่อนคลายความวิตกกังวลที่มีลงไปเป็นอันมากในขณะเดียวกันที่จวนโหวก็เริ่มมีการเคลื่อ

  • ชะตารักพันธนาการ   บทที่ 59 มิอาจรั้งรอได้อีก

    บทที่ 59 มิอาจรั้งรอได้อีกช่วงสายวันต่อมาหานอี้หลงลืมตาตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกปลอดโปร่ง ในยามค่ำคืนที่ผ่านมา ภาพความทรงจำที่เขามีทั้งสัมผัสอันเร่าร้อนและไออุ่นของหยางชิวเหยายังคงตราตรึงอยู่ในความนึกคิดของเขา จนหานอี้หลงอดยกยิ้มขึ้นมาอย่างลืมตัว หานอี้หลงพลิกกายหันไปดึงรั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดราวกับคนละเมอ “เหยาเอ๋อร์...”ฉับพลันอ้อมแขนของหานอี้หลงก็ชะงักค้างเมื่อเพ่งสายตามองร่างบางตรงหน้า หญิงสาวในอ้อมกอดของเขามิใช่หยางชิวเหยาแต่กลับกลายเป็นเจียงอันเล่อหานอี้หลงหยัดกายขึ้นพร้อมกุมศีรษะด้วยความปวดหัวจากฤทธิ์สุราที่มี เจียงอันเล่อลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย เนื่องจากค่ำคืนที่ผ่านมาหานอี้หลงเคี่ยวกรำนางจนแทบมิได้พัก แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของหานอี้หลง เจียงอันเล่อก็ตาสว่างขึ้นมาในทันที“ท่านพี่...” เจียงอันเล่อเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เช่นใด” หานอี้หลงเบือนหน้าหนีร่างเปลือยเปล่าตรงหน้า“เมื่อคืนข้ากับท่านร่วมหอกันทั้งคืน...ท่านพี่จำมิได้หรือ” เจียงอันเล่อเอ่ยออกมาแม้ว่าจะรู้ดีว่าเมื่อคืนคนที่หานอี้หลงคิดว่าร่วมหลับนอนด้วยคือหยางชิวเหยา“เมื่อคืนข้าคงเมามากไปหน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status