น้ำตาหยดเล็ก ๆ ไหลลงมาเมื่อเขาสวมแหวนไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ
“คำตอบล่ะ”
เนยมองไปที่แหวนเพชรที่นิ้วมือนั้นและหันไปมองหน้าเขาอีกครั้ง
“ค่ะ เนยตกลงจะแต่งงานกับพี่เรย์ค่ะ”
ภาพวันเก่า ๆ บนโซฟาตัวเดิมที่เธอยืนมองอยู่ตรงนี้ค่อย ๆ หายไป นานกว่าห้าปีแต่หมอเรย์ก็ยังไม่ย้ายออกไปจากคอนโดนี้ คงเพราะที่นี่ค่อนข้างสะดวกสบายและใกล้ที่ทำงานเขาละมั้ง
ห้องนอน
“พี่เรย์ คือว่า….”
“พี่จะค่อย ๆ ทำ ครั้งแรกของเราต้องสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ต้องกลัวนะเนย พี่รักเนยนะ”
“เนย…เนยก็รักพี่เรย์ อ๊ะ!!”
ในวันนั้นเขาบอกรักเธอทั้งคืน เซ็กส์ครั้งแรกและครั้งเดียวของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นที่นี่ ก่อนที่มันจะจบลง เนยค่อย ๆ เดินมาและลูบไปที่เตียงนั้นอีกครั้ง
สัมผัสของรักครั้งแรกที่เขามอบให้ ทั้งอ่อนหวาน นุ่มนวลและอ่อนโยนราวกับถูกโอบอุ้มด้วยผ้าห่มในคืนวันหนาวเหน็บ อ้อมกอดของคนที่รักที่เธอรู้สึกในวันแรกแต่ในตอนนี้….ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
หนึ่งเดือนก่อนหน้านั้น
“อะไรนะ พ่อ…พ่อเป็นเนื้องอกในสมองเหรอคะ ไม่ผิดแน่เหรอคะ”
“ไม่ผิดแน่ พี่อยากให้เนยรีบมาโรงพยาบาลตอนนี้พี่ทำเรื่องพักงานให้คุณอาแล้วแต่ว่ายังต้องให้ญาติเซ็นยินยอมในการผ่าตัดนะครับ”
“ค่ะ ๆ เนยทราบแล้วค่ะพี่พีร์”
“พีรพัตน์” เป็นเจ้านายของพ่อและเป็นเพื่อนบ้านเก่าของเธอสมัยที่เธอเรียนมหาลัย แม้ว่าเขาจะชื่นชอบเธอแต่เนยในตอนนั้นก็มีแฟนอยู่แล้ว พีรพัตน์เองก็เป็นพี่ชายที่ดีของเธอมาโดยตลอดโดยไม่เคยเรียกร้องอะไรมากกว่านั้น
โรงพยาบาล
“พี่พีร์คะ พ่อของเนยล่ะคะ”
“อยู่ในห้องตรวจน่ะ เนยใจเย็น ๆ ก่อนนะพี่ทำเรื่องลางานให้คุณอาแล้ว”
“ญาติคุณสมชาติอยู่ไหมคะ”
“ฉันเองค่ะ!!”
“เชิญทางนี้เลยค่ะ คุณหมออยากคุยกับคุณเรื่องอาการของผู้ป่วยค่ะ”
“พี่ไปด้วย”
“ขอบคุณค่ะพี่พีร์”
พวกเธอเดินตามพยาบาลเข้าไปยังห้องตรวจหมายเลขสองที่อยู่ตรงข้าม ตอนนี้พ่อของเธอถูกนำไปตรวจอีกขั้นตอนหนึ่งโดยมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจอาการอยู่
“เชิญครับ”
เสียงหมอในห้องตรวจแจ้งให้คนข้างนอกเปิดเข้ามา พีรพัตน์เปิดประตูให้กับเนยก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้าไปพบคุณหมอที่ยังหนุ่มและดูดีมากนั่งรออยู่ เนยแทบจะก้าวขาเข้าไปไม่ออกและชะงักไปนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าคุณหมอที่ว่านั้นคือใคร
“เชิญนั่งครับ คุณเป็นญาติผู้ป่วยเหรอครับ”
เขาตั้งคำถามนี้ไปที่พีรพัตน์โดยตรงซึ่งเดินมาดึงเก้าอี้ให้เนยนั่ง ทุกการกระทำของพวกเขาหมอเรย์เห็นทั้งหมด ตอนนี้เนยที่นั่งหน้าซีดมากกว่าเดิมซึ่งไม่รู้ว่ากลัวอาการของพ่อเธอที่แย่ลง หรือว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้มากกว่ากัน
“เอ่อ ไม่ใช่ครับเป็นเจ้านาย”
“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องรบกวนคุณออกไปรอด้านนอกก่อนนะครับเพราะอาการนี้ผมอยากจะปรึกษาญาติโดยตรงของคนไข้น่ะครับ”
“เอ่อ…แต่ว่าผมก็ถือว่าเป็นญาติ”
“พี่พีร์คะ ออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะค่ะ”
“เนยไหวแน่นะทำไมเนยหน้าซีดแบบนี้ล่ะ พี่ว่า…”
“อะฮึ่ม พยาบาล…คุณช่วยไปหายาดม…”
“ไม่ต้องค่ะคุณหมอ พี่พีร์คะอย่าเสียเวลาเลยค่ะเนยอยากจะไปหาพ่อเร็ว ๆ พี่พีร์ออกไปรอเนยข้างนอกก่อนนะคะ”
“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นพี่จะไปนั่งรอข้างนอกนะ มีอะไรก็เรียกได้เลย”
“ค่ะ”
หมอเรย์ยังคงนั่งนิ่ง มือทั้งสองของเขายังประสานกันอยู่บนโต๊ะ เมื่อเนยหันกลับไปมอง เขาก็รีบดึงมือลง เธอทันเห็นแหวนเล็ก ๆ ที่นิ้วก้อยข้างหนึ่งของเขาซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าตาฝาดหรือเปล่า
“เข้าเรื่องกันเลยนะครับ”
“ค่ะ!!”
“คุณตะโกนทำไม”
เขาถามเมื่อเห็นว่าเธอออกอาการกลัวจนลุกลี้ลุกลน ท่าทางแบบนี้ ใบหน้านี้ที่เขาไม่ได้เจอมาเกือบห้าปี เขาตามหาเธอเกือบสี่ปีและพึ่งหมดหวังไปไม่นาน นึกไม่ถึงว่ามาวันนี้จะได้เจอก็เจอแบบง่าย ๆ
“เปล่าค่ะ ขอโทษค่ะคุณหมอคะอาการของคุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ คุณพ่อ…”
“แม้ว่าจะเหมือนอาการวูบเพราะเป็นลมตามปกติ แต่พอตรวจอาการโดยละเอียดแล้ว พวกเราพบเนื้องอกที่ทับเส้นประสาทอยู่ คุณลองดูภาพนี้…”
แม้ว่าเรื่องในอดีตนั้นเขาจะเคยโกรธเธอมากขนาดไหนแต่ด้วยหน้าที่ที่เขาแบกรับอยู่ในตอนนี้ก็อดที่จะเห็นใจคนตรงหน้าไม่ได้ อาการของพ่อเธอแม้จะไม่ได้หนักหนาสำหรับการผ่าตัดสำหรับเขาแต่ก็ใช่ว่าแพทย์ที่นี่จะมีคนที่สามารถผ่าตัดเนื้องอกในตำแหน่งแบบนี้ได้ทุกคน
“นะ….นี่คือ….ถ้าอย่างนั้นพ่อ…”
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับตอนนี้คุณอายังอาการไม่ได้หนักถึงขนาดรักษาไม่ได้ แต่เราต้องผ่าตัดเอาก้อนเนื้อนี้ออกมา”
“ผ่า ผ่าตัดงั้นเหรอคะ ผ่าค่ะ!! ผ่าได้เลย ต้องทำยังไง ต้องใช้เงินเท่าไหร่ถึงจะ…”
“นั่นไม่ได้สำคัญหรอกนะ”
“สำคัญสิคะ ต้องทำสิคะ หมอคะ หมอจะ…”
“ขอโทษนะครับ ผมยังผ่าตัดให้พ่อคุณตอนนี้ไม่ได้”
“ทำไมล่ะคะ”
เธอมองหน้าเขาและตั้งความหวังเอาไว้ แต่ว่าดูจากสีหน้าที่เรียบเฉยนั่นแล้วเธอเองก็พอจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ทุกอย่างมันมีช่วงเวลาที่เหมาะสม และอีกอย่างในตอนนี้พ่อคุณสุขภาพยังอ่อนแออยู่มาก หากจะต้องผ่าตัดจะต้องรอเวลาไปอีกสักระยะหนึ่ง รอให้แข็งแรงกว่านี้ถึงจะทำการผ่าตัดได้”
“แล้ว…พี่…เอ่อ คุณหมอคะเราต้องใช้เวลานานเท่าไหร่คะ”
ปรเมศวร์หันมามองเธออีกครั้ง เมื่อกี้นี้เธอหลุดเรียกเขาตามที่เคยชินในวันเก่า แต่ในวันนี้นอกจากความโกรธแล้วไม่มีอย่างอื่นที่รู้สึกได้มากกว่านั้น แค่เห็นหน้าเธอเดินมากับผู้ชายอีกคนเขาก็แทบอยากจะยกเคสนี้ให้หมอคนอื่นแล้ว
“ขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้ป่วย”
“แล้วเรื่องค่าใช้จ่าย…”
“หากรวมการพักฟื้น ผ่าตัดและดูอาการหลังจากผ่าตัดก็อยู่ราว ๆ สี่แสนครับ”
“อะไรนะคะ สีแสนงั้นเหรอ แพงขนาดนั้น…”
“นี่เป็นการผ่าตัดใหญ่ การผ่าตัดสมองไม่ใช่เรื่องเล็กนะครับดังนั้นจึงมีค่าใช้จ่ายสูงแต่ว่ามันเป็นหนทางที่แก้ไขได้ตรงจุดและสามารถช่วยคนไข้ได้เร็วที่สุด”
“เข้าใจแล้วค่ะ เรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหา แล้วอาการหลังจากนี้ล่ะคะ”
“ก็ให้นอนพักไปก่อน อยู่ในโรงพยาบาลเพื่อตรวจเป็นระยะ หากว่าไม่มีอะไรแทรกซ้อนก็กำหนดวันผ่าตัดได้เลย”
“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ”
“มีอะไรจะถามเพิ่มไหมครับ”
“ค่ะ แล้วญาติสามารถนอนเฝ้าได้ไหมคะ”
“ได้ แต่ที่นี่มีพยาบาลคอยอำนวยความสะดวกตลอดเวลาอยู่แล้ว หากอยากให้คนไข้พักผ่อนมาก ๆ ก็ไม่ควรจะมาเยี่ยมจนคนไข้ไม่มีเวลาพักจะดีกว่า ที่นี่โรงพยาบาลไม่ใช่งานปาร์ตี้และคนที่ไม่ใช่ญาติก็ไม่สมควรมาบ่อย ๆ”
“หมายความว่ายังไงคะ”
คำพูดของหมอเรย์เริ่มทำให้เนยหงุดหงิดอย่างประหลาดเหมือนกับคุณหมอกำลังจะฟาดงวงฟาดงาและหาว่าพวกเธอพาคนไม่เกี่ยวข้องมาวุ่นวาย
“ตามนั้นแหละครับ มีอะไรถามอีกไหม”
“แล้วการดูแลช่วงนี้ ท่านจะทานอะไรหรือมีสั่งห้ามอาหารแบบไหนบ้างไหมคะ”
“อาหารทางโรงพยาบาลจะเป็นคนดูและจัดหาให้อยู่แล้ว แต่ถ้าญาติอยากจะหามาเพิ่มให้ก็งดของเค็มจัด เผ็ดจัดและงดอาหารทอดที่มีมันเยอะ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พวกปิ้งย่างที่คุณชอบกินก็ควรงดด้วย”
“คะ?”
“มีอะไรจะถามอีกไหม”
เนยหันไปมองหน้าคุณหมอที่ทำท่าขึงขังอีกครั้ง สีหน้าเรียบเฉยของเขาเห็นแล้วช่างน่าหมั่นไส้เสียจริง แม้ว่าจะดูดุแต่เขาก็หล่อขึ้นกว่าเมื่อห้าปีก่อนมาก มากถึงขนาดเรียกว่าทำให้เธอใจเต้นผิดจังหวะมาหลายครั้งแล้วระหว่างที่นั่งคุยกับเขาอยู่ตอนนี้
“ไม่แล้วค่ะ ไม่มีแล้วขอบคุณมากนะคะถ้าอย่างนั้น….”
“คุณไม่มีคำถามแล้วก็ดี ถ้าอย่างนั้นผมจะได้ถามคุณบ้างชนิตา….”
เนยไม่คุยกับหมอเรย์อีกเลยในคืนนั้นไม่ว่าเขาจะพยายามทำยังไงเธอก็เงียบ ชวนดูหนังก็เงียบแล้วยังหนีไปนอนห้องลูกสาวคนเล็กโดยอ้างว่าจะเล่านิทานให้ฟัง มิลินเลยเชื่อ คืนนี้หมอเรย์เลยถูกทิ้งให้นอนคนเดียว“อะไรกัน ก็ไม่ได้จะให้ทำเลยสักหน่อยนี่นา”ชาร์ลอตคาเฟ่“จริงเหรอคะ ตายจริงไม่คิดว่าพี่หมอจะอยากได้ลูกแฝดจริง ๆ”“เห็นวันก่อนพี่พีร์คุยโทรศัพท์ตั้งนาน ที่แท้คุยกับพี่หมอเรย์หรอกเหรอคะเนี่ย”“เฮ้อ….ทีนี้งานเลยมาเข้าเนยสิคะ ลูกแฝดเลยนะ”ทั้งเมย์และบัวต่างให้กำลังใจเธอ เนยออกมาที่ร้านเพื่อจะมาระบายอารมณ์สักหน่อย พอบัวรู้เรื่องจึงโทรชวนเมย์ที่มาตรวจงานที่โรงพยาบาลมาที่ร้านด้วย ทั้งสามเลยมานั่งคุยกัน แต่ไม่คิดว่าจะมีไส้ศึกอยู่ข้างในร้าน“ใช่ ๆ อยู่นี่หมดเลยหมอเรย์ออกเวรหรือยังล่ะ ร้านจะปิดแล้วนะ”“ผมก็รออยู่ หมอเรย์บอกว่าแค่เซ็นเอกสารแป๊บเดียว มาแล้ว ๆ ผมจะพาไปเลยนะ”“คุณพีร์อย่าลืมนะว่าเราไม่รู้เรื่อง”“ไม่รู้เรื่อง ผมจะไปรับเมียผม หมอเรย์ก็…แค่ขับไปรับเมียไง”“โอเค ๆ ผมวางก่อนล่ะเดี๋ยวเมียผมสงสัย”ธเนศรีบวางหูและเดินเอาเครื่องดื่มออกมาวางให้สามสาวที่นั่งคุยกันอยู่ที่ร้านพร้อมกับหันไปสังเกตสีหน้าขอ
สามปีต่อมา“พี่วินทร์เอาคืนมานะ ไม่งั้นมิลินจะฟ้องคุณย่า"“ยัยคนขี้ฟ้องเอะอะอะไรก็ฟ้องคุณย่า แค่ของเล่นนิดเดียวทำหวงไปได้”“ก็อันนั้นไมค์ให้มิลินมานี่!! เอาคืนมานะ”“ไม่!! ไอ้ไมค์มันเป็นใคร เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมเล่นของแบบนี้”“กวินทร์!!”“คุณแม่!! ฮือ….”มิลินวิ่งไปหาชนิตาในทันที หมอเรย์กับเนยเดินลงมาเพราะได้ยินเสียงเถียงกันของเด็ก ๆ ข้างล่างเมื่อกลับมาจากโรงเรียนก็มักจะทะเลาะกันแบบนี้ตลอด“คุณแม่ คุณพ่อสวัสดีครับ”“คุณแม่ พี่วินทร์เอาของเล่นมิลินไป”“กวินทร์ ทำอะไรน้องอีกละครับ พ่อบอกว่ายังไงต้องปกป้องน้องไม่ใช่เหรอ”“พ่อครับ ไอ้ไมค์”“กวินทร์!! แม่เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามพูดคำหยาบคาย”“แต่ไมค์เป็นเด็กไม่ดีนะครับ เอาของแบบนี้มาให้มิลินเล่น วินทร์ก็แค่ยึดมาเท่านั้นเอง”“อะไร ไหนเอามาให้พ่อดูหน่อย”ปรเมศวร์เดินมาหาลูกชายที่ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นประถมสอง และลูกสาวที่ยังเรียนอยู่ชั้นอนุบาลที่ยืนทะเลาะกันอยู่ชั้นล่าง“นี่อะไร ตุ๊กตา เฮ้ย!!”"พี่เรย์ ตะโกนทำไมตกใจหมด"มันเป็นตุ๊กตาลามกที่เป็นตัวละครแต่เมื่อเปิดผ้าที่เป็นเคราออกก็จะเห็นของด้านในซึ่งมิลินไม่รู้ว่าตุ๊กตานี้เล่นแบบนั้นได้“มิลิน คร
โรงพยาบาล“เร็ว ๆ เข้า ตาเรย์บอกว่าจะคลอดตอนเก้าโมงไม่ใช่เหรอคุณตอนนี้น่าจะขึ้นไปที่ห้องพักฟื้นแล้ว กว่าจะประชุมเสร็จกินเวลาไปนานเลย”“ผมก็รีบอยู่นี่ยังไงล่ะ คุณอย่าเป็นห่วงไปเลยน่าผมต้องย้ำรอบที่ร้อยสิบไหมว่าลูกชายคุณเป็นหมอ”คุณระรินทิพย์และคุณอภิวัฒน์ พ่อแม่สามีของเนยรีบวิ่งมาที่ชั้นสิบสองที่เป็นส่วนของห้องพักฟื้นสำหรับคุณแม่ที่พึ่งคลอดบุตร เมื่อมาถึงก็พบหมอเรย์ที่ยืนอยู่ข้างนอกห้องกระจกและมองดูเด็กน้อยที่นอนอยู่ในเปลที่ถูกเตรียมเอาไว้ให้ในชุดไทยสีชมพูเนื่องจากวันนี้เป็นวันมหาสงกรานต์นั่นเอง“พ่อครับทำไมน้องไม่พูด น้องเอาแต่นอนอย่างเดียว”“กวินทร์ น้องพึ่งจะคลอดออกมายังพูดไม่ได้นะครับ”“แล้วเมื่อไหร่ผมจะคุยกับน้องได้กั๊บ”“ต้องรอให้น้องโตก่อนนะครับ”“พ่อคับ ผมมองเห็นไม่ชัดเยย”"มานี่เจ้าตัวแสบ พ่อจะอุ้มทีนี้เห็นชัดหรือยัง"“ทำไมน้องตัวเล็กจังเยยคับ”“ก็น้องพึ่งออกมาจากท้องคุณแม่ไงครับก็เลยตัวเล็ก ทำไมวันนี้ถามมากจัง”“พ่อ น้องจะย้องไห้แย้ว”“เดี๋ยวพี่พยาบาลก็มาอุ้มเองครับ แม่ยังไม่มาที่ห้อง วันนี้แม่ต้องพักฟื้นกวินทร์อย่าเสียงดัง อย่ากวนคุณแม่ด้วยเข้าใจไหมครับเดี๋ยวคุณปู่คุณย่าก็มา
อเดลโยนแฟลชไดรฟ์ตัวเล็กมาให้หมอเรย์ ตอนนี้เนยยังนอนพักอยู่ข้างในเพราะช่วงนี้เธอเหนื่อยง่ายและมักจะนอนบ่อย หากมานั่งฟังพวกเขาคุยกันก็คงไม่มีประโยชน์จึงปล่อยให้หมอเรย์รับแขกไปคนเดียว “ว่าแต่แกเถอะ แต่งงานแล้วเป็นยังไงบ้างคนนี้เหรอที่ยัยกิ่งแก้วสกัดเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน”“ใช่ คนนี้แหละ”“ในตอนนั้นถ้าฉันรู้ว่ายัยกิ้งก่านั่นจะให้ฉันปลอมเอกสารเพื่อมาหลอกนายฉันจะไม่ทำให้มันโดยเด็ดขาดเลย ขอโทษจริง ๆ ว่ะเรย์ ฉันไม่รู้ว่ากิ่งแก้วมันจะทำเรื่องแบบนี้”“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนั้นนายสนิทกับเธอมากกว่าฉันนี่แล้วคนอย่างกิ่งแก้วก็ต้องมีวิธีสารพัดที่จะโน้มน้าวให้นายช่วยอยู่ดี”“ทำให้พวกนายเสียเวลาไปหลายปี แทนที่จะได้ลงเอยกันถ้าตอนนั้นไม่เกิดเรื่องขึ้นป่านนี้ฉันคงมีลูกหลายคนแล้ว”“ว่าไปนั่น ถ้าตอนนั้นแต่งกันไปอาจจะเลิกกันก็ได้ใครจะรู้ ต่างคนต่างก็ยังเด็กด้วยกันทั้งคู่ แค่เรื่องเอกสารใบเดียวที่กิ่งแก้วทำขึ้นมาก็ทำให้ร้าวฉานได้ขนาดนี้แล้ว”“อืม ก็จริงแต่ตอนนี้ก็เป็นช่วงที่ดีแล้วล่ะ นายเองก็เข้ามาบริหารโรงพยาบาลเต็มตัวแล้วนี่ เรื่องระบบความปลอดภัยไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันสั่งให้คนดูแลอย่างดีแล้ว เซิร์ฟเวอร์อยู่ที่เ
“แต่ว่า เนยกำลังท้องอยู่นะ อาา!!!”แต่เนยไม่ได้สนใจเขาและยังร่อนเอวกระแทกจนเขาแทบจะทนความเสียดเสียวข้างในนั้นไม่ไหว ตอนนี้เองที่อารมณ์ของเขาถูกจุดขึ้นมาและไม่อาจจะทนต่อไปไหวได้“ในเมื่อเริ่มเองก็รับผิดชอบให้ได้ก็แล้วกัน”“อ๊าา อื้อ…รุนแรงจัง ชอบ อ๊าา ดูดแรงกว่านี้อีกหน่อย พี่เรย์ อีาา”เสียงที่ดังในห้องน้ำของคู่บ่าวสาวพร้อมกับเสียงน้ำที่กระเซ็นออกยังคงดังอยู่อีกพักใหญ่ว่าที่สงครามจะสิ้นสุดลงและคู่บ่าวสาวหมาด ๆ ต้องมานั่งเช็ดผมให้กันข้างนอก“เป็นไงล่ะ แทนที่จะได้นอนเลยต้องรอให้ผมแห้งก่อน”“ก็เป็นเพราะพี่เรย์ไม่ใช่เหรอคะที่จับเนยไม่อยู่เองแล้วลื่นจนทำเนยจมน้ำ”“ยังดีนะที่ไม่ล้มไปก่อน วันหลังไม่ทำแบบนี้แล้วนะอาบคืออาบ นอนคือนอนเข้าใจไหมมันอันตรายมาก”เนยหันมามองท่าหมอเรย์ที่ยืนท้าวเอวและชี้หน้ามาต่อว่าเธอ ท่านี้ไม่ต่างกับท่านรองระรินทิพย์แม่ของเขาเลยตอนที่ชี้นิ้วให้คุณพ่อซึ่งเป็นท่านประธานยกของชำร่วยเข้าไปในบ้านเมื่อหลายวันก่อน“ขำอะไรเดี๋ยวเถอะ”“โอ๊ย ๆ ไม่ขำก็ได้ เอาไดร์มาเป่าให้ทีสิคะง่วงแล้วจริง ๆ จะนอนแล้ว”“อยู่เฉย ๆ สิมืออย่าซน”“ก็แค่ช่วยดึงชุดคลุมเท่านั้นเอง”กว่าเขาจะเป่าผมให้เ
“พี่พีร์ มาแล้วเหรอคะทำไมมาช้าจังเลย”“พี่ติดงานนิดหน่อยน่ะแต่ก็ยังทันใช่ไหม”“ทันค่ะ งานเลี้ยงพึ่งจะเริ่มเอง งั้น มานั่งคุยทางนี้เถอะค่ะ ทางนั้นเสียงดัง”หมอเรย์หันมามองเห็นว่าเนยกับพีรพัตน์ยืนคุยกันข้างนอก ธเนศดึงแขนหมอเรย์เอาไว้เพราะคิดว่าเขาจะเดินออกไปขวางไม่ให้สองคนนั้นคุยกัน“หมอครับ ผมเชิญพี่พีร์มาเอง เขาเป็นคนออกแบบและตกแต่งร้านนี้ให้น่ะครับ”“ครับ ผมไม่ได้ว่าอะไรเนยบอกเรื่องนี้ให้ผมรู้แล้วครับ ไม่ต้องห่วงผมไม่ออกไปขัดจังหวะพวกเขาหรอก”เขาพูดพลางหันออกไป เนยเห็นเขาอยู่ข้างในและโบกมือให้เขา หมอเรย์เองก็โบกมือกลับและยิ้มคืนไปให้เธออย่างเข้าใจ แม้ว่าเขาอยากจะเดินออกไปและขอโทษอีกฝ่ายที่เคยชกหน้าไปเมื่อหลายเดือนก่อนก็ตาม“ดูเหมือนจะเข้าใจกันดีแล้วสินะเนี่ย”“คะ? อ๋อ พี่พีร์ ที่จริงพี่เรย์เองก็อยากจะขอโทษพี่พีร์ เรื่องที่…”“อ๋อ บอกคุณหมอว่าพี่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นหรอกนะไม่ต้องห่วง พี่ขอแค่ให้เขาดูแลน้องสาวพี่ให้ดีก็พอแล้ว จากนี้พี่จะได้…ปล่อยมือจริง ๆ เสียที”“พี่พีร์ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ ถ้าเนยกับพ่อไม่ได้พี่พีร์ช่วยเอาไว้ในหลาย ๆ เรื่องคงไม่อยู่มาได้ถึงวันนี้หรอกค่ะ”“พูดแบบนั้นไม