LOGINฉันเดินออกมายืนรอที่ลานจอดรถด้วยท่าทีนิ่งขรึม กอดอกทอดสายตามองรถคันหรู ที่เคยเห็นมาเพียงครั้งหนึ่งเคลื่อนมาจอดตรงหน้าฉัน แต่ฉันยังคงยื่นนิ่งทื่อ เพราะสมองยังคิดถึงบทฉากใหม่ที่ถูกยัดเข้ามาอยู่
“ขึ้นมาสิครับ” พี่แทนเลื่อนกระจกรถลง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มนุ่มนวล หึ...คนที่ยัดฉากจูบมาให้ฉันดื้อ ๆ ยังมีหน้ายิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก
ฉันสะบัดตัวแสดงความไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะขึ้นรถของเขา
รถคันหรูเคลื่อนตัวอย่างนุ่มนวลบนถนนยามค่ำคืน แสงไฟข้างทาง สาดส่องลอดผ่านกระจกมากระทบใบหน้าเขา
ถึงฉันจะโมโหพี่แทนอยู่ แต่พอมองหน้าที่ดูเย็น ๆ นิ่ง ๆ ของเขาก็ต้องยอมรับว่าทำให้ใจสงบ หล่อราวกับฉันเอื้อมไม่ถึง ว่าแล้วก็ได้แต่อิจฉาผู้ชายชะมัด จนอยากเกิดใหม่เป็นผู้ชายไปจีบเขาบ้าง แต่ก็คงได้แต่ฝัน
พี่แทนยังคงขับรถด้วยท่าทีนิ่งสงบ ไม่พูดอะไรออกมา ส่วนฉันก็เอาแต่มองหน้าต่างฝั่งตัวเอง ทั้งที่ใจสับสนวุ่นวายไปหมด
“มิ้น...” เสียงพี่แทนทำลายความเงียบอย่างอ่อนโยน
“ว่าไงคะ” ฉันตอบกลับแต่ไม่มองหน้าเขา จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกอยากทำให้พี่แทนรู้ว่า ฉันหงุดหงิดที่เขายัดบทให้ฉันไปจูบกับผู้ชาย (คนอื่น)
“โมโหอะไรรึเปล่าครับ สีหน้าหนูไม่ดีเลย”
“ยังจะมีหน้ามาถามนะคะ พี่แทนนั่นแหละต้นเหตุ เหอะ” ฉันกอดอกมองเขา แล้วเบือนหน้าหนีไปมองข้างทางต่อ
“เรื่องฉากจูบที่พี่เพิ่มเข้าไปเหรอ”
“ค่ะ ทำไมต้องอยากให้บทมิ้นจูบกับคนอื่นด้วย”
“อืม...พี่ว่า มันไม่ใช่จูบเพื่อโรแมนติกอย่างเดียวนะ แต่มันเป็นฉากที่ทั้งสองคนยอมเปิดใจให้กัน ยอมรับกันและกันจริง ๆ หลังจากผ่านเรื่องทั้งหมดมาด้วยกันน่ะ” ขณะเขาพูด มือเขายังคงขับรถ สายตาไม่ละจากถนน
“แต่...พี่ไม่กลัวคนดูคิดเหรอคะ ว่าบทมันเกินไปหน่อย หรือไม่จำเป็นต้องยัดบทจูบมาเลยนี่นา” ฉันหันไปเลิกคิ้วมองเขา แต่ใบหน้าของพี่แทนยังคงมีท่าทีสบาย ๆ
“พี่ว่าบทที่พี่เขียน คนดูจะรู้สึกได้ว่าจูบนั้นไม่ใช่แค่จูบ แต่เป็นคำสารภาพและเชื่อมตัวละครเข้าหากัน โดยไม่ต้องใช้คำพูดไงมิ้น” เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วปรายตามองฉันแวบหนึ่ง หัวใจฉันเต้นตึกตักอย่างไม่รู้ตัว เหมือนร่างกายจะหลอมละลายเหลวเป็นน้ำ แม้จะเข้าใจนะว่านี่เป็นการคุยกันแบบ คนเขียนบทกับนักแสดง แต่เพราะเสียงเขา ท่าทางของเขา นัยน์ตาที่อ่อนโยนนั่น มันทำเอาฉันหายใจไม่ทั่วท้องเลยน่ะสิ
“อืม...ค่ะ” ฉันตอบสั้น ๆ เบือนหน้ามองข้างทางเพื่อเลี่ยงไม่ให้เขารู้ว่าฉันเขินมากแค่ไหน
รถยังคงมุ่งหน้าเพื่อกลับคอนโดฉัน แต่ในระหว่างนั้น จู่ ๆ พี่แทนก็ชะลอรถลง แล้วพูดกับฉัน
“ก่อนไปส่งมิ้น พี่ขอแวะคอนโดพี่ก่อนได้ไหมครับ เดี๋ยวพี่เปิดบทร่างฉบับจริงให้ดู มีส่วนที่พี่เขียนเพิ่มเอง ตรงฉากจูบนั้นด้วย เพื่อมิ้นจะได้ช่วยพี่ตัดสินใจฉากนั้นร่วมกัน”
“ห๊า!” ฉันหันขวับไปมองหน้าพี่แทนทันทีด้วยความตกใจ
“ตกใจทำไมครับ พี่แค่อยากให้หนูเข้าใจน้ำหนักของฉากนี้จริง ๆ จะได้เล่นให้ลึกขึ้นไงได้ไหมครับ” พอเห็นพี่แทนยิ้มอย่างใจเย็น ฉันก็ไม่กล้าปฏิเสธหรอก แม้จะรู้สึกแปลก ๆ ก็เถอะ
คอนโดพี่แทนอยู่ในย่านหรูใจกลางเมือง ไม่ได้ห่างจากคอนโดฉันมากนัก แต่ที่นี่น่าจะแพงกว่าคอนโดฉันพอสมควรแหละ เขาพาฉันมาที่ห้องของเขา เรียบแต่เท่ โทนสีห้องเป็นขาวเทา ให้ความรู้สึกสะอาดและเย็นนิ่ง เอาจริงก็ดูสื่อถึงบุคลิกพี่แทนและขนาดห้องมันใหญ่ ราวกับบ้านหลังหนึ่งเลยล่ะ ไม่สินี่มันน่าจะเรียกว่า ‘เพนท์เฮ้าส์’ มากกว่าด้วยซ้ำ แต่มันก็สมกับฐานะเขาดีแหละ
“นั่งก่อนครับ เดี๋ยวพี่ไปรินน้ำให้”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ มิ้นเดินไปเอาเองได้ค่ะ”
“ก็ได้ครับ งั้นมิ้นรินน้ำเผื่อพี่แก้วหนึ่งทีครับ เดี๋ยวพี่เปิดไฟล์ให้ดู” เขาวางโน้ตบุ๊คบนโต๊ะกระจกก่อนจะหยิบแว่นตากรอบเงินมาสวมเพื่อหาไฟล์นั้น
ส่วนฉันเดินไปห้องครัวด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ ความรู้สึกเหมือนได้เข้ามาในโลกอีกใบที่ฉันไม่คุ้นเคย และไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไง
แต่มาคิด ๆ ดูแล้วนึกว่าบทร่างจะเป็นกระดาษซะอีก เพราะถึงขั้นแวะมาเอาที่คอนโด แต่นี่ไฟล์อยู่ในคอมนี่นา จริง ๆ ค่อยส่งอีเมลให้กันก็ได้ไม่ใช่เหรอ งงกับเขาจริง ๆ แฮะ
“น้ำมาแล้วค่ะพี่” ฉันวางแก้วน้ำลงไปบนโต๊ะกระจกใกล้ ๆ เขา ก่อนที่ฉันเองจะจิบน้ำไปอึกหนึ่งเหมือนกัน
“ขอบคุณครับ” เขาเงยหน้าพลางขยับแว่นกรอบเงินมองฉัน ให้ตายเถอะ หล่อโคตรพ่อโคตรแม่ ยัยมิ้นคนนี้แทบจะสำลักความหล่อตาย
“ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่เจอรึยังคะ เดี๋ยวมันจะมืดค่ำเกินไปนะคะ”
“ทำไมล่ะ มืดเกินไปก็ค้างที่นี่เลยสิ”
“แหม...พี่แทนพูดแบบนี้ อย่าเล่นกับระบบนะคะ ถึงพี่แทนจะเป็นเกย์ไม่คิดอะไรกับมิ้น แต่มิ้นไม่ติดที่พี่เป็นเกย์นะคะ ฮ่า...” ฉันดันพูดอะไรไม่คิด พี่แทนมีสีหน้านิ่งขรึมอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาฉันต้องรีบพูดแก้ประโยคเมื่อกี้ทันควัน
“มิ้นล้อเล่นค่ะล้อเล่น พี่แทนอย่าใส่ใจคำพูดมิ้นเลยค่ะ ไหนคะบทร่าง รีบ ๆ อ่านกันดีกว่าค่ะ”
“นี่ครับ ลองอ่านตรงนี้ดู” เขาเลื่อนจอโน้ตบุ๊คมาทางฉัน ก่อนที่ฉันจะรีบก้มหน้าไปอ่าน แต่ตอนนี้ฉันอ่านไม่เข้าใจหรอก หัวใจเต้นโครมครามขนาดนี้
‘ตั้งสติหน่อยสิวะ ยัยมิ้น’
ฉันใช้เวลาจัดการความคิดชั่วครู่ จากนั้นก็สนใจบทสนทนาตอนท้ายของละครมีคำว่า พระเอกโน้มตัวเข้าหารุ้ง(วัยสาว) อย่างช้า ๆ และตามด้วยคำว่าจูบ โดยมีเครื่องหมายวงเล็บไว้พร้อมคำบรรยายถึงอารมณ์และเจตนาที่ใส่บทนี้ขึ้นมากะทันหัน
เอาจริงพอมาอ่านรวม ๆ บทที่แก้ใหม่นี้ มันสมบูรณ์กว่าบทเดิมจริง ๆ และบทจูบนี้ดูไม่ได้จงใจยัดเยียดเหมือนที่ฉันคิดตอนแรก ‘พี่แทนเป็นนักเขียนบทที่เก่งจริง ๆ’
“สุดยอดเลยค่ะ บทดูลึกกว่าที่คิดไว้จริง ๆ ด้วย” ฉันหันไปมองพี่แทนด้วยแววตาชื่นชม ซึ่งเขาก็ยิ้มตอบฉันอย่างเคย
“ตอนพี่นั่งแก้ พี่เองก็กังวลว่ามิ้นจะยอมเล่นฉากนี้ให้พี่รึเปล่า พี่ทำใจไว้แล้ว ถ้ามิ้นปฏิเสธพี่ก็จะกลับไปใช้บทเดิม” เขาเอนตัวพิงพนักโซฟาเล็กน้อย แสดงท่าทีกังวลออกมาเล็ก ๆ นั่นจึงทำให้ฉันรู้สึกผิดหน่อย ๆ เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าตำแหน่งไหนเขาก็พยายามกันทั้งนั้น ฉากจูบนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป ฉันเองก็เป็นนักแสดงนี่นา มันก็ไม่เกินความสามารถหรอก
“ไม่ต้องห่วงค่ะพี่แทนมิ้นแสดงได้ ระดับมิ้นทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว เชื่อมือมิ้นเลยค่ะ” ฉันหันไปยิ้มให้เขา
“งั้นมิ้น ลองอ่านบทตรงนี้สิ มิ้นเป็นรุ้ง เดี๋ยวพี่จะรับบทเป็นธีร์ เรามาซ้อมกันเฉย ๆ ดู เผื่อพี่จะได้ปรับบทให้เข้ากับมิ้นอีกนิด” เขาขยับเข้ามานั่งใกล้ ๆ ฉัน ด้วยท่าทีสบาย ๆ แต่ฉันสิดูเหมือนจะไม่สบายเองซะแล้ว มือนี่เย็นเฉียบ
“ตะ...ตอนนี้เลยเหรอคะ?” ฉันเบิกตาโพลงมองเขา
“ทำไมล่ะ กลัวพี่เหรอครับ?”
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่แบบนั้นค่ะพี่” ฉันรีบปฏิเสธ ก่อนจะยกมือกุมอก หายใจเข้าลึก ๆ เปิดโหมดนักแสดงมืออาชีพพร้อมกับแววตาที่เปลี่ยนไป
เราพูดต่อบทใส่กันไปมา พี่แทนเองก็เข้าถึงบทมากราวกับเขาเป็นธีร์จริง ๆ จนถึงช่วงที่อารมณ์ของตัวละครเริ่มพุ่งขึ้น ฉันรู้สึกว่าพี่แทนเปลี่ยนแววตา มองฉันนิ่ง ๆ ก่อนจะโน้มตัวเข้ามาช้า ๆ ฉันเบิกตากว้าง เหมือนทุกอย่างชะงักหยุดการเคลื่อนไหว
“ขอโทษครับ ถ้าหนูไม่โอเค ก็พอตรงนี้ก็ได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงโอนอ่อน แต่แทนที่ฉันจะหยุดบทเพียงเท่านี้ ฉันดันพยักหน้ารับเบา ๆ แล้วหลับตาพร้อมรับฉากต่อไป
ริมฝีปากเขาแตะลงมาเบา ๆ อย่างอ่อนโยน แต่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่ทำให้ฉันสั่นสะท้านไปทั้งตัว ทั้งที่มันเป็นจูบธรรมดาจากการซ้อมบท แต่หัวใจฉันกลับรู้สึกเหมือนมันจะระเบิดอยู่แล้ว ทำเอาฉันหยุดไม่ได้ เผลอรุกกลับ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าจับต้นคอเขาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ มือเขาสัมผัสกับแก้มฉันอย่างแผ่วเบา แล้วเปลี่ยนมารั้งเอวฉันให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ลมหายใจร้อนรดผ่าวใส่กัน มันควรจะต้องหยุดจูบแล้ว แต่ทำไมทั้งฉันและเขาถึงไม่หยุดกันสักที จนกระทั่ง...
“อื้ม...” พี่แทนถอนริมฝีปากอย่างช้า ๆ แล้วยิ้มบาง ๆ พร้อมพูดประโยคที่ฉันแทบอยากมุดหน้าหนี “หนูดูอินกับบทมากเลยนะครับ”
ฉันกะพริบตาถี่ ๆ แล้วรีบผละออกจากเขา
“ขะ...ขอโทษค่ะ หนู...หนูนึกว่า....เอ่อ”
“ไม่เป็นไรครับ ฮ่า...” เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน “เล่นได้ดีมากครับ อินถึงอารมณ์เลย แบบนี้พี่ยิ่งดีใจที่ได้เห็น และสัมผัสบทที่ตัวเองเขียนอย่างลึกซึ้งแบบนี้” เขาพูดออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ และนัยน์ตาที่อ่อนโยนเช่นเคย
แต่ฉันกลับ...หัวใจแรงจนกลัวเขาจะได้ยิน เขาอาจไม่ได้คิดอะไร ก็เพราะเขาเป็นเกย์นี่นา แต่กับฉันมันไม่เหมือนกันฉันเป็นผู้หญิงก็จริง แต่ฉันก็ชอบเกย์อย่างเขา
‘ริมฝีปาก...รสจูบ...ลมหายใจของเขา’
ฉันชอบมันหมดเลยนะสิ
โอ๊ย! ฉันควรกลับแล้ว ก่อนที่ตัวเองจะเผลอคิดอะไรไปมากกว่านี้
“ขอบคุณมากค่ะ ที่ช่วยซ้อมบทนี้ให้มิ้น เอาเป็นว่าพี่แทนรีบกลับไปส่งมิ้นคอนโดดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะดึกเกินไป พรุ่งนี้ต้องถ่ายแล้วด้วย มิ้นอยากกลับไปพักผ่อนเพื่อปรับอารมณ์สำหรับบทนี้ค่ะ”
“โอเคครับ” เขายิ้มให้ ส่วนฉันรีบหมุนตัวหยิบกระเป๋า เดินเร็วออกจากห้องเหมือนคนไฟลนตูด เดินนำสับไปก่อน...
ภายในรถ ฉันแทบไม่หันไปคุยอะไร แล้วพี่แทนก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน เขาคงเห็นอาการของฉันนั่นแหละ เอาเถอะมันเก็บอาการประหม่าไม่มิดอยู่แล้ว ถึงจะแค่ซ้อมบทแต่ก็จูบกันจริง ๆ นะแก ฉันก็สตรีร้างรังคนหนึ่ง มันก็ต้องรู้สึกวูบวาบเป็นธรรมดา
เมื่อรถมาจอดถึงคอนโด ฉันก็รีบลงจากรถไม่รอให้เขาเดินมาส่งด้วยซ้ำ ก่อนจะยืนโบกมือแล้วหันกลับเดินเข้าคอนโดไปเลย ได้แต่ภาวนาว่า พี่แทนจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับท่าทีไร้มารยาทของฉันในวันนี้ล่ะนะ เพราะมันคุมอาการไม่อยู่จริง ๆ
ห้องรับรองหลังฉากในสตูดิโอรายการ ‘4 แซ่บบันเทิง’ แม้จะเย็นฉ่ำจากแอร์ แต่มันก็ไม่สามารถดับความประหม่าในใจฉันได้เลยสักนิด“พี่...แน่ใจเหรอ ว่าเราควรมานั่งให้สัมภาษณ์แบบนี้ มันจะไม่โหนกระแสไปหน่อยเหรอคะ” ฉันหันไปกระซิบถามพี่แทนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลางจับมือเขาแน่นจนชื้นเหงื่อ“แน่ใจสิครับ ไหน ๆ ก็เปิดตัวแล้ว เราก็ควรจะไปให้สุด” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างใจเย็นใจ ฉันพ่นลมหายใจยาวใช้หลังมืออีกข้างแตะหน้าผากตัวเองเบา ๆ ได้แต่ภาวนาให้ฉันอย่าหลุดพูดอะไรแปลก ๆ เลยเถอะ“อีกสิบนาที เตรียมตัวนะคะ” หนึ่งในทีมงานเดินเข้ามาแจ้ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเกร็งนะคะคุณมิ้น แฟน ๆ ตอนนี้ยอดคนดูรอแล้วกว่าแสนคน” ฉันพยักหน้ารับ ขณะที่พี่แทนหันมากระซิบข้างหูกันเบา ๆ“ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่อยู่ตรงนี้ตลอด” แม้หัวใจฉันจะเต้นแรง แต่เพียงเขาพูดแค่นี้ก็ทำให้ฉันสงบลงได้ ใช่...ต่อจากนี้เราจะไม่ต้องแอบ ไม่ต้องหลบ และปิดบังอีกต่อไป(หน้าฉากสตูดิโอ รายการ 4 แซ่บบันเทิง)“ว้าว...ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้นั่งสัมภาษณ์สองคนนี้ในฐานะ ‘คู่รัก’ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับความรักครั้งนี้ด้วยนะคะ คุณแทนและคุณมิ้น”
นาฬิกาชีวิตปลุกให้ฉันตื่นขึ้นอัตโนมัติ กิจกรรมร่วมรักบนเตียงเมื่อคืนส่งผลให้ความปวดร้าว หนักหน่วงคืบคลานไปทั่วร่างแม้จะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ฉันก็ยังขยับตัวลำบาก เนื่องจากสองแขนแกร่งของคนนอนข้างกายยังคงรัดแน่นไม่ยอมปล่อยราวกับกลัวว่าฉันจะหนีหายไปพี่แทนยังคงหลับสนิท ฉันหันไปจ้องหน้าเขาชัด ๆ ยิ่งมองยิ่งรู้สึก...หล่อจนใจสั่น ไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่หัวใจที่เขามอบให้ฉันก็รับรู้ได้ทั้งหมดเขานอนตะแคงหันหน้ามาทางฉัน มือหนึ่งยังพาดอยู่บนเอวฉัน“โธ่เอ้ย...พอหลับแล้วไม่เห็นจะดูเจ้าเล่ห์เลยนะ” ฉันยิ้มพึมพำเบา ๆ ขณะใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าหล่อเขาให้เห็นเด่นชัดฉันเอี้ยวตัวอย่างเบามือ ให้ตัวแนบชิดกับเขามากกว่าเดิม ซบหน้าลงกับอกแกร่งฟังเสียงหัวใจของเขาที่ยังเต้นแรงอยู่“เมื่อวานที่หนูบอกว่า...ไม่อยากแพ้พี่” ฉันกระซิบเบา ๆ กับตัวเอง “ไม่ใช่เพราะหนูอยากเอาชนะ” ฉันยิ้มพลางขยับใบหน้าเบา ๆ เพื่อรับไออุ่นมากขึ้น “แต่หนูอยากให้พี่เห็นว่า หนูก็พร้อมมอบความรักให้พี่เช่นกันค่ะ”เขาขยับตัวเล็กน้อย มือที่กอดฉันไว้กระชับแน่นขึ้น ทำฉันสะดุ้งจนกระตุกวูบ“แกล้งหลับอยู่ใช่ไหมคะ...” ฉันแหงนหน้ามอ
ฉันยังชันเข่าอยู่ตรงหน้าเขาแบบนั้น แต่อารมณ์ในตอนนี้ไม่ใช่แค่นั่งเฉย ๆ อีกต่อไป สองเราลูบไล้และทอดนัยน์ตายั่วยวนกันและกัน โดยไม่มีใครยอมใครมือฉันแนบอยู่บนอกแกร่ง มือเขาแนบอยู่ที่แผ่นหลังฉัน พลางไล้นิ้วไปตามสันหลังก่อนจะหยุดตรงกลางหลังแล้วพยายามเร่งโน้มตัวฉันลงไปอีก แต่ฉันไม่ยอมหรอก“จะรีบร้อนทำไมคะ” ฉันกระซิบแหบพร่า พร้อมกดมือบนอกแกร่งเขาเบา ๆ จงใจถ่วงเวลาไว้พี่แทนยิ้มแฝงด้วยจิตวิญญาณนักล่าที่รู้ว่าคนตรงข้ามอย่างฉันกำลังเล่นเกมด้วยความรู้สึกเดียวกัน“ไม่ได้รีบร้อน แค่รู้สึกว่าถ้าพี่ปล่อยให้หนูคุมเกมมากกว่านี้ พี่อาจจะหมดแรงก่อนได้เริ่มจริง”“แปลว่าเริ่มกลัวหนูแล้วสินะ”“ไม่ได้กลัว...แค่ไม่ประมาทครับ” ฉันยกยิ้มมุมปากโน้มใบหน้าเข้าใกล้ใช้เรียวลิ้นร้อนไล้เลียไปตามแนวหลังใบหู สันกรามเบา ๆ ขณะที่มือฉันเริ่มเคลื่อนไปตามอารมณ์สอดเข้าในเรือนผมของเขาพลางขยุ้มเบา ๆเขาชะงักเล็กน้อยกับสัมผัสบางเบานี้“ถ้าเล่นแรงแบบนี้ พี่คงต้องเอาจริงแล้วนะครับ” ฉันยิ้มมุมปาก ขณะใช้มืออีกข้างลูบไปตามแนวแขนแกร่งเขา“ก็รออยู่นี่ไงคะ จะเอายังไงก็เชิญ พร้อมรับแรงกระแทกเสมอ” สิ้นคำสิ่งที่เขาตอบกลับมาคือการกดจูบอีก
“โอเคครับ กล้องพร้อม! ไฟพร้อม! แอคชั่น!” เสียงผู้กำกับดังขึ้นท่ามกลางกองถ่ายบ้านหรูปลีกวิเวกที่แสนสงบ เราสวมชุดนักแสดงเต็มยศ ฉันอยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีฟ้าอ่อน พี่แทนอยู่ในชุดเชิ้ตขาวพับแขนกับกางเกงสแล็คเข้ารูปบรรกาศโดยรอบเงียบลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ของตน...ฉากที่เรากำลังจะถ่ายกันคือ ‘ฉากจูบแรก’ ของพระเอกและนางเอกในละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวละครหลัก โดยก่อนหน้านี้มีแต่การปะทะอารมณ์และเข้าใจผิดมาโดยตลอด ‘ในการถ่ายทำชื่อตัวละครในเรื่อง คือชื่อพวกเราเลย แต่ในเมื่อคนเขียนบทอย่างพี่แทนเขียนมาแบบนั้น ฉันก็เออออไปตามนั้นแหละ’และตอนนี้ พี่แทนกำลังจะจูบฉัน“มิ้น...” เสียงเขาเรียกเบา ๆ ขณะยืนห่างฉันไม่ถึงฝ่ามือ นัยน์ตามีความลังเลปนกับความรู้สึกบางอย่าง“มิ้นรู้ไหม ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน พี่ไม่เคยหันไปมองใครอีกเลย” บทละครบอกให้ฉันต้องนิ่ง น้ำตาคลอ ตัวสั่นนิด ๆ และปล่อยให้เขาโน้มตัวเข้ามาช้า ๆ ฉันทำตามบททุกอย่างอย่างมืออาชีพ และที่สำคัญฉันใส่หัวใจตัวเองลงไปเล่นด้วยริมฝีปากของพี่แทนเคลื่อนเข้ามาใกล้ ใกล้จนฉันได้กลิ่นหอมจาง ๆ จา
หลังกลับมาจากการพักผ่อน ชีวิตนักแสดงสาวก็เข้าสู่วังวนการทำงานที่คุ้นเคย ตอนนี้ชื่อเสียงของฉันทวีคูณมากขึ้น ตั้งแต่ฉันเปิดใจว่าจะรับบท ‘นางเอก’ ก็มีผู้ผลิตละครหลายเจ้ายื่นเสนอมาให้พิจารณาบทเป็นกอง แต่...เรื่องพวกนั้นเอาไว้ทีหลังก่อน เพราะการกลับมาเล่นบทนำในครั้งนี้ ยังไงซะฉันก็ตัดสินใจจะเล่นให้กับละครที่แฟนของฉันเขียนขึ้นมาก่อนวันนี้เป็นวันแถลงข่าวเปิดตัวนักแสดงนำของละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง อย่างเป็นทางการ ฉันมาในชุดเดรสสีดำ ผมชมพูฟาร่าลอนสวย ชนิดที่เดินผ่านคนไหนก็ต้องเหลียวหันมามอง อาจเป็นเพราะก่อนหน้าฉันรับแต่บทตัวประกอบเวลามีงานแถลงข่าวก็ไม่ได้ถูกเชิญขึ้น“พี่กรีน พี่พอรู้รึเปล่าว่าเรื่องนี้ ใครรับบทพระเอก” ฉันหันไปถามผู้จัดการส่วนตัว เอาจริงนะ ฉันไม่รู้อะไรเลยว่าใครแสดงบ้าง บทจริงยังไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่เพราะมั่นใจในตัวพี่แทน ฉันเลยไม่ได้ซีเรียสอะไร“ไม่รู้สิ ผู้ผลิตเขาไม่ได้แจ้งอะไรเพิ่มเติมมาเลย ลึกลับมาก”“งั้นเหรอคะ” ฉันเลิกคิ้ว แต่สุดท้ายก็เลิกที่จะสนใจมันไปไม่นานนัก มีทีมงานเรียกให้ฉันเตรียมพร้อมรอขึ้นเวทีอยู่ด้านข้าง“เรียนสื่อมวลชนทุกท่าน กรุณาเตรียมกล้องให้พร้อมนะครับ เ
เสียงนกร้องเบา ๆ จากยอดไม้ข้างนอกดังลอดเข้ามาในเต็นท์ ทำให้เปลือกตาฉันที่หลับสนิทค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา วินาทีแรกที่ได้กลิ่นไอดินปะปนกับกลิ่นหญ้าเปียกหลังฝนจางเมื่อคืนที่ผ่านมา ความสดชื่นก็แผ่ไปทั่วร่างร่างฉันยังซุกแนบอยู่ในอ้อมกอดพี่แทน ใบหน้าแนบชิดกับอกแกร่งอย่างเคยใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาที่รินรดบนหัว เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกได้ว่าหลับสนิทมากเพียงใดฉันขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่กล้าเปลี่ยนท่าทางมาก เพราะกลัวจะรบกวนการนอนของเขา แต่ก็ได้แค่คิด...“หนาวเหรอ?” เสียงทุ้มงัวเงียกระซิบชิดข้างหูฉัน ฉันเงียบไปอึดใจก่อนจะส่ายหน้าเล็ก ๆ แล้วตอบกลับเบา ๆ“เปล่าค่ะ...แค่ยังไม่ชินปกตินอนคนเดียวมาตลอด” พี่แทนขยับตัวเล็กน้อยสองแขนกอดรัดฉันแน่นขึ้น“ก็ทำให้ชินสิครับ” เขาขยับหัวมาแนบแก้มนุ่มฉัน ริมฝีปากแตะหน้าผากอย่างแผ่วเบาก่อนพึมพำต่อ “ถ้าเราตื่นมาแบบนี้พร้อมกันทุกวันก็ได้นะ ถ้าหนูไม่เบื่อ”ฉันยิ้มมองใบหน้าคมที่ปรือตามองฉันเพราะเพิ่งตื่นนอน“หนูไม่เบื่อหรอกค่ะ แต่กลัวว่าจะเป็นพี่มากกว่าที่เบื่อก่อนหนูก็ได้” ฉันพูดจบเขาก็ลากนิ้วไล้กรอบหน้า ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากฉัน“ทั้งที่เพิ่







