คล้าวพาอลิซมาถึงโรงเตี๊ยมม้าคะนองซึ่งเป็นอาคารไม้สองชั้นที่ดูสะอาดและอบอุ่นกว่าที่คิด ห้องพักของเธอนั้นเรียบง่ายแต่ก็มีหน้าต่างบานเล็กที่มองเห็นตลาดด้านล่างได้ อลิซจ่ายค่าห้องด้วยเหรียญทองที่รวบรวมมาได้ และขอบคุณคล้าวที่ช่วยหาที่พักให้
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยอีก บอกได้เลยนะครับคุณเซเรน่า” คล้าวเอ่ยพลางยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวไปดูแลแผงสินค้าของเขาในตลาด
ทันทีที่คล้าวจากไป อลิซก็เดินสำรวจห้องอย่างละเอียด เธอต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่นี้ให้เร็วที่สุด ที่สำคัญคือเธอต้องหาทางหาเงินเพื่อเอาตัวรอด
คืนนั้น อลิซนอนไม่หลับ เธอพลิกตัวไปมาบนเตียง พลางคิดทบทวนถึงความรู้ที่เธอมีจากโลกเดิมที่สามารถนำมาใช้ในโลกแฟนตาซีแห่งนี้ได้ โลกนี้มีเวทมนตร์ก็จริง แต่เทคโนโลยีโดยรวมยังอยู่ในยุคกลาง การประดิษฐ์หรือแนวคิดง่ายๆ บางอย่างจากโลกของเธอน่าจะนำมา สร้างความได้เปรียบได้
สมุนไพรและยา!!
ในนิยายมีการกล่าวถึงสมุนไพรวิเศษบางชนิดที่หาได้ยากและมีคุณสมบัติโดดเด่น อลิซจำได้ว่าสมุนไพรบางชนิดมีลักษณะคล้ายกับพืชสมุนไพรในโลกของเธอ และบางชนิดมีสรรพคุณที่น่าสนใจ เช่น ยาบำรุงพลังเวท ยาแก้พิษ หรือแม้แต่ยาที่ช่วยให้พืชเติบโตเร็วขึ้น ถ้าเธอสามารถระบุตำแหน่งหรือวิธีการเพาะปลูกได้ นั่นคือขุมทรัพย์มหาศาลไหนจะเรื่องการค้าขายและการตลาดอีก เธอมีความรู้พื้นฐานด้านเศรษฐศาสตร์และการตลาด เธอสามารถแนะนำเส้นทางการค้าใหม่ๆ หรือวิธีการจัดการสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ คล้าวดูจะเป็นคนที่มีเส้นสายและเข้ากับผู้คนง่าย เขาน่าจะเป็นคู่ค้าที่ดีเยี่ยม
รวมถึงของประดิษฐ์ง่ายๆ อลิซเริ่มคิดถึงสิ่งประดิษฐ์เล็กๆ น้อยๆ ที่ในโลกนี้ยังไม่มี เช่น สบู่ที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว อุปกรณ์ง่ายๆ ที่ช่วยในการเกษตร หรือแม้กระทั่งการทำกระดาษที่มีคุณภาพดีขึ้น สิ่งเหล่านี้อาจดูไม่ยิ่งใหญ่ แต่ถ้าทำออกมาในปริมาณมาก ก็สามารถสร้างรายได้ได้อย่างมหาศาล
“ใช่แล้ว!” อลิซดีดนิ้วเบาๆ แผนการเริ่มก่อร่างขึ้นในหัวของเธอ
รุ่งเช้า อลิซตื่นแต่เช้าตรู่ เธอออกเดินสำรวจตลาดในเมืองพอร์ตเวลล์อย่างละเอียด เธอสังเกตเห็นสินค้าที่วางขาย ราคา และวิธีการซื้อขาย เธอพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับชาวบ้านมากที่สุด และพยายามจดจำข้อมูลสำคัญ
ระหว่างทาง เธอเห็นแผงขายสมุนไพรเล็กๆ แผงหนึ่ง เธอเดินเข้าไปดูและเริ่มสอบถามพูดคุยกับพ่อค้า คล้ายกับว่าเธอต้องการซื้อสมุนไพรเพื่อปรุงยาบำรุงสุขภาพ แต่ที่จริงแล้ว เธอต้องการตรวจสอบชนิดของสมุนไพรในโลกนี้
เมื่อเธอเดินกลับมาที่โรงเตี๊ยม ก็บังเอิญเจอคล้าวที่กำลังจะออกไปทำงานพอดี
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณเซเรน่า ดูเหมือนคุณจะตื่นเช้าเหมือนกันนะครับ” คล้าวทักทาย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณคล้าว” อลิซยิ้ม “เมื่อกี้ฉันเดินสำรวจตลาดมาค่ะ และฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณหน่อย”
คล้าวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความสงสัย แต่ก็พยักหน้าให้เธอพูดต่อ
“ฉันสังเกตเห็นว่าสมุนไพรบางชนิดในตลาดดูมีราคาถูกกว่าที่ควรจะเป็นมาก ทั้งๆ ที่มันมีสรรพคุณที่ดีเยี่ยม” อลิซเริ่มอธิบาย “และฉันก็คิดว่า… ถ้าเราสามารถนำมันไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น หรือหาวิธีทำให้มันมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เราอาจจะทำเงินได้มหาศาลเลยนะคะ”
คล้าวฟังอย่างตั้งใจ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนจากความสงสัยเป็นความสนใจ
“คุณมีความรู้เรื่องสมุนไพรด้วยเหรอครับ?” เขาถาม
“ก็นิดหน่อยค่ะ” อลิซตอบเลี่ยงๆ “ฉันมีความรู้บางอย่างที่อาจจะช่วยคุณได้… ถ้าคุณเต็มใจที่จะร่วมมือกับฉัน”
อลิซเล่าถึงแนวคิดของเธอในการทำธุรกิจสมุนไพร การแปรรูปเป็นยาบำรุงที่ใช้งานง่ายขึ้น หรือแม้แต่การคิดค้นผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายที่ใช้สมุนไพรเหล่านั้นเป็นส่วนผสม คล้าวฟังอย่างเงียบๆ ตลอดเวลา และยิ่งฟัง เขาก็ยิ่งตื่นเต้น
“นี่มัน… คุณเซเรน่า คุณมีแนวคิดที่ยอดเยี่ยมมาก!” คล้าวตาเป็นประกาย “ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย!”
“ฉันรู้ว่าคุณมีเส้นสายและมีความเชี่ยวชาญด้านการค้าขาย” อลิซกล่าวต่อ “ส่วนฉันก็มีความรู้ที่อาจจะนำมาสร้างประโยชน์ได้ ลองคิดดูสิคะ ถ้าเราสองคนร่วมมือกัน เราอาจจะรวยไม่รู้เรื่องเลยก็ได้นะ”
คล้าวพิจารณาข้อเสนอของอลิซอย่างจริงจัง เพียงชั่วเวลาสั้นๆ ที่เขาได้เจอเธอ เขาก็เห็นถึงความฉลาดและไหวพริบของเธอแล้ว การร่วมมือกับเธออาจนำพาโอกาสใหม่ๆ มาให้เขาอย่างที่ไม่เคยคาดคิด
“ตกลงครับคุณเซเรน่า!” คล้าวตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง “ผมตกลงที่จะร่วมมือกับคุณ! เราจะเริ่มจากอะไรดีครับ?”
อลิซยิ้มอย่างพึงพอใจ แผนการของเธอเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว “เราจะเริ่มจากการสำรวจป่าใกล้ๆ เมืองนี่แหละค่ะ ฉันเชื่อว่ามีสมุนไพรล้ำค่าอีกมากที่รอการค้นพบ”
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการร่วมมือกันระหว่างเลดี้เซเรน่าผู้ถูกเนรเทศกับคล้าวพ่อค้าหนุ่มผู้ลึกลับ ผู้ที่กำลังจะกลายเป็นพันธมิตรคนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาและสร้างเส้นทางใหม่ในโลกแห่งนี้
ความเงียบเข้าปกคลุมโถงจัดเลี้ยงทันทีที่คล้าวเอ่ยประโยคนั้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขาและอลิซ ซิลเวสเตอร์เองก็ชะงักไปเล็กน้อย ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ แต่ก็ยังคงแฝงไว้ด้วยความเยือกเย็น"บังอาจ! เจ้าเป็นใครถึงกล้ามากล่าวหาข้าในที่แห่งนี้!" ซิลเวสเตอร์ตะโกนเสียงกร้าว "ทหาร! จับตัวพวกมัน!"แต่ก่อนที่ทหารองครักษ์จะก้าวเข้ามา เจ้าชายคาเลบที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็ก้าวออกมาข้างหน้าทันที แววตาของเขาคมกริบและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น"เดี๋ยวก่อน!" เจ้าชายคาเลบออกคำสั่งเสียงดังก้อง "ท่านมหาเสนาบดี! การกล่าวหาเช่นนี้ไม่อาจมองข้ามได้! เราควรให้โอกาสพวกเขาได้ชี้แจงความจริง"ซิลเวสเตอร์มองเจ้าชายคาเลบอย่างไม่พอใจ แต่ก็จำใจพยักหน้า เพราะไม่อยากสร้างความขัดแย้งกับเจ้าชายต่อหน้าสาธารณะชนมากไปกว่านี้"เอาล่ะ! ถ้าพวกเจ้าคิดจะกล่าวหาข้า ก็จงแสดงหลักฐานมาให้ทุกคนเห็น!" ซิลเวสเตอร์ท้าทาย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจว่าไม่มีใครหาหลักฐานใดๆ มาเล่นงานเขาได้คล้าวส่งจดหมายลับในมือให้อลิซ อลิซรับจดหมายมาด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย แต่เธอก็รวบรวมสติและก้าวขึ้นไปยืนข้างๆ คล้าวต่อหน้าทุกคน เธอเปิดจดหมายออก และเริ่มอ่านเนื้อ
แสงเทียนระยิบระยับส่องสว่างไปทั่วโถงจัดเลี้ยงอันโอ่อ่าของวังหลวง เสียงดนตรีบรรเลงคลอเบาๆ ผู้คนในชุดหรูหราเดินไปมาอย่างสง่างาม จิบไวน์และสนทนากันอย่างออกรส ราวกับไม่มีเรื่องร้ายใดๆ เกิดขึ้นเบื้องหลังฉากหน้าอันงดงามนี้อลิซในชุดผ้าไหมสีเข้มเรียบๆ แต่ดูมีรสนิยม ซึ่งคล้าวหามาให้จากร้านค้าลับในเมืองหลวง เธอใช้ผ้าคลุมผมสีเข้มปิดบังใบหน้าบางส่วน และคล้าวเองก็สวมชุดพ่อค้าผ้าเนื้อดีที่ดูสุภาพ เธอพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับแขกคนอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นขุนนางระดับล่างหรือพ่อค้าผู้มั่งคั่ง เธอแอบซ่อนดอกไม้รัตติกาลไว้ในช่องลับของชุดอย่างมิดชิด"จำไว้นะครับคุณเซเรน่า เราต้องหาโอกาสที่ซิลเวสเตอร์อยู่ต่อหน้าสาธารณะชนมากที่สุด" คล้าวเอ่ยเสียงเบาขณะที่เดินนำอลิซเข้าไปในงาน "ยิ่งมีพยานมากเท่าไหร่ แผนการของเราก็ยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้นเท่านั้น"อลิซพยักหน้า เธอพยายามรวบรวมสติและสวมบทบาทให้แนบเนียนที่สุด เธอเป็นเลดี้เซเรน่าผู้ที่กำลังจะถูกปรักปรำ และเธอกำลังจะพลิกชะตากรรมของตัวเองพวกเขาเดินสำรวจไปรอบๆ โถงจัดเลี้ยง อลิซมองหาบุคคลสำคัญจากในนิยาย เธอเห็น เจ้าหญิงเอลิเซีย ในชุดราตรีสีขาวบริสุทธิ์ยืนอยู่กับกลุ่มสุภาพสต
หลังจากเหตุการณ์ปะทะกับนักฆ่าของซิลเวสเตอร์ อลิซและคล้าวก็เดินทางด้วยความระมัดระวังสูงสุด พวกเขาหลีกเลี่ยงถนนสายหลักและเลือกใช้เส้นทางที่ซับซ้อนและลับตาคนมากขึ้น แม้จะทำให้การเดินทางช้าลง แต่ก็ปลอดภัยกว่ามากตลอดเส้นทาง อลิซได้ใช้เวลาเรียนรู้จากคล้าวเกี่ยวกับโลกนี้มากขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง แต่รวมถึงวิถีชีวิตของผู้คน วัฒนธรรม และความเชื่อต่างๆ คล้าวสอนวิธีเอาตัวรอดในป่า การอ่านแผนที่จากดวงดาว และแม้แต่การใช้สมุนไพรพื้นบ้านบางชนิด สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เลดี้เซเรน่าตัวจริงไม่มีวันได้เรียนรู้"คุณคล้าว... คุณดูมีความรู้รอบด้านจริงๆ นะคะ" อลิซเอ่ยชมขณะที่พวกเขากำลังพักทานอาหารง่ายๆ ริมลำธารคล้าวเพียงยิ้มเล็กน้อย "ผมใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ข้างนอกครับคุณเซเรน่า การได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงมันมีค่ามากกว่าการอ่านจากตำรามากนัก" เขาหยุดชั่วครู่แล้วมองไปที่ดอกไม้รัตติกาลที่อลิซห่อเก็บไว้อย่างดี "ตอนนี้เราก็ใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้วนะครับ คุณมั่นใจไหมว่าแผนการของเราจะสำเร็จ?"อลิซมองไปที่ดอกไม้รัตติกาลในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคล้าวด้วยแววตาที่มุ่งมั่น "ฉันไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกค่ะค
การเดินทางกลับสู่เมืองหลวงนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด อลิซในร่างของเซเรน่าและคล้าวเดินทางอย่างระมัดระวังที่สุด พวกเขาเลือกใช้เส้นทางที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน หลีกเลี่ยงเมืองใหญ่และจุดตรวจของทหาร แม้จะต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่าปกติ แต่ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ระหว่างทาง อลิซได้ใช้เวลาพูดคุยกับคล้าวมากขึ้น เธอพยายามทำความเข้าใจโลกนี้ให้ลึกซึ้งกว่าแค่สิ่งที่นิยายบรรยายไว้ คล้าวเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับระบบชนชั้นของอาณาจักร ความเป็นอยู่ของชาวบ้าน การเก็บภาษีที่สูงเกินจริง และความไม่พอใจที่เริ่มก่อตัวขึ้นเงียบๆ ในหมู่ประชาชน ซึ่งล้วนเป็นผลมาจากนโยบายที่บีบคั้นของมหาเสนาบดีซิลเวสเตอร์“ซิลเวสเตอร์กำลังทำลายอาณาจักรนี้จากภายใน” คล้าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เขาบิดเบือนกฎหมาย กดขี่ประชาชน และพยายามควบคุมทุกอย่างในวังหลวง”อลิซพยักหน้าเห็นด้วย นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เธอต้องหยุดซิลเวสเตอร์ให้ได้ ไม่ใช่แค่เพื่อช่วยเจ้าหญิงเอลิเซียและล้างมลทินให้ตัวเอง แต่เพื่ออนาคตของอาณาจักรนี้ด้วยในวันที่สามของการเดินทาง ขณะที่พวกเขากำลังผ่านป่าทึบแห่งหนึ่ง คล้าวพลันหยุดชะงัก สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็
หลังจากความจริงเบื้องหลังตัวตนของคล้าวได้ถูกเปิดเผย และดอกไม้รัตติกาลอันล้ำค่าก็อยู่ในมือของพวกเขาแล้ว อลิซและคล้าวก็ตัดสินใจที่จะไม่รอช้า พวกเขาพากันออกจากถ้ำในตำนาน พร้อมด้วยความมุ่งมั่นที่จะกลับไปยังเมืองหลวงเพื่อเปิดโปงมหาเสนาบดีซิลเวสเตอร์และช่วยเหลือเจ้าหญิงเอลิเซีย“เราต้องวางแผนให้ดีค่ะคุณคล้าว” อลิซเริ่มเอ่ยขึ้นขณะที่พวกเขากำลังเดินทางกลับ “ซิลเวสเตอร์ไม่ได้เป็นแค่คนธรรมดา เขามีเครือข่ายอำนาจที่แข็งแกร่ง และมีกำลังทหารในมือ”คล้าวพยักหน้า สีหน้าของเขาจริงจังขึ้น “ผมเองก็มีคนของผมอยู่บ้าง แต่ก็คงไม่มากพอที่จะเผชิญหน้ากับซิลเวสเตอร์ได้ตรงๆ” เขามองไปที่ดอกไม้รัตติกาลในมือของอลิซ “เราจะใช้พลังของดอกไม้นี้ยังไงครับ?”“ในนิยายไม่ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้งานดอกไม้นี้โดยตรงค่ะ” อลิซตอบ “แต่ระบุว่ามันสามารถชำระล้างความชั่วร้ายได้ และเป็นยาอายุวัฒนะ บางทีมันอาจจะไม่ได้หมายถึงการใช้เพื่อโจมตีโดยตรง แต่อาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดเผยความจริง หรือใช้รักษาคนที่ถูกซิลเวสเตอร์ทำร้าย”อลิซเริ่มประมวลผลข้อมูลในหัวของเธออีกครั้ง เธอต้องใช้ความรู้จากนิยายผสมผสานกับสถานการณ์จริงให้มากที่สุด
เงาที่เคลื่อนไหวในมุมมืดของโถงถ้ำค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แสงสีฟ้าอ่อนจากดอกไม้รัตติกาลทำให้เงามืดนั้นดูบิดเบี้ยวและน่าขนลุก เสียงกระซิบที่ไม่เป็นภาษาดังชัดเจนขึ้น มันไม่ใช่เสียงกระซิบของมนุษย์ แต่เป็นเสียงที่ฟังดูเก่าแก่และเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น อลิซกำตะเกียงในมือแน่น หัวใจของเธอเต้นระรัวราวกับกลองรบคล้าวขยับตัวมายืนบังอลิซไว้เล็กน้อย มือของเขาจับด้ามดาบที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อคลุมอย่างมั่นคง ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังเงานั้นอย่างไม่กะพริบ เขาเป็นคนคุ้นเคยกับป่าและอันตรายที่ซ่อนอยู่ในนั้น แต่ความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากเงามืดนี้ มันแตกต่างออกไป มันไม่ใช่สัตว์ป่าธรรมดา“คุณคล้าวระวังค่ะ” อลิซกระซิบเตือนพลางนึกถึงนิยายที่ได้อ่านมา‘ในนิยายไม่ได้บอกว่ามีอะไรอยู่ในถ้ำนี้ แต่ถ้าเป็นดอกไม้รัตติกาล…’ก่อนที่อลิซจะคิดจบ เงาสีดำก็พุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างรวดเร็ว มันมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่สูงใหญ่กว่า และมีดวงตาสีแดงฉานเรืองรองในความมืด อลิซรู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตทั่วไป มันคือวิญญาณหรือภูตผีที่เฝ้าสมบัติคล้าวชักดาบออกมาทันที แสงคมกริบของดาบสะท้อนกับแสงสีฟ้าของดอกไม้รัตติกาล เขาปัดป้อง