ตอนที่ 9
พี่สาวไม่โกรธเจ้า
ถังซูเจียวออกจากเรือนฮูหยินผู้เฒ่าหลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว ส่วนท่านแม่อยู่คุยกับท่านย่าก่อนเห็นบอกว่ามีเรื่องสำคัญ
ขณะเดินไปตามทางระหว่างกลับเรือนก็ถูกใครบางคนขวางทางเอาไว้เสียก่อน
“พี่หญิงแวะคุยกับข้าสักครู่ได้หรือไม่” ถังซูเจินเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินออกมาจากทางแยก แต่หน้าตาของหญิงสาวบ่งบอกว่าต้องการมาหาเรื่องนางแน่นอน
“น้องสาวมีเรื่องอะไรหรือ” เอ่ยพลางยิ้มตอบอย่างใสซื่อ
“ข้าจะไม่อ้อมค้อมแล้วกันเจ้าค่ะ พู่ห้อยหยกที่ท่านย่าให้ท่านมาเอามาให้ข้าเถอะ นี่ข้าขอดี ๆ นะเจ้าคะอย่าให้ข้าได้ใช้กำลังเลย” ถังซูเจินเอ่ยพร้อมกับแบมือมาตรงหน้าถังซูเจียว
“ข้าคงให้เจ้าไม่ได้หรอกนะ เพราะพู่ห้อยหยกนี้เป็นของไทเฮาที่ประทานให้ข้า หวังว่าเจ้าจะเข้าใจพี่สาวนะ”
เอ่ยจบก็ยิ้มให้นางไปหนึ่งครั้ง ก่อนจะเดินผ่านไปราวกับถังซูเจินเป็นอากาศธาตุ
“จะ เจ้า! เอามานี่ ข้าอยากได้ข้าก็ต้องได้” ถังซูเจินเอ่ยพลางกระชากผมของพี่สาวจนหงายหลัง
“คุณหนู!!!!” เสียงลี่ลี่ตะโกนอย่างตกใจ
“กรี๊ด!!!!! น้องสาวเจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ!!” นางตะโกนพร้อมกับปัดป้องมือที่พยายามตบหน้าตนไปด้วย
“เจ้ากล้าห้ามข้าหรือ!! เจ้าคงลืมไปแล้วสินะว่าจะเจอกับอะไรบ้าง เอาของมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!!!” ถังซูเจินตอนนี้ราวกับคนบ้าขาดสติไปแล้ว
ลี่ลี่จะเข้าไปช่วยนายสาวก็ถูกสาวใช้ของคุณหนูรองขวางไว้ นางจึงวิ่งกลับไปทางที่เพิ่งจากมาแทน
ไม่นานก็มีเสียงวิ่งใกล้เข้ามา แต่ถังซูเจินก็ยังไม่หยุดทำร้ายพี่สาวตัวเอง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!! ไปแยกทั้งสองออกมาสิ!” ฮูหยินเอกของจวนตะโกนใส่บ่าวที่ยืนอยู่ตรงนั้น ก่อนจะรีบเข้าไปดูบุตรสาวตัวเอง
“ฮื่อ!! ท่านแม่ข้าเจ็บมากเลยเจ้าค่ะ” ถังซูเจียวแสร้งร้องไห้กับอกมารดา
ฮูหยินผู้เฒ่าตามมาถึงทีหลังถึงกับคิ้วขมวดกับสภาพของทั้งสอง อีกคนถูกจับตัวไว้ส่วนอีกคนกำลังร้องห่มร้องไห้อยู่
“ตามข้าไปที่เรือน ให้คนไปตามฮูหยินรองมาด้วย” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
เมื่อมาถึงที่เรือนฮูหยินผู้เฒ่าก็เริ่มสอบสวนเรื่องราวทันที เมื่อยิ่งได้ฟังฮูหยินผู้เฒ่าก็ยิ่งโกรธ
พอมองไปที่หลานสาวคนโตก็น่าเวทนาสงสารนัก สภาพของนางที่ใบหน้าแดงเถือกไปซีกหนึ่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง เสื้อผ้าก็ เปราะเปื้อนทั้งตัว
“ฮูหยินรองเจ้าดูว่าบุตรสาวเจ้าทำอะไรลงไป เจ้าสั่งสอนนางอย่างไรถึงใช้กำลังแย่งชิงของผู้อื่นเช่นนี้” ฮูหยินผู้เฒ่าตำหนิลูกสะใภ้คนรองต่อหน้าคนในห้องนั้น
นั่นทำให้หว่านผู่เยว่อับอายอย่างยิ่ง ที่ผ่านมามีใครในจวนกล้าตำหนินางซึ่งหน้าเช่นนี้ไม่ แม้แต่ฮูหยินเอกของจวนยังไม่กล้า
“ขออภัยเจ้าค่ะ เป็นข้าที่สั่งสอนนางได้ไม่ดีเอง”
“เจ้ารู้ตัวด้วยหรือ ที่ผ่านมาข้าไม่พูดเพราะถือว่าเจ้าเป็นคนรักของบุตรชายข้า แต่ไม่คิดว่าพอข้าออกไปถือศีลที่วัดไม่กี่ปี กฎระเบียบในจวนจะเละเทะเช่นนี้”
“ท่านย่าอย่าโกรธน้องรองเลยเจ้าค่ะ นางทำไปเพราะไม่รู้ความ อีกอย่างถ้าท่านย่าไม่ว่าอะไรข้าจะยกพู่ห้อยหยกนี้ให้น้องรองก็ได้ ไว้ให้นางเบื่อแล้วข้าค่อยเอากลับมาอย่างทุกทีก็ได้เจ้าค่ะ” ถังซูเจียวเอ่ย แต่คนเป็นแม่กลับปวดใจนัก
ที่ผ่านมานางไม่เคยรู้เลยว่าบุตรสาวนางต้องเจอกับอะไรเช่นนี้ด้วย เพราะถามทีไรก็จะได้คำตอบเพียงว่าใช้ของใหม่แล้วไม่ชิน ชอบใช้ของเดิมมากว่า
“เจียวเอ๋อร์ที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไร อธิบายให้ย่าฟังซิ” ฮูหยินผู้เฒ่าถามอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็พอเดาบางอย่างได้บ้างแล้ว
“อย่าไปฟังนางนะเจ้าคะ นางชอบโกหกที่ผ่านมาเลยไม่มีสหายคบสักคน”
ถังซูเจินเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน ทำให้ได้รับสายตาคาดโทษของฮูหยินผู้เฒ่ากลับไป
“ข้าไม่ได้ถามเจ้า มารดาเจ้าไม่สอนหรือว่าไม่ควรเอ่ยแทรกยามที่ผู้ใหญ่พูดกัน” สายตาตำหนิเลยไปถึงผู้เป็นมารดาของนางด้วย
ถังซูเจียวถึงกับแอบลอบยิ้มอย่างสะใจ ท่านย่าเริสมากเจ้าค่ะ ทำเอาฮูหยินรองหน้าเสียกว่าเดิมอีก
“เมื่อก่อนตอนที่ข้าได้ของจากเรือนใหญ่น้องรองก็จะมาขอยืมเสมอ บอกว่าออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกชุดที่ตัดไว้ไม่พอใส่ หรือไม่ก็บอกว่าใส่ซ้ำบ่อยแล้วเลยมาขอยืมข้า”
“...”
“ไม่ใช่เพียงเสื้อผ้าแต่ยังมีเครื่องประดับต่าง ๆ ด้วยเจ้าค่ะ แต่ข้าก็ยินดีให้นางนะเจ้าคะ เพราะน้องรองยืมไปก็เอามาคืนทุกครั้งแม้มันจะมีเสียหายไปบ้าง แต่ซ่อมเล็กน้อยก็ใช้ได้แล้วเจ้าค่ะ”
“แต่ถ้าคุณหนูไม่ให้ก็จะถูกคุณหนูรองทุบตีเจ้าค่ะ” ลี่ลี่ทนไม่ไหวจึงใช้โอกาสนี้ฟ้องแทน
“เจ้าว่าอย่างไรนะ!!” เสิ่นเจียอี๋อุทานออกมาเสียงดัง
“ไม่จริงเจ้าใส่ร้ายข้า” ถังซูเจินรีบเถียงทันที พร้อมกับชี้หน้าลี่ลี่ไปด้วย
“ข้าน้อยขอสาบานว่าทุกคำที่ข้าน้อยพูดเป็นจริงทุกประการเจ้าค่ะ คุณหนูรองชอบมาแย่งของคุณหนุใหญ่ทุกครั้งยามที่เรือนใหญ่แจกจ่ายของ”
“มะ...” ถังซูเจินจะเถียง แต่เจอสายตาดุของผู้เป็นย่าเสียก่อน ลี่ลี่จึงพูดต่อ
“ขนาดเงินเบี้ยหวัดรายเดือนยังถูกฮูหยินรองยึดไปกว่าครึ่งโดยใช้เหตุผลว่าคุณหนูรองจำเป็นต้องใช้เงินมาก คุณหนูใหญ่อยู่แต่ในจวนไม่ได้ใช้เงินอะไร”
ลี่ลี่เอ่ยอย่างอัดอั้นตันใจ ที่ผ่านมานางอดทนเพราะคุณหนูไม่อยากมีปัญหา
“ดี! ดี! เป็นแค่ฮูหยินรองแต่กล้าทำเช่นนี้กับบุตรีฮูหยินเอก รู้ถึงไหนตระกูลถังคงได้อับอายไปถึงนั่น” ฮูหยินผู้เฒ่ากัดฟันเอ่ยอย่างโกรธเคือง
“ท่านแม่ข้าผิดไปแล้ว จะลงโทษข้าอย่างไรก็ได้แต่อย่าทำเจินเอ๋อร์เลยเจ้าคะ นางกำลังจะแต่งเข้าตระกูลเหยียน ถ้าท่านแม่ลงโทษนางจะเป็นการไม่ดีนะเจ้าคะ” หว่านผู่เยว่เอ่ยขอร้อง
“หึ! ฮูหยินรองทำผิดโทษฐานที่รักแกบุตรีฮูหยินเอก สั่งสอนบุตรสาวให้รักแกผู้อื่น ลดขั้นให้เป็นอนุย้ายไปอยู่เรือนม่านนภาส่วน ลู่จิ่วข้าจะรับเขามาดูแลเอง” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยจบหว่านผู่เยว่ก็ราวกับถูกฟ้าผ่ากลางศีรษะ
“ส่วนเจ้าถังซูเจิน ไปคุกเข่าที่ห้องบรรพชนสำนึกผิดสามวันสามคืน ห้ามให้ใครเอาข้าวหรือน้ำไปให้นางเด็ดขาด จากนั้นกักบริเวณอยู่ในเรือนจนกว่าจะแต่งออกไป ระหว่างกักบริเวณให้คัดกฎกุลสตรีที่ดีมาส่งข้าทุกวัน วันละสิบจบ”
“ไม่นะเจ้าคะข้าไม่ผิดข้าจะฟ้องท่านพ่อเรื่องนี้ ท่านพ่อไม่ยอมแน่ คราวนี้เจ้าตายแน่ถังซูเจียว!!”
นางเอ่ยจบก็สะบัดตัวจนหลุดจากบ่าวที่จับตัวนางไว้ ก่อนจะวิ่งออกจากเรือนไปทางประตูหน้าจวน
“ไปจับตัวนางขังไว้ที่ห้องบรรพชนเสีย ต่อไปนี้การจัดการในจวนทั้งหมดให้อยู่ในความดูแลของฮูหยินเอกตามเดิม ให้คนชดเชยเรื่องที่เจียวเอ๋อร์ถูกเอาเปรียบด้วย”
ฮูหยินรองถูกคนพยุงออกจากเรือนฮูหยินผู้เฒ่าไป ตอนนี้นางคงยังไม่ได้สติเพราะตกใจที่ตนเสียอำนาจในจวนไปเพียงพริบตาเดียว
แถมตัวเองยังถูกลดขันเป็นเพียงอนุอีก บุตรชายก็ถูกฮูหยินผู้เฒ่าเอาไปดูแล อำนาจจัดการในจวนก็ถูกยึดคืนกลับไปให้คนที่คู่ควร
หลังจากทุกอย่างจบลงถังซูเจียวก็ให้หมอตรวจอาการ ตามจริงนางไม่ได้โดนตบเลย นอกจากที่จงใจให้โดนเฉียด ๆ ไปครั้งหนึ่งเท่านั้น
แต่เพราะผิวของถังซูเจียวขาวอยู่แล้ว โดนแค่เฉียด ๆ ก็ขึ้นสีให้เห็นชัดเจน
หลังหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมากและให้ยามาทาแล้ว ท่านย่าก็ใครคนมาส่งนางที่เรือน
“ลี่ลี่” ถังซูเจียวเอ่ยเรียกสาวใช้ส่วนตัวเสียงเรียบ
“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ แต่บ่าวทนเห็นคุณหนูโดนทำร้ายเช่นนั้นไม่ได้อีกแล้ว หากคุณหนูจะลงโทษบ่าว บ่าวก็ยินดีเจ้าค่ะ” ลี่ลี่รีบคุกเข่าหมอบที่พื้นรอรับโทษทันที
“ใครบอกว่าข้าจะลงโทษเจ้า ข้าจะบอกว่าเจ้าทำดีมาก” เอ่ยพลางยิ้มกว้างพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้สาวใช้ตัวเอง
“ห๊ะ!! จริงหรือเจ้าคะ” สาวใช้ตัวน้อยเงยหน้ามามองอย่างงุนงง ตอนแรกคิดว่าคุณหนูจะโกรธตนเสียแล้ว
“จริงนะสิวันนี้เจ้าทำดีมาก นี่รางวัลสำหรับคนทำดี” เอ่ยจบก็ยื่นถุงตำลึงให้สาวใช้ตัวเอง
“บ่าวรับไว้ไม่ได้หรอก....”
“ถ้าไม่เอาเจ้าก็ออกจากเรือนข้าไปซะ แล้วไม่ต้องมารับใช้ข้าอีกต่อไป” หญิงสาวเอ่ยเสียงเด็ดขาด
“อะ เออ...บ่าวรับแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณคุณหนูเจ้าค่ะ”
เมื่อบังคับให้สาวใช้รับถุงตำลึงไปได้แล้ว ถังซูเจียวก็ไล่นางออกไป ก่อนตัวเองจะไปแอบนอนเอาแรงที่ห้องนอน เพราะเย็นนี้คงมีงิ้วสนุก ๆ รอให้นางไปชมอยู่แน่
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง เมื่อรองเจ้ากรมพิธีการกลับถึงจวนใจตอนเย็น ก็เรียกทุกคนในจวนไปรวมกันที่ห้องโถงของเรือนใหญ่ทันที
ตอนพิเศษ5งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ราวกับงานประจำปี มีการจัดเลี้ยงถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน จัดตั้งโรงทานนานถึงหนึ่งเดือนเต็ม เรียกได้ว่าคนกองธงนั้นไม่ต้องทำอาหารกินกันเป็นเดือนเลยก็ว่าได้ฮ่องเต้ ฮองเฮาและไทเฮาไม่อาจเดินทางมาร่วมงานเลี้ยงได้ จึงได้ส่งของขวัญมาแทน โดยมีตัวแทนเป็นอ๋องเจิ้งหู่เดินทางมาส่งมอบให้ฮองไทเฮาเองก็เช่นกัน เพราะเข้าฝึกตนไม่อาจรับรู้เรื่องภายนอกได้ ผู้เป็นอาจารย์ที่ได้รับจดหมายจึงอาสามาแทน ความจริงคือหาเรื่องออกมาเที่ยวเล่นขนอกภูเขาท่านั้น“ข้าเป็นตัวแทนของฮองไทเฮามาร่วมแสดงความยินดีกับพระชายาและชินอ๋อง นี่เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ จากข้า”หลี่ซินเหมยผู้เป็นอาจารย์ของฮองไทเฮาเอ่ยพลางยื่นกล่องไม้เรียบ ๆ ให้ถังซูเจียว“ขอบคุณนายหญิงหลี่ที่อุตส่าห์เดินทางมา ไม่ทราบว่าท่านมี ที่พักหรือยังเจ้าคะ หากไม่รังเกียจข้าจะจัดที่พักในจวนให้ท่าน” ถังซูเจียวเอ่ยพลางยิ้มให้ผู้มีพระคุณตรงหน้านางรู้ว่าสตรีตรงหน้าเป็นอาจารย์ของแม่สามีตัวเอง และที่มาในวันนี้นอกจากมาแทนฮองไทเฮาแล้วคงมีธุระอย่างอื่นด้วย“เช่นนั้นรบกวนพระชายาด้วย”“อย่าใช้คำราชาศัพท์กับพวกข้าเลยขอรับ ข้าไม่ได้เป็นชินอ๋
ตอนพิเศษ4หลังจากทิ้งจดหมายไว้ให้ฮ่องเต้แล้ว หวงเฟยหมิงกับถังซูเจียวก็ออกเดินทางท่องเที่ยวตามแผนที่วางไว้ทันทีโดยทิ้งปัญหาทุกอย่างเอาไว้ข้างหลังแบบที่ไม่คิดจะรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิน“ท่านพี่เจ้าคะ เราจจะไปที่ใดก่อนดี ข้าอยากกินอาหารทะเลอีกแล้ว อยากไปเดินเล่นเก็บเปลือกหอยด้วย” นางเอ่ยออดอ้อนสามี ที่ตนกำลังพิงอกเขาอยู่ “เช่นนั้นเราไปเมืองหมิงเว่ยที่กองธงที่หกดีหรือไม่ ที่นั้นมีชายหาดให้เจ้าเดินเล่นด้วย แถมยังมีพระอาทิตย์ตกดินที่งามนัก สามีว่าเจ้าต้องชอบมาก ๆ แน่” เขาตอบอย่างเอาใจนาง แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันต่อ ก็มีเสียงตะโกนมาจากนอกรถม้าเสียก่อน เสียงนั่นฟังดูอาฆาตแค้นอย่างมาก“พวกท่านจะหนีไปโดยทิ้งปัญหาไว้เช่นนี้จริง ๆ หรือ ท่านอาออกมามาคุยกับข้าก่อนเลยนะ!!!” เป็นอ๋องเจิ้งหู่นั้นเองทั้งสองหัมมามองหน้ากันทันที นี่นางเดินทางออกจากเมืองหลวงมาไกลตั้งหลายลี้แล้วนะ เหตุใดยังตามมาทันอีก“หยุดรถม้า!!” หวงเฟยหมิงเอ่ยสั่งคนขับรถม้า ขบวนเดินทางของพวกเขาเลยถือโอกาสแวะพักข้างทางไปด้วย“เจียวเจียว เจ้าต้องช่วยข้านะ!!!” เมื่อนางลงจากรถม้าอ๋องเจิ้งหู่ก็ตรงมากอดขานางแน่นทันที พลางร้องห
ตอนพิเศษ3.2ฮองไทเฮาเริ่มแผนการโดยให้คนไปเชิญถังซูเจียวมาพบ ทั้งที่ในใจตนเองนั้นตื่นเต้นราวกับกำลังจะได้พบหน้าบุรุษที่ตนเองรักก็ไม่ปาน“ฮองไทเฮาเพคะ ท่านหญิงถังซูเจียวมาถึงแล้วเพคะ” พระนางมองสำรวจหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้ใบหน้าจะซีดเซียวจากพิษไข้ไปบ้าง แต่ก็ยังมองออกถึงความงดงาม"คารวะฮองไทเฮาเพคะ" หญิงสาวตรงหน้าคารวะแบบเต็มพิธีการ พระนางมองคนตรงหน้าเพลินไปหน่อยจนคนของตนเอ่ยทัก“ฮองไทเฮานางไม่สบายอยู่นะเพคะ” นางกำนัลคนสนิทเอ่ยเตือนเบา ๆ พระนางจึงมองค้อนมามาคนสนิทไปเล็กน้อย“ลุกขึ้นเถอะ” เสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้น ถังซูเจียวจึงลุกขึ้นแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ว่าง"ขอบพระทัยเพคะ"ระหว่างนั้นมามาคนสนิทก็แสร้งโน้มตัวลงมารินชาให้พระนาง ก่อนจะกระซิบ ข่าวลือ เมืองหลวง"เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่เมืองหลวงพูดถึงเจ้าว่าอย่างไรบ้าง" ฮองไทเฮาเอ่ยขึ้นทันทีที่นางนั่งลง“ไม่ทราบเพคะ”"หึ!! เช่นนั้นเปิ่นกงจะบอกให้ก็ได้ คนเขาพูดกันทั่วว่าเจ้าเป็นสตรีแพศยา สามีหย่าขาดแล้วจึงรีบหาที่คุ้มหัวใหม่ ยอมแม้กระทั่งเป็นสตรีของชายตัดแขนเสื้ออย่างอดีตชินอ๋อง" แล้วมหกรรมแสร้งขับไล่ว่าที่ลูกสะใภ้ก็เกิดขึ้น พระนางยกเอาทั้งเร
ตอนพิเศษ3.1ฮองไทเฮาได้รับข่าวว่าบุตรชายคนเล็กพาสตรีเข้าจวน ตนจึงเร่งเดินทางมาหาทันทีด้วยความร้อนใจแต่ใจจริงคืออย่างมาดูให้เห็นกับตาต่างหาก จึงได้เร่งร้อนจนแทบไม่เอาอะไรไปสักอย่าง หากมามาคนสนิทไม่ห้ามไว้ก่อน พระนางคงควบม้าไปแต่ตัวแล้วกว่าจะเดินทางมาถึงก็ใช้เวลาหลายวันเลยทีเดียว ป่านนี้คนของพระนางที่ส่งมาก่อนคงกำลังแสดงอำนาจอย่างเต็มที่ เพราะพระนางเลือกแต่คนที่หน้าไหว้หลังหลอกมาทั้งนั้นและก็เป็นเช่นนั้นจริง เพียงพระนางก้าวขาลงจากรถม้าก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนแหลมเล็กของเหล่าขันทีดังมาให้ได้ยิน“ฮองไทเฮาต้องท่องไว้นะเพคะ ต้องสง่างาม น่าเกรงขาม และเด็ดขาดให้เหมือนแม่สามีผู้ร้ายกาจ” มามาคนสนิทเอ่ยเตือนนายตนฮองไทเฮาที่มายืนอยู่หน้าจวนบุตรชายสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าจวนไปที่มามาเอ่ยเช่นนั้นเพราะพระนางจะทดสอบว่าที่ลูกสะใภ้ผู้นี้นั่นเอง และที่ผ่านมาในสายตาบุตรชายพระนางเป็นสตรีสูงศักดิ์เกินเอื้อมถึง ทำให้ความสัมพันธ์แม่ลูกไม่ค่อยดีนัก“ฮองไทเฮาเสด็จ!!!” ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวยมีเสียงขันทีประกาศการมาถึงของพระนาง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในลานกว้างรีบคุกเข่าก้มหน้ากับพื้นทันท
ตอนพิเศษ2.3ฮูหยินใหญ่ตระกูลฮุ่ยถึงกับหลั่งเหงื่อเย็น เพราะจากสภาพที่นางพบฮุ่ยเยว่เล่อเมื่อเช้าก็มีความเป็นไปได้ตามที่ชายเหล่านั้นเอ่ยไม่นานบ่าวอาวุโสคนนั้นก็กลับมาด้วยใบหน้าซีดเผือด ก่อนจะเข้ามานั่งคุกเข่าตรงหน้านายท่านหวังตอนนี้เหล่าชายหนุ่มทั้งหลายถูกเชิญเข้ามาคุยกันในจวนแล้ว เพราะแขกเหรื่อที่มางานเริ่มออกมามุงดูอย่างสนใจ“เป็นอย่างไรเจ้าลองพูดมาซิ” นายท่านหวังสั่ง“เออ...สภาพของอี๋เหนียงเล็ก...เออ...”“จะอะไรเจ้าก็รีบพูดมาสิ จะมัวอ้ำอึ้งทำไม” คุณชายหวังเอ่ยอย่างหงุดหงิด“อี๋เหนียงมีสภาพราวกับเพิ่งผ่านคืนวสันต์มาไม่ผิดแน่เจ้าค่ะ ข้าน้อยมีประสบการณ์กล้ารับประกันได้” บ่าวอาวุโสเอ่ยพร้อมกับ ก้มหน้าหลบสายตาทุกคนแต่คนที่อยู่ตรงนั้นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แขกที่มาในงานเริ่มซุบซิบกันจนเกิดเสียงอื้ออึงไปทั่วบริเวณฮูหยินใหญ่หวังนั่นเป็นลมไปแล้ว นายท่านฮุ่ยกับฮูหยินใหญ่ฮุ่ยเองก็ไม่ต่างกันมากนัก ส่วนนายท่านหวังนั่นโกรธจนเลือดขึ้นหน้า“ไปลากตัวนางมา!!!” คุณชายหวังตวาดบ่าวของตน“นายท่านฮุ่ยท่านจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร” นายท่านหวังหันไปถามบิดาฝ่ายเจ้าสาว“ข้าขออภัยนายท่านหวัง เรื่องในวันนี้ข้าขอ
ตอนพิเศษ2.2รถม้าเคลื่อนมาหยุดที่หน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ก่อนจะมีชายรูปร่างสูงใหญ่ใส่หมวกสานเข้ามาอุ้มหญิงสาวบนรถม้าออกไปขึ้นรถม้าอีกคัน“ท่านรู้หรือไม่นั่นน่ะนายท่านของข้าเอง เขามารับภรรยากลับจวนเพราะนางต้องไปเฝ้าไข้มารดาตั้งเป็นเดือน ที่นางหลับไม่รู้เรื่องเช่นนี้คงเพราะนางอ่อนเพลียมากเป็นแน่ น่าสงสารนายหญิงของข้าจริง ๆ ”ชายที่ร่วมคารวานมาด้วยเอ่ยกับหลงจู้โรงเตี๊ยมพลางมองไปที่ผู้เป็นนายทั้งสองอย่างปลาบปลื้มใจ“นายท่านของเจ้าช่างรักภรรยายิ่งนัก ข้าละนับถือจิตใจเขาจริง ๆ ว่าแต่พวกท่านจะเดินทางไปที่ใดงั้นหรือ” หลงจู้เอ่ยถามตามมารยาท“พวกข้าจะไปเมืองหลวงกัน ข้าคงต้องไปแล้วไว้พบกันใหม่” ชายผู้นั้นเอ่ยก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นม้าตัวเอง แล้วคารวานนั้นก็ออกเดินทางไปฮุ่ยเยว่เล่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ประดับไปด้วยผ้าแดง กลิ่นกำยานแสบจมูกจนนางต้องยกมือขึ้นมาปิด“นางตื่นพอดีเลยเจ้าค่ะนายท่าน” เสียงสตรีแหลมเล็กดังขึ้นขณะที่ประตูถูกเปิดเข้ามาภาพตรงหน้าเป็นเฉินโม่วโฉวกับสตรีร่างท้วมแต่งหน้าจัดนางหนึ่ง ด้านนอกมีกลุ่มบุรุษหน้าตาโหดเหี้ยมอีกนับสิบ“ดีเลย นางจะได้รับรู้ถึงความสุขที่ข้