〝อืม〜〞
แสงอาทิตย์อุ่นๆยามเช้าลอดผ่านหน้าต่างชั้นสองเข้ามากระทบใบหน้าของเด็กหนุ่มที่กำลังอยู่ในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่น เป็นสิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มตื่นขึ้นจากภวังค์ แต่เพราะกำลังถูกความสบายเพราะนอนหลับนานกว่า 8 ชั่วโมงกดทับไว้อยู่เด็กหนุ่มจึงครางออกมาแบบนั้นด้วยเสียงเหนื่อยหน่ายเพราะไม่อยากลุกจากเตียงทันทีนั่นเอง และถึงแม้ก่อนหน้านี้ 10 นาที นาฬิกาปลุกจากสมาร์ทโฟนของเขาจะดังไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมลุกจากเตียงแต่อย่างใด
〝กร!!! 7 โมงครึ่งแล้วนะ เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก!〞
เสียงของหญิงสาวผู้เป็นแม่ตะโกนขึ้นไปยังห้องที่อยู่บนชั้นสอง หรือก็คือห้องของกรด้วยน้ำเสียงดุดัน เพื่อเรียกให้ลงมาเตรียมตัวไปโรงเรียนโดยเร็ว
〝งือ〜 ขออีกซัก 12 ชั่วโมงครับแม่〞
〝ปกติมันต้องขอ 5 นาทีไม่ใช่เหรอ!!!!! แล้วขอตั้ง 12 ชั่วโมง คิดจะหลับจนถึงเย็นเลยรึไงกันยะ!!!!〞
〝คุณแม่รับมุขได้สวยครับ... ครอก〜〞
และต่อให้ท่านแม่ผู้บังเกิดเกล้าตะโกนขนาดไหน ฉันก็ไม่คิดที่จะลุกออกจากที่นอนเลยซักนิด
พอตบมุขคุณแม่เสร็จ ฉันก็ดึงผ้าห่มมาคลุมโปง แล้วกลับไปนอนต่อในทันที อา.... สุขสุดๆ
〝สวัสดีค่ะคุณน้า! ขออนุญาตนะคะ!〞
〝โอ๊ะริน! เข้ามาก่อนสิ!〞
〝ค่ะ!〞
เสียงแหลมเล็กของเด็กผู้หญิงที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของฉัน ดังมาจากทางประตูหน้าบ้าน
ฟังจากน้ำเสียง ก็รู้แล้วว่ากระตือรือร้นสุดๆ
อ่อ... รินเองสินะ
ตอนนี้เธอคงกำลังสวมชุดนักเรียนปกกะลาสี สีขาว สวมกระโปงยาวถึงเข่าสีเทา ซึ่งก็คือเครื่องแบบนักเรียนโดยทั่วไปของประเทศไทยนั่นแหล่ะ
แล้วพอคุณแม่อนุญาต รินก็เปิดประตู แล้วเดินเข้ามาในทันที... ถ้าถามว่าเข้ามาทำไมหล่ะก็ ก็เข้ามาปลุกฉันนี่แหล่ะนะ
ถึงจะรู้สึกผิดก็เถอะ แต่ตอนนี้ความรู้สึกดีๆที่มีให้ใครซักคน(เตียงกับผ้าห่ม)ของฉันมันมีมากกว่าเธอนะริน... เพราะงั้นขอโทษทีเน้อ
〝ทานข้าวเช้ารึยังจ๊ะ?〞
แล้วพอรินรีบเดินเข้ามาในครัว ก็พบกับแม่ของกรที่กำลังสวมผ้ากันเปื้อนดูเข้ากันกับใบหน้าที่ยังสาวของเธอ
อนึ่ง ตอนนี้แม่ของกรกำลังผัดข้าวผัดด้วยกระทะกับทอดไข่ดาวไปพร้อมๆกันอย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังสามารถถามรินได้โดยไม่เสียสมาธิเลยแม้แต่น้อย
〝ทานมาเรียบร้อยแล้วค่ะ! ว่าแต่กร... คงเหมือนเดิมสินะคะ〞
〝เฮ้อ! ตามนั้นเลยจ๊ะ〞
คุณแม่ครับ ถอนหายใจใส่แบบนี้มันไม่ดีนา... เขาบอกว่าถอนหายใจหนึ่งครั้ง ความสุขจะหายไปหนึ่งครั้งเชียวนะ
〝ต้นเหตุก็เพราะลูกเองไม่ใช่รึไง! ให้ตายสิเจ้าลูกบ้ามุดถุงยางมาเกิดนี่ ซักวันจะจับยัดใส่กระสอบทรายแล้วเอาไปถ่วงอ่าวไทยให้ได้เลยคอยดู!!!〞
〝หนะ นั่นกรได้ยินนะคะนั่น!〞
ใช่เลยหล่ะ! ได้ยินเต็มสองรูหูเลยหล่ะ เพราะมีสุดยอดการประมวลผล ยังไงหล่ะ!!!
ว่าแต่ท่านแม่ครับ แบบนั้นมันไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอ... นี่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงหนึ่งเดียวของคุณเลยนะครับ!
….แล้วทำไมถึงอ่านใจผมออกหล่ะครับเนี่ย?
〝หึหึ! ก็กะให้ได้ยินนั่นแหล่ะ! เตรียมใจไว้ได้เลยไอ้ลูกชาย!!!〞
〝อือ〜〞
คุณแม่ของกรตะโกนขู่อีกครั้งราวกับกำลังต่อว่าเด็กอนุบาลอยู่ยังไงอย่างงั้น และแน่นอนว่ากรตอบกลับมาด้วยเสียงครางเหมือนเดิม
〝ริน ฝากเป็นทัพหน้าเหมือนทุกทีด้วยนะ!〞
〝ค่ะ! ไว้ใจได้เลย〞
พอคุณแม่บอกรินแล้วกำมือชูนิ้วโป้งเพื่อให้กำลังใจเหมือนทุกที คุณรินก็ทำการเดินจ้ำอ้าว ๆ ขึ้นมาชั้นสอง...
ขึ้นมาถึงหน้าห้องแล้ว... เร็วแฮะ! ก็มาปลุกทุกวันนี่นา ...สกิลคงเต็มหลอดแล้วมั้งเนี่ย
อืม... คำพูดเมื่อกี้สื่อให้เห็นถึงความขี้เกียจของตัวเองเลยแฮะ แต่ฉันเหนื่อยกว่าคนอื่นง่ายนา... ต้องใช้พลังงานไปกับสุดยอดการประมวลผลนี่นา... เพราะงั้นขอทีเถอะ ถือว่าเป็นรางวัลของความพยายามไง!
แล้วอีกอย่าง ประตูห้องของฉันล็อคอยู่นะ เพราะงั้นเลิกหวังได้เลยริน
คลิ๊ก!
〝เข้าไปแล้วนะ!〞
หลังจากที่เสียงปลดล็อดกลอนประตูจากภายนอกเงียบไปซักพัก รินก็ตะโกนเรียกเขาจากตรงประตูในทันที
เออ... ลืมไป... ยัยนี่ปั้มกุญแจสำรองไว้แล้วนี่หว่า
〝ตื่นได้แล้——〞
〝ไม่เอา!〞
ยังไม่ทันที่รินจะพูดจบ กรก็รีบตัดบททันที รินที่อยู่ตรงประตูก็ถอนหายใจออกมาครั้งนึงเบาๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหากรที่นอนคลุมโปงอยู่บนเตียง แล้วก็ยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างเตียง
〝จะสายแล้วนะกร!〞
〝อลิซสายกว่าฉันอีก ไปปลุกยัยนั่นก่อนสิ...〞
〝วันนี้อลิซมีซ้อมตอนเช้า เธอไปโรงเรียนก่อนแล้ว〞
บ้าชิบ! ทางหนีทางแรกหายไปแล้ว
〝ชิ!〞
〝ยะ อย่าเดาะลิ้นแบบนั้นสิ!〞
ช่วยไม่ได้... ถ้างั้นก็มีแต่ต้องดันทุรังท่าเดียว
〝ถึงงั้นก็ไม่เอาอยู่ดี!!!〞
〝นะ นายเนี่ยน้า! ถ้างั้นคราวนี้... ฉันเองก็ต้องใช้วีธีรุนแรงแล้วเหมือนกันนะ〞
〝โห๋! รินนะเหรอรุนแรง น่ากลัวจังแฮะ〞
〝อย่ามาหยอกนะ! ——ยะ ย้า!〞
รินทำแก้มป่องอย่างน่ารักน่าชังใส่ฉันที่พูดประชดออกไปเล่นๆ แล้วเธอก็จับการดึงผ้าห่มที่คล้ายโดมโดยมีฉันอยู่ข้างในออกมาทั้งอย่างงั้นเลย
ว่าแต่...
〝เดี๋ยวสิเฮ้ย! นี่ก็ดึงเหมือนทุกทีไม่ใช่รึไง!〞
〝นายก็ไม่ยอมออกมาเหมือนกับทุกทีนั่นแหล่ะ!〞
〝ดื้อชะมัดเลย!〞
〝หนอย นายก็เหมือนกันแหล่ะ!〞
แต่แน่นอนว่าแรงของผู้ชายอย่างฉันต้องมากกว่าผู้หญิงบอบบางอย่างรินแน่นอน เธอเลยดึงไม่ออกซักที
แต่ถึงจะดึงออกไม่ได้ แต่แบบนี้มันจะไปนอนได้ยังไงกัน!
〝งั้นก็ช่วยไม่ได้!〞
〝อึก! คราวนี้จะใช้ไม้ไหนอีกหล่ะ〞
พอกรพูดแบบนั้นออกมา รินก็ทำท่าทางระวังมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะทุกทีที่กรพูดแบบนั้นออกมา เขาก็จะทำเรื่องที่เธอคาดไม่ถึงทุกครั้ง และแน่นอนว่าครั้งนี้เองก็เช่นกัน
ชึบ!
〝เอ๋!〞
กรปล่อยผ้าห่มที่กำลังดึงอยู่แล้วถีบตัวเองออกจากเตียงไปอยู่ข้างหลังริน เนื่องจากว่าพอกรปล่อยผ้าห่ม รินที่กำลังดึงอยู่ก็ต้องเสียหลักแล้วล้มไปข้างหลังตามแรงปฏิกิริยาที่กรดึงผ้าห่มตามกฎข้อที่ 3 ของนิวตัน แต่กรก็คาดไว้แล้วจึงเข้าไปรับได้ทัน โดยการใช้มือทั้งสองข้างพยุงไหล่ของริน
รินที่รู้สึกตัวอีกทีก็โดนกรจับได้ ก็กลับหน้าแดงออกมาเพราะถูกการจู่โจมอย่างกระทันเข้าไป แต่ก็เป็นแบบนั้นได้เพียงครู่เดียว เพราะต่อจากนั้น....
〝กร! ขะ ขอบคุณนะ〞
〝อ่าห้า! นี่ไม่ใช่เวลามาขอบคุณหรอกนะ... เพราะของจริงมันต่อจากนี้ไปต่างหาก〞
〝ว่าไงนะ! ——ห๊ะ ๆ ๆ ๆ ยะ หยุดก่อน ห๊ะ ๆ ๆ ๆ〞
จากนั้นฉันก็ทำการจักจี้ที่เอวของรินอย่างต่อเนื่องในทันที นั่นเลยทำให้รินบิดตัวไปมาอย่างน่ารักน่าชังราวกับลูกแมวที่โดนลูบไล้ไปทั่วตัว แล้วก็หัวเราะเสียงแหลมออกมาพร้อมๆกันด้วยหล่ะ
เอ๋! นี่เป็นการลวนลามทางเพศอย่างนึงงั้นเหรอ? ใครสนเรื่องนั้นกันหล่ะ เพราะการนอนมันสำคัญกว่านี่นา แถมนี่หน่ะยังแค่เริ่มเองนะ...
〝ว้าย!!〞
กรผลักรินให้ล้มลงไปกับเตียง (-///-) จากทางด้านข้างอย่างกระทัน นั่นเพราะรินกำลังเสียสมาธิอยู่ด้วยนั่นแหล่ะเลยไม่ได้ระวังตัวเลยซักนิด แต่ถึงกรจะผลักอย่างกระทันหันก็ไม่ได้ทำให้รินบาดเจ็บเลยซักนิดเดียว นั่นเพราะมีฟูกซ้อนอยู่บนเตียงชั้นนึงแถมยังใช้แรงผลักไม่มากอีก
〝ดะ เดี๋ยวสิกร! คิดจะทำอะไร〞
〝หุหุ! ทำอะไรงั้นเหรอ? นี่มันก็ชัดเจนอยู่แล้วนี่นา〞
รินถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรงและใบหน้าแดงระเรื่อ กรจึงตอบกลับไปพร้อมกับหายใจเข้าออกแรงๆ พร้อมกับทำมือขยุมขยัมทั้งสองข้างราวกับพวกโรคจิต แล้วก็เดินเข้าเข้าไปใกล้รินที่นอนราบบนเตียงทั้งๆแบบนั้น
〝มะ ไม่ได้นะ! ตอนนี้ยังไม่พร้อม... ไม่สิ! ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้... แต่ตอนนี้มันยังเช้าอยู่... มะ ไม่ใช่แล้ว!!! นี่ฉันพูดอะไรออกมาเนี่ย!〞
〝ไม่เป็นไร เพราะจากนี้ จะได้อยู่ด้วยกันอีกยาวเลยหล่ะ… จนกว่าจะถึงเย็นเลย หุหุหุ!〞
〝มะ ไม่น้า!!!!〞
แต่ถึงรินจะตะโกน แต่เธอก็ไม่ได้รีบวิ่งออกจากเตียงไปแต่อย่างใด จนเหมือนกับว่าเธอจำยอมยังไงอย่างงั้นเลย แล้วพอกรเดินเข้าไปจนถึงขอบเตียง มือทั้งสองข้างของเขาก็คืบคลานเข้าไปหารินที่นอนอยู่บนเตียงอย่างช้าๆ แล้วจากนั้น…
ฟุบ!
〝ไม่ได้น้า!!!! อะ อ้าว!?〞
พอรินรู้สึกตัวอีกที เธอก็ถูกมัดด้วยฟูกหนา 3 นิ้วเป็นม้วนโดยมีเชือกไนลอนมัดอยู่โดยรอบอีกชั้นนึงอย่างหนาแน่น โดยโผล่ออกมาได้แค่ศีรษะกับขาท่อนล่างเท่านั้นเอง นั่นเลยทำให้รินสบถออกมาด้วยน้ำเสียงโล่งอกปนเสียดาย?เพราะเข้าใจผิด
〝ไงหล่ะ! ก็แค่เซ็ทฟูกกับเชือกให้ยาวออกมาพอดึงได้ทันทีไว้ล่วงหน้าอะน่ะ... พอเธอนอนปุ๊บก็รวบเชือกแล้วก็มัด ใช้เวลาราวๆ 1.8 วินาทีก็เสร็จแล้ว… สุดยอดปะล่ะ〞
〝เอ๋!!!!!!!!!!!〞
เป็นไงหล่ะ ตกใจมากหล่ะสินะกับแผนการอันชาญฉลาดของฉันหน่ะ... แต่ทำไมรู้สึกเหมือนเธอจะตกใจในเรื่องอื่นมากกว่าเนี่ย แถมทำหน้าเสียดายด้วย...
〝นั่นสินะ... งั้นแผนนี้ขอใช้ชื่อว่า 『ขนมโตเกียวสอดไส้รินที่เพิ่งพลาดท่าเพราะโดนฉันจักจี้』ก็แล้วกัน 〞
〝ยาวไปแล้วนะนั่น!!!〞
โอ๊ะ! ตบมุขได้สวยเลยนี่นา ที่โยนมุขไปเนี่ยไม่สูญเปล่าแล้วสินะ
แถมรินยังอยู่ในฟูกอีก แบบนี้เหมือนกับมุกในแก๊งสามช่าเลยนี่หว่า... ตลกดีเหมือนกันแฮะ
〝งือ〜ตกใจหมดเลย นึกว่านายจะทำอะไรฉันซะอีก〞
〝หืม?〞
พอกรได้ยินรินพูดแบบนั้นออกมาด้วยใบหน้าเขินอาย เขาก็เข้าใจเหตุผลที่รินตกใจเพราะเรื่องอื่นได้เสียที แล้วยังคิดที่จะแกล้งรินเพิ่มอีกต่างหาก
〝อะไรกันครับคุณไอริน... นี่อย่าบอกนะว่าคิดเรื่องแบบนั้นอยู่หน่ะ〜〞
〝มะ ไม่ใช่อย่างงั้น!〞
จากนั้นกรก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้รินจนแทบจะชนกันเพื่อแกล้งเธอ พร้อมกับใช้คำพูดหยอกล้อเสริมเข้าไปอีก จนหน้าของรินที่โผล่ออกมาแค่ศีรษะแดงไปจนถึงหูด้วยความเขินอาย แล้วก็พยายามมุดหน้าลงไปในฟูกอย่างน่ารักน่าชังราวกับเต่าที่หดหัวเข้าไปในกระดอง แต่น่าเสียดายที่ไม่สำเร็จเพราะกรได้มัดมันเสียแน่นพอที่เธอจะหลุดออกมาไม่ได้โดยง่าย
〝เห๋! แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยหล่ะคร้าบ〜〞
〝กะ ก็นายบอกว่าจะอยู่ด้วยกันจนถึงเย็น... ชะ ฉันก็...〞
〝หึหึ! ฉันแค่กะจะให้เธอนอนอยู่เงียบๆเป็นเพื่อนแค่นั้นเอง ฉันจะนอนหลับสงบๆยังไงหล่ะ.... นี่คิดไปไกลขนาดไหนครับเนี่ยแม่คู๊ณ〞
〝กะ ก็เพราะพูดจาสองแง่สองง่ามแบบนั้นนั่นแหล่ะ!〞
รินทำแก้มป่องมองมาทางฉันด้วยสีหน้าเขินอายอีกครั้ง ทั้งที่หน้าแทบจะติดกัน เธอก็เลยหันหลบตาไปอีกทางในทันที
〝เอ๋ เอ๋ เอ๋? แต่เธอก็คิดถึงเรื่องแบบนั้นก่อนเลยนี่นา 〞
〝ระ เรื่องนั้นมัน!〞
จากนั้นกรก็ขยับหน้าเข้าไปใกล้ๆหูของรินเพื่อพูดหยอกล้อใส่เธออีกครั้ง
〝ริน... ลา-มก-จัง〞
〝งึ้ย!〞
กรพูดแบบนั้นข้างๆหูของรินที่ยังอยู่ในม้วนฟูก จนทำให้รินร้องเสียงแปลกๆออกมา เพราะสัมผัสกับลมที่ออกมาจากปากของกรในตอนที่พูดประโยคหยอกล้อที่แรงเกินไป จนเธอต้องเขินอาย รู้สึกจั๊กจี้และเสียวสันหลังวาบไปเลยทีเดียว
ฟิ้ว!
〝!!!〞
ชั่วพริบตาที่รินร้องเสียงแปลกๆออกมา กรก็สัมผัสได้ถึงวัตถุเรียวยาวพุ่งตรงมายังบริเวณศีรษะของตน เขาจึงจัดการคว้ามันด้วยมือขวาทั้งที่ไม่ได้หันกลับไปมองคนที่ขว้างมันมาใส่ แถมยังรับจากข้างหลังทั้งที่ไม่ได้มองอย่างสมบูรณ์แบบ
แล้วพอกรนำวัตถุที่อยู่ในมือมาดูด้วยความสงสัย ก็ปรากฏว่ามันคือ ตะหลิว จึงสร้างความสงสัยให้กับทั้งกรและรินเป็นอย่างมาก จนทั้งสองคนถึงกับเอียงคอสงสัยและมีเครื่องหมายคำถามลอยขึ้นมาอยู่บนหัวเลยทีเดียว แต่หลังจากนั้นเพียงชั่วพริบตาอีกครั้ง ที่กรสัมผัสได้ถึงจิตต่อสู้อันรุนแรงมาจากข้างหลังจนตัวเขาสั่นเทิมไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัวที่เขาเจอมาตลอด 17 ปี ซึ่งบุคคลที่ว่านั่นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจาก...
〝คุ... คุณแม่คร้าบ!〞
〝อาหารเช้าเสร็จแล้วนะจ๊ะ! ว่าแต่ว่า....〞
〝อึ๋ย!〞
หม่อมแม่ของกรมองมาทางเขาด้วยสายตารุนแรงในหลายๆความหมาย จนตอนนี้กรรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นกบที่โดนงูจ้องจนขยับไม่ได้ยังไงอย่างงั้นเลย
〝แกล้งรินของแม่หนักไปแล้วมั้งเนี่ย〞
〝อึก! คนที่สอนผมให้ใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดโดยไม่สนเงื่อนไขอื่นก็คือแม่ไม่ใช่เหรอครับ!〞
〝เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันคนละเรื่องกัน!〞
〝อะ เอาแต่ใจจังนะครับผม〞
อนึ่งตอนนี้กรกำลังนั่งอยู่ขอบเตียงและใช้มือทั้งสองข้างตั้งการ์ดป้องกันแม่ของตัวเองอยู่ ด้วยสัญชาตญาณที่แม้จะเห็นแม่ตัวเองภายนอกเป็นสาวสวยงามสง่ามีราศี กำลังยิ้งอยู่อย่างร่าเริง แต่ด้วยออร่าไม่ธรรมดาที่แผ่ออกมา(จากที่กรจินตนาการไปเอง) เลยตั้งท่าแบบนั้นออกมาโดยที่ไม่ต้องคิด
ก็นะ... ถึงที่แม่สอนมาจะเป็นคติสำหรับการใช้ชีวิตจริงๆก็เถอะ แต่ในความหมายเชิงปฏิบัติแล้วมันโหดสุดๆไปเลยหล่ะ
ประมาณว่า ถ้าอยากจะสอบได้ที่ 1 ก็ต้องอ่านหนังสือแบบไม่หลับไม่นอน 3 วันให้ตายไปข้าง... หรือถ้าอยากจะชนะการแข่งวิ่งร้อยเมตรก็ใส่แรงจนสุดตั้งแต่ต้นยันจบไปเลย!
ประมาณนี้แหล่ะครับท่านผู้ชม... แล้วถามว่าเคยลองทำไหมนะเหรอ.... จะเหลือเหรอครับ... แล้วผลลัพธ์หน่ะเหรอ
ต้องขออนุญาตใช้คำว่า 〝หลังเสร็จภารกิจ ก็อ้วกแตกทุกรอบ〞เลยหล่ะครับ... ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมก็อยากจะตบมุขแม่เหมือนกันนะว่า 〝อย่าสอนเรื่องแบบนี้ให้เด็กสิฟ่ะครับ!〞อยู่เหมือนกัน
ไม่ต้องสนความเสี่ยง... ไม่ต้องสนเวลาที่เสียไป... ไม่ต้องสนผลลัพธ์ที่ตามมา... ถ้าเจอทางที่จะเล่นเกมได้แต้มมากที่สุดก็เลือกทางนั้นไปเลยไม่ต้องคิด…
จะว่าไปแล้วนี่ก็คงเป็นสาเหตุนึงที่ฉันเป็นไอ้บ้าก็ได้หล่ะมั้ง... ก็ถูกเสี้ยมสอนมาตั้งแต่เด็กนี่นา... แถมพ่อก็ไม่ได้คัดค้านวิธีของแม่อีก เฮ้อ!
〝คิดอะไรระหว่างที่คุยกับคุณแม่สุดที่รักกันหา! ไอ้ลูกชายตัวดี!!!!!!〞
〝อย่ามาอ่านใจกันสิคร้าบบบบ!!!!!!!〞
ชิ้ง!
พอฉันต่อล้อต่อเถียงกลับไป มือซ้ายของคุณแม่ก็ดันมีทัพพีมาอยู่ในมือซ้ายอย่างเร็วเลย มองไม่ทันด้วย ยังกะมายากลแหน่ะ! สัตว์ประหลาดชัดๆเลยครับคุณแม่!
แล้วก็ยังไม่จบ... เพราะแน่นอนว่าคุณแม่ของกระผมต้องทำการขว้างมันมาทางผมอีกครั้งอยู่แล้ว ฉันเลยกระโดดลงมาจากเตียงแล้วก็โยนตะหลิวทิ้งไปบนพื้น(เด็กดีอย่าเลียนแบบนะครับ)
และก็แน่นอนว่าหนนี้ฉันก็รับไม่พลาดเหมือนเคย... แล้วแม่ก็โยนมาทางนี้อีกอันนึงด้วยช้อน... และช้อนอีกอันนึง... และอีกอันนึง... และอีกอันนึง... และอีกอัน—— เดี๋ยวสิเฮ้ย! นี่เยอะไปแล้วครับเจ๊
〝การคิดเรื่องอื่น ทำให้เสียสมาธินะเจ้าลูกชาย!〞
〝หนอย! ก็บอกว่าอย่ามาอ่านใจไงครับ!〞
〝เอาเถอะ เดี๋ยวก็จบแล้ว!〞
〝อึ๋ย! คราวนี้จะมาไม้ไหนอีกหล่ะครับเนี่ย!〞
ฉันตบมุขคุณแม่กลับไป แบบเดียวกับที่รินเคยพูดใส่ก่อนหน้านี้
และไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรทั้งสิ้น แม่ของผมก็ขว้างอาวุธลับมาทางผมในทันที แล้วพอผมคว้ามันตามปกติ ก็สัมผัสได้ถึงความร้อนที่ยังหลงเหลือจากการใช้งานของตะหลิวที่เพิ่งคว้างมา...
เดี๋ยวสิ! นี่เอาตะหลิวที่เพิ่งใช้เสร็จมาโยนใส่ลูกชายสุดที่รักงั้นเหรอครับ! แม่ตูโหดสลัดมาก!
แล้วก็เป็นไปตามที่แม่คาดไว้! ผมรีบโยนตะหลิวที่ยังร้อนนี้ทิ้งทันทีเนื่องจากปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ของร่างกายและเสียสมาธิไปพริบตานึง แล้วตอนนั้นเองที่แม่ผมอาศัยจังหวะเข้าประชิดตัวจนได้แล้วเอาช้อน(ที่ไม่รู้งัดออกมาจากไหนอีกเหมือนเคย) มาชี้เข้าที่หว่างคิ้วของผมพร้อมกับเท้าสะเอวและประกาศชัยชนะของตนอย่างภาคภูมิ
〝ครั้งที่ 2,485… หนนี้แม่ชนะแล้วนะ!〞
〝อือ〜แพ้แล้ว! 〞
กรบ่นแบบนั้นในลำคอเบาๆ แต่แน่นอนว่าแม่ของเขาที่ประชิดตัวอยู่ต้องได้ยินแน่นอน เธอจึงสับหัวกรเบาๆครั้งนึง พอกรลูบหัวของตัวเองเบาๆกลับ เธอก็ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่นราวกับบรรยากาศเมื่อครู่เป็นแค่เรื่องในจินตนาการไปเลย
〝ว่าแต่หนนี้โหดไปหน่อยรึเปล่าครับเนี่ย... ใช้ตะหลิวที่กำลังร้อนแบบนี้หน่ะครับ?〞
แต่ถึงจะบอกว่ากรเป็นฝ่ายปราชัยก็ตาม แต่เรื่องที่ถูกขว้างด้วยตะหลิวที่กำลังร้อนใส่ก็ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ กรจึงกอดอกเพื่อขอให้แม่ตัวเองอธิบายในจุดนั้น แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็คล้ายๆกับทุกทีที่ผ่านมา
〝เอ๋ๆ! พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย〞
〝มามุขนี้อีกแล้ว... แต่พูดไปก็เหมือนข้ออ้างเปล่าๆ คราวนี้ผมยอมจบเรื่องเองก็ได้〞
พอคำถามที่ถามอย่างจริงจังถูกตอบกลับด้วยท่าทางสบายๆแล้ว ก็เลยทำให้กรหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็คิดอยู่ในใจอย่างหน่ายๆว่า เอาเถอะ ก็เหมือนทุกทีนี่นา! เลยถอนหายใจด้วยความคิดแล้วก็ปล่อยผ่านเรื่องนี้อย่างง่ายดายเหมือนกับที่คุณแม่ของกรทำ
〝ต้องแบบนี้สิลูกแม่! 〞
คุณแม่ของกรเองก็ตอบกลับกรเพื่อที่จะจบบทสนทนาอันยืดยาวนี่เสียที แล้วก็เข้าไปกอดลูกชายตัวเองอย่างแนบแน่น เลยทำให้กรคิดอยู่ในใจว่า ให้ตายสิ! แต่เพราะเขาก็โตเป็นหนุ่มแล้ว กรเลยหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยเพราะเขินอายจากการที่ถูกแม่ของตัวเองกอด แต่ซักพักก็ถูกเสียงของบุคคลที่สามซึ่งนั่งคุดคู้อยู่บนเตียงของกรดึงกลับมาสู่ปัจจุบันกาล ด้วยน้ำเสียงที่ราวกับจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ
〝นะ นี่! ถ้าจบแล้วก็... ปล่อยฉันเถอะนะ... 〞
อ่อ... ริน ลืมไปซะสนิทเลย...
ขอโทษครับ…
❖❖❖❖❖
หลังจากศึกย่อมๆในห้องนอนของกรจบลง กรที่ปลดปล่อยรินออกจากพันธนาการ(ฟูกนอน)แล้ว ก็รีบแจ้นไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเวลารวมแค่ 7 นาทีเศษเท่านั้น ซึ่งนี่ก็น่าจะเป็นผลมาจากการเข้าค่ายนักศึกษาวิชาทหารที่กรกำลังเรียนอยู่ในปีที่ 2 ซึ่งก็ผ่านค่ายพักแรมแบบที่ว่ามาแล้ว 2 ครั้ง จนติดเป็นนิสัย
การเข้าค่ายของนักศึกษาวิชาทหารในประเทศไทย แม้จะมีการฝึกในช่วงกลางวันหนักแค่ไหน แต่เวลาพักผ่อนที่น้อยนิดอยู่แล้วก็ไม่ได้ถูกเพิ่มขึ้นมาตามความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดทั้งวันแต่อย่างใด รวมถึงเวลาอาบน้ำด้วยเช่นกัน จากการที่ต้องเข้าค่ายเป็นคณะใหญ่กับโรงเรียนอื่นรวมแล้วกว่า 500 คน เวลาอาบน้ำก็ยิ่งน้อยลงเพราะถูกหารด้วยจำนวนห้องน้ำที่มีจำกัด แต่ถึงจะใช้ห้องอาบน้ำรวมก็มีเวลาแค่ 10 นาทีในการทำภารกิจดังกล่าว เท่านั้นตามที่ถูกกำหนดโดยครูฝึก
ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการฝึกบริหารเวลา และใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด กรที่เข้าใจแบบนั้นจึงไม่มีปัญหาแต่อย่างใดกับเรื่องฝึก ทั้งยังติดเป็นนิสัยไปอีกด้วย บวกกับนิสัยโอตาคุที่ไม่อยากเสียเวลาฟาร์มเวลแม้วินาทีด้วยแล้ว เลยทำให้กรใช้เวลาได้แบบคุ้มสุดในเวลาอันน้อยนิดนั่นเอง
ขณะนี้ทั้งสามคน อันประกอบไปด้วยกร รินที่อยู่ในชุดนักเรียนมาตรฐานของโรงเรียนมัธยมปลายใกล้บ้าน กับคุณแม่ของกรที่อยู่ในชุดลำลองหลังจากถอดผ้ากันเปื้อนแล้วกำลังนั่งเข้าหากันโดยมีโต๊ะยาวสำหรับ 6 คนอยู่ตรงกลาง โดยกรและรินนั่งข้างๆกัน ส่วนฝั่งตรงข้ามก็เป็นแม่ของกร
〝เฮ้อ! 〞
รินถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ ในขณะที่ตักข้าวผัดใส่จานให้กับกร
〝โทษทีนะริน... 〞
〝ไม่ต้องมาขอโทษเลย!〞
กรร่างกระตุกเล็กน้อยเพราะถูกดุ ก่อนที่จะรับจานที่รินส่งมาให้อย่างรู้สึกผิด
〝กะ ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา... ก็นี่หน่ะ——〞
〝ค่าๆ! เพราะเป็น 『การฝึกควบคุมและเพิ่มความเสถียรในการใช้งานสุดยอดการประมวลผล』.... ใช่ไหมล่า!〞
〝อึก!〞
เพราะฉันกำลังถูกรินดุอยู่ จังหวะการพูดเลยติดขัดไปหน่อย... รินก็เลยพูดแทรกได้
แถมที่พูดออกมานั่นยังแทงใจดำกระผมอีกแหน่ะ...
อย่างที่รินบอกนั่นแหล่ะ... ที่พวกเราสามคนทำทุกเช้านั่น เหตุผลกว่า 80% นั่นเป็นเพราะทั้งหมด คือ การฝึกควบคุมสุดยอดการประมวลผลนั่นเอง
ทำไมถึงต้องฝึกงั้นเหรอ... ก็เพราะมันเป็นหนึ่งในวิธีที่ใช้ควบคุม สุดยอดการประมวลผลให้อยู่ในอำนาจจิตใจยังไงหล่ะ... พอคุ้นชินกับมันในระดับนึง ก็จะควบคุมมันได้มากขึ้นเช่นกัน... ก็ไอ้ความสามารถนี้หน่ะตอนแรกมันเป็นความสามารถที่อยู่นอกเหนืออำนาจจิตใจนี่นา...
ถ้าไม่ฝึกควบคุมล่ะก็ ตอนเดินบนถนนที่คนพลุกพล่าน ฉันคงไม่พ้นต้องอาเจียน... ไม่สิ จริงๆแล้วก่อนนห้านี้ก็เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาแล้วตั้งหลายครั้งแหล่ะนะ... เพราะงั้นแหล่ะถึงต้องฝึก
แล้ว กว่าจะควบคุมไม่ให้ตาลายเวลาสวนกับคนเยอะๆนี่ก็ล่อไปซะเกือบปีเชียวนะ... ลำบากโคตรเลยหล่ะ …
ก็เหมือนกับการฝึกกล้ามเนื้อกับสมาธิ… ยิ่งฝึกนานละบ่อยเท่าไหร่ก็ยิ่งแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ...
แล้วคงสงสัยกันสินะ... ว่าทำไมถึงต้องเป็นตอนตื่นนอน
ก็อย่างว่า... คติของแม่คือ 〝ใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดโดยไม่สนเงื่อนไขอื่น〞เป็นการกระทำที่บ้าดีเดือดจริงๆเลยให้ตายสิ...
อย่างที่เคยบอก... สุดยอดการประมวลผลมันใช้การเผาผลาญพลังงานมากกว่าคนปกติ... ก็แน่นอนอยู่แล้วหล่ะ ฉันถึงได้เป็นคนนอนเยอะ แม่ก็เลยอาศัยจุดนี้แหล่ะ...
อย่างจะนอนต่อก็ใช้สุดยอดประมวลผลเอาชนะให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องนอน.... (โชคยังดีที่ไม่ทำแบบนี้ในตอนก่อนนอนนะครับผม)
แต่ถึงแบบนั้น นอกจากเช้าวันหยุดแล้ว ฉันแพ้ตลอดเลยหล่ะ... เพราะฉันเองก็มีความรับผิดชอบเหมือนกันน้า...
เพราะถึงจะตื่นสายแต่ก็ยังอยู่ในเวลาที่ไปโรงเรียนทัน(น่าจะนะ) แถมยังมีรินมาเป็นกำลังเสริมอีก ถึงจะมารับหน้าก่อนทุกครั้งก็เถอะ... เลยไม่อยากให้เธอโดดคาบแรกไปด้วยหน่ะ
ทำไมถึงกลับคำพูดตอนแรกที่ทำคนอื่นลำบากงั้นเหรอ? แหมๆตอนนั้นมันเบลอๆอยู่นี่นา... คนเพิ่งตื่นนะเฟ้ย ใครก็คิดที่จะนอนต่อโดยไม่สนอินทร์สนพรหมทั้งนั้นแหล่ะคร้าบ!!!
ว่ากันว่ามนุษย์ที่เอาชนะแรงดึงดูดจากเตียงหลังตื่นนอนได้ก็คือยอดมนุษย์เชียวนะ นับได้ว่าเป็นชัยชนะของมนุษย์ชาติได้เลย... ฉันในตอนนี้ยังทำเรื่องยิ่งใหญ่แบบนั้นไม่ไหวหรอก...
และแน่นอน ที่รินไม่เตือนฉันในเชิงว่า 〝เลิกทำอย่างนี้ซักที 〞ก็เพราะว่า เธอเองก็รู้เรื่องนี้ด้วยอยู่แล้ว...
แล้วรินยังอาสามาช่วยเองด้วยนะ... ถึงผลลัพธ์จริงๆเธอจะไม่ค่อยมีส่วนช่วยเท่าไหร่ก็เถอะ แต่ไม่กล้าบอกอ่า... สงสารรินจะตายชัก
แต่ถึงจะไม่ได้มีวิธีฝึกแค่วิธีนี้วิธีเดียวก็เถอะ... แต่ยังไงแม่ก็คงใช้วิธีนี้อยู่ดีนั่นแหล่ะ...
แล้วถึงจะบ่นนู่นบ่นนี่... แต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้กังวลว่าผมจะไปสายเลยซักนิด....
เพราะแบบนี้แหล่ะ... ถ้าไม่เรียกว่าเป็นเรื่องช่วยไม่ได้แล้ว จะเรียกว่าอะไร——
〝แต่เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันคนละเรื่องกันนะ!〞
〝อึก!〞
กรทั้งสะอึกและร่างกระตุกเป็นครั้งที่สอง ต่อหน้ารินที่ดุเขาราวกับเด็กๆ กรจึงทำได้แค่ก้มหน้ามองจานข้าวผัดและรู้สึกผิดต่อการกระทำอันหยาบคายก่อนหน้าของตัวเองเพียงเท่านั้น
เพราะถึงจะบอกว่าเป็นการฝึก แต่ที่กรทำกับรินมันก็เกินไปจริงๆ ไม่ต่างกับที่แม่ของกรขว้างตะหลิวที่กำลังร้อนใส่เลย จะว่าเป็นกรรมตามสนองก็ได้ กรในตอนนั้นถึงรู้สึกว่าไม่ใช่ความผิดของแม่ฝ่ายเดียวและปล่อยผ่านเรื่องดังกล่าวไป
〝ขะ ขอโทษ... ไหว้หล่ะ สำนึกผิดแล้วคร้าบ! จะให้ทำอะไรก็ยอม... ยกโทษให้ทีเถอะนะ!!!〞
เพราะเห็นว่าควรจะขอโทษอย่างจริง ๆ จัง ๆ เสียทีกรก็รีบพนมมือขอขมารินตามที่พูดในทันที ด้วยสีหน้าที่จริงจัง และน้ำเสียงที่ฟังดูรู้สึกผิดแบบสุดๆออกไป
แต่ปฏิกิริยาที่กรได้กลับมาจากรินกลับเป็นสิ่งที่น่าตกใจกว่า... นั่นเพราะรินหัวเราะเบาๆในจมูกดัง หึ! แล้วทำหน้าเหมือนกับจะบอกว่า เสร็จล่ะ! กลับมา นั่นเลยทำให้กรเข้าใจได้ในทันทีว่านั่นหมายความว่ายังไง
〝สัญญาแล้วนะ!〞
〝สะ เสร็จกัน!〞
จังหวะที่กรขอขมาออกไปแบบนั้น ชะตากรรมของกรก็ตกเป็นของรินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว...
〝จะกลัวไปทำไมเล่าไอ้ลูกชาย... รินไม่ใช่คนโหดร้ายแบบนั้นซักหน่อย... อย่างมากก็คงแค่ถูกสั่งให้นั่งคุกเข่าในท่าเบญจางคประดิษฐ์ 3 ชั่วโมงเท่านั้นเอง〞
〝อึ๊ย!〞
กรอุทานออกมาด้วยเสียงแปลกๆแล้วก็เขยิบตัวถอยห่างจากรินด้วยสัญชาตญานในทันที เพราะสำหรับกรที่สมองทำงานได้รวดเร็วกว่าคนอื่น จนเรียกได้ว่ากระแสของเวลาความคิดของกรเดินช้ากว่าคนปกติหลายสิบเท่า การถูกจับไปนั่งเป็นเวลานาน ๆ ก็คือการทรมานที่ทารุณจิตใจอย่างหนักหน่วงราวกับถูกจำคุกนาน 10 ปีก็ไม่ปานนั่นแล
〝จะว่าไปแล้วคุณน้าเองก็ด้วยนะคะ! เรื่องที่โยนตะหลิวใส่กรหน่ะ... ถึงกรจะไม่คิดอะไร แต่ฉันคิดว่าแบบนั้นมันเกินไปจริง ๆ นะคะ〞
〝อึ๊ย!〞
แต่เจ้าของสัญญาอย่างรินก็รีบปฏิเสธออกมาก่อน แล้วคราวนี้คนที่โดนดุก็เป็นแม่ของกรแทนจนร้องแปลกๆออกมาและทำท่าทางเหมือนกับกรไม่มีผิด จนตอนนี้ไม่อาจรู้ได้เลยว่าใครกันแน่ที่อายุมากกว่ากัน
〝เถอะน่าริน! เรื่องนั้นก็ถือว่าหายกันกับที่ฉันทำกับเธอไง? นะ!〞
จากมุมมองของกรแล้ว การที่แม่ของเขาทำการโจมตีอย่างหนักหน่วงใส่ตน เป็นสิ่งที่ถูกคำนวณมาแล้วว่าจะไม่ทำให้กรได้รับบาดเจ็บจนถึงขั้นฟกช้ำแต่อย่างใด เพราะจะว่าไปแล้ว กรที่มีสุดยอดการประมวลผลสามารถรับสัมผัสได้เร็วกว่าคนอื่นหลายเท่า เขาจึงใช้เวลาในการคว้าและขว้างตะหลิวทิ้งเพียงไม่ถึง 0.5 วินาทีด้วยซ้ำ เลยไม่ทำให้เกิดแผลพุพองแต่อย่างใด
คราวนี้กรจึงเป็นฝ่ายรีบแก้ต่างให้กับบุพการีของตนบ้าง อย่างกล้าๆกลัวๆ แต่ทว่า...
〝ไม่ได้นะคะ! ยังไงแบบนั้นมันก็เกินไป...〞
แต่ดูเหมือนหนนี้ รินจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ทั้งกรและแม่ของเขา ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเพิ่งผ่านการออกกำลังมาอารมณ์เลยยังคุกกรุ่นอยู่ก็เป็นได้
〝...แล้วเรื่องฝึกหน่ะ หนูคิดว่าจนถึงตอนนี้ก็มากเกินไปแล้วด้วย... น่าจะถึงเวลา——〞
〝ไม่ได้หรอก〞
แต่พอรินที่อยู่ในอารมณ์เดือดปุดๆ พูดมาถึงตรงนี้ น้ำเสียงของแม่กรที่พูดแทรกขึ้นมาก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง ราวกับเป็นคนละคนกับหญิงสาวขี้เล่นก่อนหน้า
〝กรหน่ะ... พิเศษ รินเองก็รู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอจ๊ะ?〞
〝ระ เรื่องนั้นทราบดีค่ะ... กรหน่ะสุดยอด... แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะนะคะ...〞
แล้วรินที่โวยวายมาซักครู่ก็เงียบลง เพราะหาคำพูดมาใช้โต้กลับไม่ได้ก็ต้องยอมแพ้ไปโดยปริยาย
〝น่าๆ ถึงเจ้าลูกชายจะวิเศษวิโสยังไง... แต่ก็ยังเป็นไอ้บ้าอยู่ดีนั่นแหล่ะ... เพราะงั้นถ้าไม่ฝึกให้เชื่อง ซักวันต้องไปไล่งับชาวบ้านแน่เลย ห๊ะห๊ะห้า!〞
〝เดี๋ยวๆ ! ผมไม่ใช่หมานะครับแม่!〞
ด้วยคำพูดล้อเล่นเช่นเคยของแม่กรเลยทำให้บรรยากาศกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง กรที่ตบมุขนั่นกลับไปเองก็เพื่อการนี้ด้วยเช่นกัน
〝ถึงต้องให้รินช่วยดูแลกรด้วยยังไงหล่ะ!〞
〝นะ นั่นก็เข้าใจอยู่หรอกค่ะ〞
〝เพราะลูกชายน้าเป็นแบบนี้… เพราะมีความสามารถแบบนี้อยู่กับตัว ตอนที่เผลออาจจะไม่สามารถควบคุมพลัง แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดหรืออะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้ ถึงต้องมีไอรินอยู่ด้วยไง... เพราะน้าเองก็อยู่กับเขาไม่ได้ตลอดไปนี่น๊ะ〞
〝….คุณแม่〞〝คะ คุณน้าคะ〞
ในทันทีที่คุณแม่ของกรพูดเรื่องจริงจังออกมากลางโต๊ะอาหาร เลยทำให้เกิดบรรยากาศเดธแอร์ขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ กรเองก็หยุดเคี้ยวอาหารโดยที่ไม่รู้ตัว ส่วนรินก็ได้แต่ก้มหน้ากับคำพูดของแม่กร
เป็นอย่างที่คุณแม่ว่า... ถ้าเกิดวันนึงเราต้องอยู่เพียงลำพังขึ้นมา...
ไม่ไหวหรอก... นึกภาพตัวเองที่ต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีคุณแม่ไม่ได้เลยแฮะ
ถึงจะเป็นคุณแม่แบบนั้นก็เถอะ... แต่ก็ไม่มีผู้ใหญ่ที่รู้จักใจดีไปกว่าแม่อีกแล้ว...
ถึงจะเป็นเรื่องของอนาคต… แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นมา.... ตอนนั้นเราจะทำยังไง——
〝เพราะงั้นถ้าทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน แล้วมีหลานให้แม่อุ้มเร็วๆ ก็จะดีใจมากเลยหล่ะ! อะแฮะ!〞
〝〝หา!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!〞〞
บรรยากาศซึ้งกินใจเมื่อครู่ ถูกเป่าให้หายไปในพริบตาที่แม่ของกรพูดโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงหยอกๆพร้อมกับเอากำปั้นข้างขวาเขกที่ศีรษะของตัวเองและแลบลิ้นออกมาอย่างจงใจ แต่ว่านั่นกลับทำให้ทั้งสองมีปฏิกิริยากลับในหลายๆความหมาย
〝พะพะพะพะพะพะพะ พูดเรื่องอะไรกันคะเนี่ย!!! ระระระ เรื่องแบบนั้นไม่เห็นเกี่ยว!!! แถมมัน... มะ มันยังไม่ถึงเวลาด้วย!〞
〝นะ นึกว่าจะพูดเรื่องอะไรซะอีก〞
〝กะกะกะ กร! ใจเย็นเกินไปหน่อยแล้วมั้ง!〞
ต่างกับรินที่โหวกเหวกออกมา กรกลับตอบกลับคำพูดของแม่ตัวเองด้วยอารมณ์ปกติที่เขินอายเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถึงแบบนั้นใบหน้าของกรก็ยังแดงกว่าปกติโขอยู่ดี
〝นี่มันสมัยไหนแล้วจ๊า! แม่ไม่ว่าอะไรหรอกนะ ถ้าทั้งสองคนจะวู้ฮู้หรือสะบาระเห้ กันหน่ะ!〞
〝ไปเอาศัพท์เพี้ยนๆนั่นมาจากไหนกันครับนั่น! ว่าแต่แม่ที่ไหนสนับสนุนให้ลูกทำเรื่องอย่างว่าก่อนวัยอันควรกันหน่ะครับ!〞
〝ก็แม่คนนี้นี่แหล่ะ〞
〝ยะ ยอมแพ้แม่คนนี้จริงๆเลยให้ตายสิ!〞
กรที่เอาแต่ตบมุขแม่ตัวเอง ก็ไม่ได้สังเกตเลยว่า รินนั่นเขินอายจนควันออกหู แล้วก็เอาศีรษะไปแนบกับโต๊ะอาหารเพราะหมดแรงไปเสียแล้ว
〝แต่ถ้ารินไม่รีบหล่ะก็... อาจจะโดนอลิซโฉบไปก่อนก็ได้นา〞
〝หวะ หวาหวาหวาหวา.....〞
แล้วคุณแม่ที่ยังไม่หยุดล้อเล่นก็ยังคงแกล้งรินต่อ จนกรรู้สึกจากใจเลยว่า นิสัยเสียที่ชอบแกล้งคนอื่นนั้นมาจากเธอคนนี้แน่นอน รินที่โดนแม่ของกรแกล้งก็เรียกได้ว่าแทบจะสลบคาโต๊ะ ก็ได้กรช่วยพยุงขึ้นมา เพราะทานอาหารหมดแล้ว จากนั้นจึงเตรียมตัวที่จะเดินทางไปโรงเรียน
พอกรรวบช้อนส้อมเข้าด้วยกันเสร็จเรียบร้อยก็ดันเก้าอี้กลับเข้าที่ พร้อมกับดึงสติของรินด้วยการจิ้มที่แก้มและตบที่ไหล่ของเธอเบาๆ รินที่ตื่นขึ้นมาก็ทำหน้าแดงแก้มป่องใส่ทั้งสองคน ก่อนที่จะออกไปรอที่หน้าประตูบ้าน
〝รีบไปรีบกลับหล่ะพ่อตัวยุ่ง!〞
〝คร้าบๆ! 〞
พอทั้งสองคนพนมมือและทักทายแม่ของกรตามมารยาท แม่ของกรก็รับไหว้แล้วก็โบกมือให้ทั้งสองคน ก่อนที่กรและรินจะเดินทางไปโรงเรียนด้วยกันเหมือนกับทุกๆวันที่ผ่านมา…
ช่วงหลังมานี้... หลังจากที่เหล่าภรรยาของฉันได้รู้ทุกอย่างและยอมรับสิ่งที่ฉันเป็นหรือเจอมา จำนวนครั้งที่ฝันร้ายก็ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดใช่ มันไม่ได้หายไปหรอก... ฉันรู้ตัวดี และสัมผัสได้ก็เพราะความกังวลยังมีอยู่นั่นแหละนะแต่ก็ต้องขอบคุณความอ่อนโยนของทุกคน มันถึงไม่ได้เลวร้ายเหมือนเมื่อก่อนเพราะมีพวกเธออยู่เคียงข้าง ฉันเลยไม่ได้กลัวจนสติแตกเหมือนเมื่อก่อนแล้วใช่... ต่อให้ฝันร้ายถึง ‘เรื่องในอดีต’ ฉันก็ไม่ได้กลัวหรือว่าเศร้าอีกแล้วเพราะงั้น... ความรู้สึกปั่นป่วนในอกนี่ จึงใกล้เคียงกับความกังวลมากกว่า กรรู้สึกชื่นชมความใจเย็นของตัวเอง มั่นใจว่าอย่างน้อยมันก็ดีขึ้นกว่าก่อนแน่ ไม่อย่างนั้น... ภาพของชายหาดที่เต็มไปด้วยซากศพรอบกายของเขา คงทำเอารู้สึกผิดจนทรมานตัวสั่นไปแล้วเป็นฝันร้ายที่ไร้รสนิยมซะจริง กรรู้สึกขนลุกจนหน้าเหยเกแม้จะรู้ว่าทั้งหมดเป็นแค่ความคิด ด้วย ‘สุดยอดการประมวลผล’ มันไม่ยากอยู่แล้วที่จะรู้ตัวขณะหลับ ...มันสุดยอดจนถึงกับรู้ด้วยซ้ำว่าอะไรเป็นสาเหตุของการฝัน ชายหาดนี้ไม่ใช่ที่ที่กรรู้จัก แต่จำนวนศพที่มากขนาดนี้ เดาได้เลยว
————สามวันต่อมา, ทวีปอีเดน - ใจกลางเมืองหลวงแอสการ์ด ใจกลางทวีปอีเดนนั้น ปกติแล้วคือสวนอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับเหล่าเทพผู้ปกครอง ซึ่งมีไว้ใช้เพื่อกำหนดทิศทางของสรวงสวรรค์หรือหมายรวมถึงโลกมนุษย์เบื้องล่าง ถนนสายหลักของตระกูลทั้งเจ็ดล้วนแล้วแต่เข้ามาบรรจบ ณ ที่สวนพฤกษานี้ เมื่อไรก็ตามที่มีหัวหน้าตระกูลมาเยือน ทางเข้าของสวนจากถนนเส้นนั้นจะมีมือขวาข้ารับใช้เฝ้าถนนเส้นนั้นไว้เป็นปกติ ...ทว่าในวันนี้กลับแตกต่างเป็นพิเศษ เพราะจำนวนข้ารับใช้ของทั้งหกตระกูลที่มานั้นมีจำนวนกว่าร้อยคน แถมทางเข้าสวนจากถนนแต่ละเส้นยังติดธงประดับตราประจำตระกูลอีก ซ้ำร้าย... ธงที่ว่ายังเป็นลักษณะเดียวกับที่ใช้ในสงคราม มันเคยถูกใช้ทั้งกับจอมมารในอดีตกาลหรือกับราชาปีศาจในปัจจุบัน นั่นแลคือสัญญาณบ่งบอกความรุนแรงของสถานการณ์ในตอนนี้ โดยเฉพาะใจกลางสวนพฤกษา ที่ตั้งของโต๊ะกลมทำจากหินอ่อนซึ่งเป็นสถานที่ประชุมของเหล่าหัวหน้าตระกูลยกเว้นกาบริเอล สีหน้าทุกคนนั้นอยู่ไม่สุข ทั้งกังวลและโกรธเกรี้ยวบ้าง สับสนบ้าง ...และสาเหตุของเรื่องนั้น ก็คือกระดาษแผ่นน
หลังจากที่อัพเดทข้อมูลกับเหล่าสหายภาคีโต๊ะจัตุรัส กรก็ต้องกลับไปแต่งชุดเพื่อเข้าพิธีรับมอบรางวัลต่อ เพราะตัวเอกของงานคือพวกกรทั้ง 4 ฝ่าย และมีเหล่าราชาจากอาณาจักรในสังกัดสภาโลกเป็นผู้มอบรางวัล นั่นหมายความว่าเหล่าภรรยาของกรที่เป็นกำลังหลักในการปราบอาร์เคมีดีสก็ต้องร่วมงานรับรางวัลด้วย ไม่สิ... ‘ดาร์คไนท์ซิริอุส’ ที่เป็นกำลังหลักนี่แหละคือตัวเอกหลักของงาน ไม่ร่วมเห็นทีคงจะไม่ได้เพราะงั้นพวกเราก็เลยได้ห้อง VIP ไว้แต่งตัว ต้องขอบคุณแอนดรูว์เลยแหละแล้วระหว่างที่รอสาว ๆ เขาแต่งองค์ทรงเครื่องกัน ฉันก็ไปอัพเดทข้อมูลรอถึงจริง ๆ จะอยู่ในห้องตอนสาว ๆ แต่งตัวได้แบบไม่เป็นไรก็เถอะ (ก็เห็นกันทุกซอกทุกมุมแล้วนี่นา)แต่ในแง่ของความรู้สึก... ขืนจ้องของสวย ๆ งาม ๆ ขนาดนั้นนานเข้า พูดตามตรงว่ามันจะของขึ้นจนไม่เป็นอันทำงานเอาน่ะสิฉันก็รู้นิสัยตัวเองดีอ่ะนะ เลยขอป้องกันไว้ก่อนดีกว่า กรอมยิ้มแห้งกับขีดจำกัดของตัวเองเหมือนทำใจ ก่อนเปิดประตูเข้าไปในห้องที่เขากับสาว ๆ เช่าพัก“อ๊ะ! กรกลับมาแล้ว!”“เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหมกร?” มีอากับรินเดินเข้ามารับกรก่อนใคร
หลังจากที่เมอร์ลินบอกว่าเครื่องเคลื่อนย้ายออกแบบเสร็จแล้ว พวกเราก็ทำตัวเอื่อยเฉื่อยกันอีกแปปนึงก่อนจะกลับบ้านพวกเราแจ้งข่าวเรื่องนี้กับทุกคน โดยเฉพาะรินกับอลิซพวกเธอดีใจเข้ามากอดแล้วก็ร้องไห้โฮใหญ่เลยแต่ก็ช่วยไม่ได้หรอก ก็จากบ้านมากตั้ง 5 เดือนแล้วนี่นาไหนจะทั้งคุณลุง คุณน้าที่รออยู่ที่บ้าน... ชีวิตประจำวันที่ผ่านมาตลอด 17 ปีมันทดแทน 5 เดือนไม่ได้หรอก (ถ้าไม่นับเรื่องที่ได้คบกันล่ะนะ)เพราะงั้นจะอยากกลับไปก็คงไม่แปลกเราเองก็เถอะ... ถึงกลับบ้านไปจะไม่มีใครอยู่แล้ว แต่มันก็ยังเต็มไปด้วยความทรงจำที่ทำให้เราเป็นอย่างทุกวันนี้เป็นสถานที่ให้กำเนิดความฝันของเรา ...และเราก็ไม่ได้รังเกียจมันอีกแล้วด้วยเพราะงั้นเราจะกลับไปให้ได้! เครื่องมือมีพร้อมหมดแล้วที่เหลือก็มีแต่การจัดแจงสถานการณ์ ให้กลับไปได้โดยที่โลกเดิมไม่มีปัญหา...แต่เรื่องนั้นแหละที่ยากที่สุด❖❖❖❖❖————สองวันต่อมา, โรงแรมเดอะกลอรี่ ณ สหพันธ์แห่งความรุ่งโรจน์ หลังจากวันหยุดของกรและครอบครัวสิ้นสุด แผนการขั้นถัดไปของภาคีโต๊ะจัตุรัสก็เสร็จสมบูรณ์ด้วย ...และก็เป็นการเริ่มแผนด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนั้น ก
“โดนแกล้งอีกแล้วอ่า!”“น่า ๆ ไม่เป็นไรนะกร”“แล้วจะโทษใครได้ล่ะหืม?” ได้ยินแฟนหนุ่มเดินบ่นกลางป่า มีอากับเมอร์ลินจึงได้ลูบหัวปลอบใจไปคนละกรุบ ...ถึงต้นเหตุจะเป็นเพราะพวกเธออยู่แล้วก็เถอะว่าแต่ นี่เดจาวูป่ะเนี่ย?ไหงรู้สึกเหมือนเรื่องคล้าย ๆ กันเพิ่งเกิดขึ้นเลย“!!!?” ระหว่างที่คิดอะไรไร้สาระอยู่ มีอากับเมอร์ลินก็เข้ามาควงแขนกรเหมือนกับตอนที่มาถึง กรเลยคิดว่า ‘โอเค ช่างมันละกัน’ แล้วหันไปสนใจกับการเที่ยวลมชมวิวกับภรรยาทั้งสองดีกว่า จากก่อนหน้านี้... หลังจากพักผ่อนในตึกกลางสำหรับติดต่อ พวกกรก็ออกเดินเท้าไปตามทางที่ทำไว้ เห็นว่าหากเดินตามทางนี้จะสามารถชมวิวได้ครบทุกแห่งและวนไปยังกระท่อมที่จองไว้ได้พอดี“กรดูสิ! มีแม่น้ำด้วย!”“ตื้นพอให้ลงไปเล่นได้ด้วยแฮะ” มีอากับเมอร์ลินดูจะสนใจแม่น้ำทางขวาที่ทั้งสามกำลังเดินเลียบผ่าน ความใสของมันทำให้เห็นดินและกรวดก้นแม่น้ำได้ แถมความสูงของมันยังแค่ครึ่งแข้งเอง เรียกว่าเหมาะกับการเล่นสุด ๆ มีอากับเมอร์ลินจึงไม่รอช้า พวกเธอถอดรองเท้าแล้วจูงมือกรลงไปในแม่น้ำ“ไปกันเถอะกร! น่า
หลังจากถ่ายรูปกันอย่างหวานแหวว เวลาก็ยังเหลืออีกนิดหน่อย พวกเราเลยจะไปเดินเล่นกันต่อ...และแน่นอน คุณรินกับอลิซก็ยังคงตามแกล้งฉันเหมือนเดิมช่างใจร้ายเหลือร้าย ตั้งแต่ในโรงหนังแล้วนะ!มาปลุกเร้ากันขนาดนี้ในสถานการณ์ที่ทำได้แค่อดทน นี่มันการทรมานประเภทไหนกันเนี่ย!?เหมือนเอาเนื้อสเต็ก A5 มาจ่อลิ้นแต่ไม่ยอมให้กินเลยนะเฮ้ย!จะทั้งชาลอตกับซาช่าที่ขยันเซอร์วิสให้ตอนช่วงเช้า หรือรินกับอลิซที่มาแกล้งกันทั้งช่วงบ่ายฉันเลยต้องกัดฟันทนน้ำตาไหลเป็นโลหิตไปจนถึงตอนกลางคืนโน่นเลย!พอถึงเวลาหม่ำ ๆ ฉันก็เลยล้างแค้นด้วยการกินพวกเธอเกือบทั้งคืนจนแทบไม่ได้หลับได้นอนทำกันยังกับเป็นกระต่ายเลยเชียวล่ะ!...ก็ พอมานึกดู ฉันอาจจะหนักมือไปหน่อยแต่พวกเธอมาแกล้งฉันก่อนนี่หว่า! จะโดนเอาคืนมันก็ไม่แปลกนี่นา!!!เหมือนที่เคยมีใครบางคนพูดไว้นั่นแหละ‘ผู้ที่จะเขมือบได้ก็มีแต่คนที่เตรียมใจจะโดนเขมือบเท่านั้น’ อื้ม ๆ! กรตื่นเช้ามาก็พยายามหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองใหญ่ทั้งที่ไม่จำเป็น แต่ก็ต้องขอบคุณศึกอันหนักหน่วงเมื่อวานด้วย ความงุ่นง่านในตัวกรเลยลดลงไปมากจนระบบความคิดปกติเริ่มกลับมาทำงาน เขา