LOGINกลุ่มคนของต้วนมู่ชิงต่างเฝ้ารออยู่นอกโรงแรม พวกเขาหาอะไรง่าย ๆ กินระหว่างรอให้ถึงกลางดึก หัวหน้ากลุ่มส่งลูกน้องไปตามหาที่จอดรถของซูเมี่ยวจินก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาจึงไม่ได้รีบร้อนที่จะลงมือ
ทหารสองนายที่เฝ้ารถอยู่กินอาหารเสร็จก็คอยอยู่ที่รถอย่างระมัดระวัง พวกเขาเตรียมอาวุธประจำกายไว้ให้พร้อมตามที่ซ่งเซียวกำชับไว้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคนร้ายมีอาวุธจริงหรือไม่ก็ตาม การปกป้องรถคันนี้ก็เป็นหน้าที่ของพวกเขา
กลางดึกคืนนั้น ซ่งเซียวกับทหารอีกนายที่พักผ่อนก่อนหน้านี้ลงมาเปลี่ยนเวรยามตามที่นัดหมายเอาไว้ ซูเมี่ยวจินเห็นว่าฉางเล่ยหลับลึกแล้ว เธอจึงยกแขนของเขาออกจากเอวเบา ๆ เมื่อมองแล้วว่าฉางเล่ยคงไม่ตื่นขึ้นมาในเร็ว ๆ นี้ เธอก็รีบเปลี่ยนชุดพร้อมนำหน้าไม้และลูกดอกจำนวนมากออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
กลุ่มคนของต้วนมู่ชิงเองก็พากันไปซุ่มอยู่ในที่จอดรถได้พักใหญ่แล้ว พวกเขารอคอยให้ถึงเวลาสับเปลี่ยนเวรอย่างใจจดใจจ่อ เพราะรู้ดีว่าระหว่างการสับเปลี่ยนเวรคนพวกนั้นคงไม่ทันระวังตัว อาวุธปืนในมือของพวกเขาเตรียมพ
ตุลาคม 1990ในที่สุดบริษัทของฉางเต๋อเป่าก็ได้ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ หลังจากที่เขาส่งแผนงานให้กับซูเมี่ยวจินเพื่อพิจารณาอนุมัติเงินทุนก้อนแรกเมื่อสองเดือนก่อน เขาที่ยุ่งอยู่กับการเรียนมีบอดี้การ์ดคนสนิทอย่างปาไจ๋กับไคหลงคอยช่วยเรื่องการก่อตั้งบริษัทมาตลอด ผู้จัดการที่ฉางเต๋อเป่ารับมาก็เป็นเขาที่คัดเลือกมาด้วยตัวเอง คนคนนี้คือผู้เชี่ยวชาญที่อาจารย์ของเขาแนะนำมา ถึงแม้ตอนแรกผู้จัดการชราคนนี้จะไม่มั่นใจในความสามารถของฉางเต๋อเป่า แต่พอได้พูดคุยกันถึงแนวทางของบริษัทที่ฉางเต๋อเป่าต้องการ เขาก็รู้สึกว่าอยากทำงานกับเด็กคนนี้เข้าจริง ๆ อย่ามองว่าฉางเต๋อเป่าอายุยังน้อยแล้วจะไม่รู้อะไร เพราะฉางเต๋อเป่ามองเห็นปัญหาหลายอย่างที่ตัวเขาเองละเลยไปได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งเขายังเห็นความมุ่งมั่นในแววตาของฉางเต๋อเป่าซึ่งไม่ต่างจากผู้ใหญ่ที่คร่ำหวอดในวงการธุรกิจมานานหลายปีด้วยเงินทุนก้อนแรกที่ซูเมี่ยวจินมอบให้ฉางเต๋อเป่าคือหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์ เธอรู้ดีว่าเต๋อเป่าเทคโนโลยีต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อทรัพยากรในก
ฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจินพักผ่อนอยู่บ้านนานถึงสามวัน ก่อนที่ซูเมี่ยวจินจะบอกให้ฉางเล่ยไปทำงานเสียที เธอกลัวว่าที่บริษัทจะเกิดปัญหา“เฮ้อ ผมไปก็ได้ครับ แต่คุณต้องพักผ่อนอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายดีนะครับ” ฉางเล่ยจำใจต้องแยกกับภรรยาวันนี้“ฉันรู้แล้วค่ะ คุณอย่ากังวลไปเลยน่า” ซูเมี่ยวจินตอบอย่างระอาหลังทานมื้อเช้าที่พ่อครัวทำให้เสร็จ ฉางเล่ยก็ออกไปทำงานกับซวงหลินและเป่ยตี้ ซูเมี่ยวจินเดินกลับเข้าไปนั่งเล่นในห้องรับแขก เธอว่างจัดจนไม่รู้จะทำอะไรดี พอคิดว่าจะไปตัดหินดิบฆ่าเวลา เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอกลับดังขึ้นตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด“สวัสดีค่ะ” ซูเมี่ยวจินรับสายด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา เธอไม่รู้ว่าใครโทรมาแต่เช้า“คุณซูครับ นายท่านผู้เฒ่าชุ่ยป่วยหนัก ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลครับ” ชุ่ยฟ่านโทรบอกข่าวกับซูเมี่ยวจินตามคำสั่งของชุ่ยถง“อะไรนะคะ!
“ถ้าไม่อยากตายก็หยุดมือซะ!” ต้วนมู่ชิงตะโกนบอกซูเมี่ยวจินเสียงดัง“ฮึ! กระจอก เก่งแต่ใช้อาวุธสินะแกน่ะ” ซูเมี่ยวจินกล่าวอย่างดูถูก“นังสารเลวเอ้ย!” ต้วนมู่ชิงอยากยิงกรอกปากซูเมี่ยวจินให้รู้แล้วรู้รอด เพียงแต่มันไม่อยากให้เธอตายเร็วเกินไปนัก“ไอ้สวะ! แน่จริงก็เข้ามาตัวต่อตัวกับฉันสิ” ซูเมี่ยวจินมองอย่างท้าทาย“พวกแกมัวทำอะไรกันอยู่!!! รีบจัดการมันให้ฉันสิวะ” ต้วนมู่ชิงตะโกนบอกลูกน้องที่นอนโอดครวญอยู่อย่างโมโห“ครับ ๆ” เหล่าลิ่วล้อรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้ร่างกายของพวกมันต่างบอบช้ำกันไปหมดแล้ว ใครจะคิดบ้างล่ะว่าผู้หญิงสูงโปร่งคนนี้จะมีเรี่ยวแรงอย่างกับช้างสารตัวหนึ่งซูเมี่ยวจินแสยะยิ้มร้ายออกมาทันที เมื่อเธอเห็นคนร้ายพุ่งเข้ามาหาอีกครั้ง เสียงการต่อสู้ก็ดังขึ้นไปทั่วบริเวณเหล่าบอดี้การ์ดท
กลุ่มคนร้ายเห็นว่าทางนี้ไม่ค่อยมีรถผ่านไปมา พวกมันรีบขับรถแซงขึ้นไปปาดหน้าจนทำให้รถของซูเมี่ยวจินเสียหลักและหยุดลงกลางถนนเอี๊ยด!!! ปัง! ปัง! ปัง!“หลบเร็ว!!!” ซูเมี่ยวจินตะโกนบอกบอดี้การ์ดทั้งสองที่อยู่ด้านหน้าทันทีฟุ่บ! แกร๊ก! ปัง! ปัง!บอดี้การ์ดทั้งสองคู้ตัวลงไปให้ต่ำที่สุดและยกมือที่ปลดล็อกปืนขึ้นไปยิงสวนกับคนร้ายอย่างไม่กลัวว่าจะบาดเจ็บ“พวกคุณรีบลงจากรถก่อน อย่าให้ตัวเองบาดเจ็บ ฉันจะล่อพวกมันไปทางอื่น”ซูเมี่ยวจินสั่งอย่างรวดเร็ว เธอดูวิถีกระสุนของคนร้ายแล้วไม่เหมือนว่าพวกมันต้องการจะเอาชีวิตเธอเลยสักนิด ซูเมี่ยวจินจึงสันนิษฐานว่าคนร้ายคงต้องการจับตัวเธอไปมากกว่า เธอเองก็อยากรู้ว่ารังของพวกมันอยู่ที่ไหนเช่นกัน ซูเมี่ยวจินจึงคิดจะใช้ตัวเองเป็นตัวล่อ เพื่อให้คนของเธอตามไปถล่มพวกมันทีหลัง“นายหญิงระวังตัวด้วยนะครับ พวกเราจะไม่ปล่อยให้นา
หลังจากหลายปีผ่านมา ตระกูลต้วนที่ไม่มีต้วนมู่ชิงนั้นแทบจะไม่สามารถก้าวหน้าขึ้นมาอยู่ในกลุ่มยี่สิบตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงได้เลย พวกเขาได้แต่หลบซ่อนตัวเพื่อรอคอยต้วนมู่ชิงที่ถูกจับเมื่อปีนั้น จากเหตุการณ์ยิงต่อสู้กับซูเมี่ยวจินจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอดธุรกิจของตระกูลต้วนจากที่เคยมีทั้งบนดินและใต้ดินก็กลายเป็นมีใต้ดินอย่างเดียวแล้ว เพราะพวกเขาไม่สามารถแข่งขันกับตระกูลอื่น ๆ ได้ พวกเขาทำได้แค่ประคองธุรกิจสีเทาให้คงอยู่เท่านั้นขบวนรถหรูพร้อมกำลังคนกว่าสามสิบคนมาที่หน้าเรือนจำอย่างเอิกเกริก เมื่อต้วนมู่ชิงเดินออกมาพร้อมกระเป๋าใบหนึ่ง เสียงแสดงความเคารพก็ดังกังวานไปทั่วบริเวณทันที“ยินดีต้อนรับนายท่านกลับบ้านครับ” ลิ่วล้อทั้งหลายที่มาเสนอหน้าวันนี้ตะโกนกันอย่างไม่กลัวเกรงว่าเจ้าหน้าที่จะจับพวกเขาไปขัง“อืม… กลับไปคุยกันก่อน” ต้วนมู่ชิงโยนกระเป๋าให้หนึ่งในคนที่มารับเขา“เชิญนายท่านขึ้นรถครับ” ลู
งานเลี้ยงปีใหม่ที่ตระกูลฉางจัดในปีนี้สร้างความแปลกใหม่ให้กับทั้งสี่ตระกูลเป็นอย่างมาก รูปแบบงานจัดออกมาได้อย่างลงตัว อีกทั้งเด็ก ๆ ที่มาร่วมงานต่างได้เล่นเครื่องเล่นในสนามเด็กเล่นของตระกูลฉางอย่างสนุกสนานด้วย“คุณฉาง ได้ข่าวว่าลูกชายคุณไปเรียนต่อต่างประเทศเหรอครับ ไม่ทราบที่นั่นการเรียนการสอนเป็นอย่างไรบ้างครับ” โจวหนานเซิงสนใจที่จะให้ลูกหลานไปเรียนจึงได้ลองถามกับฉางเล่ยขณะที่พวกเขายืนคุยกันอยู่ในสวน“เต๋อเป่าบอกว่าที่นั่นเรียนหนักกว่าที่นี่ครับ และส่วนใหญ่การสอนจะเป็นแบบเจาะลึก เน้นความเข้าใจมากกว่าการท่องจำครับ” ฉางเล่ยบอกเท่าที่ลูกชายส่งอีเมล์มาเล่าให้เขากับภรรยาฟัง“อ่า… แบบนี้ถ้าจะส่งลูกหลานไปเรียนก็คงต้องเตรียมตัวให้ดีสินะครับ” ชุ่ยถงพูด“คงต้องอย่างนั้นครับ เรื่องภาษาก็สำคัญเช่นกัน ถ้าอยากไปจริง ๆ ก็ให้เต๋อเป่าช่วยติดต่อหาที่เรียนให้ก็ได้นะครับ ยังไงเขาก็อยู่ที่นั่นอยู่แล้ว” ฉางเล่ยยิ้มบอก