/ แฟนตาซี / ดอกหญ้าทะยานฟ้า / เส้นทางสู่ยอดเขา

공유

เส้นทางสู่ยอดเขา

작가: Sanassetong
last update 최신 업데이트: 2025-09-27 11:42:07

ยามเช้าหลินซือหยาเก็บเสื้อผ้าของตัวเองใส่ห่อผ้า พร้อมกับอาหารแห้งที่บิดาให้เมื่อคืน สะพายถุงผ้าใบเล็กนั้น แล้วเดินออกจากบ้านมุ่งเดินไปยังทางขึ้นเขา เสียงหัวเราะเยาะจากคนทั้งหมู่บ้านดังตามหลังมาเหมือนเงา นางก้มหน้าลง มือกำชายเสื้อแน่น แต่ในดวงตานั้นกลับลุกเป็นไฟ นางจะไม่ยอมเป็นคนไร้ค่าอย่างที่ใครพูดอีกต่อไป นางจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเองถึงแม้จะไร้วรยุท นางต้องทำให้ทุกคนรู้ว่าการไม่มีวรยุทธนั้นก็อยู่ได้เช่นเดียวกัน นางเดินด้วยเท้ามาราวๆครึ่งวันก็หยุดพัก หลินซือหยามองไปรอบๆต้นไม้เต็มไปหมดเขาไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวแบบนี้มาก่อนแต่เขารู้สึกดีกว่าที่อยู่หมู่บ้านที่เขาจากมามาก เขาเปิดห่อผ้าออกและนำอาหารแห้งออกมากิน เส้นทางนี้น่าจะมาได้ไกลมากแล้ว นางพยายามไม่กินอาหารมากเนื่องจากว่านางไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางนางนั้นอยู่ที่ใดนางจะไปตั้งหลักปักฐานที่ใดดี สำหรับเด็กวัยห้าหนาวนั้นเป็นเรื่องที่อยู่ยากจริงๆ มารดาของนางอยู่ไหนหากมารดาของนางยังอยู่ ณ เวลานี้จะปล่อยให้เด็กน้อยผู้นี้เดินทางอยู่ในป่าเพียงลำพังหรือไม่นะนางพยายามคิด ถามว่ากลัวไหมนางบอกเลยว่ากลัวเพราะในป่านี้น่าจะมีสัตว์ป่ามากมาย แต่หากนางไม่ออกมาก็จะกลายเป็นตัวหายนะของตระกูลหลิน นางพยายามตั้งสติของเด็กน้อยวัยหนาวเริ่มไม่ให้ตัวเองกลัว เมื่อตะวันเริ่มตกเย็นเสียงสัตว์ป่าก็ร้องกันกึกก้องไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ปีกก็ร้องกันอย่างละงม ขนาดว่าตอนนี้ยังไม่มืดยังน่ากลัวขนาดนี้แล้วเด็กน้อยวัยห้าหนาวจะไม่รู้สึกกลัวได้อย่างไร หลินซือหยามีน้ำตาไหลออกมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว เพราะเขากลัวเข้ามาสิ่งสู่ในใจ สมองอันน้อยๆของนางก็บอกให้นางขึ้นต้นไม้ไป หากอยู่บนต้นไม้จะดีกว่าหากตอนกลางคืนอยู่ข้างล่างนางอาจจะโดนสัตว์คาบไปกินก็ได้ เมื่อนางขึ้นมาแล้วไม่นานก็มืด เสียงสัตว์เหล่านั้นยังร้องกึกก้องอยู่ตลอดเวลา นางพยายามไม่หลับไม่นอนแต่สำหรับเด็กวัยห้าหนาวแล้ว เรื่องนอนคือเรื่องใหญ่เลยทีเดียวจึงทำให้นางเผลอหลับไปดีหน่อยที่ต้นไม้ที่นางขึ้นนั้นโตพอที่จะรับตัวนางไว้ได้ จึงไม่ทำให้นางตกลงไป เมื่อตอนเช้าดวงตะวันขึ้นแสงตะวันนั้นสาดเข้าสู่ดวงตาของนางก็รู้สึกตัวนางพยายามลืมตาขึ้นอย่างช้าๆก็พบว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่อยู่บนต้นไม้กำลังกอดกิ่งไม้อยู่เลย ในเวลากลางวันแบบนี้พวกสิงห์สาราสัตว์ก็ไม่ได้ออกมาอีกแล้ว นางจึงรู้ว่านางมีเวลาเดินเพียงยามกลางวันเท่านั้น เวลาใกล้จะค่ำต้องหาที่หลบซ่อนเพราะสิงห์สาราสัตว์มากมายเหลือเกิน นางย้อนไปคิดบิดาของนางเขารู้หรือไม่ว่าบนเขานั้นมันอันตรายขนาดนี้ หรือบิดาจงใจให้นางเข้ามาตายด้วยตัวเองตอนนี้เขาคงคิดแล้วละว่านางคงโดนสัตว์เหล่านี้กัดตายไปแล้ว หลินซือหยากินอาหารแห้งอีกครั้งก่อนที่จะลงจากต้นไม้แล้วเดินทางไปข้างหน้าเรื่อยๆนางมองดูยังภูเขาที่สูงนั้นนางต้องขึ้นไปอยู่บนภูเขาเพราะผู้ที่เป็นบิดาบอกว่าให้นางไปอยู่บนเขาจะได้ไม่ต้องเจอกับผู้คน นางเดินอยู่ในป่านี้มาราวราวสามวันแล้ว แต่นางก็ยังไม่มีวี่แววที่จะขึ้นเขาไปเสียที การเดินทางที่ไม่มีจุดหมายที่ไม่มีแผนที่ในการเดิน การเดินทางเพียงลำพังไม่มีใครให้ถาม การกระทำทุกอย่างขึ้นกับการตัดสินใจของนางเพียงผู้เดียว แต่ตอนนี้ยางยังเด็กต้องการที่พึ่งเอาเสียมากๆ ย้อนคิดไปวันที่จากมาอยู่ในใจน้ำตาก็ไหลอีกครั้ง นางก็เดินไปอย่างไม่ลดละอาหารแห้งขนาดนางกินทีละน้อยแล้ว แต่ของมันก็มีน้อยตอนนี้ก็ใกล้จะหมดแล้ว นางนั่งลงและนำถุงผ้ามาดูหากนางยังกินอยู่แบบนี้อีกสองวันก็น่าจะหมดแล้ว ที่แท้บิดาของเขาอาจจะไม่ต้องการให้เขาถูกกัดตายก็ได้ แต่อาจจะอยากให้เขาอดอาหารตายแทน หลินซือหยาไม่ยอมแพ้เด็ดขาดไม่มีอาหารนางก็ต้องหาผลไม้ เดิมทีนางจะเดินไปทางทิศเดียวเพื่อมุ่งขึ้นเขาเลยจึงไม่ค่อยดูรอบข้างว่ามีผลไม้หรือไม่ แต่ตอนนี้นางก็เน้นหาผมไม้จนลืมโฟกัสเส้นทางเดิมจนในที่สุดนางก็หลงทาง แต่ตอนนี้ผลไม้อยู่เต็มทั้งสองมือของนางแล้วไม่ว่าจะเป็นองุ่นป่าที่รสชาติออกเปรี้ยวหวาน ลูกพลับป่าผลสีส้มแดง ลิ้นจี่ที่ลูกเล็กมีรสชาติเปรี้ยว แถมนางยังได้ฝรั่งป่ามาอีก และมีอีกอย่างหนึ่งที่นางเอามาไม่ได้ก็คือกล้วยป่าที่เครือใหญ่มากนางยังรู้สึกเสียดายไม่หายเพราะกล้วยนั้นยังไม่สุก แต่พอนางมองกลับมาก็รู้แล้วว่านางหลงทางนางไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนต่อไป เนื่องจากต้นไม้มันก็เหมือนกันหมด คราแรกที่นางเดินก็คือมุ่งหน้าไปข้างหน้าอย่างเดียวแต่พอออกหาอาหารก็กลับลืมเส้นทางเสียแล้ว เด็กวันห้าหนาวห่อผลไม้ใส่ถุงผ้าแล้วขึ้นต้นไม้ไปเพื่อที่จะหลบซ่อนสิงห์สาราสัตว์ได้ตอนกลางคืน เขานั่งกินผลไม้อย่างเอร็ดอร่อย พอตะวันตกดินก็หลับไป เอาเข้าจริงๆการใช้ชีวิตอยู่ในป่านั้นไร้อันตรายเสียมากมาก บางครั้งนางก็เหมือนกับพบสัตว์เล็กสัตว์น้อย แต่นางไม่ได้เข้าไปยุ่งกับมันมันก็ไม่ยุ่งกับนางจนในที่สุดนางก็เริ่มชินแล้ว พอเช้านางก็ลงจากต้นไม้ตามเคยแต่ตอนนี้นางก็ไม่รู้แล้วว่าจะไปทิศทางใด แต่ก่อนแค่มุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว แต่ตอนนี้นางก็สังเกตรอบข้างมากขึ้น ตอนนี้นางน่าจะอยู่ในป่าลึกแล้วต้นไม้แถวนี้มีเห็ดงอกเต็มไปหมด นางเคยดูในตำราของพี่ชายก็พอรู้บ้างว่าเห็ดขนิดใดกินได้เห็ดชนิดใดกินไม่ได้ แต่การกินเห็ดนั้นก็ต้องนำไปทำให้สุกก่อนถึงจะกินได้ แต่นางไม่มีอุปกรณ์ที่ทำให้ก่อไฟแต่อีกอย่างนางก็ก่อไฟตามธรรมชาติไม่เป็นนางเคยรู้วิธีแต่นางก็ไม่เคยลองจึงมองดูเห็นพวกมันเฉยๆไม่ได้เก็บมันนางเห็นสมุนไพรหลายชนิด นางเก็บมาเล็กน้อย ตำราของสำนักศึกษาช่างดีจริงๆ ขนาดว่านางไม่มีเส้นลมปราณในการฝึกประยุทธ์ แต่เมื่ออ่านตำราของพี่ชายก็ได้รู้ถึงพวกเห็ดป่าสมุนไพรรวมไปถึงการพิชิตสัตว์อีกด้วยแต่นางนั้นก็จำเกี่ยวกับการพิชิตสัตว์ไม่ค่อยได้เลยส่วนเรื่องสมุนไพรกับเห็ดนั้นนางจำได้ดี นางยังคิดกลับไปว่าหากว่านางออกจากหมู่บ้านนั้นแล้วไปเจอหมู่บ้านอื่น หมู่บ้านที่ไม่รู้ว่านางเป็นผู้มีเส้นลมปราณที่ปิดตายที่ไม่สามารถฝึกวรยุทธได้ หากนางนำพวกสมุนไพรและเห็ดพวกนี้ไปขายนางก็จะมีชีวิตที่ดีกว่าอยู่ในป่านี้แน่นอน แต่ตอนนี้นางไม่สามารถที่จะรู้ได้เลยว่าตัวเองอยู่จุดใดของป่า และหากออกไปแล้วนางจะกลับเข้ามาจุดนี้อีกก็น่าจะยากอยู่ ด้วยความจำของเด็กวัยห้าหนาวที่ยังไร้เดียงสาจะจำได้อย่างไรว่าจุดนี้มันคือที่ใด ต่อให้อนาคตโตขึ้นพอกลับมานั้นก็คงจะจดจำที่นี่ไม่ได้แล้ว นางเดินไปสักพักใหญ่ๆนางก็พบกับวัตถุสีดำขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า นางจึงค่อยๆย่องเข้าไปก็พบว่าตรงนั้นมีคนนอนอยู่ นางก็กล้าๆกลัวๆว่าจะเดินเข้าไปดีหรือไม่ แต่สุดท้ายด้วยความอยากรู้อยากเห็นนางก็เดินเข้าไป

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ขัดเกาจิตใจ

    เด็กน้อยหลินซือหยาเมื่อเห็นชายชรานั้นยิ้มตอบ ตนก็รู้แล้วว่าตนตอบคำถามได้ถูกต้องตามที่ชายชราปรารถนา เด็กน้อยคุกเข่าลงและคำนับท่านผู้เฒ่าสามครั้ง "ข้าขอกราบท่านตาเป็นอาจารย์นะเจ้าคะ เพราะในตำราบอกว่าถ้ามีอาจารย์จะทำให้ข้าเข้าใจในบทความทุกบทความได้เร็วขึ้น"เด็กน้อยหลินซือหยากล่าวขึ้น เจ็ดวันที่ผ่านมาเขาไม่ใช่แค่จดบทกวีและดูความหมายของมันเท่านั้น เขายังมองไปดูหน้าอื่นๆเผื่อหน้าอื่นๆจะซ่อนความหมายของบทกวีนี้ และหนังสือหน้าอื่นๆก็แสดงให้เรารู้เพียงว่าหากเป็นศิษย์มีครูย่อมประสบผลสำเร็จได้เร็วขึ้น เด็กน้อยผู้นี้ก็นับถือชายชราผู้นี้อยู่แล้ว ยกให้เขาเป็นครูได้เลย"เจ้าเด็กผู้นี้รู้จักพูดดีนัก ได้ข้าจะรับเจ้าไว้เป็นศิษย์เพียงผู้เดียว555 มาข้าจะตีความหมายแต่ละตอนให้ฟัง วันนี้คำตอบของเจ้านั้นโดนใจและตรงใจและตรงประเด็นมาก"บทแรก ลมพัดหวนผ่านฟ้าเวิ้งว้าง ดวงจันทร์ส่องกลางธารามืดมิดมักก็คือบรรยากาศแห่งความเวิ้งว้างว่างเปล่า สะท้อนถึงโลกที่เต็มไปด้วยความมืด ความทุกข์ หรือความไม่แน่นอน แต่ยังมีแสงจันทร์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง ความจริง และความสว่าง ที่คอยนำทางบทที่สองเงาดาบหนึ่งฟาดสะท้านส

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   บทกวี

    หลังจากกินข้าวเสร็จชายชราก็พาเด็กน้อยลงไปด้านล่างเพื่อที่จะไปหาหนังสือตำหรับตำราเขาหยิบหนังสือออกมา แล้วไสคืนที่ ชายชราเดินหยิบไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็ได้ตำรามาสองเล่มและสมุดเปล่าอีกหนึ่งเล่ม ก่อนที่จะเดินหาผู้กันและหมึก"ได้ของครบแล้วป่ะขึ้นไปเรียนด้านบนกันเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้นและพาเด็กน้อยขึ้นไปด้านบน เขาโบกมือหนึ่งครั้งทำให้โต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงกลางนั้นไหลมาอยู่ตรงริมจุดที่เด็กน้อยปีนขึ้นมา ชายชราไม่ได้ปีนขึ้นมาดั่งที่ตัวเองพูด เผลอแป๊บเดียวเขาก็ขึ้นมาข้างบนได้แล้ว เด็กน้อยหลินซือหยาได้แต่คิดในใจอีกสักกี่ปีนะ นางถึงจะสามารถเหาะขึ้นมาข้างบนได้แบบนี้"มานั่งเถอะ ข้าต้องสอนหนังสือให้เจ้าก่อนให้เจ้าก่อน เจ้าจะได้รู้ตัวหนังสือแล้วเจ้าจะได้ศึกษาตำราด้วยตัวเอง"ชายชรากล่าวขึ้น"แบบนั้นท่านตาให้ข้าเขียนให้ดูก็ได้นะเจ้าคะเพราะว่านั้นก็ได้ร่ำเรียนมาด้วยตัวเองบ้าง ข้าเคยเอาตำราของพี่ชายของข้ามาฝึกฝน การเขียนอักษรบ้างแล้ว การเริ่มเขียนนั้นน่าจะไม่ค่อยจำเป็นสักเท่าไหร่ แต่ข้าอาจจะเขียนคำยากๆไม่ได้ และไม่รู้ความหมายของมันเท่านั้นเจ้าค่ะ"เด็กน้อยกล่าวขึ้น ชายชราจึงนำสมุดเปล่าและก็นำหมึกมาวางให้นางลองเ

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ชั้นบนของกระต๊อบ

    เช้าวันรุ่งขึ้นเด็กน้อยตื่นมาด้วยความหอมกลิ่นกรุ่น เหมือนจะเป็นไก่ย่างที่ลอยเข้ามาปลุกนางในยามเช้า จากนั้นนางก็อ้าปากหาวหนึ่งครั้งแล้วมองไปทุกที่ก็ไม่เห็นว่าจะมีที่ทำอาหารที่ไหนเลย เด็กน้อยเปิดประตูออกไป ท่ามกลางม่านหมอกบาง ๆ แสงอาทิตย์แรกของวันลอดผ่านกิ่งไม้ใหญ่ ส่องกระทบกระต๊อบเล็กหลังนี้ ที่ตั้งอยู่กลางสวนเขียวชอุ่ม กระต๊อบไม้เรียบง่ายมุงหลังคาฟางดูอบอุ่นดั่งอ้อมกอดของธรรมชาติหน้ากระต๊อบเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ทั้งกุหลาบสีแดงสด ดอกเดซี่สีขาวสะอาด ดอกลาเวนเดอร์หอมหวานที่ส่งกลิ่นอบอวลไปทั่ว และดอกไม้ป่าหลากสีที่ชูช่อรับแสงตะวัน เกสรเล็ก ๆ พลิ้วตามลมบางเบา กลิ่นหอมอ่อนหวานลอยเคล้าไปกับเสียงนกร้อง เสมือนบทเพลงที่ต้อนรับวันใหม่ เด็หน้อยสูดหายใจเย็นเข้าไป หยดน้ำค้างที่เกาะบนกลีบดอกส่องประกายระยิบระยับราวอัญมณีเล็ก ๆ แสงอาทิตย์อุ่นละมุนตกกระทบผนังไม้ของกระต๊อบ ทำให้ทุกสิ่งรอบตัวดูอ่อนโยนและมีชีวิตชีวา บรรยากาศเต็มไปด้วยความสงบและความสดใสของรุ่งอรุณ เด็กน้อยยืนชมความงามได้สักพักก็จำได้ว่าตัวเองนั้นตามกลิ่นของไก่ย่างออกไปพอมองไปรอบๆก็ไม่เห็นมีไก่ย่างเลย"เด็กน้อยเจ้าตื่นแล้วจะฝึกเลยหรือ

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   กระต๊อบไม้หลังเล็ก

    พวกเขาทั้สองเดินไปเรื่อยๆ เสียงก้าวเดินแผ่วเบาดังก้องไปพร้อมกับเสียงใบไม้ไหว เสียงน้ำหยดจากกิ่งไม้สูงตกลงใส่พื้นอย่างแผ่วพร่า บางคราวมีเสียงนกประหลาดร้องยาวคล้ายท่วงทำนองสวดสรรเสริญ ก้องสะท้อนในหุบเขา ละม้ายเสียงเพลงจากโลกอื่น ทำให้ผู้เดินทางต้องหยุดฟังราวกับถูกสะกด เสียงนั้นพาให้ใจว่างเปล่า ลอยคว้างอยู่ในภวังค์ เด็กน้อยซือหยาหยุดเดินเป็นช่วงๆคอยฟังเสียงต่างๆ "เจ้าเหมือนจะสนใจสิ่งรอบข้างมากมายนะ รอให้เจ้าฝึกฝนให้ได้เสียก่อน ข้าจะปล่อยให้เจ้าเดินผจญภัยในป่าแห่งนี้ บอกเลยว่าสนุกเลยทีเดียว ป่าแห่งนี้มีทั้งสมุนไพรมากมาย แถมมีของหายากอีกเยอะแยะ แล้วยังมีสัตว์วิเศษที่รอให้เจ้าเป็นเจ้าของอยู่ แต่มันต้องรอให้ถึงเวลาของมันเสียก่อน"ชายชรากล่าวขึ้น เพราะเห็นเด็กผู้นี้เดินไปด้วยหยุดไปด้วยและบางครั้งก็เหมือนกับนางอินกับเสียงนกร้องเสียงกา"จริงเหรอจ๊ะท่านตาข้าจะได้มาเที่ยวในป่านี้อีกครั้งด้วยหรือ แต่เราสองคนจะเดินนานแค่ไหนล่ะถึงจะถึงที่ที่ท่านตาอยู่"เด็กหลินซือหยากล่าวขึ้น"ก็เดินทั้งวันแหละวันนี้พอตกค่ำปุ๊บก็ถึงที่พักของข้าทันทีเจ้านิใจร้อนไปได้ ทีเดินป่ามาตั้ง เจ็ดแปดวันยังไม่เห็นจะรีบร้อนเลย"

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ใบไม้ยักษ์

    ขนาดพวกเขาใช้ใบไม้ยักษ์ในการเดินทางยังใช้เวลาไปตั้งนาน แรกๆหลินซือหยายังมองไปข้างล่างอย่างสนใจ เด็กน้อยตื่นเต้นมากต้นไม้ใบสีเขียวแก่เขียวอ่อนสลับกันไป บางต้นก็มีดอกมีผลด้วย นางมองด้วยความเสียดายถ้าใบไม้นี้บินต่ำกว่านี้ก็คงจะเก็บผลไม้มาไว้กินได้ ผลไม้แล้วผลไม้เล่าผ่านใต้ท้องพวกเขาไปอย่างนาเสียดาย หลินซือหยาชะเง้อไปมองผลไม้ที่ผ่านไป"ผลไม้ในป่านี้ตอนนี้มันลูกเล็กอยู่ถ้าหากอยู่ใกล้ๆบนเขานู้นจะลูกใหญ่กว่านี้ หรือว่าเจ้าหิวแล้วหรือถึงมองผลไม้ขนาดนั้น"ชายชรากล่าวถาม"ผลไม้มีลูกใหญ่กว่านี้อีกหรือจ๊ะท่านตา ไหนท่านบอกว่าท่านเป็นนักยุทธพเนจรแล้วทำไมรู้จักสถานที่นี้ดีจังเลยนะท่านตา"เด็กน้อยถามด้วยความสงสัย"เจ้าไม่รู้หรอกหรือที่ที่อยูห่างไกลผู้คนนั่นแหละที่จะมีอะไรดีๆเด็ดๆ และที่ข้าบอกว่านักยุทธพเนจรก็ไม่ได้บอกว่าไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากมายนี่เจ้ายังเด็กมากนัก สถานที่นี้ก็ได้มาบำเพ็ญแล้วไม่ต่ำกว่าห้าครั้งทุกๆสี่ห้าปีข้าก็จะมาหนึ่งครั้ง เพราะข้างบนนั้นมันมีไอวิเศษที่เข้มข้นเหมาะกับการฝึกยุท"ชายชรากล่าวขึ้น "จริงหรือจ๊ะท่านตา แล้วท่านว่าบิดาของข้าจะรู้หรือไม่ว่าข้างบนนี้มีไอวิเศษเข้มข้น"เด็กหลิ

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   นักยุทพเนจร

    เมื่อชายชราผู้นี้ลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เห็นเด็กสาวผู้นี้นอนอยู่ ตอนนี้พลังของเขากลับมาเหมือนเดิมแล้ว พิษที่ได้รับก็หายไปหมดแล้ว สมุนไพรในป่านี้ช่างวิเศษเสียเหลือเกิน ตั้งนานเด็กน้อยผู้นั้นก็ลืมตาตื่นขึ้นมา เขามองชายชรานั่งอยู่ใกล้ๆแล้วก็รู้สึกอับอายที่ตัวเองนั้นเผลอหลับไป"เด็กน้อยเจ้ามีความเป็นมาอย่างไรทำไมถึงมาอยู่ในป่าลึกคนเดียวแบบนี้"ชายชราถามขึ้น หลินซือหยาไม่รู้ว่าจะพูดออกมาได้ไหม หากว่าพูดว่าตัวเองถูกไล่จากหมู่บ้านเพราะว่าไม่มีเส้นลมปราณฝึกวรยุทธก็กลัวว่าชายชราผู้นี้จะรังเกียจตน แต่คิดไปคิดมาหากชายชราผู้นี้จะรังเกียจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทุกๆคนในหมู่บ้านก็รู้ว่านางไม่มีเส้นลมปราณฝึกวรยุทธ อาจจะมีคนรู้เพิ่มอีกสักคนคงไม่เป็นไรกะมัง"ท่านตาเจ้าค่ะข้ามันคนไร้ค่า ข้าถูกไล่ออกจากหมู่บ้านเพราะว่าข้าไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแท่งตรวจเส้นลมปราณให้มีสีได้ คนในหมู่บ้านบอกว่าข้าเป็นคนไร้ค่าและไม่อยากให้ข้าอยู่ในหมู่บ้านนั้นเจ้าค่ะ ข้าจึงต้องมาอยู่ในป่าแห่งนี้ และทิศทางที่ข้าจะไปนั้นก็คือภูเขาเจ้าคะข้าต้องขึ้นไปอยู่บนภูเขานั้น"เด็กน้อยหลินซือหยากล่าวขึ้น"โธ่เด็กน้อยแล้วเจ้ามีนามว่าอะไรหรือ แล้ว

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status