LOGIN"กรี๊ดๆๆๆ"
นางกรีดร้องขึ้นแต่นางก็ปิดปากของตัวเองได้ทั้ง ถุงผ้าของนางตกลงสู่พื้น นางเห็นบุรุษผู้หนึ่งที่นอนอยู่นั้น มีเลือดอาบเต็มตัวเต็มไปหมด มีรอยบาดแผลใหญ่ๆมากมาย นางมองด้วยความหวาดกลัว นางใช้มือทั้งสองปิดอยู่ที่ปากของตัวเอง นางกลั้นหายใจฟังเสียงรอบข้างก็ไม่มีสิ่งใดตอบโต้ แสดงว่าคนผู้นี้ตายเพียงลำพัง แต่เอาเข้าใจจริงในป่าลึกขนาดนี้จะมีคนมานอนตายได้อย่างไร และอีกอย่างเหมือนถูกฆ่าตายยังไงยังนั้น ดูสภาพแล้วเหมือนกันสู้รบพ่ายแพ้แล้วก็ตาย เขาใส่ชุดดำที่มีผ้าคลุมใบหน้านางจึงคิดว่าเป็นคนไม่ดี ที่นางรู้ว่าเป็นบุรุษเพราะว่ารูปร่างใหญ่โต เลือดของเขายังไหลออกจากตัวไม่หยุด เด็กน้อยเห็นสภาพนี้แล้วตกใจมาก นางจึงรีบเก็บถุงผ้าแล้วเดินออกไปจากจุดนี้เพราะนางได้ยินเสียงเหมือนมีสัตว์เดินเข้ามาแล้ว นางกลัวว่าสัตว์จะเห็นนางและทำร้ายนาง นางจึงเดินออกไปข้างหน้า ด้วยอาการที่อกสั่นขวัญหายอยู่เลย เมื่อเดินห่างจากที่นั้นไดลนางก็รู้สึกว่าลมหายใจของนางเป็นปกติแล้ว เสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะนั้นกลับมาเป็นจังหวะ ผู้ใดคือศัตรูของบุรุษผู้นั้นนะ หากว่านางพบคนผู้นั้นเขาจะฆ่านางไหมนะ นางเดินไปสักพักก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวตรงหน้า นางจึงมองดูจึงพบว่ามีสัตว์ตัวหนึ่ง มันเป็นคล้ายๆกับเสือที่มันเป็นสีดำและมีลักษณะใหญ่โตคล้ายๆกับหมี กำลังกัดกินอะไรอยู่มันเป็นสีแดงเหมือนเลือดไหลออกมาจากปากมัน พอมองดูดีๆก็พบว่าสิ่งนั้นคือร่างของมนุษย์ซึ่งเหมือนกับร่างที่นางเห็นว่าครู่ไม่มีผิด นางจึงพยายามเดินเบาๆแล้วหลบหนีไปอีกทางหนึ่ง สิ่งที่เห็นนั้นน่าหวาดกลัวเสี่ยงเหลือเกิน หลายวันที่ผ่านมานางคิดมาตลอดว่าเส้นทางที่นางมาไม่มีอันตรายใดๆ แต่พอเจอเข้าแบบนี้ นางไม่คิดเช่นนั้นแล้วนางกลัวเอาเสียมากๆ เด็กวัยห้าหนาวเจอแบบนี้แทบช็อคเลยที่เดียว แต่นางต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเพราะนางอยากมีชีวิตอยู่ หากตอนนี้นางยังอยู่ที่บ้านนางก็คงไม่เจอะเจอกับสภาพแบบนี้แน่ แต่นางก็คงจะถูกมองว่าไร้ค่าอยู่ดี ตอนนี้หัวใจบอกว่ายังเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่เลยแต่แล้วนางก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ นางกะว่าจะรีบเดินออกไปจากเสียงนั้น แต่ทางข้างหน้าที่นางจะเดินไปนั้นนางได้ยินเสียงสัตว์ร้องนางจึงต้องหลบไปทางที่มีการต่อสู้ นางย่องไปก็เห็นการต่อสู้ของผู้มีวรยุทธ จึงทำให้นางสนใจขึ้นมา การต่อสู้ที่ใช้กำลังภายในนางไม่เคยเห็นมาก่อนเห็นบอกผู้หนึ่งผมขาวอายุของเขาน่าจะมากแล้ว กำลังกระโดดตวัดดาบกลางอากาศไปมา ร่างของคนในชุดดำที่มีผ้าพอกหน้าด้วยนั้น ล้มลงไปกองกับพื้นแถมยังมีเลือดออกอีกด้วย บุรุษที่ใส่ชุดดำนั้นมีราวๆห้าคน คนนึงล้มลงไปแล้วก็เหลืออีกสี่คนที่วิ่งทะยานไล่บุรุษที่ใส่ชุดขาวนั้น ภาพที่นางเห็นนั้นน่าสนใจก็จริงแต่นางก็กลัวจับใจการฆ่ากันตายซึ่งๆหน้าแบบนี้เลยหรือ นางไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดีเสียงของสัตว์ก็ยังดึงก้องอยู่ตลอดเวลา นางเคยอ่านในตำราของพี่ชายสัตว์เหล่านี้น่าจะเป็นสัตว์อสูรบางตัวนั้นได้กลิ่นของผู้มีวรยุทธก็จะเข้ามาร่วมต่อสู้กับผู้มีวรยุทธทำให้ผู้มีวรยุทธนั้นฝึกกำลังไปในตัว ในตำราบางคนต้องเข้าป่าลึกเพื่อที่จะไปฝึกประสบการณ์ด้วยตัวเองโดยการล่าสัตว์อสูร เกิดมานางไม่เคยคิดมาก่อนว่านางจะต้องมาเจอกับสัตว์อสูรนางเห็นกับมันตัวเป็นๆที่กำลังกัดกินซากศพอยู่ นางอยู่ที่เดิมได้ไม่นานนักนางก็ต้องวิ่งออกไปจากจุดนี้แล้ว เพราะเหมือนว่าสัตว์อสูรเหล่านั้นจะได้กลิ่นศพที่ตาย เพื่อนนางวิ่งออกมาสักครู่ก็ได้ยินเสียงสัตว์อสูรเหล่านั้นกัดกันเพื่อแย่งกินซากศพ คืนนี้นางยังคงระแวงว่านางจะอยู่ที่ใดดีเนื่องจากว่าป่าแถวนี้มีสัตว์อสูรมากมาย หากนางอยู่บนต้นไม้ก็ไม่น่าจะรอด นางได้แต่งพุ่งวิ่งไปตลอดเวลาก็ไปพบศพอีกจนได้ นางพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไปทางนั้นในที่สุดนางก็เหนื่อย นางพิงต้นไม้ใหญ่ไม่นานนางก็ได้ยินเสียงแสกสากบริเวณใกล้ๆ นางมองไปดูก็พบกับชายชราผู้นั้นกำลังเดินมาทางนางเขาเหมือนบาดเจ็บสาหัสมือข้างหนึ่งกุมที่หน้าอก มืออีกข้างหนึ่งจับดาบเหมือนกำลังใช้ดาบยันตัวเองแล้วเดินลากขาออกมา เลือดเขานั้นยังหยดตามทางอยู่เลย เสียงดาบครูดกับดินและหยุดลงสลับกับเสียงก้าวเท้า และครูดกับดินอีกครั้ง เป็นเสียงแบบนี้ซ้ำๆนางจึงแอบดู ชายชราที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหนวดเคราสีเงินผมสีเงินของเขาก็หลุดออกจากยางมัดตอนนี้เขาจึงดูเราๆกับขอทานและใบหน้าของเขาก็เปื้อนเลือดสภาพร่างกายคือย่ำแย่แต่เขายังลากสังขารของเขาเดินต่อมาเรื่อยๆ ลมหายใจของเขานั้นโรยรินเสียเหลือเกิน ถ้าปล่อยไว้อย่างนั้นเขาอาจจะไม่ได้ตายด้วยคมดาบที่ต่อสู้เมื่อครู่ แต่อาจจะตายเพราะสัตว์อสูรได้กลิ่นเลือดแล้วมากัดกินก็ได้ หลินซือหยามองดูสักพักก็ตัดสินใจเดินออกไป เมื่อชายชราผู้นั้นเห็นก็ตกใจเล็กน้อยเพราะเขาไม่คิดว่าจะมีเด็กน้อยตัวเล็กๆที่อยู่ในป่าคนเดียว เขามองไปรอบข้างมองไปข้างหลังของเด็กน้อยก็ไม่เห็นมีใคร "ท่านตาท่านบาดเจ็บสาหัสข้ามีสิ่งใดสามารถช่วยท่านได้หรือไม่เจ้าคะ" เสียงของเด็กน้อยแหบเล็กน้อยเรื่องจากนางไม่ค่อยได้ใช้เสียงมาหลายวันแล้ว นอกจากเสียงกรี๊ดเมื่อที่นางพบเจอกับศพแรก นางไม่รู้ว่านางจะช่วยเขาได้ไหมแต่ดูแล้วเหมือนเขาเป็นคนดีนางจึงคิดอยากจะช่วยเขา "เด็กน้อยไม่มีใครช่วยข้าได้หรอกบาดแผลที่ข้าได้รับนั้นมาจากดาบที่อาบไปด้วยพิษ ไม่นานข้าก็คงจะตายแล้วเจ้ารีบไปเถอะเพราะเมื่อข้าตายสัตว์อสูรในป่านี้ก็ต้องมารุมกัดกินข้าแล้วเจ้าจะไม่ปลอดภัย" ชายชราผู้นั้นกล่าวขึ้น "ท่านตาข้าเห็นท่านตามต่อสู้ได้เก่งขนาดนี้ ท่านตาจะยอมตายง่ายๆหรือเจ้าคะ เอาแบบนี้ข้ายังพอมีสมุนไพรอยู่ เป็นสมุนไพรรักษาพิษของป่าแห่งนี้ มันน่าจะใช้ได้เอาแบบนี้ท่านตาเ กินอาหารแห้งนี้ก่อนนะเจ้าคะแล้วก็กินสมุนไพรนี้ตาม" เด็กหลินซือหยากล่าวขึ้นและส่งอาหารแห้งที่นางมีให้ผู้เฒ่า ที่นางไม่ให้ชายชรากินผลไม้เพราะว่าหากจะกินกับสมุนไพรแล้วมันจะทำให้มีฤทธิ์ขัดกัน จะทำให้สมุนไพรไม่สามารถสำแดงฤทธิ์ของตัวเองได้ อาการก็จะแย่ลงกว่าเดิม ชายชราดมสมุนไพรสักครู่ก็รู้ว่าเป็นสมุนไพรรักษาจริงๆเขารีบกัดอาหารแห้งไปสักเล็กน้อยแล้วก็กินสมุนไพรทันที "มาเถอะเดินมาไกลกว่านี้อีกสักหน่อยนึงหากอยู่ใกล้จุดนี้เดี๋ยวสัตว์อสูรจะลากพวกเราสองคนไปกินเสียก่อน" ชายชราพูดขึ้นตอนนี้เขามีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว เพราะอีกไม่นานยานั้นก็ออกฤทธิ์ชายชรายังพอมีกำลังเมื่อนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่เขาก็สร้างเกราะป้องกันขนาดใหญ่ไว้ให้ตัวเองและเด็กผู้นั้นเพื่อไม่ให้สิงสาราสัตว์เข้ามา และชายชราผู้นั้นก็นั่งสมาธิอยู่แบบนั้น เมื่อค่ำลงแล้วเสียงสัตว์ก็ร้องดังเช่นเคยแต่ตอนนี้หลินซือหยาไม่สามารถที่จะขึ้นต้นไม้ได้ เพราะหากนางขึ้นต้นไม้ก็ต้องปล่อยให้ชายชราอยู่ข้างล่างเพียงลำพัง จึงอาศัยกำลังของนางคอยดูแลชายชรา นางพยายามจะไม่หลับนอนแต่มันก็น่าแปลกเสียงสัตว์อสูรนั้นดังก็จริง แต่ไม่มีสัตว์อสูรตัวใดมาหาพวกเขาเลยสักตัว ที่สุดนางก็เผลอหลับไปแสงอรุณแรกสาดลอดหมู่ไม้ ทาบเงาทาบพื้นดินเป็นริ้วทองอ่อนเสียงลมพัดผ่านยอดไม้ดัง “ซู่ซู่” คล้ายเสียงกระซิบจากวิญญาณโบราณในหุบเขาหนทางเบื้องหน้าเต็มไปด้วยหมอกขาวบาง ลึกลับราวม่านแห่งสวรรค์ที่กั้นระหว่างคนกับพลังลมปราณ หลินซื้อหยาย่างเท้าเข้าขึ้นอีกครั้งหลังจากพักผ่อนไปได้เล็กน้อย มือกำดาบไม้แน่น ในหัวใจไม่มีสิ่งใด นอกจากคำอาจารย์ที่ว่า“หากเจ้ามิอาจฝึกจิตให้สงบในหมู่ความวิเวก เจ้าก็ไม่มีวันก้าวข้ามขอบเขตวรยุทธได้”ทุกย่างก้าว นางต้องเผชิญทั้งความเงียบ ความหิว และความกลัวบางคืน เสียงสัตว์คำรามดังก้องในหุบเขาบางยาม ลมเย็นพัดผ่านจนเหมือนมีเงาผู้คนเดินตามอยู่ข้างหลัง แต่เมื่อหลับตาและปล่อยใจเข้าสู่สมาธิ นางกลับสัมผัสได้ถึงจังหวะของลมหายใจที่ผสานกับเสียงป่า ใบไม้ไหว คือการเต้นของพลังชีวิตสายน้ำที่ไหล คือการหมุนเวียนแห่งลมปราณและในที่สุด นางก็เข้าใจว่า “วรยุทธ มิได้อยู่ในคัมภีร์ แต่อยู่ในหัวใจผู้ไม่ยอมแพ้”ในป่า จากเด็กสาวที่กลัวเสียงสัตว์กลายเป็นนักยุทธที่ยืนหยัดได้กลางพายุฝนมือขวาจับดาบนิ่งสงบ ดวงตาแน่วแน่พลังภายในพลุ่งพล่านเหมือนสายน้ำที่ไหลกลับสู่ต้นธาร ราตรีนั้น ฟ้าปิดเงียบไร้ดา
เช้าวันต่อมาสองคนอาจารย์กับลูกศิษย์เมื่อกินข้าวกันเสร็จ ก็เตรียมตัวที่จะออกไปเดินป่าปกติเด็กน้อยจะไม่ค่อยได้ออกไปเดินป่าสักเท่าไหร่เพราะว่าในป่านั้นมันอันตรายชายชราจึงไม่อยากให้นางได้ไป แต่วันนี้นางมีวรยุทธถึงขั้นหนึ่งแล้ว นางจึงจำเป็นที่จะต้องหาประสบการณ์บ้าง ชายชราเพียงส่งเด็กน้อยไว้ในป่าที่เขาสามารถควบคุมได้และกลับไปยังเรือนของตัวเอง ยามที่เด็กน้อยผู้นี้ประสบภัยในป่านี้เขาก็จะได้รับรู้เป็นผู้แรกและจะมาช่วยนางได้ทันแน่นอน เมื่อนางเดินเพียงลำพังนางก็ขวัญคิดเมื่อนั้นทุกข์ได้ออกจากบ้านครั้งแรกตอนนั้นนางรู้สึกกลัวได้แต่เดินอยู่ในป่าแต่ณเวลานี้นางรู้สึกว่านางไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้วเพราะท่านอาจารย์บอกว่านางต้องหาประสบการณ์ในป่าต้องสู้กับสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร อาจารย์จะมารับในอีกสามวัน นางจะได้เผชิญโลกกว้างด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกนางรู้สึกตื่นเต้นมากๆ นางไม่รู้เลยว่าอยู่เฉยๆตัวเองจะมีวรยุทธ์ลำดับหนึ่งขึ้นมาได้อย่างไร แต่เอาเข้าจริงๆนางก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เพราะในความที่นางฝันนั้นมันเหมือนจริงมากๆ นางทรมานมากๆแล้วเป็นเวลานานเสียด้วย แต่ถ้าหากให้นางฝึกยุทแล้วทรมานขนาดนี้ แล้วมีวรยุทธ์เพียง
ชายชราลงเขาเพื่อไปหาเครื่องประดับสำหรับสตรีสำหรับเขาแล้วไม่เคยชินสำหรับการสรรค์หาสักเท่าไหร่ หมู่บ้านเล็กๆที่มีของขายมากมายส่วนมากจะเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ไปจับจ่ายซื้อของที่ได้มาจากเขา นายพรานชอบล่าสัตว์ป่าบางประเภทที่หายากมาขาย แร่ธาตุต่างๆที่เหมาะสมสำหรับฝึกวรยุทธ์ รวมไปถึงส่วนใดส่วนหนึ่งของสัตว์ เช่นงาสัตว์และเขาสัตว์ที่หายากอีกต่างหาก เขาเดินเที่ยวหาเครื่องประดับสตรีอยู่ตั้งนาน"อ้า ไป๋อีเฟิงเจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะหาอะไรอยู่หรือเปล่า แต่ที่เจ้าหานั้นเป็นของสตรีนี่เจ้าจะหาไปให้ผู้ใดกันหรือ"เสียงชายชราผู้หนึ่งดังขึ้น มาแต่ไกลชายชราผู้นี้จึงมองไปที่เขา"อ่า เจ้าหม่าเหิง เป็นยังไงล่ะวันนี้ถึงมาเดินตลาดได้นะ"ชายชรากล่าวขึ้นเมื่อเห็นสหายเก่าเดินมาแต่ไกล"เขาว่าช่วงนี้มีหางยูนิคอร์นขายข้าเลยมาเดินดูเสียหน่อยเผื่อจะได้สักเส้น ว่าจะเอาไปต่อกระดูกเจ้าล่ะมาหาอะไรเห็นด้อมๆมองๆกับของพวกสตรีเหล่านี้ "ชายชราอีกคนถามขึ้น"ช่วงนี้ลูกศิษย์ของข้าจะมีอายุครบสิบห้าหนาวแล้ว ข้าจึงต้องทำพิธีปักปิ่นให้นางน่ะ ข้าจึงมาหาปิ่น เพราะเจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีปิ่น"ชายชรากล่าวขึ้น"เฮ้ เจ้ามีลูกศิษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก่อ
ภาพนี้หยุดนิ่งอยู่เนินนานเลือดที่ออกจากทวารทั้งเจ็ดนั้นไม่ได้แห้งเหือดไปเหมือนไหลอยู่ตลอดเวลา ชายชราไม่ดื่มไม่กินยืนเฝ้าเด็กสาวผู้นี้และคอยฟังเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาตลอด พอถึงเช้าวันที่แปดเหมือนสีหน้าของเด็กสาวผู้นั้นจะดีขึ้นและเลือดเริ่มหยุดไหลแล้ว ลมหายใจของนางเร็วและถี่ขึ้นเหงื่อนั้นท่วมใบหน้า บางครั้งมีเส้นเลือดปูดวิ่งไปวิ่งมาตามตัว ชายชรามองด้วยความเห็นใจเด็กคนนี้กำลังจะต่อสู้กับดวงดาวที่ตนเลือกแล้ว ทางด้านเด็กน้อยกำลังลังเลว่าจะเลือกดาวดวงใดแต่อยู่ๆเหมือนสติก็ดับวูบลงไปพอได้สติอีกครั้งเหมือนแขนขาของเขาถูกตึงไว้ผิวหนังของนางร้อนระอุราวกับถูกไฟลวก อุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่าปกติ เลือดในกายขับเคลื่อนรวดเร็วราวน้ำเดือด ดวงตาร้อนฉานเหมือนเปลวเพลิงเผา ลมปราณถูกเร่งเร้าเกินขีดจำกัด คล้ายเชื้อไฟที่ถูกเติมไม่หยุด ทำให้เส้นลมปราณบางส่วนเหมือนจะถูฉีกแตกได้ หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกจากอก เสียงเลือดสูบฉีดดังสะท้อนในโสตประสาท รู้สึกเหมือนร่างกายถูกเผาจากด้านใน เลือดค่อย ๆ แห้งเหือด เป็นความทุกข์ที่ทรมานยิ่งนัก เหมือนว่ามันจะไม่รู้จักจบสิ้น เด็กน้อยพยายามฝืนทนกับความรู้สึกนี้ มันเหมือนจะก
เหมือนว่าแรกๆนางจะไปได้ไวมากแต่เหมือนตอนนี้ว่านางเริ่มจะชะงักแล้วชายชราจึงมองออกถึงปัญหาของนางว่าตอนนี้นางยังไม่สามารถที่จะสัมผัสกับดวงดาวได้ ตอนนี้นางแค่สัมผัสกับใจของตัวเองเพื่อไม่ให้จินตนาการไปให้เกิดความกลัวตอนนี้ใจนางบริสุทธิ์ก็จริง แต่ยังไม่สามารถรับพลังของดวงดาวได้ อาจจะเป็นเพราะว่านางกังวลเรื่องที่จะเลือกดวงดาวก็มีส่วน"คืนนี้ในการนั่งสมาธิเจ้าเงยหน้าไปมองดูดวงดาวนับร้อยนับพันพวกนั้นให้เจ้าจดจำสิ่งที่มันกระพริบให้ดีราวๆครึ่งคืนให้เจ้าหลับตาลงสู่สมาธิเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะเลือกดาวผิดหรือถูกตอนนี้เจ้าเป็นกังวลอยู่จึงทำให้ตัวเจ้าเองนั้นไม่มีความก้าวหน้า เจ้าจงคิดเสียว่าชีวิตเจ้ามาถึงขนาดนี้ได้มันดีแค่ไหนแล้ว การเลือกดวงดาวนั้นมันก็เป็นจังหวะของชีวิต มันจะมีดาวดวงหนึ่งที่สีสวยที่เจ้ามองแล้วก็ชอบนั่นแหละมันคือจังหวะชีวิตของเจ้าหากเจ้าเลือกมันมาแล้วมันเป็นดาวมรณะเจ้าก็ต้องทำใจว่าเจ้าต้องยอมตรงนี้ก่อน หากเจ้าไม่คิดที่จะเปลี่ยนเจ้ายังคิดกลัว เจ้าเองก็ไม่มีวันที่จะก้าวหน้า"ชายชรากล่าวกับเด็กน้อยวัยเจ็ดหนาว เด็กน้อยทำหน้าตาราวกับฟ้าจะถล่ม มันเป็นความรู้สึกกลัวจริงๆ จิตใจของนางก็กล
"ท่านอาจารย์เจ้าคะแล้วคัมภีร์ที่ท่านอาจารย์ให้ข้าศึกษานั้นมันมีทั้งหมดกี่เล่มหรือเจ้าคะ แล้วข้าต้องไปหาจากที่ใด"เด็กน้อยถามขึ้นด้วยความสงสัย"มันจะมีกี่เล่มหรือไปหาที่ใดนั้นท่านอาจารย์ไม่สามารถรับรู้ได้ หากเจ้ามีบุญวาสนาเกี่ยวกับมันเจ้าก่อจะได้สัมผัสกับมันเอง บางครั้งอาจจะเป็นคัมภีร์เล่มๆแบบนี้หรือเจ้าอาจจะสัมผัสด้วยตัวของเจ้าเอง แล้วเจ้าก็จะได้เห็นวิชามันมาในรูปแบบต่างๆเอง อาเป็นว่าตอนนี้เราเริ่มบทเรียนบทแรกเพื่อที่จะให้เจ้าได้เปิดเส้นลมปราณฝึกวรยุทธ์เสียก่อนเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น"จะฝึกได้อย่างไรหรือเจ้าคะในเมื่อเขาให้ฝึกตอนกลางคืน ให้ไปนั่งสมาธิรับแสงดวงดาวเพื่อที่จะให้แสงแห่งพลังข้ามาในร่างกายให้มันมากๆ"เด็กน้อยกล่าวขึ้น"ใช่แล้วแหละเขาให้เจ้ามานั่งสมาธิเพื่อที่จะรับแสงจากดวงดาวแต่ตอนกลางวันนั้นเจ้าก็ยังต้องฝึกร่างกายเหมือนเดิมนั่นก็คือยืนขาข้างเดียวให้มั่นคงเสียก่อนไปเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น เด็กน้อยก็ทำตาม ณ เวลานี้นางเริ่มที่จะยืนขาเดียวได้แบบไม่เซแล้วเล็กน้อยแต่ใช้เวลาไม่นานนางก็ต้องเปลี่ยนใช้ขาอีกข้างนึงสลับกันไปในหนึ่งวัน นางก็รู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว แต่นี้ท่านอาจารย์ยังจะให้นั่ง







![I'll follow Apollo [Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)