หลายวันต่อมา หลังจากทางการนำประกาศห้ามขึ้นภูเขามาติดไว้ลานกลางหมู่บ้าน มีชาวบ้านหลายคนออกมาประท้วงเนื่องจากหลายครอบครัวมีฐานะยากจน อยู่ได้ด้วยการหาของป่า ทว่าผู้นำหมู่บ้านซึ่งได้รับมอบหมายจากทางการก็ไม่ทำให้ผิดหวัง รับหน้าที่ในการแจ้งข่าวและลงชื่อแจกจ่ายเบี้ยเลี้ยงสำหรับทุกครัวเรือน ครัวละ 50 เหรียญทองแดง ซึ่งเป็นจำนวนที่เยอะมากสำหรับครอบครัวชาวบ้านทั่วไป เงินจำนวนนี้หากใช้อย่างประหยัด ครอบครัวหนึ่งสามารถอยู่ได้หลายเดือนเลยทีเดียว นับว่าท่านเจ้าหน้าที่ทางการมีเมตตายิ่งที่แจกจ่ายเงินจำนวนนี้ให้กับหมู่บ้านบริเวณรอบๆภูเขาทุกครัวเรือนอย่างไม่มีตกหล่น สถานการณ์จึงคลี่คลายลงได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยเงินจำนวนไม่น้อยนี้ บางครอบครับจึงรีบมุ่งหน้าซื้อของที่ตลาดมากักตุนเอาไว้ เนื่องจากไม่อยากถือเป็นเหรียญเงินที่เสี่ยงต่อการขโมยได้ง่าย บางบ้านถึงกับต้องปิดตัวเงียบเพื่อที่ไม่ให้เป็นที่โดดเด่น โดยเฉพาะพวกโจรที่หวังจะมาปล้น
“เปิดประตู!!” ทว่านั่นไม่ใช่กับบ้านของเจียหมิงที่มีเสียงโหวกเวกโวยวายหลายเค่อดังไม่ลดละที่หน้าบ้านราวกับมีเรื่องคอขาดบาดตาย “เจ้าหมาป่าตาขาวข้าบอกให้เปิดประตู!!”
“ท่านมีเรื่องอันใด” เจียหมิงอดไม่ได้ที่จะต้องออกมาถามเสียงเรียบ คาดว่ารั้วที่พึ่งซ่อมไปจะพังอีกแล้ว คนพวกนี้ถึงเข้ามาได้ เหลือบมองไปยังรั้วกลับพบว่ายังอยู่ดี แสดงว่าแอบปีนเข้ามาสินะ เจียหมิงถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
บุตรสาวเขานอนกลางวันไปแล้วเมื่อครู่ หากไม่ออกมากลัวแม่เลี้ยงของเขาจะตะโกนจนนางตื่น แต่จะว่าไปเหลียนเอ๋อร์ของเขาก็ช่างรู้ความนัก ขนาดมีเสียงไม่พึงประสงค์ดังอยู่หน้าบ้านกลับหลับลงได้ นางมีความสามารถจริงๆ
“เอาเงินแบ่งมาให้ข้า พวกเจ้ามีกันแค่สองคน ส่วนครอบครัวข้ามีคนเยอะ” นางจ้านไม่คิดจะอ้อมค้อม พูดออกไปด้วยความโลภ หวังจะรับเงินเร็วๆ หลังจากหัวหน้าหมู่บ้านประกาศแจกเงิน เงินจำนวนนี้จะทำให้ครอบครัวนางอยู่ไปสบายหลายเดือน ทว่าพอคิดว่าไอ้ลูกเลี้ยงมันก็ได้เงินจำนวนนี้เหมือนกัน พลันเกิดความริษยา เหตุใดถึงได้เท่ากัน ทั้งที่มีแค่มันกับลูกสองคน เด็กจะไปกินสิ้นเปลืองอันใด เงินที่เหลือควรเป็นของนางสิ
“นั่นมันเรื่องของท่าน ข้าแยกบ้านออกมาแล้ว” เจียหมิงมองหน้าคนไร้ยางอายอย่างเหลืออด หลงคิดไปถึงอดีตเขาเรียกนางว่าแม่ลงได้อย่างไร พฤติกรรมของนางไม่เหมาะสมกับคำนั้นสักนิด จะสงสารก็แต่พี่ใหญ่ คาดว่าเงินนั้นคงไม่ตกถึงมือพี่ใหญ่แน่ ทั้งที่เป็นเสาหลักครอบครัวหาเงินเข้าบ้าน
“หนอย เจ้าคนอกตัญญู หมาป่าตาขาว!!” นางจ้านด่าอย่างไม่ไว้หน้า โกรธจนหน้าดำหน้าแดง นึกสาปแช่งให้มันตกตายตามเมียมันไป
“ข้าจะย้ำอีกรอบ หากไม่อยากให้แจ้งทางการ กลับไปซะ!”
“ข้าไม่น่าเลี้ยงเจ้าให้โตมาเถียงข้าฉอดๆ” เมื่อรู้ว่าทำอะไรไม่ได้ นางจ้านจึงคิดเอาบุญคุณครั้นเมื่อตอนเจียหมิงยังเด็กมาพูด เพราะรู้ดีว่าตอนเด็กๆเจียหมิงต้องการความรักจากแม่มากแค่ไหน แต่สำหรับนางมันก็เป็นได้แค่แรงงานชั้นดีที่คอยหาเงินเข้าบ้าน ชิงชังไอ้ลูกเลี้ยงนี่ยิ่งนักเพราะมันไหวตัวทัน แยกบ้านออกมากับนังผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้า
“ท่านเคยเลี้ยงข้าด้วยหรือ เท่าที่ข้าจำได้มีแต่ตัวข้ากับพี่ใหญ่ที่ดูแลกันเอง”
“นี่แก…”
“จะเกลียดชังข้าก็ได้ แต่ช่วยเห็นแก่พี่ใหญ่หน่อยเถอะ เขาทำงานหามรุ่งหามค่ำหาเงินเข้ากองกลางคนเดียว ท่านควรให้บุตรชาย บุตรสาวออกไปทำงานบ้าง” เจียหมิงได้ทีพูดสั่งสอนนางจ้าน ใครจะพูดหรือมองยังไงก็ช่าง เขาเหลืออดแล้วจริงๆ พี่ใหญ่สมควรได้แต่งงานมีครอบครัวได้แล้ว กลับต้องมาทำงานงกๆ เพียงเพราะคำว่าลูกคนโต ต้องดูแลครอบครัว แต่ครอบครัวปรสิตเช่นนี้สมควรแก่คำว่ากตัญญูด้วยหรือ
“ไอ้ไม่มีคนสั่งสอน ลูกของข้ายังเด็ก พี่เจ้าน่าจะชินกับการใช้แรงงานก็ให้ทำงานไปสิ” นางจ้านเท้าสะเอวอย่างดูถูก หนอย บังอาจเอาไอ้เด็กแรงงานมาเทียบกับลูกของนาง
“หึ จางหมิ่นห่างจากพี่ใหญ่เพียงสามปี ส่วนซิงอีก็ถึงวัยออกเรือน ความคิดของท่านนี่แปลกเสียจริงที่มองว่าพวกนั้นยังเด็ก หรือแท้จริงแล้วท่านนิยมสอนให้ลูกขี้เกียจสันหลังยาวเหมือนท่าน”
“อะ อะ ไอ้…” นางจ้านได้แต่อ้าปากพะงาบๆ เมื่อได้ฟังคำพูดนั้น ตั้งแต่มันมีลูก นับวันยิ่งควบคุมได้ยาก ต่างจากเมื่อก่อนที่ยังมีความเกรงใจ หรือจะแอบหาทางกำจัดลูกของมันดี
“เก็บคำหยาบช้าพวกนี้ไว้พ่นกับลูกท่านเถอะ หากบุตรสาวข้าได้ยินคงจะไม่ดีนัก เดี๋ยวจะมีคนหาว่าไม่มีคนสั่งสอน” เจียหมิงเน้นคำว่าไม่มีคนสั่งสอนจนนางจ้านเงี้ยมือขึ้นทำท่าจะตบ “หากลงมือกับข้า เรื่องจะไม่จบแค่นี้แน่นอนขอรับ” เจียหมิงส่งสายตาจริงจังไปให้ บ่งบอกว่าพูดจริง และจะไม่มีการยอมความใดๆทั้งสิ้น
“หึย ไอ้คนถ่อย ฝากไว้ก่อนเถอะ” มือที่ยกค้างไว้ชะงักงัน ก่อนจะยกลงอย่างหงุดหงิด สะบัดหน้าเดินออกไปด้วยความไม่ พอใจ
“ข้าจะช่วยท่านได้อย่างไรพี่ใหญ่” เจียหมิงมองตามร่างนางจ้านไปจนลับตา พลางพูดถึงพี่ชายที่เขาเคยเอ่ยชวนให้มาอยู่ด้วยกัน ทว่าอีกฝ่ายกลับทำสีหน้าอึกอักเพียงเพราะคำว่ากตัญญูค้ำคอ หลี่เหยาฉือถูกปลูกฝังว่าเป็นลูกคนโตมาตั้งแต่ยังเด็ก ความรับผิดชอบ หน้าที่ ความกดดันทุกอย่างจึงตกไปลงที่เขา หากจะยังยึดติดกับความคิดเดิมๆก็คงไม่แปลก สักวันข้าต้องพาท่านออกมาจากที่นั่นให้ได้
“บอทเต้ โรบอทได้ยินมั้ย” เหลียนฮวาตะโกนถามทางห้วงจิต
“ได้ยินขอรับ” เสียงที่ตอบกลับมาเป็นโรบอทที่ดูเหมือนจะเฝ้าดูเธออยู่ตลอด ดูจากการเลียนการพูดของคนยุคนนี้
“ข้างในเป็นอย่างไรบ้าง” เหลียนฮวาสอบถาม เพราะยังวุ่นๆกับเรื่องภายนอก พ่อของนางพึ่งหายดี จนลืมติดตามความเป็นไปของมิติไปเลย ใจจริงอยากจะหยิบยาทาแผลไม่ก็แคปซูลรักษาให้ท่านพ่อรู้แล้วรู้รอด ทว่าเธอทำแบบนั้นไม่ได้ ยังไม่ถึงเวลา เธออยากเป็นคนบอกจากปากของเธอเอง จึงได้แต่สังเกตอาการของท่าน หากร้ายแรงเธอคงไม่รอเวลานั้น ทว่าจากการสังเกตกลับพบว่าโชคดีที่บาดแผลไม่ติดเชื้อและยังตอบสนองดีต่อการรักษาของยาที่ท่านหมอมอบให้ แม้จะรักษาได้ช้ากว่ายาที่เธอมีก็เถอะ
“บอทเต้กับโรบอททำงานกันหนักมากครับ เจ้าหุ่นยนต์แรงงานผลิตของยังกะโด๊ปยา จนเกือบล้นคลัง เราทั้งคู่วิ่งสั่งงานกันให้วุ่น” บอทเต้รายงานเจ้านายอย่างโอดครวญ
“เจ้าพวกนั้นผลิตอะไรจนเกือบล้นหรือ” เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด
“ช่วงนี้มันผลิตแคปซูลยากับยาทาแผลครับ คราวก่อนผลิตแคปซูลอาหาร”
เอ๊ะ ทำไมการผลิตของมันดูแปลกๆ คล้ายสิ่งที่เธอคิดวนเวียนอยู่ตลอดเลย ยิ่งช่วงนี้ยิ่งชัดเพราะเธอนึกถึงแต่ของแบบนั้นเพราะท่านพ่อได้รับบาดเจ็บ
หรือว่า
“ก่อนหน้านั้นเจ้าหุ่นยนต์แรงงานผลิตนมผงใช่มั้ย” เหลียนฮวาลองถามหยั่งเชิง หากเธอคาดเดาไม่ผิด
“เจ้านายรู้ได้ยังไงครับ”
ชัดเลย
มันผลิตตามที่เธอคิด แต่คิดแบบไหนล่ะ หัวสมองน้อยๆที่เป็นทารกก็วนเวียนคิดอยู่ไม่กี่อย่าง แบบนี้วิธีใช้งานมิติยังคงเป็นความลับ ที่ต้องศึกษาหาคำตอบต่อไปสินะ แต่อย่างน้อยก็ได้รู้หนึ่งอย่างว่ามันจะผลิตตามความคิดของเธอ
“ดูท่ามันจะผลิตตามความคิดฉัน” เหลียนฮวาเอ่ยความคิดที่เธอคาดเดาออกมา แม้จะเป็นเพียงการคาดเดาแต่คิดว่าเธอเดาไม่ผิดแน่
“อุแว้ อุแว้”“ที่รักเหนื่อยไหม ขอบคุณที่คลอดบุตรให้พี่อีกคนนะ” หยางหลงเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากให้คนรักที่หน้าซีดเซียว“ไม่เลยเจ้าค่ะ แค่เห็นหน้าลูกๆกับพี่ ข้าก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง” เหลียนฮวาที่มีประสบการณ์จากการคลออบุตรครั้งแรกถึงสองคน ครั้งนี้จึงคลอดง่ายมาก หมอหลวงที่เดินทางจากแคว้นเว่ยโดยเฉพาะอุ้มเด็กน้อยตัวอวบอ้วนเข้ามา“ขอแสดงความยินดีกับชินอ๋องและพระชายา เป็นเด็กทารกเพศชาย ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เพคะ” หมอหญิงส่งเด็กทารกให้แก่ชินอ๋อง หยางหลงรับมาด้วยความทะนุถนอม“อีกแล้ว ข้าอุ้มท้องเขามา 9 เดือนนะเจ้าคะ” เหลียนฮวาพูดอย่างน้อยใจ เมื่อบุตรลายคนที่สามไม่มีส่วนไหนเหมือนนางเช่นเดียวกัน นี่น้ำเชื้อเขาแรงมากเลยหรือ ลูกออกมาสามคน หน้าตาเหมือนเขาทุกคน“ฮ่าๆ คนที่สี่ต้องเหมือนเจ้าอย่างแน่นอน” หยางหลงพูดด้วยรอยยิ้ม เหลียนฮวาได้แต่อ้าปาก
แคว้นฉินพระราชวัง“ฮื่อ ฮื่อ” เสียงเด็กน้อยร่ำไห้อยู่ข้างเตียงของหญิงนางหนึ่ง“แค่ก ๆ ขะ ข้าไม่น่า คะ คลอดเด็กอย่างเจ้าออกมาเลย” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยใบหน้าโกรธแค้น ตัวนางซูบผอมเหลือแต่กระดูก อันเนื่องจากคลอดเด็กลูกครึ่งผีดิบที่กัดกินชีวิตนางตั้งแต่อยู่ในครรภ์ นางหวังให้ลูกของนางเติบโตมาแข็งแกร่งเหมือนพ่อ ทว่าเด็กออกมากลับเป็นผู้หญิง นอกจากอ่อนแอแถมยังไร้ประโยชน์ทำไมกันนะ ชีวิตของนางถึงไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ตั้งแต่มีพระสวามี เขาก็ทิ้งนางให้อยู่ท่ามกลางผีดิบ ดีที่ยังมีคนรับใช้หลงเหลือไว้ให้อยู่ แต่รอบตัวก็เต็มไปด้วยผีดิบ ไม่มีใครสามารถออกจากแคว้นได้เลย มีครั้งหนึ่งที่แม่ทัพของเคยคิดออกจากแคว้น ทว่ายังไปได้ไม่ไกล ต่างโดนเหล่าผีดิบเข้ามากัดกินทั้งเป็น หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าออกไปนอกแคว้นอีกเลย“ท่างแม่…”“ยะ อย่า แ
4 ปีต่อมา“เสี่ยวชุน เสี่ยวเฉินลงมาจากต้นไม้เดี๋ยวนี้!!” เหลียนฮวาตะโกนบอกบุตรชายตัวแสบวัยสามขวบทั้งสอง อุ้มท้องมา 9 เดือน แต่ไม่มีส่วนใดได้นางมาเลย เด็กๆถอดแบบพี่หยางมาทั้งหมด ชอบปีนต้นไม้เหมือนใครก็ไม่รู้? แถมยังหลบหนีพี่เลี้ยงเก่งเป็นที่หนึ่ง“ปี้ชายลงไปก่อนซี่” เสี่ยวชุนหรือเว่ยชุนหวงเอ่ยบอกพี่ชายที่คลอดก่อนตนเพียง 5 วินาที ร่างกลมป้อมอวบอัด ทว่ากลับว่องไวกว่าคนเป็นพี่บุ้ยปากให้พี่ชายลงจากต้นไม้ก่อน“เจ้าเปงน้องก็ต้องลงก่อง” เสี่ยวเฉินหรือเว่ยเฉินอี้กล่าวบอกผู้เป็นน้อง ทั้งสองเกี่ยงกันลงก่อนเนื่องจากยังดูพวกท่านตาฝึกซ้อมยังไม่เสร็จ“ลง มา พร้อม กัน” เหลียนฮวาจำต้องเน้นเสียงทีล่ะคำบอกบุตรชาย ไม่งั้นก็ยังเกี่ยงกันไม่เลิก บุตรชายของนางทั้งสองชื่นชอบการต่อสู้เป็นพิเศษ หากเห็นทหารหรือบรรดาตาๆตัวเองฝึกก็จะรีบขอตามไปดูอย่างไวพวกเด็กๆจะเรียกพ่อของนางว่าต
“เหนื่อยหรือไม่” หยางหลงเอ่ยถามเจ้าสาวของตนหลังคืนแต่งงานผ่านพ้นไป คนรักที่กลายมาเป็นภรรยาและคู่ชีวิตของเขานับแต่นี้เหลียนฮวานั่งตัวเกร็งอย่างทำอะไรไม่ถูก นางกำลังเผชิญกับคืนเข้าหอเป็นครั้งแรก“…”“เหตุใดไม่คุยกับพี่้เล่า” หยางหลงค่อยๆเปิดผ้าคลุมเจ้าสาวเชยคางมนมาสบตา ทั้งสองสบตากันอย่างลึกซึ้ง“ตะ ต้องดื่มเหล้าก่อนมงคลเจ้าค่ะ” เหลียนฮวาที่ไม่รู้จะหาข้ออ้างอันใดมาเอ่ยจึงมองไปที่กาใส่เหล้ามงคลเอาไว้“จริงสิ เป็นขนบธรรมเนียมของที่นี่” หยางหลงยิ้มกริ่มก่อนจะค่อยๆเทเหล้ามงคลจากกาน้ำสองจอดและยกขึ้นมาถือไว้“ดื่มเถิด” เขายื่นให้คนรักหนึ่งแก้วและถือไว้เองหนึ่งแก้ว ทั้งสองคล้องแขนกันก่อนจะยกขึ้นดื่มพร้อมกัน ทั้งกลิ่นทั้งรสชาติของเหล้ามีความแรงจนเหลียนฮวาต้องนิ่วหน้า นางรีบกลืนภายในอึกเดียว ไม่นานหน้
“ถวายบังคมเสด็จพ่อ” ฮ่องเต้สวรรค์มองบุตรสาวด้วยสายตาไม่พอใจนัก“เจ้ารู้ความผิดที่ก่อหรือไม่เทพธิดาเหมยลี่” น้ำเสียงดังก้องกังวาลไปทั่วชั้นฟ้า“ไม่เพคะ” เทพธิดาเหมยลี่เชิดหน้าไม่ยอมแพ้“เจ้า!!!”“ลูกไม่คิดว่าการที่พวกเรารักกันจะผิดตรงไหน”“แม้จะไม่มีบัญญัติว่าห้ามรักต่างฐานันดร แต่เจ้าก็ทำผิดกฎสวรรค์ เจ้ากำลังตั้งครรภ์!!!” ฮ่องเต้สวรรค์แทบลมจับ สั่งให้ทูตสวรรค์หรือที่เรียกทหารในโลกมนุษย์พาธิดากลับมาและนำไอ้ชายที่มันล่อลวงบุตรสาวของเขามารับโทษ“ตั้งครรภ์ จริงสิ เสด็จพ่อทรงมีหลานแล้วเพคะ นางจะเป็นเทพธิดาตนใดมาเกิดกันนะ” เหมยลี่พูดไปยิ้มไป สายใยแม่ลูกทำให้รู้ว่าในครรภ์ของนางเป็นเพศหญิง พลางลูบหน้าท้องแบนราบของตน“ช่างเรื่องนั้นก่อน เจ้าต้องได้รับโทษ” ฮ่องเต้สวร
“พี่หยาง ผักที่เราปลูกงอกแล้วเจ้าค่ะ” เหลียนฮวากล่าวอย่างตื่นเต้น เป็นล็อตสองที่ทดลองปลูก แถมผักที่ปลูกยังเป็นชนิดใหม่“หืม งอกเร็วมาก ยังไม่ถึงเดือน” หยางหลงรีบเข้ามาดูต้นผักตามคนรักชี้บอก วันนี้พ่อตาและคนอื่นไม่อยู่ต้องไปทำภารกิจ“เพราะดินที่เราหมั่นบำรุงมั้งเจ้าคะ”ฟอดดด“เพราะเราช่วยกันปลูกต่างหาก” ขายหนุ่มแอบหอมแก้มแฟนสาวเร็วๆ แล้วส่งยิ้มกระชากใจหลังจากกลับจากแคว้นเว่ยมีประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องว่าที่พระชายาองค์ชายห้า เล่นเป็นข่าวดัง พูดถึงกันอยู่พักใหญ่เพราะว่าที่พระชายาเป็นคนต่างแคว้นแถมยังเป็นสามัญชน ทว่าทั้งคู่กลับไม่มีใครสนใจ พากันเดินทางไปแคว้นจ้าวสลับกับแคว้นเว่ย ไปๆมาๆระหว่างสองแคว้น แถมยังหวานกันยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากไม่ต้องปกปิดตัวตนอีกต่อไป“ครั้งหน้าหากผักในโรงปลูกผักโตกว่า