Home / แฟนตาซี / ดอกหญ้าทะยานฟ้า / ก้าวแรกสู่ความกล้า

Share

ก้าวแรกสู่ความกล้า

Author: Sanassetong
last update Last Updated: 2025-10-03 23:09:45

เช้าวันต่อมาสองคนอาจารย์กับลูกศิษย์เมื่อกินข้าวกันเสร็จ ก็เตรียมตัวที่จะออกไปเดินป่าปกติเด็กน้อยจะไม่ค่อยได้ออกไปเดินป่าสักเท่าไหร่เพราะว่าในป่านั้นมันอันตรายชายชราจึงไม่อยากให้นางได้ไป แต่วันนี้นางมีวรยุทธถึงขั้นหนึ่งแล้ว นางจึงจำเป็นที่จะต้องหาประสบการณ์บ้าง ชายชราเพียงส่งเด็กน้อยไว้ในป่าที่เขาสามารถควบคุมได้และกลับไปยังเรือนของตัวเอง ยามที่เด็กน้อยผู้นี้ประสบภัยในป่านี้เขาก็จะได้รับรู้เป็นผู้แรกและจะมาช่วยนางได้ทันแน่นอน เมื่อนางเดินเพียงลำพังนางก็ขวัญคิดเมื่อนั้นทุกข์ได้ออกจากบ้านครั้งแรกตอนนั้นนางรู้สึกกลัวได้แต่เดินอยู่ในป่าแต่ณเวลานี้นางรู้สึกว่านางไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้วเพราะท่านอาจารย์บอกว่านางต้องหาประสบการณ์ในป่าต้องสู้กับสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร อาจารย์จะมารับในอีกสามวัน นางจะได้เผชิญโลกกว้างด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกนางรู้สึกตื่นเต้นมากๆ นางไม่รู้เลยว่าอยู่เฉยๆตัวเองจะมีวรยุทธ์ลำดับหนึ่งขึ้นมาได้อย่างไร แต่เอาเข้าจริงๆนางก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เพราะในความที่นางฝันนั้นมันเหมือนจริงมากๆ นางทรมานมากๆแล้วเป็นเวลานานเสียด้วย แต่ถ้าหากให้นางฝึกยุทแล้วทรมานขนาดนี้ แล้วมีวรยุทธ์เพียงแค่ขั้นหนึ่ง นางเองก็คงจะตายไปหลายครั้งแล้ว และอยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเสียงนกราตะโกนก้องในป่า ลมพัดใบไม้ไหวสะท้านราวกับมีสายตานับร้อยคู่คอยจับจ้องอยู่รอบด้าน นางมองซ้ายมองขวา หลินซือหยานักยุทน้อยวัยเพียงสิบหกปี ก้าวเข้าสู่ป่าใหญตามคำสั่งของอาจารย์ เพื่อฝึกทดสอบตนเอง เพียงก้าวแรกเท่านั้น เหงื่อเย็นก็ไหลซึมออกมาตามแผ่นหลัง ดวงตาเล็ก ๆ กวาดมองทุกเงาในพงไม้ กระบี่ในมือสั่นน้อย ๆ แต่เขากัดฟันแน่น

“ถ้าข้าหวั่นไหวแม้แต่ต่อเงา…แล้วจะไปต่อสู้ในยุทธภพได้อย่างไร”

นางได้แต่คิดในใจ

ระหว่างทาง เสียงพงหญ้าสะเทือนแรงผิดปกติ ใจเต้นระทึก ก่อนที่ หมาป่าโลหิต ฝูงหนึ่งจะกระโจนออกมาจากความมืด เงี้ยวเขี้ยวขาววาว

หลินซือหยาถอยหลังไม่กี่ก้าว กระบี่สั้นในมือสั่นระริก เขารู้ว่าหนีไม่ทัน หากลังเลแม้เพียงก้าวเดียว หมาป่าเหล่านี้จะฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ เขาสูดหายใจยาว รวบรวมลมปราณจากท้องน้อยสู่ฝ่ามือ แล้วพุ่งออกไปอย่างไม่ทันคิด กระบี่วาดเส้นแสงสั้น ๆ ฉีกฝูงหมาป่าให้แตกวง หัวใจเขายังเต้นแรง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความกลัว หากเป็นเพราะ ความกล้าที่พุ่งทะลุออกมาแทน หนึ่งตัวโถมเข้าใส่ตรงหน้า เขาสะบัดกระบี่จนเกิดประกายเหล็กเฉียดแก้มหมาป่าไปเพียงเส้นผม มันหวีดร้องถอยไป เลือดหยดเล็ก ๆ บนใบหญ้าคือหลักฐานว่า เขาสามารถ “ทำร้าย” สิ่งที่ตนหวาดกลัวได้จริง หลังต่อสู้นานนับก้านธูป ฝูงหมาป่าก็สลายหายไปในแล้ว เหลือเพียงร่างเหนื่อยล้าของหลินซือหยาที่หอบหายใจอยู่กลางวงล้อมหญ้าแหลม นางหยิบน้ำขึ้นมาจิบนิดหน่อย มองซ้ายมองขวาก่อนที่จะกลั้นหายใจแล้วออกเดินต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆก่อนเพราะไม่รู้ว่าหมาป่าโลหิตนั้นมันจะกลับมาอีกหรือไม่ เพราะที่เขาจัดการนั้นไม่ได้ทำให้มันถึงตาย กลัวว่ามันจะพาเพื่อนมาล้างแค้น เพียงแค่ก้าวเข้ามาในป่านี้ก็เจออันตรายถึงกับชีวิตแล้วหรือ นางจึงหนีให้ไกลจากตรงนี้ก่อนแล้วล้มลงนั่ง มองมือที่ยังกำกระบี่แน่น

“ข้า…รอดมาได้ด้วยตนเอง”

ความสั่นสะท้านจากความกลัวถูกแทนที่ด้วยความมั่นใจเล็ก ๆ ที่เพิ่งผลิบาน

แสงจันทร์ลอดใบไม้ตกลงมากระทบหน้าเด็กสาว แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความหวาดกลัว บัดนี้ส่องประกายใหม่ประกายของผู้ที่ก้าวข้ามความอ่อนแอไปแล้ว ค่ำคืนเงียบสงัด ป่าลึกเต็มไปด้วยหมอกบาง ลมเย็นพัดวูบทำให้เปลวไฟคบเพลิงสั่นระริก เงาไม้โยกไหวประหนึ่งสิ่งมีชีวิตกำลังเคลื่อนไหวอยู่รอบด้าน หลินซือหยา เดินตามเส้นทางแคบด้วยหัวใจที่สั่นสะท้าน เขาได้ยินเสียงกระซิบเบา ๆ คล้ายผู้คนร้อยพันกำลังพูดพร่ำ แต่เมื่อเงี่ยหูฟังก็พบว่าไม่มีใครอยู่เลย ทันใดนั้น เงาขาวซีดรูปร่างคล้ายมนุษย์ลอยออกจากต้นไม้ใหญ่ ดวงตาว่างเปล่าเหมือนเหวลึก ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือก วิญญาณป่า ผู้คุ้มครองแดนต้องห้าม หลินซือหยากำกระบี่แน่น มือสั่นระริก แต่ร่างกายแข็งทื่อไม่อาจขยับได้ ความเย็นซึมเข้าสู่กระดูก ทำให้เขาแทบลืมหายใจ เสียงวิญญาณก้องในหัว “เจ้า…เป็นผู้บุกรุก” เสียงนั้นไม่ใช่เสียงคน หากแต่คือแรงสะกดที่กดดันจิตใจให้จมดิ่งในความกลัว สาวน้อยกัดฟันจนเลือดซึมออกมา

“ถ้าแม้แต่ใจของข้า ข้ายังไม่อาจปกป้อง…แล้วจะออกไปสู้รบกับโลกภายนอกได้อย่างไร”

เขาหลับตา สูดลมหายใจ รวบรวมลมปราณเข้าสู่จิตกลางอก แล้วตวัดกระบี่ขึ้นอย่างมั่นคง คราวนี้มิใช่เพื่อต่อสู้ แต่เพื่อ ยืนหยัด ด้วยใจแน่วแน่ ประกายกระบี่สะท้อนแสงจันทร์เป็นเส้นยาว เสียงกรีดร้องแผ่วเบาดังขึ้นก่อนที่ร่างวิญญาณจะสลายกลายเป็นละอองหมอก จางหายไปกับสายลม หลินซือหยาทรุดลงนั่ง หอบหายใจแรง แต่ในใจกลับสว่างโล่ง เหมือนเขาได้ก้าวพ้นพันธนาการที่กดทับอยู่มานาน แววตาที่เคยหวาดกลัว ตอนนี้เปล่งประกายใหม่ประกายของผู้ที่กล้าเผชิญหน้ากับความมืดในใจตนเอง ขนาดผ่านไปเพียงหนึ่งวันหนึ่งคืนเท่านั้น สิ่งที่เจอะเจอก็หนีกหนาสาหัสมากๆแล้วถ้าครบสามวันสามคืนนางยังคิดอยู่ว่าจะรอดไหม การเป็นนักยุทนั้นมันหนักหนาสาหัสเสียจริงๆ ถึงว่าหลายคนภูมิใจนักที่มีวรยุทธ เด็กน้อยหลินซูหนามองมือของตัวเองทั้งสองข้าง วันนี้นางมีความสุขแล้วในสิบกว่าปีก่อนนางโหยหาวรยุทธ นางอับอายที่ไร้ค่า วันนี้ขนาดหมาป่าโลหิตนางยังจัดการได้เลย

"ฮ่าฮ่าฮ่า"

เด็กน้อยเผลอหัวเราะออกมา นางมองซ้ายมองขวาตอนนี้เวลากลางคืนแล้ว นางต้องหาที่พักผ่อน เด็กน้อยคิดเช่นเคยการที่เข้าป่านั้นต้องขึ้นต้นไม้นอน แต่ท่านอาจารย์เคยบอกว่าผู้ที่มีวรยุทธนั้นพวกสัตว์อสูรหรือสัตว์วิเศษจะชอบ มาท้าทาย ที่นางรอดมาได้ตอนเมื่อสิบปีก่อนนั้นเพราะนางไร้วรยุทธสัตว์อสรูและสัตว์วิเศษคิดวาาตัวนางเป็นของตาย หากหิวเมื่อไหรก็กินได้ ดังนั้นนางจึงต้องสร้างเกาะวรยุทธเพื่อป้องกันตัวเอง และก็หลับไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ผจญป่าฝึกใจ

    แสงอรุณแรกสาดลอดหมู่ไม้ ทาบเงาทาบพื้นดินเป็นริ้วทองอ่อนเสียงลมพัดผ่านยอดไม้ดัง “ซู่ซู่” คล้ายเสียงกระซิบจากวิญญาณโบราณในหุบเขาหนทางเบื้องหน้าเต็มไปด้วยหมอกขาวบาง ลึกลับราวม่านแห่งสวรรค์ที่กั้นระหว่างคนกับพลังลมปราณ หลินซื้อหยาย่างเท้าเข้าขึ้นอีกครั้งหลังจากพักผ่อนไปได้เล็กน้อย มือกำดาบไม้แน่น ในหัวใจไม่มีสิ่งใด นอกจากคำอาจารย์ที่ว่า“หากเจ้ามิอาจฝึกจิตให้สงบในหมู่ความวิเวก เจ้าก็ไม่มีวันก้าวข้ามขอบเขตวรยุทธได้”ทุกย่างก้าว นางต้องเผชิญทั้งความเงียบ ความหิว และความกลัวบางคืน เสียงสัตว์คำรามดังก้องในหุบเขาบางยาม ลมเย็นพัดผ่านจนเหมือนมีเงาผู้คนเดินตามอยู่ข้างหลัง แต่เมื่อหลับตาและปล่อยใจเข้าสู่สมาธิ นางกลับสัมผัสได้ถึงจังหวะของลมหายใจที่ผสานกับเสียงป่า ใบไม้ไหว คือการเต้นของพลังชีวิตสายน้ำที่ไหล คือการหมุนเวียนแห่งลมปราณและในที่สุด นางก็เข้าใจว่า “วรยุทธ มิได้อยู่ในคัมภีร์ แต่อยู่ในหัวใจผู้ไม่ยอมแพ้”ในป่า จากเด็กสาวที่กลัวเสียงสัตว์กลายเป็นนักยุทธที่ยืนหยัดได้กลางพายุฝนมือขวาจับดาบนิ่งสงบ ดวงตาแน่วแน่พลังภายในพลุ่งพล่านเหมือนสายน้ำที่ไหลกลับสู่ต้นธาร ราตรีนั้น ฟ้าปิดเงียบไร้ดา

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ก้าวแรกสู่ความกล้า

    เช้าวันต่อมาสองคนอาจารย์กับลูกศิษย์เมื่อกินข้าวกันเสร็จ ก็เตรียมตัวที่จะออกไปเดินป่าปกติเด็กน้อยจะไม่ค่อยได้ออกไปเดินป่าสักเท่าไหร่เพราะว่าในป่านั้นมันอันตรายชายชราจึงไม่อยากให้นางได้ไป แต่วันนี้นางมีวรยุทธถึงขั้นหนึ่งแล้ว นางจึงจำเป็นที่จะต้องหาประสบการณ์บ้าง ชายชราเพียงส่งเด็กน้อยไว้ในป่าที่เขาสามารถควบคุมได้และกลับไปยังเรือนของตัวเอง ยามที่เด็กน้อยผู้นี้ประสบภัยในป่านี้เขาก็จะได้รับรู้เป็นผู้แรกและจะมาช่วยนางได้ทันแน่นอน เมื่อนางเดินเพียงลำพังนางก็ขวัญคิดเมื่อนั้นทุกข์ได้ออกจากบ้านครั้งแรกตอนนั้นนางรู้สึกกลัวได้แต่เดินอยู่ในป่าแต่ณเวลานี้นางรู้สึกว่านางไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้วเพราะท่านอาจารย์บอกว่านางต้องหาประสบการณ์ในป่าต้องสู้กับสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร อาจารย์จะมารับในอีกสามวัน นางจะได้เผชิญโลกกว้างด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกนางรู้สึกตื่นเต้นมากๆ นางไม่รู้เลยว่าอยู่เฉยๆตัวเองจะมีวรยุทธ์ลำดับหนึ่งขึ้นมาได้อย่างไร แต่เอาเข้าจริงๆนางก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เพราะในความที่นางฝันนั้นมันเหมือนจริงมากๆ นางทรมานมากๆแล้วเป็นเวลานานเสียด้วย แต่ถ้าหากให้นางฝึกยุทแล้วทรมานขนาดนี้ แล้วมีวรยุทธ์เพียง

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ปักปิ่น

    ชายชราลงเขาเพื่อไปหาเครื่องประดับสำหรับสตรีสำหรับเขาแล้วไม่เคยชินสำหรับการสรรค์หาสักเท่าไหร่ หมู่บ้านเล็กๆที่มีของขายมากมายส่วนมากจะเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ไปจับจ่ายซื้อของที่ได้มาจากเขา นายพรานชอบล่าสัตว์ป่าบางประเภทที่หายากมาขาย แร่ธาตุต่างๆที่เหมาะสมสำหรับฝึกวรยุทธ์ รวมไปถึงส่วนใดส่วนหนึ่งของสัตว์ เช่นงาสัตว์และเขาสัตว์ที่หายากอีกต่างหาก เขาเดินเที่ยวหาเครื่องประดับสตรีอยู่ตั้งนาน"อ้า ไป๋อีเฟิงเจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะหาอะไรอยู่หรือเปล่า แต่ที่เจ้าหานั้นเป็นของสตรีนี่เจ้าจะหาไปให้ผู้ใดกันหรือ"เสียงชายชราผู้หนึ่งดังขึ้น มาแต่ไกลชายชราผู้นี้จึงมองไปที่เขา"อ่า เจ้าหม่าเหิง เป็นยังไงล่ะวันนี้ถึงมาเดินตลาดได้นะ"ชายชรากล่าวขึ้นเมื่อเห็นสหายเก่าเดินมาแต่ไกล"เขาว่าช่วงนี้มีหางยูนิคอร์นขายข้าเลยมาเดินดูเสียหน่อยเผื่อจะได้สักเส้น ว่าจะเอาไปต่อกระดูกเจ้าล่ะมาหาอะไรเห็นด้อมๆมองๆกับของพวกสตรีเหล่านี้ "ชายชราอีกคนถามขึ้น"ช่วงนี้ลูกศิษย์ของข้าจะมีอายุครบสิบห้าหนาวแล้ว ข้าจึงต้องทำพิธีปักปิ่นให้นางน่ะ ข้าจึงมาหาปิ่น เพราะเจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีปิ่น"ชายชรากล่าวขึ้น"เฮ้ เจ้ามีลูกศิษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก่อ

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ตื่นแล้ว

    ภาพนี้หยุดนิ่งอยู่เนินนานเลือดที่ออกจากทวารทั้งเจ็ดนั้นไม่ได้แห้งเหือดไปเหมือนไหลอยู่ตลอดเวลา ชายชราไม่ดื่มไม่กินยืนเฝ้าเด็กสาวผู้นี้และคอยฟังเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาตลอด พอถึงเช้าวันที่แปดเหมือนสีหน้าของเด็กสาวผู้นั้นจะดีขึ้นและเลือดเริ่มหยุดไหลแล้ว ลมหายใจของนางเร็วและถี่ขึ้นเหงื่อนั้นท่วมใบหน้า บางครั้งมีเส้นเลือดปูดวิ่งไปวิ่งมาตามตัว ชายชรามองด้วยความเห็นใจเด็กคนนี้กำลังจะต่อสู้กับดวงดาวที่ตนเลือกแล้ว ทางด้านเด็กน้อยกำลังลังเลว่าจะเลือกดาวดวงใดแต่อยู่ๆเหมือนสติก็ดับวูบลงไปพอได้สติอีกครั้งเหมือนแขนขาของเขาถูกตึงไว้ผิวหนังของนางร้อนระอุราวกับถูกไฟลวก อุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่าปกติ เลือดในกายขับเคลื่อนรวดเร็วราวน้ำเดือด ดวงตาร้อนฉานเหมือนเปลวเพลิงเผา ลมปราณถูกเร่งเร้าเกินขีดจำกัด คล้ายเชื้อไฟที่ถูกเติมไม่หยุด ทำให้เส้นลมปราณบางส่วนเหมือนจะถูฉีกแตกได้ หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกจากอก เสียงเลือดสูบฉีดดังสะท้อนในโสตประสาท รู้สึกเหมือนร่างกายถูกเผาจากด้านใน เลือดค่อย ๆ แห้งเหือด เป็นความทุกข์ที่ทรมานยิ่งนัก เหมือนว่ามันจะไม่รู้จักจบสิ้น เด็กน้อยพยายามฝืนทนกับความรู้สึกนี้ มันเหมือนจะก

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   เลือกดวงดาว

    เหมือนว่าแรกๆนางจะไปได้ไวมากแต่เหมือนตอนนี้ว่านางเริ่มจะชะงักแล้วชายชราจึงมองออกถึงปัญหาของนางว่าตอนนี้นางยังไม่สามารถที่จะสัมผัสกับดวงดาวได้ ตอนนี้นางแค่สัมผัสกับใจของตัวเองเพื่อไม่ให้จินตนาการไปให้เกิดความกลัวตอนนี้ใจนางบริสุทธิ์ก็จริง แต่ยังไม่สามารถรับพลังของดวงดาวได้ อาจจะเป็นเพราะว่านางกังวลเรื่องที่จะเลือกดวงดาวก็มีส่วน"คืนนี้ในการนั่งสมาธิเจ้าเงยหน้าไปมองดูดวงดาวนับร้อยนับพันพวกนั้นให้เจ้าจดจำสิ่งที่มันกระพริบให้ดีราวๆครึ่งคืนให้เจ้าหลับตาลงสู่สมาธิเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะเลือกดาวผิดหรือถูกตอนนี้เจ้าเป็นกังวลอยู่จึงทำให้ตัวเจ้าเองนั้นไม่มีความก้าวหน้า เจ้าจงคิดเสียว่าชีวิตเจ้ามาถึงขนาดนี้ได้มันดีแค่ไหนแล้ว การเลือกดวงดาวนั้นมันก็เป็นจังหวะของชีวิต มันจะมีดาวดวงหนึ่งที่สีสวยที่เจ้ามองแล้วก็ชอบนั่นแหละมันคือจังหวะชีวิตของเจ้าหากเจ้าเลือกมันมาแล้วมันเป็นดาวมรณะเจ้าก็ต้องทำใจว่าเจ้าต้องยอมตรงนี้ก่อน หากเจ้าไม่คิดที่จะเปลี่ยนเจ้ายังคิดกลัว เจ้าเองก็ไม่มีวันที่จะก้าวหน้า"ชายชรากล่าวกับเด็กน้อยวัยเจ็ดหนาว เด็กน้อยทำหน้าตาราวกับฟ้าจะถล่ม มันเป็นความรู้สึกกลัวจริงๆ จิตใจของนางก็กล

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   จิตนาการ

    "ท่านอาจารย์เจ้าคะแล้วคัมภีร์ที่ท่านอาจารย์ให้ข้าศึกษานั้นมันมีทั้งหมดกี่เล่มหรือเจ้าคะ แล้วข้าต้องไปหาจากที่ใด"เด็กน้อยถามขึ้นด้วยความสงสัย"มันจะมีกี่เล่มหรือไปหาที่ใดนั้นท่านอาจารย์ไม่สามารถรับรู้ได้ หากเจ้ามีบุญวาสนาเกี่ยวกับมันเจ้าก่อจะได้สัมผัสกับมันเอง บางครั้งอาจจะเป็นคัมภีร์เล่มๆแบบนี้หรือเจ้าอาจจะสัมผัสด้วยตัวของเจ้าเอง แล้วเจ้าก็จะได้เห็นวิชามันมาในรูปแบบต่างๆเอง อาเป็นว่าตอนนี้เราเริ่มบทเรียนบทแรกเพื่อที่จะให้เจ้าได้เปิดเส้นลมปราณฝึกวรยุทธ์เสียก่อนเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น"จะฝึกได้อย่างไรหรือเจ้าคะในเมื่อเขาให้ฝึกตอนกลางคืน ให้ไปนั่งสมาธิรับแสงดวงดาวเพื่อที่จะให้แสงแห่งพลังข้ามาในร่างกายให้มันมากๆ"เด็กน้อยกล่าวขึ้น"ใช่แล้วแหละเขาให้เจ้ามานั่งสมาธิเพื่อที่จะรับแสงจากดวงดาวแต่ตอนกลางวันนั้นเจ้าก็ยังต้องฝึกร่างกายเหมือนเดิมนั่นก็คือยืนขาข้างเดียวให้มั่นคงเสียก่อนไปเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น เด็กน้อยก็ทำตาม ณ เวลานี้นางเริ่มที่จะยืนขาเดียวได้แบบไม่เซแล้วเล็กน้อยแต่ใช้เวลาไม่นานนางก็ต้องเปลี่ยนใช้ขาอีกข้างนึงสลับกันไปในหนึ่งวัน นางก็รู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว แต่นี้ท่านอาจารย์ยังจะให้นั่ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status