เมื่อเสร็จเรื่องทั้งหมด ผู้นำหมู่บ้านจึงชวนจือลู่ให้อยู่ทานข้าวที่เรือนของตน สองพี่น้องก็มิได้ปฏิเสธ จือลู่เห็นบุตรสาวคนเล็กของท่านปู่ชุยกำลังเย็บผ้าคลุมหน้านางจึงเดินเข้าไปดูอย่างสนใจ
"พี่เหมยท่านกำลังปักอันใดหรือ"
"ข้ากำลังปักผ้าคลุมหน้า" นางแสดงสีหน้าเขินอาย
"เหมยเออร์ใกล้ออกเรือนแล้ว เงินที่ขายหญ้าหนอนมาได้ข้าก็จะแบ่งให้เป็นสินเดิมของนาง" ย่าชุยพูดขึ้น ท่านปู่ชุยมีบุตรชายที่ออกเรือนแล้วสองคนนำว่าเรือนตระกูลชุยของเขาได้เงินถึงหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึงทอง
"ขอบใจเจ้ามากลู่เออร์" ชุยเหมยจับมือของจือลู่ไว้
"ข้ามีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากท่านย่าชุยด้วยเจ้าค่ะ" จือลู่เอ่ยขึ้น เพราะนางอยากหาคนเย็บหมอนให้นาง แต่นางไม่รู้ว่าจะขอให้ใครช่วยลำพังให้นางทำเองก็คงจะเย็บไม่ได้แน่
"เรื่องอันใด มีสิ่งใดที่ข้าจะช่วยเจ้าได้" พ่อท่านย่าชุยได้ยินก็หัวเราะอย่างขบขัน นางรีบให้จือลู่นำผ้ามาให้นางทันที
จือลู่ส่งผ้าให้และบอกว่านางต้องการหมอนขนาดเท่าใด และนางขอให้เย็บให้นางถึงสี่ใบ ท่านย่าชุยจะช่วยเย็บผ้าห่มให้นางด้วยแต่นางปฏิเสธไปและจะนำนุ่นไปยัดใส่เอง เพราะนางให้ทางร้านผ้าในเมืองทำผ้าห่มไว้ให้นางแล้ว
ทั้งหมดกินข้าวและนั่งพูดคุยกัน จือลู่จึงได้รู้ว่าอีกสองเดือนชุยเหมยจะออกเรือน ท่านปู่ชุยย้ำว่าให้สองพี่น้องมาร่วมงานให้ได้ นางจึงรับปากและคิดจะแต่งหน้าให้ชุยเหมยด้วยตนเอง
"หากท่านไม่มั่นใจว่าข้าจะแต่งได้ ท่านตามข้าไปที่เรือนเสียก็สิ้นเรื่อง"จือลู่พูดกับชุยเหมย
ในวันงานของตนเองใครก็อยากจะเป็นเจ้าสาวที่สวยทั้งนั้น ชุยเหมยก็เช่นกัน นางจึงชวนย่าชุยให้ตามสองพี่น้องกลับไปที่เรือน หนิงเฉิงที่กลัวคนอื่นจะเห็นกล่องของพี่สาว
แต่เพราะครั้งที่แล้วก่อนจะกลับหมู่บ้านจือลู่ นางหาซื้อกล่องไม้ขนาดกลาง และซื้อตลับไม้ ตลับเครื่องเคลือบมาไว้บ้างแล้ว จือลู่จึงรีบล่วงหน้ากลับเรือนไปก่อนเพื่อเตรียมตัว ท่านย่าชุยและชุยเหมยที่อยู่เก็บจานล้างก็จะตามไปภายหลัง นางจึงมีเวลาอีกเล็กน้อยที่จะจัดเตรียมของ
สองพี่น้องเมื่อกลับเรือน หนิงเฉิงก็รีบมาช่วยพี่สาวนำของจากในกล่องเครื่องสำอางมาเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ จือลู่เลือกของออกมาเพียงไม่กี่อย่างที่จำเป็นเท่านั้น แปรงแต่งหน้าหรือฟองน้ำนางก็ไม่ใช้ จะใช้นิ้วมือแทน
เมื่อย่าชุยมาถึง จือลู่ก็จัดเตรียมของที่กลางเรือนเสร็จเรียบร้อยแล้ว หนิงเฉิงจึงแยกตัวออกไปเพื่อต้มน้ำเตรียมให้พี่สาวและตัวเขาอาบ เมื่อทำธุระของตนเสร็จหนิงเฉิงก็เข้าไปอ่านตำราอยู่ภายในห้องของตนเอง
จือลู่ก็เริ่มลงมือแต่งหน้าทันที เพียงได้หยิบเครื่องสำอางวิญญาณของบล็อกเกอร์สาวก็เข้าสิง นางแต่หน้าของชุยเหมยอย่างรวดเร็ว ย่าชุยที่นั่งมองอยู่ด้านข้างก็อ้าปากอยากพูดอะไรอยู่หลายรอบ
เพิ่งแต่งเสร็จหน้าชุยเหมยเสร็จ ท่านย่าชุยที่ได้เห็นก็ยกมือขึ้นปิกปากอย่างตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าแต่งออกมาเพียงไม่นานบุตรสาวคนเล็กของตนจะงดงามมากถึงเพียงนี้ จือลู่ก็เรียกหนิงเฉิงเพื่อให้ออกมาชื่นชมฝีมือของนางด้วย
หนิงเฉิงที่ได้เห็นฝีมือของพี่สาวครั้งแรกก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้างเช่นเดียวกันกับย่าชุย
"เหตุใดพี่เหมยถึงได้เปลี่ยนเป็นคนละคนเช่นนี้" หนิงเฉิงถึงกับกล่าวความในใจออกมา
ชุยเหมยจึงขอร้องให้จือลู่มาช่วยแต่งหน้าให้นางในวันแต่ง จือลู่ก็รับปากนางอย่างดี ชุยเหมยกลับเรือนทั้งที่แต่งหน้าเช่นนั้น เพื่อไปอวดท่านพ่อ พี่ชาย และพี่สะใภ้ทั้งสอง
วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่นัดรถม้าจากในเมืองให้มารับที่เรือน จือลู่และหนิงเฉิงที่เก็บของเรียบร้อยแล้วก็นำมาว่าไว้กลางลานเรือนเพื่อรอยกขึ้นรถม้า จือลู่เดินไปที่บ้านผู้นำหมู่บ้านเพื่อจะเอาปลอกหมอนที่ขอให้ท่านย่าชุยทำให้
ก็พบนางกำลังเดินนำมาหมอนทั้งสี่ใบที่ยัดนุ่นมาแน่นแล้วเดินมากับชุยเหมย ทั้งสามคนจึงเดินกลับมาที่เรือนของจือลู่ ท่านปู่ชุยและชาวบ้านยังตามมาอีกหลายคนเมื่อรู้ว่าสองพี่น้องจะกลับไปใช้ชีวิตที่ในเมืองแล้ว
เมื่อรถม้ามาถึงต่างก็ช่วยกันหยิบจับของขึ้นรถม้า หนิงเฉิงเป็นคนยกกล่องเครื่องสำอางของจือลู่ที่ถูกคลุมผ้าไว้ นำไปไว้ที่ด้านในสุดเสียก่อน ทุกคนต่างอวยพรขอให้สองพี่น้องใช้ชีวิตให้ดี และยังกำชับให้กลับมาเที่ยวที่หมู่บ้านบ้าง ท่านปู่ชุยรับปากว่าจะดูแลบ้านของทั้งสองพี่น้องอย่างดี
จือลู่และหนิงเฉิงนั่งรถม้าออกจากหมู่บ้านท่ามกลางสายตาอาลัยอาวรณ์ของคนในหมู่บ้าน เพราะสองพี่น้องนับว่าช่วยเหลือคนในหมู่บ้านไว้มาก ท่านปู่ชุยยังให้สตรีในหมู่บ้านทำหมอนเช่นเดียวกับจือลู่เพื่อนำไปขายในเมืองอีกด้วย เพราะจือลู่บอกไว้ว่าหากทำเช่นนี้ก็จะสามารถสร้างรายได้ระยะยาวให้ชาวบ้านได้
จือลู่เมื่อกลับมาถึงในเมืองนางแวะไปรับของที่ร้านผ้าก่อนและยังให้ร้านผ้าช่วยยัดนุ่นเข้าไปในผ้าห่มให้นางด้วย สองพี่น้องไปรับกุญแจเรือนที่โรงหมอก่อนที่จะเข้าไปที่เรือน เมื่อถึงเรือนก็พบว่าท่านหมอโยวจัดการเรือนให้พวกตนอย่างดี
ทั้งภายในและภายนอกเครื่องเรือน เครื่องครัวล้วนครบถ้วน แม้แต่ภายในห้องก็ยังมีเครื่องนอนเตรียมไว้ให้ทั้งคู่ครบทุกห้อง ทั้งคู่มองสบตากัน หากเป็นเช่นนี้พวกนางคงไม่ต้องไปสั่งให้ที่ร้านผาทำให้
เพราะเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมหลายเท่าหนิงเฉิงก็เป็นห่วงว่าพี่สาวของตนจะดูแลทำความสะอาดคนเดียวไม่ไหว เพราะอีกไม่กี่วันตนจะต้องไปเข้าเรียนที่สำนักศึกษาแล้ว
"พี่หญิง ท่านหาซื้อคนดีหรือไม่"หนิงเฉิงพูดขึ้นเมื่อเห็นพี่สาวกำลังก่อฟื้นอย่างงกๆเงิ่นๆขึ้น
"เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะหาได้จากที่ใด" เพราะนางไม่รู้ว่าจะไปหาคนที่ไหนมาช่วยงาน
พอดีที่หมอโยวแวะมาดูสองพี่น้องก่อนที่จะไปโรงหมอ หนิงเฉิงที่ออกไปเปิดประตูเรือนก็เชิญหมอโยวเข้ามาผ่านในเรือน หมอโยวที่เห็นจือลู่ที่หน้าเปื้อนเขม่าฟืนเดินออกมาพบตนก็หัวเราะอย่างขบขัน
ภายในคุกที่ว่าการเมืองเป่ยหาน ต้าอู๋และนางกงซื่อมิรู้ว่าพวกตนถูกจับมาได้อย่างไร ชินอ๋องที่ยืนมองทั้งคู่อยู่ภายนอก ก็เดินปรากฏตัวเขาไปด้านในต้าอู๋และกงซื่อเมื่อรู้ว่าผู้มาเยือนคนใหม่คือชินอ๋องสามีที่แท้จริงของจ้าวเหยียนก็รีบคุกเข่าโขกศีรษะอย่างร้อนตัวชินอ๋องพูดเรื่องที่ทั้งคู่ทุบตีจือลู่และหนิงเฉิงทั้งยังจะยกจือลู่ให้พ่อหม้ายจง ต้าอู๋กับนางกงซื่อเงยหน้ามองชินอ๋องอย่างแปลกใจ แม้นางกงซื่อจะเคยคิดเช่นที่ชินอ๋องพูด แต่นางก็ไม่ได้ทำและไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้มาก่อนชินอ๋องมิรอฟังคำแก้ตัวของต้าอู๋และนางกงซื่อ เขาสั่งให้ทหารโบยทั้งคู่คนละสามสิบไม้ก่อนจะเนรเทศไปใช้แรงงานที่เหมืองทางตอนใต้ของแคว้นขบวนเดินทางของชินอ๋องเสียเวลาอยู่ที่เมืองเป่ยหานเพียงห้าวันเท่านั้น นอกจากที่เขาจัดการเรื่องของต้าอู๋และนางกงซื่อแล้ว ยังให้จือลู่จัดการเรื่องร้านค้าของนาง และเติมสินค้าอย่างเต็มที่หลังจากออกเดินทางจากเมืองเป่ยหานมาได้ห้าวันก็ถึงเมืองเป่ยโจว จือลู่นางต้องไปอยู่ที่จวนของเว่ยหยาง แต่เพราะต้องปรับปรุงจวนเสียใหม่นางกับเว่ยหยางจึงอาศัยอยู่ในตำหนักเสียก่อนผ่านมาได้ครึ่งปีเรื่องมงคลของตำหนักอ๋องก็มีมาเยือน เ
วันต่อมา จือลู่ถูกปลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง จ้าวเหยียนก็มาที่เรือนของนางเพื่อช่วยนางแต่งตัว วันงานจือลู่มิได้แต่งหน้าเอง แต่คนที่แต่งให้ก็เป็นมือหนึ่งในร้านอ้ายเสิ่นของนาง นับว่าฝีมือที่แต่งออกมาใกล้เคียงกับของจือลู่ยิ่งนักจ้าวเหยียนเป็นคนหวีผลให้จือลู่และสวมผ้าคลุมหน้าให้นาง จ้าวเหยียนหันไปปาดน้ำตา เพราะเป็นงานมงคลไม่อาจหลั่งน้ำตาออกมาได้"ลู่เออร์ ไม่ว่าเจ้าจะออกเรือนไปแล้ว อย่างไรก็เป็นลูกของข้าอยู่เสมอ" จือลู่เงยหน้ามองจ้าวเหยียนที่ดวงตาแดงก่ำจากการกลั้นน้ำตาไว้"ท่านแม่ ท่านก็คือมารดาของข้าเช่นกันเจ้าค่ะ" คำพูดของนางหากคนนอกฟังอาจจะดูแปลกๆ แต่สองคนแม่ลูกล้วนเข้าใจกันอย่างดี จือลู่กอดเอวของจ้าวเหยียนแน่น ก่อนจะปล่อยให้นางได้ออกไปจัดการเรื่องด้านหน้าตำหนักเสียงฆ้องดังมาแต่ไกล ขบวนเจ้าบ่าวที่มารับเจ้าสาวยาวเหยียดจะมองไม่เห็นท้ายขบวน สินเดิมของเจ้าสาวที่กองไว้เพื่อนำออกจากตำหนักก็มากมายเสียทำให้คนอิจฉาตาร้อนเว่ยหยางพาจือลู่คำนับชินอ๋องกับจ้าวเหยียนก่อนจะพานางออกไปจากตำหนัก หนิงเฉิงแบกพี่สาวไปส่งที่เกี้ยวแปดคนหามหลังงาม จ้าวเหยียนยืนมองส่งจือลู่ด้วยดวงตาที่เอ่อไปด้วยน้ำตา ชินอ๋องจึ
ชินอ๋องเมื่อเห็นจ้าวเหยียนปลอดภัยแล้ว นางเพียงหลับไปเพราะอ่อนเพลียจึงได้ออกมาดูบุตรทั้งสาม ก็เห็นว่าจือลู่และหนิงเฉิงเฝ้าน้องของพวกเขาอยู่"ท่านพ่อ ดูน้องของข้า เหตุใดถึงได้น่าเกลียดเช่นนี้ขอรับ" หนิงเฉิงใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าน้องสาวคนเล็กเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ส่วนน้องชายทั้งสองล้วนแล้วแต่น่าเกลียดในสายตาของเขา"ตอนเจ้าเกิดเจ้าก็น่าเกลียดเช่นนี้" จือลู่หยอกเย้าน้องชายของตน นางก็กำลังเขี่ยแก้มของเด็กแฝดทั้งสามชินอ๋องมองลูกทั้งสามที่นอนหลับอยู่อย่างรักใคร่ ก่อนที่เขาจะอุ้มบุตรสาวคนเล็กขึ้นมา "ฉีซิงเยียน""ซิงเยียน น้องต้องงดงามกว่าพี่หญิงแน่นอนขอรับ" หนิงเฉิงพูดขึ้น จือลู่หันไปมองสองพ่อลูกที่เห่อน้องสาวคนเล็กของบ้านอย่างเอือมๆแฝดคนโตชื่อ หนิงเทียน คนรองชื่อหนิงหวง ทั้งคู่มีคำว่าหนิงเช่นเดียวกับพี่ชายของเขา"ท่านพี่ ลูกเล่าเจ้าคะ" กว่าจ้าวเหยียนจะตื่นก็เข้าสู่อีกวันแล้ว นางลืมตาก็ถามหาบุตรทั้งสามที่นางเพิ่งคลอด เพราะก่อนที่จะหมดสติไปนางรู้เพียงว่าเด็กทั้งสามล้วนแล้วแต่แข็งแรงดีชินอ๋องให้แม่นมพาบุตรทั้งสามเข้ามาให้จ้าวเหยียนได้ดู และบอกนางถึงชื่อที่เขาตั้งให้บุตรทั้งสาม"เจ้าพักผ่อนเสียให้
เว่ยหยางรีบกลับจวนพร้อมนำข่าวไปแจ้งให้บิดามารดาส่งแม่สื่อไปที่ตำหนักอ๋องข่าวเรื่องที่ตระกูลเว่ยส่งแม่สื่อล่วงรู้ไปถึงองค์ชายรอง ก่อนที่เขาจะออกจากวังไปจัดการกับเว่ยหยางก็โดนฮ่องเต้เรียกตัวเข้าพบ"เจ้ารอง เจ้ามั่นใจมากเพียงใดที่จะจัดการกับแม่ทัพเว่ย" ฮ่องเต้ยกชาขึ้นดื่มอย่างใจเย็น เหมือนเรื่องที่พระองค์ถามบุตรเป็นเพียงเรื่องดินฟ้าอากาศ"เสด็จพ่อ ท่านพระราชทานสมรสให้ลูกได้" เขาเอ่ยขึ้นอย่างเอาแต่ใจ"เจ้ากล้ามีเรื่องกับชินอ๋องใช่หรือไม่" ฮ่องเต้จ้องบุตรชายอย่างดุดัน"ลูก ลูก เสด็จพ่อเป็นถึงฮ่องเต้ ชินอ๋องจะมีอำนาจมากกว่าท่านได้อย่างไร""โง่เขลานัก" ฮ่องเต้ขว้างถ้วยน้ำชาลงพื้นอย่างมีโทสะ"หากน้องห้าต้องการบัลลังก์ เจ้าคิดหรือว่าเจิ้นจะได้นั่งเช่นทุกวันนี้" เพราะน้องชายของเขามิคิดจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ และช่วยเหลือเขาจนได้นั่งบัลลังก์เช่นทุกวันนี้ เรื่องทุกเรื่องชินอ๋องไม่เคยยื่นมือเข้ามายุ่ง หากพระองค์เข้าไปจัดการเรื่องในตำหนักคงได้เกิดปัญหาแน่"หากเจ้ายังคิดว่าตนเองต่อกรได้ เจิ้นก็ไม่ห้าม ไม่ว่าเกิดอันใดขึ้นเจิ้นมิอาจช่วยเหลือเจ้าได้""เสด็จพ่อ" องค์ชายรองตกใจ เพราะไม่ว่าสิ่งใดเสด็จพ่อเสด็จแ
ฮองเฮาที่ต้องการผูกสัมพันธ์กับชินอ๋องจึงอยากได้จือลู่มาเป็นพระชายาให้กับองค์ชายรอง เพราะฮ่องเต้ย่อมถามความคิดเห็นของชินอ๋องเรื่องแต่งตั้งองค์รัชทายาทหากองค์ชายรองได้แต่งจือลู่ ชินอ๋องย่อมต้องเข้าข้างบุตรเขยของตนเพื่อให้บุตรสาวได้ขึ้นเป็นฮองเฮาในอนาคต เมื่อเห็นว่าชินอ๋องจะขอตัวกลับแล้ว ฮองเฮาจึงพูดเรื่องหมั้นหมายขึ้นมาอีกครั้ง"กระหม่อมยังมิคิดให้ลู่เออร์ออกเรือนพ่ะย่ะค่ะ" ชินอ๋องตัดบทด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ก่อนจะพาจ้าวเหยียนและบุตรทั้งสองกลับตำหนัก"ท่านพี่ข้าคิดว่าฮองเฮาคงไม่ยอมหยุดเรื่องของลู่เออร์" จ้าวเหยียนเอ่ยด้วยความกังวล"มีข้าอยู่นางจะทำอันใดได้" ชินอ๋องกอดปลอบจ้าวเหยียน เขามองออกไปด้านนอกหน้าต่างรถม้าอย่างใช่ความคิดเว่ยหยางที่รู้เรื่องฮองเฮาต้องการทาบทามจือลู่ให้องค์ชายรองก็ร้อนใจจนมาที่ตำหนักอ๋องแต่เช้า"เปิ่นหวางไม่ได้เรียกเจ้ามิใช่หรือท่านแม่ทัพเว่ย" เขาปรายตามองบุรุษหน้าหนาที่ร้อนใจมาที่ตำหนักแต่เช้า"กระหม่อมมีเรื่องอยากทูลพระองค์พ่ะย่ะค่ะ" ชินอ๋องเดินนำเว่ยหยางไปที่ห้องตำรา เพราะเขารู้ดีว่าเว่ยหยางมาด้วยเรื่องอันใด"ว่ามา" ชินอ๋องนั่งลงแล้วเอ่ยถามโดยไม่ได้หันไปมองเว่ย
วิญญาณดวงใหม่เข้ามาแทนที่ ชินอ๋องจ้องมองภาพตรงหน้าอยากแปลกใจ เมื่อจือลู่ที่มาจากอีกภพลืมตาขึ้น สิ่งที่นางพึมพำออกมาชินอ๋องรู้ได้ทันทีว่านี่คือจือลู่ที่มาอีกภพหนึ่ง"ท่านพี่ ท่านพี่" เสียงเรียกของจ้าวเหยียนปลุกให้ชินอ๋องตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายของเขา"เหยียนเหยียน" ชินอ๋องลูบไปที่ใบหน้าของนาง ก่อนจะดึงนางเข้ามาสวมกอดแล้วร้องไห้เงียบๆ"ท่านเป็นอันใดไปเจ้าคะ ฝันเรื่องอันใดถึงได้เป็นเช่นนี้" จ้าวเหยียนมองชินอ๋องอย่างไม่เข้าใจ เพราะเขาทั้งร้องไห้ทั้งตะโกนจึงทำให้นางตื่นขึ้นมาชินอ๋องเล่าเรื่องความฝันของเขาให้จ้าวเหยียนฟัง พอถึงตอนที่ต้องเสียน้องและจือลู่เสียงของเขาสั่นขึ้นด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าจะเป็นเรื่องจริง"ท่านพี่หากข้าบอกว่าเรื่องทั้งหมดที่ท่านฝันคือเรื่องจริงท่านจะเชื่อหรือไม่" จ้าวเหยียนจับใบหน้าของชินอ๋องแล้วจ้องมองเขาอย่างจริงจังนางเล่าเรื่องที่นางเสียชีวิตลง และได้ไปอยู่ที่ภพใหม่ แม้ชินอ๋องจะรู้แล้ว แต่เรื่องที่นางรู้ว่าเรื่องทั้งหมดของพวกเขาเป็นเพียงแค่นิยายเรื่องหนึ่งเท่านั้นแต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่นางจบชีวิตลงเป็นเช่นที่เขาเห็นความรันทดของบุตรทั้งสองเป็นเรื่องจริง ที่ครั้