Share

ปักปิ่น

Author: Sanassetong
last update Last Updated: 2025-10-02 23:34:22

ชายชราลงเขาเพื่อไปหาเครื่องประดับสำหรับสตรีสำหรับเขาแล้วไม่เคยชินสำหรับการสรรค์หาสักเท่าไหร่ หมู่บ้านเล็กๆที่มีของขายมากมายส่วนมากจะเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ไปจับจ่ายซื้อของที่ได้มาจากเขา นายพรานชอบล่าสัตว์ป่าบางประเภทที่หายากมาขาย แร่ธาตุต่างๆที่เหมาะสมสำหรับฝึกวรยุทธ์ รวมไปถึงส่วนใดส่วนหนึ่งของสัตว์ เช่นงาสัตว์และเขาสัตว์ที่หายากอีกต่างหาก เขาเดินเที่ยวหาเครื่องประดับสตรีอยู่ตั้งนาน

"อ้า ไป๋อีเฟิงเจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะหาอะไรอยู่หรือเปล่า แต่ที่เจ้าหานั้นเป็นของสตรีนี่เจ้าจะหาไปให้ผู้ใดกันหรือ"

เสียงชายชราผู้หนึ่งดังขึ้น มาแต่ไกลชายชราผู้นี้จึงมองไปที่เขา

"อ่า เจ้าหม่าเหิง เป็นยังไงล่ะวันนี้ถึงมาเดินตลาดได้นะ"

ชายชรากล่าวขึ้นเมื่อเห็นสหายเก่าเดินมาแต่ไกล

"เขาว่าช่วงนี้มีหางยูนิคอร์นขายข้าเลยมาเดินดูเสียหน่อยเผื่อจะได้สักเส้น ว่าจะเอาไปต่อกระดูกเจ้าล่ะมาหาอะไรเห็นด้อมๆมองๆกับของพวกสตรีเหล่านี้ "

ชายชราอีกคนถามขึ้น

"ช่วงนี้ลูกศิษย์ของข้าจะมีอายุครบสิบห้าหนาวแล้ว ข้าจึงต้องทำพิธีปักปิ่นให้นางน่ะ ข้าจึงมาหาปิ่น เพราะเจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีปิ่น"

ชายชรากล่าวขึ้น

"เฮ้ เจ้ามีลูกศิษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก่อน เราไม่ได้พบเจอกันเพียงสิบกว่าปีเจ้าก็มีลูกศิษย์แล้วหรือ"

ชายชรากล่าวขึ้น

"ก็พึ่งมีลูกศิษย์ตั้งแต่สิบปีที่แล้วนั่นแหละ ชีวิตนางน่าสงสารนะข้าเจอนางและนางช่วยข้าไว้ข้าจึงรับนางเป็นลูกศิษย์ เจ้าว่าข้าจะหาปิ่นจากที่ไหนดีนะ"

ชายชรากล่าวถามขึ้น

"ปิ่นนะหรือ ร้านขายของนักยุทแบบนี้มันจะไม่มีสวยๆหรอก เอาแบบนี้ไหม เจ้าไปดูเขาสัตว์กับข้าและซื้อมันมาเอาไปทำปิ่นดีหรือไม่"

ชายชราพูดขึ้น

"เจ้าอย่ามาหลอกให้ข้าไปดูเขาสัตว์เป็นเพื่อนเจ้าดีกว่า ข้าเคยเห็นปิ่นที่ปักอยู่บนหัวนักยุทหญิงก็หลายคน มีแต่สวยสวยทั้งนั้น"

ชายชรากล่างขึ้น

"เจ้าจะรู้อะไรกันเล่า นักยุทธเหล่านั้นพวกเขาได้ปิ่นมาตั้งแต่พิธีปักปิ่นไง ส่วนนักยุทสตรีหลายๆคนนั้นชอบความสวยความงาม ก็นำเขาสัตว์มาทั้งปิ่น อ่ะเจ้าดูสตรีนางนั้นสิ ปิ่นสวยเจ้าลองไปถามนางดูว่าซื้อมาจากที่ใด"

ชายชรากล่าวขึ้น ชายชราอีกคนหนึ่งมองไปก็เห็นว่าสวยจริงๆด้วยเขาจึงเข้าไปสอบถาม

"แม่นางปิ่นเจ้านั้นสวยงามมากเจ้าซื้อมาจากที่ใดหรือพอดีว่าลูกศิษย์ของข้ากำลังจะเข้าพิธีปักปิ่นข้าอยากจะสรรหาให้นาง"

ชายชราถามขึ้น

"ท่านลุงปิ่นนี้ข้าทำเองเจ้าคะ พ่อข้าได้เขี้ยวหมูป่ามาข้าก็เลยทำเป็นปิ่น"

สตรีนางนั้นกล่างขึ้น

"เจ้าช่างเก่งเสียเหลือเกินทำผิดเองสวยงามมากเจ้าพอจะรู้จักช่างแกะเข้าสัตว์งานสัตว์บ้างหรือไม่หรือเจ้าจะรับทำหรือไม่"

ชายชราถามขึ้น

"555ท่านลุง ท่านท่าทางจะมีวรยุทธที่สูง เรื่องทำปิ่นนั้นมันไม่ได้ยากสำหรับผู้ที่มียุทเลยเจ้าค่ะ ข้าคิดว่าหากท่านอยากจะทำให้ลูกศิษย์ของท่านน่าจะทำได้สวยกว่าของข้าเป็นแน่"

หญิงสาวพูดขึ้น

"555+เจ้าน่ะลืมไปหรือเปล่าว่าเจ้ามีวรยุทธเขามองมันมันก็เปลี่ยนเป็นเป็นให้เจ้าแล้วไปเถอะไปหาเขี้ยวหมูป่ากัน"

ชายชรากล่าวขึ้น

"แล้วแบบนี้จะต้องมีคนขายของที่ใดกันละในเมื่อใช้วรยุทธทุกอย่างแบบนี้ อยากได้อะไรก็ทำขึ้นเองหรือไม่ดีกว่าหรือ"

ชายชราผู้นี้บ่นขึ้นและเดินไปหาเขี้ยวสัตว์

"เจ้าก็เกินไป ทำได้ไม่ยากแต่อุปกรณ์นั้นนะหายากไปเถอะไปดูกันว่าจะเอาอะไรบ้าง เจ้าจะเอาเกี่ยวอะไรดีล่ะเขาเอาเขี้ยวหมูป่าหรือจะเป็นงาช้างดีล่ะก็ได้นะถ้าเคยได้ยินปิ่นงาช้างเหมือนกัน"

ชายชราเก่าขึ้นเจ้า 2 จึงเดินไปหาฝั่งที่ขายชิ้นส่วนของสัตว์กัน พวกเขาเดินมาก็เห็นหนังช้างที่ใหญ่มากๆ

"นายพรานไม่มีงาช้างแล้วหรือ"

ชายชราหม่าเหิงถามขึ้น

"หมดแล้วท่านลุงพรุ่งนี้ค่อยมาดูใหม่นะวันนี้เหลือแต่หนังแล้ว"

ในพรานผู้นี้กล่าวขึ้น

"ใหญ่เจ้ารีบร้อนจังไปเดินดูให้ทั่วก่อนเดี๋ยวค่อยตัดสินใจว่าจะเอาอะไร"

ชายชราไป๋อีเฟิงกล่าวกับสหาย

"ไม่ได้หรอกนะของประเภทนี้ถ้ามันเป็นของดีๆเจ้าจะรอกลับมาค่อยเอาไม่ได้หรอก ถ้าเจ้าชอบอันไหนรีบตัดสินใจเลยไม่อย่างนั้นเสียดายแน่"

ชายชราหม่าเหิงบอกสหาย ไม่นายก็มีนายพรานผู้หนึ่งถือกระสอบแล้ววิ่งมา พอเจอที่ว่างๆเขาก็วางของแล้วเปิดขายทันทีข้างในเป็นชิ้นส่วนของยูนิคอร์น

"มาจ้ายูนอคอร์นไม่ว่าจะเป็นเนื้อเป็นหนังเป็นเขาหรือเป็นหางมาเลยจ้า"

เสียงดังเรียกผู้คนหม่าเหิงได้ยินว่ายูนิคอร์นก็ดึงมือสหายแล้วพุ่งไปจุดนั้นทันที แล้วรีบหยิบเส้นทางยูนิคอร์นได้สามเส้น ไป๋อีเฟิงไม่เคยเห็นเขายูนิคอร์นแต่มันสวยดีเขาจึงหยิบขึ้นมาพินิจพิจารณาดู

"ท่านพี่ตาถึงเสียเหลือเกิน นั้นนั่นแหละเขายูนิคอร์นเป็นสิ่งที่หายากมาก ท่านพี่รับวันนี้ข้าให้ราคาพิเศษเลยเพราะว่ามันเป็นตัวเล็กเขาจึงเล็ก"

นายพรานพูดขึ้น ทั้งสองจึงรีบจ่ายเบี้ยแล้วเดินออกมาเพราะตอนนี้คนกรูกันเข้าไปหาชิ้นส่วนยูนิคอร์นกัน ชายชราทั้งสองเดินออกไปแล้วก็ร่ำรากัน เมื่อชายชราไป๋อีเฟิงกลับไปที่เรือนเขา นำเขายูนิคอร์นออกมาและหลับตาลงจับมันขึ้นด้วยมือทั้งสองและหมุนเขายูนิคอร์นสามรอบ แบมือออกมาก็พบกับปิ่นสีขาวสดใส ตรงปลายของมันเป็นเขายูริคอร์นที่ไม่เหมือนใคร เมื่อเสร็จแล้วเขาก็จัดโต๊ะทำพิธี เพียงโบกมือครั้งเดียวทุกอย่างก็เปลี่ยนไป โคมกระดาษสีขาวถูกจัดขึ้นอย่างประณีต พอตกค่ำถึงเวลานัดหมายเด็กน้อยหลินซือหยาก็ปีนขึ้นมานางก็เห็น กลางเรือนถูกประดับด้วยโคมกระดาษสีขาวแทนสีแดงแห่งความมงคล ท่านอาจารย์ เรียกนางมานั่ง ไร้เงาพ่อแม่ ไม่มีเสียงหัวเราะจากญาติพี่น้อง เหลือเพียงเสียงลมพัดกระทบกระดิ่งไม้ไผ่ดังเศร้าโศก เด็กน้อยหลินซือหยานั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าโต๊ะตัวหนึ่งที่ชายชราจัดไว้ให้ แทนที่จะมีญาติผู้ใหญ่เป็นผู้ปักปิ่นให้ กลับเป็นอาจารย์ชราผู้เลี้ยงดูมาตั้งแต่วัยเยาว์ ยกมือสั่นเทา หยิบปิ่นขึ้นอย่างเคร่งขรึม ปิ่นที่ทำเองจากมือมันเป็นเขายูริคอร์น

“วันนี้...เจ้ามิใช่เพียงศิษย์เล็กของข้าอีกต่อไป” น้ำเสียงอาจารย์สั่นพร่า ดวงตาแดงก่ำแต่พยายามสะกดกลั้นมิให้หยาดน้ำตาร่วง ขณะที่ปิ่นค่อย ๆ เสียบลงบนมวยผมดำขลับ หญิงสาวเงยหน้าขึ้น ดวงตาเอ่อคลอ

เสียงหัวใจในอกเต้นดังประหนึ่งกำลังประกาศถึงความโดดเดี่ยวและความเข้มแข็งที่ต้องเผชิญเพียงลำพัง ทว่าในความเงียบเศร้า พลังใจบางอย่างกลับพลันก่อเกิด — จากเด็กสาวที่ไร้ที่พึ่ง สู่วัยผู้ใหญ่ที่ต้องเดินบนเส้นทางชะตาของตนเอง อาจารย์วางมือบนบ่าศิษย์สาว เอ่ยถ้อยคำสุดท้าย

“จงก้าวไป...แม้ไร้ผู้คุ้มครอง เจ้าก็จักต้องเป็นผู้คุ้มครองตนเอง”

อาจารย์กล่าวขึ้น เดบ็กน้อนหลินซือหยาเก็บคำสอนไว้ในใจ พลางใช้มือลูปคำปิ่น นางไม่เคยเห็นปิ่นที่งดงามแบบนี้มาก่อน

"ขอบพระคุณมากเจ้าคะท่านอาจารย์"

เด็กสาวกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ผจญป่าฝึกใจ

    แสงอรุณแรกสาดลอดหมู่ไม้ ทาบเงาทาบพื้นดินเป็นริ้วทองอ่อนเสียงลมพัดผ่านยอดไม้ดัง “ซู่ซู่” คล้ายเสียงกระซิบจากวิญญาณโบราณในหุบเขาหนทางเบื้องหน้าเต็มไปด้วยหมอกขาวบาง ลึกลับราวม่านแห่งสวรรค์ที่กั้นระหว่างคนกับพลังลมปราณ หลินซื้อหยาย่างเท้าเข้าขึ้นอีกครั้งหลังจากพักผ่อนไปได้เล็กน้อย มือกำดาบไม้แน่น ในหัวใจไม่มีสิ่งใด นอกจากคำอาจารย์ที่ว่า“หากเจ้ามิอาจฝึกจิตให้สงบในหมู่ความวิเวก เจ้าก็ไม่มีวันก้าวข้ามขอบเขตวรยุทธได้”ทุกย่างก้าว นางต้องเผชิญทั้งความเงียบ ความหิว และความกลัวบางคืน เสียงสัตว์คำรามดังก้องในหุบเขาบางยาม ลมเย็นพัดผ่านจนเหมือนมีเงาผู้คนเดินตามอยู่ข้างหลัง แต่เมื่อหลับตาและปล่อยใจเข้าสู่สมาธิ นางกลับสัมผัสได้ถึงจังหวะของลมหายใจที่ผสานกับเสียงป่า ใบไม้ไหว คือการเต้นของพลังชีวิตสายน้ำที่ไหล คือการหมุนเวียนแห่งลมปราณและในที่สุด นางก็เข้าใจว่า “วรยุทธ มิได้อยู่ในคัมภีร์ แต่อยู่ในหัวใจผู้ไม่ยอมแพ้”ในป่า จากเด็กสาวที่กลัวเสียงสัตว์กลายเป็นนักยุทธที่ยืนหยัดได้กลางพายุฝนมือขวาจับดาบนิ่งสงบ ดวงตาแน่วแน่พลังภายในพลุ่งพล่านเหมือนสายน้ำที่ไหลกลับสู่ต้นธาร ราตรีนั้น ฟ้าปิดเงียบไร้ดา

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ก้าวแรกสู่ความกล้า

    เช้าวันต่อมาสองคนอาจารย์กับลูกศิษย์เมื่อกินข้าวกันเสร็จ ก็เตรียมตัวที่จะออกไปเดินป่าปกติเด็กน้อยจะไม่ค่อยได้ออกไปเดินป่าสักเท่าไหร่เพราะว่าในป่านั้นมันอันตรายชายชราจึงไม่อยากให้นางได้ไป แต่วันนี้นางมีวรยุทธถึงขั้นหนึ่งแล้ว นางจึงจำเป็นที่จะต้องหาประสบการณ์บ้าง ชายชราเพียงส่งเด็กน้อยไว้ในป่าที่เขาสามารถควบคุมได้และกลับไปยังเรือนของตัวเอง ยามที่เด็กน้อยผู้นี้ประสบภัยในป่านี้เขาก็จะได้รับรู้เป็นผู้แรกและจะมาช่วยนางได้ทันแน่นอน เมื่อนางเดินเพียงลำพังนางก็ขวัญคิดเมื่อนั้นทุกข์ได้ออกจากบ้านครั้งแรกตอนนั้นนางรู้สึกกลัวได้แต่เดินอยู่ในป่าแต่ณเวลานี้นางรู้สึกว่านางไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้วเพราะท่านอาจารย์บอกว่านางต้องหาประสบการณ์ในป่าต้องสู้กับสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร อาจารย์จะมารับในอีกสามวัน นางจะได้เผชิญโลกกว้างด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกนางรู้สึกตื่นเต้นมากๆ นางไม่รู้เลยว่าอยู่เฉยๆตัวเองจะมีวรยุทธ์ลำดับหนึ่งขึ้นมาได้อย่างไร แต่เอาเข้าจริงๆนางก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เพราะในความที่นางฝันนั้นมันเหมือนจริงมากๆ นางทรมานมากๆแล้วเป็นเวลานานเสียด้วย แต่ถ้าหากให้นางฝึกยุทแล้วทรมานขนาดนี้ แล้วมีวรยุทธ์เพียง

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ปักปิ่น

    ชายชราลงเขาเพื่อไปหาเครื่องประดับสำหรับสตรีสำหรับเขาแล้วไม่เคยชินสำหรับการสรรค์หาสักเท่าไหร่ หมู่บ้านเล็กๆที่มีของขายมากมายส่วนมากจะเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ไปจับจ่ายซื้อของที่ได้มาจากเขา นายพรานชอบล่าสัตว์ป่าบางประเภทที่หายากมาขาย แร่ธาตุต่างๆที่เหมาะสมสำหรับฝึกวรยุทธ์ รวมไปถึงส่วนใดส่วนหนึ่งของสัตว์ เช่นงาสัตว์และเขาสัตว์ที่หายากอีกต่างหาก เขาเดินเที่ยวหาเครื่องประดับสตรีอยู่ตั้งนาน"อ้า ไป๋อีเฟิงเจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะหาอะไรอยู่หรือเปล่า แต่ที่เจ้าหานั้นเป็นของสตรีนี่เจ้าจะหาไปให้ผู้ใดกันหรือ"เสียงชายชราผู้หนึ่งดังขึ้น มาแต่ไกลชายชราผู้นี้จึงมองไปที่เขา"อ่า เจ้าหม่าเหิง เป็นยังไงล่ะวันนี้ถึงมาเดินตลาดได้นะ"ชายชรากล่าวขึ้นเมื่อเห็นสหายเก่าเดินมาแต่ไกล"เขาว่าช่วงนี้มีหางยูนิคอร์นขายข้าเลยมาเดินดูเสียหน่อยเผื่อจะได้สักเส้น ว่าจะเอาไปต่อกระดูกเจ้าล่ะมาหาอะไรเห็นด้อมๆมองๆกับของพวกสตรีเหล่านี้ "ชายชราอีกคนถามขึ้น"ช่วงนี้ลูกศิษย์ของข้าจะมีอายุครบสิบห้าหนาวแล้ว ข้าจึงต้องทำพิธีปักปิ่นให้นางน่ะ ข้าจึงมาหาปิ่น เพราะเจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีปิ่น"ชายชรากล่าวขึ้น"เฮ้ เจ้ามีลูกศิษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก่อ

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ตื่นแล้ว

    ภาพนี้หยุดนิ่งอยู่เนินนานเลือดที่ออกจากทวารทั้งเจ็ดนั้นไม่ได้แห้งเหือดไปเหมือนไหลอยู่ตลอดเวลา ชายชราไม่ดื่มไม่กินยืนเฝ้าเด็กสาวผู้นี้และคอยฟังเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาตลอด พอถึงเช้าวันที่แปดเหมือนสีหน้าของเด็กสาวผู้นั้นจะดีขึ้นและเลือดเริ่มหยุดไหลแล้ว ลมหายใจของนางเร็วและถี่ขึ้นเหงื่อนั้นท่วมใบหน้า บางครั้งมีเส้นเลือดปูดวิ่งไปวิ่งมาตามตัว ชายชรามองด้วยความเห็นใจเด็กคนนี้กำลังจะต่อสู้กับดวงดาวที่ตนเลือกแล้ว ทางด้านเด็กน้อยกำลังลังเลว่าจะเลือกดาวดวงใดแต่อยู่ๆเหมือนสติก็ดับวูบลงไปพอได้สติอีกครั้งเหมือนแขนขาของเขาถูกตึงไว้ผิวหนังของนางร้อนระอุราวกับถูกไฟลวก อุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่าปกติ เลือดในกายขับเคลื่อนรวดเร็วราวน้ำเดือด ดวงตาร้อนฉานเหมือนเปลวเพลิงเผา ลมปราณถูกเร่งเร้าเกินขีดจำกัด คล้ายเชื้อไฟที่ถูกเติมไม่หยุด ทำให้เส้นลมปราณบางส่วนเหมือนจะถูฉีกแตกได้ หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกจากอก เสียงเลือดสูบฉีดดังสะท้อนในโสตประสาท รู้สึกเหมือนร่างกายถูกเผาจากด้านใน เลือดค่อย ๆ แห้งเหือด เป็นความทุกข์ที่ทรมานยิ่งนัก เหมือนว่ามันจะไม่รู้จักจบสิ้น เด็กน้อยพยายามฝืนทนกับความรู้สึกนี้ มันเหมือนจะก

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   เลือกดวงดาว

    เหมือนว่าแรกๆนางจะไปได้ไวมากแต่เหมือนตอนนี้ว่านางเริ่มจะชะงักแล้วชายชราจึงมองออกถึงปัญหาของนางว่าตอนนี้นางยังไม่สามารถที่จะสัมผัสกับดวงดาวได้ ตอนนี้นางแค่สัมผัสกับใจของตัวเองเพื่อไม่ให้จินตนาการไปให้เกิดความกลัวตอนนี้ใจนางบริสุทธิ์ก็จริง แต่ยังไม่สามารถรับพลังของดวงดาวได้ อาจจะเป็นเพราะว่านางกังวลเรื่องที่จะเลือกดวงดาวก็มีส่วน"คืนนี้ในการนั่งสมาธิเจ้าเงยหน้าไปมองดูดวงดาวนับร้อยนับพันพวกนั้นให้เจ้าจดจำสิ่งที่มันกระพริบให้ดีราวๆครึ่งคืนให้เจ้าหลับตาลงสู่สมาธิเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะเลือกดาวผิดหรือถูกตอนนี้เจ้าเป็นกังวลอยู่จึงทำให้ตัวเจ้าเองนั้นไม่มีความก้าวหน้า เจ้าจงคิดเสียว่าชีวิตเจ้ามาถึงขนาดนี้ได้มันดีแค่ไหนแล้ว การเลือกดวงดาวนั้นมันก็เป็นจังหวะของชีวิต มันจะมีดาวดวงหนึ่งที่สีสวยที่เจ้ามองแล้วก็ชอบนั่นแหละมันคือจังหวะชีวิตของเจ้าหากเจ้าเลือกมันมาแล้วมันเป็นดาวมรณะเจ้าก็ต้องทำใจว่าเจ้าต้องยอมตรงนี้ก่อน หากเจ้าไม่คิดที่จะเปลี่ยนเจ้ายังคิดกลัว เจ้าเองก็ไม่มีวันที่จะก้าวหน้า"ชายชรากล่าวกับเด็กน้อยวัยเจ็ดหนาว เด็กน้อยทำหน้าตาราวกับฟ้าจะถล่ม มันเป็นความรู้สึกกลัวจริงๆ จิตใจของนางก็กล

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   จิตนาการ

    "ท่านอาจารย์เจ้าคะแล้วคัมภีร์ที่ท่านอาจารย์ให้ข้าศึกษานั้นมันมีทั้งหมดกี่เล่มหรือเจ้าคะ แล้วข้าต้องไปหาจากที่ใด"เด็กน้อยถามขึ้นด้วยความสงสัย"มันจะมีกี่เล่มหรือไปหาที่ใดนั้นท่านอาจารย์ไม่สามารถรับรู้ได้ หากเจ้ามีบุญวาสนาเกี่ยวกับมันเจ้าก่อจะได้สัมผัสกับมันเอง บางครั้งอาจจะเป็นคัมภีร์เล่มๆแบบนี้หรือเจ้าอาจจะสัมผัสด้วยตัวของเจ้าเอง แล้วเจ้าก็จะได้เห็นวิชามันมาในรูปแบบต่างๆเอง อาเป็นว่าตอนนี้เราเริ่มบทเรียนบทแรกเพื่อที่จะให้เจ้าได้เปิดเส้นลมปราณฝึกวรยุทธ์เสียก่อนเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น"จะฝึกได้อย่างไรหรือเจ้าคะในเมื่อเขาให้ฝึกตอนกลางคืน ให้ไปนั่งสมาธิรับแสงดวงดาวเพื่อที่จะให้แสงแห่งพลังข้ามาในร่างกายให้มันมากๆ"เด็กน้อยกล่าวขึ้น"ใช่แล้วแหละเขาให้เจ้ามานั่งสมาธิเพื่อที่จะรับแสงจากดวงดาวแต่ตอนกลางวันนั้นเจ้าก็ยังต้องฝึกร่างกายเหมือนเดิมนั่นก็คือยืนขาข้างเดียวให้มั่นคงเสียก่อนไปเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น เด็กน้อยก็ทำตาม ณ เวลานี้นางเริ่มที่จะยืนขาเดียวได้แบบไม่เซแล้วเล็กน้อยแต่ใช้เวลาไม่นานนางก็ต้องเปลี่ยนใช้ขาอีกข้างนึงสลับกันไปในหนึ่งวัน นางก็รู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว แต่นี้ท่านอาจารย์ยังจะให้นั่ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status