LOGIN"คุณหนูใหญ่...นี่ข้าเอง เสี่ยวจูไงเจ้าคะ ท่านเป็นอะไรไป หรือ...หรือข้าทำให้ท่านเจ็บตรงไหน ให้ข้าช่วย...หะ..ให้ข้าไปตามคนมาช่วยนะเจ้าคะ"
เสี่ยวจูมีท่าทางหวาดกลัว นางกำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น อยู่ ๆ คุณหนูใหญ่ก็บ่นว่ารู้สึกอ่อนล้า หายใจไม่ออก จากนั้นก็ล้มตัวลงนอน แล้วไม่ฟื้นอีกเลย ไม่ว่านางจะพยายามปลุกอย่างไร จึงตัดสินใจจะไปตามคนมาช่วย แต่คุณหนูใหญ่ก็ขยับตัวเสียก่อน
"เธอเป็นใคร แล้วทำไมฉันมาอยู่ที่นี่"
เจียงลี่มี่ถามด้วยความสงสัย รอบตัวของเธอตอนนี้มีแต่สิ่งที่เธอไม่คุ้นเคย
"ที่นี่คือจวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายเจ้าค่ะ ข้าคือเสี่ยวจู ข้าเป็นสาวใช้ของคุณหนูอย่างไรเจ้าคะ...”
เจียงลี่มี่ตกตะลึง อะไรคือจวนเสนาบดีฝ่ายซ้าย เสี่ยวจูตรงหน้านี่คือใคร
“...หรืออาการของคุณหนูกำเริบ จึงสูญเสียความทรงจำ ข้า...ข้า..ข้าจะไปตามนายท่านกับฮูหยินเอกมา..คะ..คุณ..คุณหนูรอข้าก่อนนะเจ้าคะ"
เด็กน้อยเสี่ยวจูกำลังจะวิ่งออกไป แต่เธอมือไวคว้าไว้ได้เสียก่อน แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าเธอสวมใส่เสื้อผ้าแบบโบราณ
"อย่า..อย่าเพิ่งไป เอากระจกให้ฉัน" เจียงลี่มี่กระสับกระส่าย หวาดกลัว เสี่ยวจูยื่นกระจกให้ เธอรีบคว้ามา แล้วส่องดูหน้าตาตัวเองตอนนี้
เพล้ง !
เสียงกระจกตกลงพื้น เจียงลี่มี่มือไม้สั่น อ้าปากค้าง ไม่จริงใช่ไหม !?
"คุณหนูใหญ่เป็นอะไรเจ้าคะ หรืออาการของท่านกำเริบอีกครั้ง" เสี่ยวจูก้มลงเก็บเศษกระจก ด้วยเกรงว่ามันจะทำให้คุณหนูของนางบาดเจ็บ
"ไม่เป็นไร ฉัน...เอ่อ...ข้าแค่อ่อนแรง" เจียงลี่มี่ตอบกลับ เธอยังไม่หายตกใจ นี่เธออยู่ที่ไหนกัน
"คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ท่านรู้สึกอย่างไรในตอนนี้ ใบหน้าท่านซีดมาก" เสี่ยวจูเป็นห่วง ในใจของนางนั้นอยากออกไปตามคนมาช่วย แต่ก็ไม่อาจตัดใจทิ้งคุณหนูไว้เพียงลำพัง
"ข้า...ข้า...เอ่อ...อ่อนเพลียเล็กน้อย”
แล้วหลังจากนั้น เจียงลี่มี่ก็บอกเสี่ยวจูว่าเธอจะนอนพัก แล้วเธอก็หลับไป ตื่นขึ้นมาอีกที เธอก็กลับมาอยู่ในโลกของเธอเช่นเดิม ตอนนั้นเธอยังคิดว่าตนเองฝันไปด้วยซ้ำ แล้วก็หลงลืมเหตุการณ์ตอนนั้นไป จนเมื่อเธอได้อ่านตัวอย่างนิยาย ‘ผลอิงเถาของเหมยฮวา’ จึงทำให้เธอจำเหตุการณ์นี้ได้
เพราะตอนที่เกิดเรื่อง เธอไม่รู้จักนิยายเรื่องนี้ จนเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้า นิยายเรื่องนี้ก็กลับมาดังอีกครั้ง เธอถึงได้รู้จักมัน
เธอไม่รู้ว่าทำไมนิยายเรื่องนี้กลับมาดังมากอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เป็นนิยายที่ผ่านกาลเวลามาสิบกว่าปีแล้ว เธอจึงสนใจและโหลดตัวอย่างมาทดลองอ่าน นั่นจึงทำให้เธอได้รู้ว่าเหตุการณ์ที่เธอพบเจอ ‘เสี่ยวจู’ เมื่อเธออายุสิบขวบเป็นเรื่องจริง เธอพลัดเข้าไปอยู่ในนิยาย ‘ผลอิงเถาของเหมยฮวา’
แต่เธอเข้าไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ เธอเพียงเดาได้ว่าเป็นเพราะตัวละครหนึ่งของนิยายเรื่องนี้มีชื่อว่า ‘เจียงลี่มี่’ ชื่อเดียวกับเธอ แต่ตัวละครนี้มีบทบาทเพียงสามบรรทัดก็ตาย แค่สามบรรทัด มันไม่น่าจะทำให้เธอเข้าไปในนิยายได้ไม่ใช่หรือ เธอได้แต่งุนงง สงสัย และไม่เข้าใจจนกระทั่งถึงตอนนี้
คนแต่งก็ช่างใจร้ายเหลือเกิน ทำไมถึงแต่งให้เจียงลี่มี่อ่อนแอได้ขนาดนี้ แทบไม่ต่างจากผู้ป่วยติดเตียง แล้วแบบนี้เธอจะใช้ชีวิตอย่างไร คนอื่นในนิยายได้ทะลุมิติมาเป็นนางเอก หรือไม่ก็มีของวิเศษติดตัว
แต่เธอดันทะลุมิติมานอนเฉย ๆ มีคนดูแล เช็ดตัว ป้อนข้าว อ่านหนังสือให้ฟัง ไม่ต้องทำอะไรเลย นอนนิ่ง ๆ บนเตียง ระวังแค่อย่าให้มีแผลกดทับ ชีวิตสบ๊าย !
แต่ที่เธอประหลาดใจก็คือ เจียงลี่มี่มีบทเพียงสามบรรทัด นักเขียนบรรยายสามบรรทัดนี้ว่า
คุณหนูใหญ่เจียงลี่มี่ บุตรสาวเสนาบดีกับฮูหยินเอก ทั้งยังเป็นคู่หมั้นของเหวินอ๋องผู้ร้ายกาจ นางงดงามไร้ผู้ใดเทียบเทียม รักเอ็นดูเจียงเหมยฮวาน้องสาวยิ่ง หากชะตาอาภัพนัก เจียงลี่มี่ป่วยหนัก พ้นวัยปักปิ่นไม่นาน นางก็จากไป
สามบรรทัดนี้บอกชีวิตของเจียงลี่มี่ชัดเจนตั้งแต่เกิดจนตาย อ่านแล้วก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ ก็แค่สาวสวยคนหนึ่งตายไปเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอหลุดเข้าไปในโลกนิยายนี้อีกครั้ง ตอนนั้นเธออายุสิบห้าปีแล้วและนอนหลับอยู่ เธอลืมตาตื่นเมื่อได้ยินเสียงใครสักคนกรีดร้องด้วยความตกใจ
"ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย คุณหนูใหญ่ถูกวางยาพิษ" เสียงเสี่ยวจูกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อเห็นเลือดของคุณหนูใหญ่ไหลออกจากจมูก นัยน์ตา และหู เจียงลี่มี่ยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ริมฝีปาก มองไปที่เหมยฮวาด้วยความแค้นใจ
"เหมยฮวา !" เจียงลี่มี่คำรามเรียกชื่อนี้อย่างโกรธเกรี้ยว
ความทรงจำของเธอจากที่ไหนไม่รู้ผุดขึ้นมา บอกกับเธอว่าน้ำชากานี้ชงด้วยใบชาที่เหมยฮวามอบให้เมื่อวาน โดยแอบให้อย่างลับ ๆ แม้แต่เสี่ยวจูก็ไม่รู้
“คุณหนูใหญ่ ท่านรอข้า ข้าจะไปตามนายท่านกับฮูหยินเอกเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูประคองนางให้นอนลงบนเตียง แต่เจียงลี่มี่จับแขนของนางไว้ พยุงตัวเองให้นั่งพิงเสาเตียงแทน สายตาทอประกายแข็งกร้าว
“ข้าไม่เป็นอะไร เจ้าไปเถอะ” เสียงแหบแห้งกล่าว ก่อนจะไอออกมาเป็นเลือด เสี่ยวจูร้องไห้ สองมือพยายามลูบหลังให้นาง เจียงลี่มี่หายใจติดขัด ยาพิษช่างแรงนัก ทั้งที่นางดื่มชาไปเพียงจอกเดียวเท่านั้น
“เสี่ยวจูเจ้ารีบไปเถอะ เดี๋ยวข้าดูแลพี่ลี่มี่เอง” เหมยฮวายื่นมือสั่นเทาไปหาเจียงลี่มี่ แต่ถูกนางปัดทิ้งอย่างรังเกียจ
“คุณหนูใหญ่...ฮือ..ข้าจะรีบมา ท่านรอข้านะ” เสี่ยวจูรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เจียงลี่มี่หลับตาลง ภาพในความทรงจำมากมายผุดขึ้นเป็นฉาก ๆ ภาพที่เหมยฮวาแอบมอบชาให้นาง
“เจ้าสินะ” เธอเค้นเสียงถามสตรีตรงหน้า คนที่เธอคิดว่าเป็นน้องสาวแสนดีมาตลอด เหมยฮวาส่ายหน้า เนื้อตัวสั่น สองมือกุมกันแน่น
คล้อยหลังหมอหลวงได้ครู่เดียว เสี่ยวจูก็เข้ามา นางยกมือขึ้นลูบคลำเจียงลี่มี่ทั้งตัว เดินวนรอบตัวไปมา จนแน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก“ข้าตกใจเสียงกรีดร้องเมื่อครู่ แต่ติดตรงที่ไม่ใช่เสียงคุณหนูใหญ่ ข้าจึงรออยู่ด้านนอก” เสี่ยวจูบอก“ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่เล่นสนุกนิดหน่อย” เสี่ยวจูมองหน้าคุณหนูของนางอย่างประหลาดใจ คุณหนูของนางรู้จักเล่นสนุกตั้งแต่เมื่อใด“เสี่ยวจู เจ้าออกไปก่อน” ฮูหยินเอกว่านลู่เหมยสั่ง“เจ้าค่ะ”“มี่เอ๋อร์ เจ้ามานั่งคุยกับแม่สักหน่อย” ว่านลู่เหมยบอกบุตรสาวที่ยังคงยืนอยู่ข้างโต๊ะที่เคยวางกาน้ำชาเจียงลี่มี่ค่อยๆ เดินไปนั่งที่ตั่งคนงามข้างคุณแม่ของเธอในนิยายแต่โดยดี นึกรู้ได้ว่าคุณแม่ต้องจับความผิดปกติได้ และเธอกำลังจะถูกซักฟอก“เจ้ามีอะไรจะบอกแม่หรือไม่”เจียงลี่มี่นิ่งอึ้ง กับคนอื่นเธอเสแสร้งแสดงละครได้ แต่กับว่านลู่เหมย เธอไม่คิดจะเสแสร้ง เพราะคุณแม่คนนี้รักเธอสุดหัวใจเห็นบุตรสาวนิ่งเงียบ ท่าทีคล้ายไม่ทราบว่าจะบอกกล่าวเช่นไร ว่านลู่เหมยต้องยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู“ถ้าเจ้านึกไม่ออกว่าควรเริ่มต้นที่เรื่องใด แม่ว่าเจ้าเริ่มที่เจ้าแสร้งทำเป็นเจ็บปวดเมื่อเหม
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าเผลอบีบแรงไป เจ็บมากมั้ยเจ้าคะ ขอข้าดูสักหน่อย” เหมยฮวายื่นมือมาอีกครั้ง แต่เจียงลี่มี่เอามือไปแอบด้านหลัง น้ำตาคลอ สีหน้าเจ็บปวด“ไม่เป็นไร ข้าเกรงว่าร่างกายที่อ่อนแอของข้าจะทนไม่ไหว แค่แตะเบาๆ ข้าก็เจ็บมากแล้ว” เหมยฮวาชะงักไป มองเจียงลี่มี่อย่างอึ้งๆ ก่อนจะรีบเปลี่ยนสีหน้า“เช่นนั้นข้าจะระวัง ไม่แตะโดนตัวท่านเจ้าค่ะ ท่านจะได้ไม่เจ็บ” เจียงลี่มี่ลอบยิ้มเหมยฮวายื่นมือไปจับมืออีกฝ่าย แต่ทันทีที่สัมผัส เจียงลี่มี่ก็ชักมือกลับพร้อมกับร้องด้วยความเจ็บปวด“โอ๊ย..เจ็บ ! มือของเจ้า ยิ่งเย็นข้ายิ่งรู้สึกเจ็บ”เหมยฮวาต้องตกใจ นางไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ไม่คิดว่าเพียงมือของนางที่เย็นเพราะอากาศ จะทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดได้เช่นนี้“ข้า...ข้า...ข้าจะทำเช่นไรดี ข้าไม่รู้แล้วเจ้าค่ะ”เจียงลี่มี่มองท่าทางของเหมยฮวาด้วยสายตาอ่อนโยน หากในใจต้องยิ้มเยาะ เธอกำลังวางแผนบางอย่าง“เจ้าอย่าเพิ่งโดนตัวข้าเลย ข้าเกรงว่าจะรู้สึกเจ็บ...โอ๊ย...” เสียงร้องโอดครวญของเจียงลี่มี่พลันดังขึ้นเหมยฮวาสะดุ้งตกใจ นางยังไม่ได้โดนตัวของอีกฝ่ายเลย เหตุใดจึงเจ็บได้ เกรงว่าหากอยู่ที่นี่ต่อไป อาจเกิดปัญหากับตัวน
เจียงลี่มี่ร้องไห้แทบขาดใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้ สุดท้ายเธอก็ล้มเลิกความฝัน และเดินหน้าต่อด้วยการเป็นดารา แม้อาอี้จะคอยบอกให้เธอเปิดร้าน แต่สุดท้ายเธอก็ถูกแม่บงการชีวิตอยู่ดีทั้งชีวิตเธอทำเพื่อคนอื่นมาตลอด แต่สิ่งที่เธอได้รับคือความเจ็บปวด แม้แต่ตอนที่ใกล้จะตาย คนที่ทำร้ายเธอก็คือคนที่เธอรัก ภาพทรงจำหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเธอ เป็นความทรงจำที่เธอไม่เคยลืม“อาหลงรักเจเจ้ที่สุดเลย” เสียงเด็กชายตัวน้อยเอ่ยด้วยความดีใจ มองของเล่นในมือตาเป็นประกาย“เจเจ้ก็รักอาหลงที่สุดเหมือนกัน” เธอกอดน้องชายด้วยความรักและเอ็นดู เธอตั้งใจเก็บเงินเพื่อซื้อของเล่นที่น้องชายอยากได้ มอบให้เป็นของขวัญวันเกิด“อาหลงรักเจเจ้ที่สุด โตขึ้นอาหลงจะดูแลเจเจ้เอง จะหาเงินซื้อของเล่นให้เจเจ้บ้าง” เด็กสาวยิ้มกว้าง หอมแก้มน้องชายซ้ายขวา“ไม่เป็นไร เจเจ้ไม่อยากได้ แค่อาหลงมีความสุข เจเจ้ก็มีความสุขมากแล้ว” เด็กชายตัวน้อยพยักหน้า“อาหลงจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อกับเจเจ้ จะไม่ทำให้เจเจ้เสียใจ”เจียงลี่มี่น้ำตาคลอเมื่อนึกถึงเรื่องในตอนนั้น ความทรงจำที่มีความสุข เพราะหลังจากนั้นไม่กี่ปี อาหลงก็ไม่สนใจเธออีกเลย มองเธอด้วยสายตาเ
“เหตุใดพี่ลี่มี่จึงคิดว่าเป็นข้า ข้าเป็นน้องสาวท่าน ไม่เคยคิดทำร้ายท่าน” เจียงลี่มี่กุมท้องด้วยความเจ็บปวด เธอรู้สึกราวกับถูกเข็มนับพันหมื่นเล่มทิ่มแทงภายในร่าง“เลิกแสดงละครได้แล้ว ! หากไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใคร ทันทีที่ข้าดื่มชาที่เจ้ามอบให้ ข้าก็เป็นเช่นนี้” เธอตวาดเสียงกร้าวก่อนจะพ่นโลหิตออกมา ยิ่งเธอโมโห พิษยิ่งทำร้ายเธอมากกว่าเดิมเหมยฮวามองภาพตรงหน้า ก่อนจะหัวเราะออกมาในที่สุด“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่คิดว่าพี่ลี่มี่จะรู้ตัวเร็วเช่นนี้ ใช่ ข้าเอง”เหมยฮวาเชยคางเธอขึ้นมา สบตาอย่างท้าทาย เจียงลี่มี่สะบัดหน้าหนีจากมือนั้น“ข้าดีกับเจ้า ไม่เคยทำร้ายเจ้า เพราะเหตุใด”เหมยฮวาลูบผมของเจียงลี่มี่ มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยโลหิตของเจียงลี่มี่อย่างมีความสุข“เจ้าดีกับข้า แล้วข้าต้องดีกับเจ้า? โง่เง่า ! ชีวิตนี้ข้าไม่มีทางดีกับเจ้า ข้าเป็นบุตรที่เกิดจากอนุ จะไปเทียบชั้นเจ้าได้อย่างไร ทุกสิ่งล้วนถูกเจ้าแย่งชิง แม้แต่บุรุษที่ข้าชมชอบก็ถูกเจ้าแย่งไป หากข้าไม่กำจัดเจ้า ข้าไม่มีวันมีความสุข”ใบหน้าสวยประดับด้วยรอยยิ้มเยียบเย็น เจียงลี่มี่มองอย่างชิงชัง เธอแค้นใจยิ่งนักเมื่อเห็นรอยยิ้มของเหมยฮวา สตรีที่เธอคิดว่
"คุณหนูใหญ่...นี่ข้าเอง เสี่ยวจูไงเจ้าคะ ท่านเป็นอะไรไป หรือ...หรือข้าทำให้ท่านเจ็บตรงไหน ให้ข้าช่วย...หะ..ให้ข้าไปตามคนมาช่วยนะเจ้าคะ"เสี่ยวจูมีท่าทางหวาดกลัว นางกำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น อยู่ ๆ คุณหนูใหญ่ก็บ่นว่ารู้สึกอ่อนล้า หายใจไม่ออก จากนั้นก็ล้มตัวลงนอน แล้วไม่ฟื้นอีกเลย ไม่ว่านางจะพยายามปลุกอย่างไร จึงตัดสินใจจะไปตามคนมาช่วย แต่คุณหนูใหญ่ก็ขยับตัวเสียก่อน"เธอเป็นใคร แล้วทำไมฉันมาอยู่ที่นี่"เจียงลี่มี่ถามด้วยความสงสัย รอบตัวของเธอตอนนี้มีแต่สิ่งที่เธอไม่คุ้นเคย"ที่นี่คือจวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายเจ้าค่ะ ข้าคือเสี่ยวจู ข้าเป็นสาวใช้ของคุณหนูอย่างไรเจ้าคะ...”เจียงลี่มี่ตกตะลึง อะไรคือจวนเสนาบดีฝ่ายซ้าย เสี่ยวจูตรงหน้านี่คือใคร“...หรืออาการของคุณหนูกำเริบ จึงสูญเสียความทรงจำ ข้า...ข้า..ข้าจะไปตามนายท่านกับฮูหยินเอกมา..คะ..คุณ..คุณหนูรอข้าก่อนนะเจ้าคะ"เด็กน้อยเสี่ยวจูกำลังจะวิ่งออกไป แต่เธอมือไวคว้าไว้ได้เสียก่อน แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าเธอสวมใส่เสื้อผ้าแบบโบราณ"อย่า..อย่าเพิ่งไป เอากระจกให้ฉัน" เจียงลี่มี่กระสับกระส่าย หวาดกลัว เสี่ยวจูยื่นกระจกให้ เธอรีบคว้ามา แล้วส่องดูหน้
“ไม่ใช่…แต่จะตัดทั้งพวงให้ขาด แล้วเอาไปทำกับข้าวให้นังเมียน้อยกิน อยากได้นักก็จะยกให้เลย ยิ่งรักกันปานจะกลืนกินยิ่งดี จะได้สมปรารถนาทั้งกิน ทั้งกลืน ฮ่าฮ่าฮ่า”เจียงลี่มี่อึ้ง ไม่คิดว่าคนใจเย็นอย่างอาอี้จะพูดแบบนี้ น่ากลัวกว่าที่คิด“อาอี้ทำฉันอึ้งนะเนี่ย แอบร้ายด้วย อีกอย่างนะเรื่องนี้มีบางอย่างพิเศษสำหรับฉันด้วย”“อะไร?” อาอี้สงสัย“พี่สาวของนางเอกเรื่องนี้นะสิ ชื่อเดียวกับฉันเลย เจียงลี่มี่ ชีวิตเธอก็อาภัพไม่ต่างกับฉันเลย”“โห..บังเอิญจริง ๆ แล้วเจียงลี่มี่ในเรื่องเด่นมากไหม เป็นถึงพี่สาวนางเอก บทต้องไม่น้อยแน่ ๆ”“เยอะมาก เด่นมากเลยล่ะ” เจียงลี่มี่พูดไปขำไปกับน้ำเสียงของอาอี้ที่เหมือนจะตื่นเต้นราวกับเป็นชื่อของตัวเอง“มีกี่บทที่พูดถึง หรือมีบทตลอดทั้งเรื่อง”“มีตั้งสามบรรทัด เยอะมากเลยใช่มั้ยล่ะ” เจียงลี่มี่อยากรู้ว่าอาอี้จะพูดอะไร เพราะที่เธออ่านนั้น บทเจียงลี่มี่ในนิยายมีแค่สามบรรทัด เรียกว่าเปิดตัวมาก็ตายเลย“หาาาาา! สามบรรทัด จะบ้าเรอะ นี่มันน้อยยิ่งกว่าบทนำเสียอีก คงไม่ใช่ว่าเปิดตัวมาปุ๊บก็ตายปั๊บอะไรแบบนี้นะ”อาอี้ค่อนขอด คนเขียนใจร้ายจริง ๆ เขียนมาได้ไงยะ สามบรรทัด น้อยเกิน







