"เพ้อเจ้ออะไรของเจ้า""ข้าเพ้อเจ้อเสียที่ไหน? ภาพอธิษฐานขอพรจากสาวทอผ้ามิใช่เจ้าวาดหรอกหรือ""ข้าแค่วาดภาพอธิษฐานขอพรจากสาวทอผ้า ข้าต้องมีคนในใจด้วยหรือ?""หากในหัวเจ้าไม่มีความคิดสกปรก เจ้าจะวาดภาพอธิษฐานขอพรจากสาวทอผ้าหรือ? ที่เรียกว่ายามทิวาคำนึงหา ยามราตรีเฝ้าเพ้อฝัน เจ๋ออ๋องอ่านตำรามากมาย คนไม่เอาไหนอย่างข้ายังเข้าใจ คนอย่างท่านจะไม่เข้าใจหรือ เหอะๆ คนเรามองแต่ภายนอกมิได้จริงๆ คนบางคนภายนอกดูสุขุม แต่ความจริงแล้ว... หึๆๆ.."ทุกคนเข้าใจในทันใด ดูสิสายตาของเจ๋ออ๋องก็เปลี่ยนไปแล้วเจ๋ออ๋องท่าทางสุภาพอ่อนน้อม คิดไม่ถึงเลยว่าในใจจะโสมมเช่นนี้ ไม่รู้ลับหลังแล้วเขาสกปรกเพียงใดเจ๋ออ๋องคิดว่าแค่อยู่กับกู้ชูหน่วน เขาต้องโมโหจนอกแตกตายไปไม่รู้กี่ร้อยหนแค่ภาพอธิษฐานขอพรจากสาวทอผ้า นางกลับปั้นน้ำเป็นตัว จนเขาไม่รู้จะโต้กลับอย่างไรชื่อเสียงของเขา ต้องป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดีเพราะประโยคเดียวของนางเจ๋ออ๋องหมายจะระเบิดอารมณ์ แต่ขันทีหม่าชิงพูดขึ้นเสียก่อน"ภาพวาดของเยี่ยเฟิงคือร้อยวิหคโบยบิน"เมื่อภาพวาดคลี่ออก ทั้งงานถึงกลับต้องร้องสูดปาก บางคนถึงขั้นลุกยืนขึ้นด้วยความตกใจความประหล
ทุกคนตกตะลึงดอกโบตั๋นนั่นคือภาพวาดมิใช่หรือ?เหตุใดถึงดึงดูดผีเสื้อมากมายเช่นนั้น?หากมิได้เห็นด้วยตาของตัวเอง พวกเขาคงคิดว่าดอกโบตั๋นดอกนั้นมีอยู่จริงเอ่อ...เหลือเชื่อไปหน่อยกระมัง...รอยยิ้มบางของฮ่องเต้แคว้นเย่แข็งค้างไป คิดไม่ถึงเลยว่าจะหักมุมเช่นนี้เทพหมากล้อมตั้งสติได้คนแรก เขาเอ่ยอย่างตกตะลึง "ช่างเป็นดอกไม้ที่เหล่าผีเสื้อหลงใหล แม่หนู เจ้าทำได้อย่างไร? ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดสามารถวาดภาพบนกระดาษที่ดึงดูดผีเสื้อได้เช่นนี้ ""เรื่องนั่นน่ะหรือ... เพราะข้าวาดเก่งน่ะสิ" กู้ชูหน่วนขยิบตาเจ้าเล่ห์ ยิ้มอย่างมีเลศนัยซ่างกวานฉู่ อี้เฉินเฟย และเยี่ยเฟิงต่างมองไปยังแท่นฝนหมึกแล้วถึงได้เข้าใจอาจารย์สวีขยี้แล้วขยี้ตาอีก ราวกับไม่เชื่อสองตาของตัวเองภาพ...ภาพของกู้ชูหน่วนสามารถหลอกล่อผีเสื้อได้เชียวหรือ...แม่เจ้า นี่นางเป็นคนไม่เอาไหนหรือเป็นอัจฉริยะกันแน่กู้ชูหน่วนยิ้มเอ่ย "ฝ่าบาท ไม่รู้ว่าภาพผีเสื้ออาลัยบุปผาของข้านี้ พอจะเป็นที่หนึ่งได้หรือไม่"ฮ่องเต้แคว้นเย่นิ่งอึ้งอย่าว่าแต่ภาพวาดเลย ต่อให้มีดอกโบตั๋นจริงๆ อยู่ตรงหน้าก็ใช่ว่าจะดึงดูดผีเสื้อได้มากมายปานนี้หากภา
"ฝ่าบาท เจ๋ออ๋องใส่ร้ายข้า น้ำผึ้งเพียงน้อยนิดจะล่อผีเสื้อมามากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? แถมข้าตั้งน้ำผึงไว้บนโต๊ะ แต่ไม่เห็นผีเสื้อมาสักตัว จะบอกข้าทาไว้บนภาพหรือ""เอ่อ...นั่น..." ก็เหมือนจะมีเหตุผล"ผีเสื้อสับสนรูปลักษณ์ภายนอก ก็เพราะถูกดอกไม้ปลอมดึงดูด ถึงได้เข้ามาตอมเกสร"กู้ชูหน่วนผายมือยกไหล่ ท่าทางใสซื่อเหลือหลาย "เจ๋ออ๋องพูดปาวๆ ว่าข้าใช้น้ำผึ้งเป็นกลโกง เช่นนั้นเจ๋ออ๋องลองดูไหมเล่า ดูซิว่าหากผสมน้ำผึ้งลงในน้ำหมึกแล้ว จะล่อผีเสื้อได้หรือไม่""ใช่ เจ๋ออ๋อง เจ้าลองซิ งานประลองศิลปะเช่นนี้จะสะเพร่ามิได้" ฮ่องเต้แคว้นเย่เองก็อยากรู้กู้ชูหน่วนค่อนแคะฮ่องเต้อยู่ในใจเป็นหมื่นเป็นพันหนเจ้าบื้อนี่ต้องถูกเทพสงครามกลั่นแกล้งขนาดไหน ถึงได้อยากใช้เธอหักหน้าเทพสงครามนักทุกคนมองเจ๋ออ๋องที่ผสมน้ำหมึกกับน้ำผึ้งเขาด้วยกันด้วยความสงสัยใคร่รู้ จากนั้นก็วาดดอกโบตั๋นบานสะพรั่ง หวังจะหลอกล่อหมู่ผีเสื้อผ่านไปครู่หนึ่ง แต่กลับไม่มีผีเสื้อแม้สักตัวเข้ามาเชยชมเจ๋ออ๋องไม่ยอมแพ้ ก่อนจะเทน้ำผึ้งลงในน้ำหมึกเพิ่ม แล้ววาดภาพดอกโบตั๋นอีกครั้งกู้ชูหน่วนเห็นดังนั้น ก็พลันถอยห่างจากเจ๋ออ๋องยังมีเยี่
เหตุการณ์ครั้งนี้ เจ๋ออ๋องเกือบต้องแลกด้วยชีวิตหมอหลวงหิ้วกระเป๋ายาวิ่งเขามาตรวจอาการเซียวอวี่เชียนกลืนน้ำลาย "ยัยขี้เหร่ นี่เจ้าจงใจสาดน้ำผึ้งใส่ตัวเจ๋ออ๋องหรือ""เหลวไหล นั่นเป็นเพราะข้ากลัว ป้องกันตัวเพราะเหตุคับขันต่างหาก"กลัว?นางกลัวเป็นกับเขาด้วยหรือ?เช่นนั้นแม่หมูคงปีนขึ้นต้นไม้ได้แล้วกระมัง"ยัยขี้เหร่ เหตุใดผีเสื้อถึงได้ตอมภาพดอกโบตั๋นของเจ้า? เจ้าไม่ได้ใช้กลโกงน้ำผึ้งหรอกหรือ?"กู้ชูหน่วนยิ้มชอบใจ เอ่ยเสียงยานคาง "เพราะข้าวาดเก่งต่างหาก""เชื่อกับผีน่ะสิ" เซียวอวี่เชียนเลียนน้ำเสียงนาง เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก็สะใจที่ได้เห็นเจ๋ออ๋องอเนจอนาถเพราะตรวจหาหลักฐานว่าภาพดอกโบตั๋นของกู้ชูหน่วนนั้นใช้กลโกงใดไม่พบ รอบนี้จึงตัดสินให้กู้ชูหน่วนและเยี่ยเฟิงชนะ ครองอันดับหนึ่งร่วมกันกู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นเห็นใจ เอ่ยเสียงน่าสงสาร "เจ๋ออ๋อง ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ได้โกง แต่เจ้าก็ไม่ยอมเชื่อ ดูสิ เหล่าผึ้งถึงได้มาประท้วง""กู้ชูหน่วน ข้าจะฆ่าเจ้า..."เจ๋ออ๋องยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล ยากจะบีบกู้ชูหน่วนให้แหลก แต่เพราะถูกผึ้งต่อยสาหัส เขาเพิ่งลุกยืนขึ้นได้ก็ล้มคว่ำคะมำหงายเสียงอย่า
ขันทีหม่าเสียงตื่นตระหนก "รอบต่อไปคือการแข่งขันหมากล้อม เทพหมากล้อมตั้งค่ายกลวิจิตร หากผู้ใดแก้กลค่ายนี้ได้ ก็จะเป็นผู้ชนะไป"กู้ชูหน่วนฟังแล้วก็เกาหู เอ่ยอย่างสงวัย "ข้าเป็นเจ้าบ้านมิใช่หรือ? เหตุใดถึงกลายเป็นถึงผู้เฒ่าหลากล้อมไปได้""เอ่อ..."ขันทีหม่าอยากจะเตือนนางหลายสิบปีมานี้ไม่มีผู้ใดแก้ค่ายกลวิจิตรของเทพหมากล้อมได้ คราวนี้เทพหมากล้อมมาถึงสำนักบัณฑิตหลวง คงอยากจะแข่งกับอาจารย์ซ่างกวาน แต่อาจารย์ซ่างกวานกลับไม่ยอมรับคำเชิญ เทพหมากล้อมจึงต้องลงประลองศิลปะ ดูซิว่าจะมีใครล้มค่ายกลนี้ได้หมากกระดานนี้ ต่อให้อาจารย์ซ่างกวานกับคุณชายอี้ช่วยกันก็ใช้ว่าจะแก้ได้ ทางที่ดีคุณหนูสามอย่าบ้าดีเดือดนักเลยเทพหมากล้อมลูบเคราขาวพลางหัวเราะชอบใจ "แม่หนูน้อย ข้าไม่อยากเอารังแกเจ้าหรอกนะ หากเจ้าเดินหมากได้ถึงสามตา ก็ถือว่าเจ้าชนะกระดานนี้แล้ว""ตาเฒ่า เจ้าลืมไปแล้วหรือไร เจ้าแพ้ให้ข้ามาแล้วนะ แล้วหนึ่งแสนตำลึงที่ติดค้างข้าอยู่เมื่อใดจะได้"ผู้เฒ่าเทพหมากล้อมสะอึก ยิ้มเจื่อนพลางล้วงเงินหนึ่งแสนตำลึงออกมาจากอก แล้วโยนให้นาง "เมื่อครู่พลาดพลั้งไปก็เท่านั้น คราวนี้ข้าเองก็อยากเห็นนักว่าเจ้าจะทำ
คงเป็นเพราะบวมช้ำรุนแรง แม้แต่ตอนพูดเจ๋ออ๋องยังรู้สึกเจ็บปวดเกินทน เสียงที่เปล่งออกมาก็ฟังไม่ชัดเลยสักนิดกู้ชูหน่วนเอ่ยเสียงฮึดฮัด "ช่างเป็นใบหน้าที่อัปลักษณ์เหลือเกิน เฮ้อ โชคดีที่ถอนหมั้นไปแล้ว ไม่อย่างนั้นข้าคงต้องพะอืดพะอมมันเสียทุกวันเป็นแน่"ไฟโกรธของเจ๋ออ๋องโหมกระพือหญิงอัปลักษณ์เช่นนางกล้าดีอย่างไรถึงได้รังเกียจเดียจฉันท์ว่าเขาขี้เหร่"แน่จริงเจ้าก็ปลดผ้าคลุมหน้าออกสิ จะปกปิดไปใย""ข้ากลัวว่าเจ้าจะอิจฉาในใบหน้าอันงดงามของข้าน่ะสิ""แหวะ..."เจ๋ออ๋องเกือบจะอาเจียนออกมาใบหน้าแปลกประหลาดเป็นหลุมเป็นบ่อของนางนั่นหรือ ที่เขาจะอิจฉา"กู้ชูหน่วน แน่จริงก็มาเดิมพันกันอีกสักตา""ได้สิ แต่คราวนี้ถ้าต่ำกว่าสามล้านตำลึง ข้าไม่เดิมพันด้วยหรอกนะ""ได้ สามล้านตำลึงก็สามล้านตำลึง หากเจ้าเอาชนะพวกข้าห้าคนไม่ได้ นอกจากเจ้าจะต้องแก้ผ้าวิ่งหนึ่งร้อยรอบแล้ว ข้าจะตัดมือทั้งสองข้าของเจ้าด้วย"กู้ชูหน่วนตอบตกลงโดยไม่ลังเล "ได้ เช่นนั้นทุกท่านเป็นพยาน ท่านอ๋องผู้แสนโง่เขลานี้พูดกับปากตัวเองว่าจะให้เงินสามล้านตำลึงกับข้า ข้ามิได้ขูดรีดเขาแต่อย่างใด"ทุกคนหมดคำจะพูดพวกเขาไม่รู้ว่าควรจะพ
กู้ชูหน่วนคว้าก้านอ้อยขึ้นมากัดอย่างสบายใจ หันไปมองสองยอดฝีมือจากแคว้นจ้าวพลางผิวปาก"พวกเจ้าสองคนอยากเดิมพันกับข้าอีกหรือไม่?"ฉางเจินกับฉางผิงมุมปากกระตุกหญิงผู้นี้เป็นผีพนันหรืออย่างไร? คำก็เดิมพันสองคำก็เดิมพันตาเมื่อครู่พวกเขาเพิ่งแพ้ไป ทำเอาคุณชายอี้ต้องเล่นกับนางอีกตั้งเจ็ดวัน พวกเขาก็รู้สึกมากพอแล้ว จะกล้าเดิมพันอีกได้อย่างไรฉางเจินส่ายหน้า บอกไปตามตรง "คุณหนูสาม พวกเรามาประลองศิลปะ ไม่ได้มาเพี่อวางเดิมพัน ความชอบของคุณหนูสาม พวกเราเข้าใจ ขอโปรดคุณหนูสามไปถามคนอื่นเถิด""มีแต่หนอนหนังสือ น่าเบื่อชะมัด"กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้น หันไปมองอี้เฉินเฟยที่นั่งอย่างสง่างาม กระพริบตาปริบๆ พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "คุณชายอี้ ตาเมื่อกี้ เจ้าไม่นึกเสียใจใช่หรือไม่""แน่นอนว่าไม่ หลังการประลองศิลปะจบลง ข้าน้อยอี้จะทำตามบัญชาคุณหนูสามทุกประการ"ผู้ชมส่งเสียงฮือฮาเล่าลือกันว่าอี้เฉินเฟย คุณชายอี้ผู้นี้เป็นคนมีเมตตา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะใจเย็นขนาดนี้เขาคืออัจฉริยะเลื่องชื่อ ทั้งยังเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของสำนักขงจื้อ ชาติกำเนิดสูงส่ง แต่กลับเล่นสนุกกับหญิงอัปลักษณ์ไม่เอาไหนเขาดูไม่ออกหร
เจ๋ออ๋องปวดไปทั้งเนื้อทั้งตัว เจ็บจนนั่งไม่ติดที่ เขาอยากจะจบหมากกระดานนี้โดยเร็ว แต่เข้าจ้องมาครึ่งค่อนวันแล้วก็เหมือนกับฉางเจินและฉางผิง ไม่รู้เลยว่าจะเดินไปทางไหน แต่เพราะร้อนรน ความเจ็บปวดของร่างกายยิ่งทำให้ทรมาน เขาแกะเกาจนถลอกไปทั้งตัวกู้ชูหน่วนเอ่ยหยอก "เจ๋ออ๋อง ทรมานปานนี้ ยอมแพ้แล้วไปรักษาตัวไม่ดีกว่าหรือ ถึงอย่างไรก็ต้องเสียสามล้านตำลึงอยู่ดี สำหรับเจ้า ข้าเชื่อว่าแค่นี้คงเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย"เจ๋ออ๋องเคยคิดว่าจะยอมแพ้ตานี้ เพราะค่ายกลวิจิตรอันแสนล้ำลึกนี้ กู้ชูหน่วนเองก็ไม่มีทางแก้ได้แน่นอนแต่พอได้ยินนางพูดดังนั้น เจ๋ออ๋องจึงฝืนอดทน กัดฟันนั่งต่อไปเงินสามล้านตำลึง นางคิดว่าเป็นสามร้อยตำลึงหรือ คิดจะทิ้งขว้างอย่างไรก็ได้?เพิ่งเสียไปสองล้านตำลึง ป่านนี้ที่บ้านคงไม่เหลืออะไรแล้ว หากยังแพ้อีกเขาคงต้องเที่ยวไปยืมเงินคนอื่นเทพหมากล้อมเดินหมากเป็นคนแรก หมากก้าวนั้นของเขาเดินเหมือนไม่ได้เดิน เพราะทั้งกระดานไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพราะหมากตัวนั้นของเขาเลย"ตาข้าแล้วหรือ"กู้ชูหน่วนหยิบหมากขาวขึ้นมา มองไปยังหมากที่อัดแน่นเต็มกระดาน คล้ายกับลังเลว่าจะเดินไปทางไหนผู้ชมจับจ้องที่ห
“แก้วมังกร...” อี้เฉินเฟยหน้าเปลี่ยนสี อยากจะเข้าไปชิงมา ทว่าร่างกายกลับอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง ไม่เป็นไปตามที่เขาควบคุมเลยแม้แต่น้อย นายท่านหลันจะอยากชิงแก้วมังกร ทว่ามือขวาที่ยื่นออกไปกลับถูกเข็มขัดของกู้ชูหน่วนรัดเอาไว้โดยไม่ทันได้ตั้งตัว สายตาเยี่ยเฟิงเย็นเยียบ ต้องการสู้สุดแรงเกิด ยกมีดขึ้นมาแล้วสับแขนขวาของนายท่านหลันอย่างแรงจนขาดเป็นท่อน "อ้ากกก..." นายท่านหลันร้องโหยหวน แขนกระเด็นออกไปกลางอากาศพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาเป็นสายฝน เจ็บเหลือเกิน...... เจ็บจนนายท่านหลันสีหน้าเหยเก มือขวาของเขาถูกเยี่ยเฟิงตัดขาดทั้งเป็นเช่นนี้เสียได้ กู้ชูหน่วนไม่มีเวลาไปสนใจนายท่านหลัน วิ่งไปทางหน้าผาตามสัญชาตญาณ "อาหน่วน..." อี้เฉินเฟยโมโหสุดขีด ตกตะลึงจนใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เยี่ยเฟิงที่เดิมตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะสังหารนายท่านหลัน เห็นกู้ชูหน่วนที่รู้ทั้งรู้ว่าทะเลโลหิตอยู่ตรงหน้า กลับยังวิ่งไปโดยไม่สนใจอะไรอีก จึงจำต้องปล่อยนายท่านหลันไปก่อน แล้ววิ่งตามไปด้วย แก้วมังกรกลิ้งตกหน้าผา กู้ชูหน่วนวิ่งตามไปพลางใช้ผ้าผูกเอวของตัวเองห่อแก้วมังกรเอาไว้ "ฟึบ......" ผ
“ในเมื่อเจ้าอยากให้ข้าตายถึงเพียงนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ตายไปด้วยกันเลยเถอะ” นายท่านหลันพูดพลางปล่อยมืออย่างกะทันหัน ปล่อยให้ดาบทิ่มแทงเข้าไปในร่างของเขา ทันทีที่พลิกมือขวาของตัวเองมีดสั้นพลันปรากฏขึ้นในมือ มุมปากของเขายกยิ้มเจ้าเล่ห์และชั่วร้าย ทันใดนั้นก็เสียบมีดเข้าไปบนหน้าอกของเยี่ยเฟิงที่กำลังเอนตัวเข้ามาใกล้เขา ขณะเดียวกัน กู้ชูหน่วนปลดผ้าพันเอวแล้วรวบรวมกำลังภายในไว้บนนั้น ทำให้ผ้าพันเอวราวกับลูกงูที่มีมันสมองพุ่งเข้าไปรัดเอวของเยี่ยเฟิงเอาไว้ ก่อนจะออกแรงดึงเยี่ยเฟิงเข้ามาอยู่ข้างกายตนเอง หลบจากคมมีดของนายท่านหลันได้อย่างหวุดหวิด นายท่านหลันโจมตีครั้งแรกไม่สำเร็จ จึงโจมตีอีกครั้ง เขารวบรวมกำลังเป็นลูกไฟ ลูกไฟแดงเพลิงล้วนแต่แฝงไว้ด้วยพลังเผาไหม้และทำลายล้าง หากสัมผัสโดนลูกไฟ ก็จะลุกไหม้กลายเป็นกองเพลิงและมอดดับไปในที่สุด หรือเน่าสลายกลายเป็นศพ เยี่ยเฟิงหยิบขลุ่ยหยกของอี้เฉินเฟยมาจากบนพื้น วางบนริมฝีปากของตนแล้วเริ่มบรรเลงช้าๆ วิทยายุทธของเขาธรรมดา แต่การโจมตีด้วยเสียงกลับรุนแรงยิ่ง เสียงขลุ่ยกลายเป็นเกราะคุ้มกัน ทำให้ลูกไฟเหล่านั้นถูกกันอยู่ด้านนอก ไม่ว่าอย่าง
“เจ้าจงไปตายเสียเถิด” ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของเยี่ยเฟิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาดึงดาบออกมาอย่างแรง เลือดสีแดงสดของนายท่านหลันพุ่งทะลักไปทั่ว สาดกระเซ็นมาบนใบหน้าขาวซีดของเยี่ยเฟิง ทำให้สายตาของเขาเลือนลาง ทว่าวินานี้ เยี่ยเฟิงกลับเห็นชัดแจ้งกว่าผู้ใด ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นคู่นั้นสะท้อนสีหน้าตกตะลึงของนายท่านหลัน “เจ้ากล้าฆ่าข้าเลยรึ...เจ้าคือผู้ที่ฆ่าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต เหตุใดถึงกล้าฆ่าข้าได้ เฮือก...” สิ่งที่ตอบแทนนายท่านหลันกลับมาคือการแทงด้วยกระบี่เข้าไปอีกครั้งอย่างไร้เยื่อใยจากเยี่ยเฟิง นายท่านหลันถูกแทงติดกันสองครั้ง ร่างกายเจ็บปวดราวกับใจจะขาด แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย เพียงแค่จ้องมองเยี่ยเฟิงด้วยความโกรธแค้น จากความรู้สึกเหลือเชื่อในตอนแรก กลายเป็นปวดร้าว ไปจนถึงโกรธเกลียด เยี่ยเฟิงแสยะหัวเราะเบาๆ “ข้าคือผู้ที่เจ้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต ? เลี้ยงดูงั้นรึ เหอะ...เลี้ยงดูที่เจ้าหมายถึงคือทรมานข้าทุกวันทุกเวลา หน้าหนาวปล่อยให้ข้านอนเปลือยกาย หิวโหยอยู่บนพื้นหิมะ หน้าร้อนแขวนข้าไว้ใต้แสงอาทิตย์ไม่ให้กินดื่มเป็นเวลาหลายวัน ทั้งยังลงโทษอย่างหน
นายท่านหลันที่เดิมก็กระสับกระส่ายจนทำอะไรไม่ถูก เพราะการเข้ามามีส่วนร่วมของกู้ชูหน่วน ทำให้มีบาดแผลเพิ่มขึ้นอีกหลายแผล "ฟึบ..." อาวุธลับของกู้ชูหน่วนเชื่องช้า ทว่าพุ่งออกมากลางอากาศแล้วความเร็วกับเพิ่มกะทันหัน พริบตาเดียวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว อาวุธพุ่งเข้าที่หน้าอกของนายท่านหลัน ฝังลึกในร่างกาย เขาอยากจะตอบโต้ ทว่ากลับถูกต้อนจนจนมุม ไม่มีช่องว่างให้โจมตีกลับได้เลยแม้แต่น้อย ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย นายท่านหลันรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม หวังแค่ว่านายท่านหมู่ตานและคนอื่นๆ จะรีบมาถึงโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาคงต้องจบลงตรงนี้แล้ว กู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยยิ่งร้อนรน ลำพังเพียงแค่เขาคนใดคนหนึ่งต่างก็ไม่อาจสังหารนายท่านหลันได้ ยามนี้วิทยายุทธของกู้ชูหน่วนแข็งแกร่งไม่พอ อี้เฉินเฟยทั้งเจ็บสาหัสและป่วยหนัก เว้นเสียแต่พวกเขาร่วมมือกัน แต่บาดแผลของอี้เฉินเฟยรุนแรงเกินไป อาจต้านทานไม่ไหวได้ทุกเมื่อ หากเขาทนไม่ไหว เช่นนั้นสถานการณ์การต่อสู้ครั้งนี้จะพลิกผันทันที เสียงขลุ่ยเปลี่ยนไป ราวกับกลองรบคำราม กึกก้องหนักแน่น ดาบที่พุ่งใส่นายท่านหล
ใบหูของกู้ชูหน่วนพลันกระดิก นางรับรู้ได้ถึงไอสังหารของนายท่านหลันแล้ว เพียงแต่ความเร็วของนางยังไม่เปลี่ยน ยังคงรวบรวมกำลังภายในทั้งหมดกระแทกใส่นายท่านเถาฮวา สองนายท่านแห่งกองธงร่วมมือกันโจมตี นางถูกหนีบอยู่ตรงกลาง ไม่มีหนทางจะชนะได้เลย หากเป็นเช่นนี้ ไม่สู้จัดการไปทีละคน สังหารนายท่านเถาฮวาก่อน ค่อยหันไปจัดการนายท่านหลัน ขณะเดียวกัน นางเองก็เชื่อ เชื่อว่าอี้เฉินเฟยไม่มีทางปล่อยให้นางตายอย่างทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของนายท่านหลัน "เฮือก..." นายท่านเถาฮวาไม่มีที่ให้หลบได้อีก ถูกพลังจากฝ่ามือของกู้ชูหน่วนโจมตี ร่างกายราวกับว่าวที่สายขาด กระเด็ดกลับไป สุดท้ายชนเข้ากับหินก้อนโตอย่างแรง เลือดอาบหินก้อนนั้นจนชุ่ม ความเร็วของกู้ชูหน่วนยังไม่เปลี่ยน ถีบลูกเตะออกไปทำให้นายท่านเถาฮวาพลัดตกหน้าผาร่วงไปยังทะเลโลหิตด้านล่าง ความแข็งแกร่งของนางอยู่เพียงแค่ขั้นหนึ่งชั้นกลาง แต่พละกำลังที่นางระเบิดออกมากลับแกร่งกว่าขั้นสอง นายท่านเถาฮวาผู้น่าสงสารจึงต้องตายไปเพราะกู้ชูหน่วนที่วิทยายุทธด้อยกว่าเขามาก ขณะเดียวกัน กระบวนท่าไม้ตายของนายท่านหลันก็พุ่งเข้ามาถึง อี้เฉินเฟยยกมือขวาขึ้นมา
"ในเมื่อเจ้าพูดยากขนาดนี้ เช่นนั้นก็คงต้องทำลายแก้วมังกรทิ้งเสีย ถึงอย่างไรหากต้องตาย มีแก้วมังกรฝังไปด้วยกันก็ไม่เลว" กู้ชูหน่วนพูดพลางเล็งอาวุธลับไปที่ดอกกุหลาบอีกครั้ง นายท่านหลันหน้าถอดสีอย่างรุนแรง นางผู้นี้ไม่เคยทำอย่างที่คนปกติเขาทำกันเลย หากนางยิงแก้วมังกรบนดอกกุหลาบร่วงลงทะเลโลหิตจริง เช่นนั้นก็จะกลายเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนกลับคืนมาได้อีก แม้อี้เฉินเฟยจะรู้ว่ากู้ชูหน่วนไม่มีทางทำให้แก้วมังกรร่วงหล่นทะเลโลหิตไปจริงๆ แต่เห็นแล้วก็ยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่ดี "ผลไม้สีแดงเพลิงของที่นี่มีฤทธิ์ในการรักษาอาการบาดเจ็บ เพียงแค่กินเข้าไปไม่กี่ลูก ก็จะสามารถฟื้นฟูได้ ซึ่งก็คือผลไม้ในมือเจ้าเมื่อครู่นั่นแหละ" "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าผลไม้นี่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้" "กู้ชูหน่วน ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าถามให้มากนัก" เขาจะบอกกู้ชูหน่วนได้อย่างไรว่า เขาไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เพราะความหิว จึงเด็ดผลไม้มากิน คิดไม่ถึงว่าวิทยายุทธจะได้รับการฟื้นฟูกลับมาแบบงงๆ กู้ชูหน่วนคลี่ยิ้มมีเลศนัยให้เขา เช็ดผลไม้ในมือ ก่อนจะยื่นให้อี้เฉินเฟยพลางจ้องมองนายท่านหลันด้วยท่าทีระวังตั
ไม่ไกลออกไป มีเสียงอาวุธกระทบดังขึ้นมาไม่หยุด หลังจากนั้นก็มีเสียงหินแตกกระจายและระเบิดในที่สุด กู้ชูหน่วนถือผลไม้สีแดงเพลิงที่เพิ่งเด็ดออกมาจากต้นเอาไว้ในมือ พลางฟังเสียงความเคลื่อนไหวอย่างละเอียด "มีเสียงกางและหุบพัด ทั้งยังมีเสียงอาวุธลับกลีบดอกไม้อีกบางส่วน น่าหลันหลิงรั่วกำลังต่อสู้กับนายท่านหมู่ตานเผ่าหมอ น่าแปลก คนเผ่าหมอบาดเจ็บหนักไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงได้มีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ น่าหลันหลิงรั่วอาจจะสู้พวกเขาไม่ได้" กู้ชูหน่วนพึมพำคนเดียว นางอยากไปดูด้วยตัวเอง ทว่าอี้เฉินเฟยยังอาการสาหัสขนาดนั้น หากฝืนประครองเขาไป มีแต่จะทำให้อาการเขาแย่กว่าเดิม แต่น่าหลันหลิงรั่วหากไม่ใช่เพราะช่วยนาง ก็คงไม่ต้องตกลงมายังที่แห่งนี้ แม้อี้เฉินเฟยจะบาดเจ็บสาหัสทั้งยังป่วยหนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะฟังอะไรไม่ออกเลย สามารถใช้พลังกระแทกหินก้อนโตให้แตกได้เป็นก้อนๆ ต่อให้พละกำลังยังไม่ฟื้นฟูกลับมาทั้งหมด แต่เกรงว่าจะกลับมาถึงเจ็ดแปดส่วนแล้ว นายท่านหมู่ตานและนายท่านเถาฮวาล้อมโจมตีน่าหลันหลิงรั่ว กลัวแต่ว่าน่าหลันหลิงรั่วจะสู้พวกเขาไม่ไหว อี้เฉินเฟยเอ่ยอย่างเบาแรง "คนที่เจ้
กู้ชูหน่วนฟังด้วยความมึนงง ในเมื่อเกิดมาสูงศักดิ์ เหตุใดถึงได้ถูกปฏิบัติด้วยเช่นนั้น "เป็นหน้าที่แบบใดกันแน่" "หน้าที่ที่หนักมาก หนักอึ้งเสียจนหายใจไม่ออก" "เช่นนั้นตอนนี้นางอยู่ที่ใด" "ข้าก็ไม่รู้ว่านางไปอยู่ที่ใดแล้ว แต่ข้าเชื่อ ว่าอีกไม่นานนางจะกลับมา แค่กแค่ก..." ไม่รู้เพราะพูดมากเกินไปหรือไม่ อี้เฉินเฟยไอออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง พลังชีวิตในร่างหายไปอย่างรวดเร็ว กู้ชูหน่วนเริ่มร้อนใจ คำถามมากมายที่กระจุกอยู่ภายในใจไม่อาจถามได้อีกต่อไป ทำได้เพียงแค่เอ่ยออกไป "ท่านอย่าเพิ่งพูดเลย พักผ่อนเถอะ" "อาหน่วน...หากวันใดที่ข้าไม่อยู่แล้ว เจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างดี" "ท่านพูดเหลวไหลอะไร ท่านดูสิ ข้าพบแก้วมังกรเขียวแล้ว พวกท่านหาพบสี่ลูกแล้วไม่ใช่หรือ บวกกับลูกนี้ก็เป็นห้า ขอแค่หาเพิ่มอีกสองลูก อาการป่วยของท่านก็จะรักษาหายแล้ว" กู้ชูหน่วนหยิบแก้วมังกรขนาดเท่าไข่นกพิราบออกมา ดวงตาใสเป็นประกายฉายแววยิ้ม ดวงตาของอี้เฉินเฟยกำลังยิ้ม ทว่าในใจกลับขมขื่น แก้วมังกรลูกเดียว ต้องใช้ความพยายามของคนตั้งกี่รุ่น ถึงจะเจอเบาะแส หาง่ายเช่นนั้นเสียเมื่อไหร่ แก้วมังกรลู
ก้นหลุมดำ ลมพัดจนพวกเขาวิงเวียนศีรษะ กลิ้งตุปัดตุเป๋ สุดท้ายก็ถูกทุ่มลงไปบนพื้นอย่างแรง กู้ชูหน่วนเกือบจะเป็นลมสลบไป โชคดีที่พื้นอ่อนนุ่ม ไม่เช่นนั้นนางคงต้องตายไปแล้ว ทันใดนั้น นางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ทันทีที่ลืมตาขึ้นมากลับพบว่าไม่ได้อยู่บนพื้นที่อ่อนนุ่ม แต่ล้มลงบนร่างของชายหนุ่มผมขาวชุดขาวคนหนึ่ง กู้ชูหน่วนรู้สึกบีบคั้นหัวใจ รีบประครองเขาขึ้นมา "พี่ใหญ่อี้เฟย ท่านตื่นขึ้นมาสิ..." กู้ชูหน่วนเอื้อมมือออกไป กลับสัมผัสโดนของเหนียวข้นบางอย่าง เมื่อจ้องมองดูดีๆ จะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากเลือด มุมปากของอี้เฉินเฟยมีเลือดซึม บนร่างโดนหินมีคมบาดจนเป็นแผลทั้งตัว ชุดสีขาวดุจหิมะถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด พื้นที่มืดดำ ใบหน้าของเขาซีดขาว ไร้ซึ่งเลือดฝาด เพียงแต่บนใบหน้าที่อ่อนโยนยังคงคลี่ยิ้มปลอบโยน เอ่ยอย่างอ่อนแรง "เจ้าไม่เป็นไรก็พอ" กู้ชูหน่วนขอบตาแดงก่ำในชั่วพริบตา "ท่านมันโง่เสียจริง เหตุใดถึงดีกับข้าขนาดนี้ ข้ามีอะไรควรค่าให้ท่านช่วยเหลือด้วยชีวิตเช่นนี้" "เพราะ...เจ้าคือน้องสาวของข้า..." "ท่านเจ็บหนักมาก อย่าเพิ่งพูดเลย ข้าจะช่วยท่านรักษาอาการบาดเจ็บ" "ไม่...ไม่