“อะไรนะคะ หมอหมายความว่า…”
“ก็คุณบอกว่าอยากจะให้คนไข้ย้ายที่รักษา ในเมื่อญาติคนไข้ไม่ได้เต็มใจอยากให้หมอรักษา ผมก็จะไม่รั้งคุณเอาไว้ ตกลงคุณหาที่ใหม่ได้หรือยัง”
“ยังค่ะ”
“งั้นเหรอ มันแย่ตรงที่ผมเองก็เริ่มจะไม่ได้รับคนไข้เท่าไหร่แล้วเพราะติดเคสผ่าตัดอีกหลายเคสดังนั้นหลังจากนี้ผมอาจจะดูแลคุณพ่อของคุณไม่ได้แล้ว”
“วะ…ว่ายังไงนะคะคุณหมอ ทำไมกะทันหันแบบนี้ละคะ ไม่เห็นมีใครแจ้งมาก่อนเลยนี่คะว่าจะต้อง…”
“ขอโทษนะครับ ก็ญาติผู้ป่วยเป็นคนแจ้งมาเองว่าอยากจะย้ายโรงพยาบาลดังนั้นผมเลยต้องไปดูแลเคสอื่นและตอนนี้…”
“เดี๋ยวก่อนนะคะ แต่ว่าอาการของคุณพ่อตอนนี้….ทำไมคุณหมอทำแบบนี้ละคะ”
“คุณไม่ได้ให้ความร่วมมือในการรักษากับทีมแพทย์ตั้งแต่แรกและยังยืนกรานว่าอยากจะย้ายโรงพยาบาลเองไม่ใช่เหรอครับ ทางเราจึงเคารพในการตัดสินใจของญาติคนไข้ แล้วตอนนี้คุณตัดสินใจได้หรือยัง”
เนยกัดฟันและหายใจถี่แรงขึ้น เธอไม่ควรไปพูดแบบนั้นและเอาชีวิตของพ่อมาเดิมพันกับเขา เธอที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องการย้ายผู้ป่วยที่มีการรักษาต่อเนื่องแบบนี้มันเสี่ยงมาก คุณหมอหลาย ๆ คนที่ไปปรึกษามาต่างก็ลงความเห็นว่าควรขอร้องหมอที่ดูแลคุณพ่อเธออยู่แล้วให้รักษาต่อเนื่องเพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
“คุณหมอคะ ขอร้อง…ช่วยรักษาคุณพ่อของเนยด้วยเถอะค่ะ เนยจะไม่ย้ายคุณพ่อไปที่อื่นแล้วค่ะ”
“คุณบอกว่าจะไม่ย้ายผู้ป่วยแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นคุณยืนยันหนักแน่นและบอกพยาบาลเอาไว้ ตอนนี้ทุกคนก็เตรียมที่จะโอนประวัติการรักษารวบรวมให้คุณ การรักษาที่ผมทำอยู่ก็แค่ประคับประคองอาการเพื่อให้ผู้ป่วยย้ายได้สะดวก แต่มาวันนี้บอกไม่ย้ายแล้วงั้นเหรอ คุณนี่มันเอาแต่ใจตัวเองไม่เปลี่ยนเลยนะ”
เธอทำได้แต่ก้มหน้ารับฟังเขาต่อว่าเธอเท่านั้น ในเวลานั้นเนยเองก็ยอมรับว่าใจร้อนจริง ๆ ถึงได้ปากไวบอกเขาไปแบบนั้น มาในตอนนี้เธอรู้แล้วว่าการรักษาคนคนหนึ่งในโรคที่เป็นแบบนี้มันไม่ได้ง่ายเลย
“เนยขอโทษนะคะที่คิดไม่รอบคอบ คุณหมอพอที่จะ…”
“ไม่ย้ายก็ไม่ได้มีผลอะไรแต่ว่าผม…อาจจะรับเคสของคุณพ่อคุณไม่ได้แล้ว”
“ทำไมล่ะคะเพราะเนยเหรอคะ คุณหมอคะเนยขอร้องนะคะเรื่องอะไรที่มันไม่ได้เกี่ยวกับพ่อ เอาไว้….คุณหมอคะ!!”
“คุณคิดว่าผมเป็นหมอคนเดียวในโรงพยาบาลนี้เหรอ แล้วคิดว่าคนไข้ของผมมีพ่อของคุณคนเดียวหรือไง ผมยอมเสียเวลารอพวกคุณตัดสินใจว่าจะย้ายหรือไม่ย้ายนี่ก็เกินความจำเป็นมากพอแล้ว คุณยังจะเห็นแก่ตัวอีกเหรอ…นั่นคุณทำอะไร เนย!! เอ่อ….คุณชนิตา”
เขาเผลอเรียกชื่อเธอไปแล้วเมื่อเนยยอมลุกขึ้นมาและคุกเข่าตรงข้าง ๆ โต๊ะของเขาและร้องไห้จนตัวสั่นโยนเพราะสำนึกผิด เธอไม่เคยคิดว่ามันจะยุ่งยากและเสี่ยงกับชีวิตของพ่อแบบนี้
“ขอร้องล่ะค่ะคุณหมอช่วยคุณพ่อของเนยด้วยนะคะ เนยยอมทุกอย่างขอแค่คุณหมอยอมผ่าตัดให้คุณพ่อ”
“คุณลุกขึ้นมาก่อน ลุกมาคุยกันดี ๆ”
“ไม่ค่ะถ้าคุณหมอไม่ยอมรับปากเนยก็จะคุกเข่าตรงนี้ เนยผิดไปแล้วค่ะเนยไม่ควรล้อเล่นกับชีวิตพ่อแบบนี้คุณหมอคะได้โปรด…”
เขาเดินมาจับแขนเธอและค่อย ๆ พยุงให้ลุกขึ้น แม้ว่าสายตานั้นจะเย็นชาแต่มือที่พยุงเธอลุกนั้นช่างนิ่มนวลเหลือเกินจนเธอใจสั่นอีกครั้ง หมอเรย์พาเธอมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม
“เฮ้อ….ทำไมคุณต้องทำให้เรื่องมันยุ่งแบบนี้นะ”
“หมอคะ บอกมาเถอะค่ะว่าจะให้เนยทำยังไงหมอถึงจะยอมผ่าตัดให้คุณพ่อ เนยยอมทุกอย่างเลยค่ะ จริง ๆ นะคะคุณหมอได้โปรดเถอะค่ะ พี่…คุณหมอ”
เขาชะงักไปเมื่อเธอไม่ยอมเรียกเขาว่า “พี่เรย์” เหมือนเดิมนี่เองที่ทำให้เขาคิดบางอย่างขึ้นมาได้ สายตาเขาเปลี่ยนไปอีกครั้งและยื่นทิชชูให้เธอเช็ดน้ำตาเอง
“เช็ดน้ำตาคุณก่อนแล้วตั้งใจฟังให้ดี นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของคุณ”
เขาเดินไปดึงเอกสารออกมาจากเครื่องพิมพ์ข้าง ๆ และเดินมาให้เธออ่านและวางปากกาเอาไว้
“นี่คืออะไรคะ”
“คุณเซ็นลงไปในเอกสารนี้ก็จะเท่ากับยินยอมให้ผมทำการผ่าตัดพ่อของคุณและผมจะกลับไปเป็นเจ้าของไข้อีกครั้ง”
ชนิตารีบเซ็นเอกสารลงไปในทันที หมอเรย์รอจนเธอเซ็นเอกสารเสร็จและอ่านดูจนหมดก่อนจะส่งคืนให้คุณหมอ เนยหยุดร้องไห้และถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วแต่เมื่อหันมามองสีหน้าของหมอเรย์เธอกลับเริ่มรู้สึกวูบวาบประหลาดที่ช่องท้อง
“ทีนี้ก็มาฟังเงื่อนไขและข้อตกลงของเราสองคนกันได้แล้ว”
น้ำเสียงที่เย็นเยือกจนสันคอเย็นวาบทำให้เธอรู้ว่าเธอพลาดไปแล้วที่ไปยื่นสัญญาประหลาดให้กับซาตานตรงหน้าในคราบคุณหมอที่แสนดีคนนี้
“คุณหมอหมายความว่ายังไงคะ”
“เมื่อกี้คุณบอกเองว่า…จะยอมทำทุกอย่างโดยไม่มีเงื่อนไขไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะ แต่ว่าต้องไม่ใช่เรื่องที่…เนยทำไม่ได้”
“ไม่ได้ ผมยึดคำพูดแรกของคุณถ้าไม่อย่างนั้นเอกสารนี่ก็ไม่มีความหมาย”
“คุณหมอ!!”
เขาวางเอกสารยินยอมเอาไว้ระหว่างเขากับเธอ ครั้งนี้เขาจะขอวัดใจเธอดูอีกสักครั้ง ถ้าหากว่าเธอไม่กล้ารับเงื่อนไขของเขาอีกก็เท่ากับตัดช่องทางรอดของพ่อตัวเองให้แคบลง แต่เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าเธอไม่ยืนกรานจะย้ายโรงพยาบาลตั้งแต่แรก
“คุณหมอมีอะไรก็ว่ามาสิคะ”
เสียงเธอเบาลงหลังจากเกิดเรื่องขึ้นมากมาย นี่เป็นบทเรียนของเธอที่ไม่ควรใจร้อนกับเรื่องที่ไม่มีความรู้จนทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อน
“ฟังให้ดี นับจากนี้ไปคุณจะต้องทำหน้าที่ดูแลผม….ในทุก ๆ เรื่อง”
“ทุกเรื่องเหรอคะ”
“ต้องให้อธิบายไหม ทั้งเรื่องอาหารการกิน เสื้อผ้าความเป็นอยู่ในบ้านรวมถึง….เรื่องบนเตียงด้วย”
“คุณหมอ!!”
“เอกสารยินยอมอยู่ตรงหน้าคุณ ถ้าไม่อยากทำก็ฉีกมันทิ้งแล้วเชิญออกไปได้เลย ขออวยพรให้หาโรงพยาบาลที่ดีได้เร็ว ๆ ด้วยนะ ต้องรีบหน่อยล่ะเพราะอาการของพ่อคุณหากไม่รีบรักษา มันก็จะลุกลามไปเรื่อย ๆ”
คนตรงหน้าเขานั่งตัวสั่นด้วยความโกรธอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน น้ำตาที่คลอหน่วยนั้นทำเอาหัวใจหมอเรย์หล่นวูบไปที่หน้าท้อง แต่เขาอยากให้เธอได้เรียนรู้ว่าไม่ควรเอาชีวิตของพ่อตัวเองมาเสี่ยงกับความใจร้อนและเอาแต่ใจตัวเอง
อาการของพ่อเธอเขาเองรู้ดีที่สุดและไม่มีทางยอมให้เธอย้ายออกไปรักษาที่อื่นอยู่แล้ว แต่เขาไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องนี้กับเธอในตอนนี้
“ผมไม่มีเวลามากนะ เอาเป็นว่าคุณเอากลับไปคิด…”
“ก็ได้ค่ะ”
“อะไรนะ!!”
เขาแทบจะไม่เชื่อหูว่าเธอจะยอมง่าย ๆ แบบนี้ เขาหันไปมองหน้าที่มุ่งมั่นตรงหน้านั้น แม้จะมีน้ำตาอยู่แต่สายตานั่นทำเอาเขาต้องยอมแพ้และใจอ่อนอีกครั้ง
“นี่คุณ….”
“เนยยินดีทำตามเงื่อนไขของคุณหมอ ขอเพียงให้คุณรับปากจะรักษาพ่อของเนยให้หายดี เนยยอมทุกอย่างค่ะ คุณบอกมาเถอะค่ะว่าจะให้เนยทำอะไรบ้าง”
ปรเมศวร์แทบจะตั้งตัวไม่ติดและยอมรับว่าไม่ได้คิดมาก่อนหน้านี้ว่าจะให้เธอทำอะไรแต่แน่นอนว่าเขาคิดไม่ดีกับเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ในเมื่อเธอกลับมาตรงหน้าเขาอีกครั้งมีเหรอที่เขาจะเสียเธอไปอีก ไม่มีทาง!!!
“ก่อนอื่นคุณย้ายมาพักที่คอนโดของผมก่อน”
“อะไรนะคะ ย้ายเหรอคะไปกลับไม่ได้เหรอคะเนยยังต้องทำงาน”
“คุณจะทำงานหรือมีธุระอะไรก็ทำไปแต่ว่าผมเรียกเมื่อไหร่คุณต้องมาหาผมทันที”
“แต่ว่าคุณคงต้องดูเวลาด้วยไหมคะ เวลาที่ทำงานเนยก็ออกมาไม่ได้ตลอดหรอกนะคะ”
“นั่นไม่ใช่ปัญหาของผม และแน่นอนว่าคุณจะไม่ทำก็ได้เอกสารอยู่ตรงหน้าคุณ ถ้าวันนี้คุณตัดสินใจแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว คุณคิดให้ดี ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจ”
ทั้งสองคนนั่งมองตากันโดยมีเอกสารยินยอมการรักษาวางอยู่ตรงกลาง แต่ละคนต่างก็กลัวการตัดสินใจของอีกฝ่าย
“ก็ได้ค่ะ เนยรับข้อตกลงนี้เย็นนี้จะย้ายของไปที่คอนโดคุณหมอทันทีค่ะ รบกวนบอกที่อยู่ของคุณมา…..”
“ผมไม่เคยย้ายที่อยู่ คงไม่ต้องบอกนะว่าอยู่ที่ไหนเพราะคุณรู้จักที่นั่นดีกว่าใครทั้งหมด เจอกันตอนหกโมงเย็นวันนี้”
เนยไม่คุยกับหมอเรย์อีกเลยในคืนนั้นไม่ว่าเขาจะพยายามทำยังไงเธอก็เงียบ ชวนดูหนังก็เงียบแล้วยังหนีไปนอนห้องลูกสาวคนเล็กโดยอ้างว่าจะเล่านิทานให้ฟัง มิลินเลยเชื่อ คืนนี้หมอเรย์เลยถูกทิ้งให้นอนคนเดียว“อะไรกัน ก็ไม่ได้จะให้ทำเลยสักหน่อยนี่นา”ชาร์ลอตคาเฟ่“จริงเหรอคะ ตายจริงไม่คิดว่าพี่หมอจะอยากได้ลูกแฝดจริง ๆ”“เห็นวันก่อนพี่พีร์คุยโทรศัพท์ตั้งนาน ที่แท้คุยกับพี่หมอเรย์หรอกเหรอคะเนี่ย”“เฮ้อ….ทีนี้งานเลยมาเข้าเนยสิคะ ลูกแฝดเลยนะ”ทั้งเมย์และบัวต่างให้กำลังใจเธอ เนยออกมาที่ร้านเพื่อจะมาระบายอารมณ์สักหน่อย พอบัวรู้เรื่องจึงโทรชวนเมย์ที่มาตรวจงานที่โรงพยาบาลมาที่ร้านด้วย ทั้งสามเลยมานั่งคุยกัน แต่ไม่คิดว่าจะมีไส้ศึกอยู่ข้างในร้าน“ใช่ ๆ อยู่นี่หมดเลยหมอเรย์ออกเวรหรือยังล่ะ ร้านจะปิดแล้วนะ”“ผมก็รออยู่ หมอเรย์บอกว่าแค่เซ็นเอกสารแป๊บเดียว มาแล้ว ๆ ผมจะพาไปเลยนะ”“คุณพีร์อย่าลืมนะว่าเราไม่รู้เรื่อง”“ไม่รู้เรื่อง ผมจะไปรับเมียผม หมอเรย์ก็…แค่ขับไปรับเมียไง”“โอเค ๆ ผมวางก่อนล่ะเดี๋ยวเมียผมสงสัย”ธเนศรีบวางหูและเดินเอาเครื่องดื่มออกมาวางให้สามสาวที่นั่งคุยกันอยู่ที่ร้านพร้อมกับหันไปสังเกตสีหน้าขอ
สามปีต่อมา“พี่วินทร์เอาคืนมานะ ไม่งั้นมิลินจะฟ้องคุณย่า"“ยัยคนขี้ฟ้องเอะอะอะไรก็ฟ้องคุณย่า แค่ของเล่นนิดเดียวทำหวงไปได้”“ก็อันนั้นไมค์ให้มิลินมานี่!! เอาคืนมานะ”“ไม่!! ไอ้ไมค์มันเป็นใคร เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมเล่นของแบบนี้”“กวินทร์!!”“คุณแม่!! ฮือ….”มิลินวิ่งไปหาชนิตาในทันที หมอเรย์กับเนยเดินลงมาเพราะได้ยินเสียงเถียงกันของเด็ก ๆ ข้างล่างเมื่อกลับมาจากโรงเรียนก็มักจะทะเลาะกันแบบนี้ตลอด“คุณแม่ คุณพ่อสวัสดีครับ”“คุณแม่ พี่วินทร์เอาของเล่นมิลินไป”“กวินทร์ ทำอะไรน้องอีกละครับ พ่อบอกว่ายังไงต้องปกป้องน้องไม่ใช่เหรอ”“พ่อครับ ไอ้ไมค์”“กวินทร์!! แม่เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามพูดคำหยาบคาย”“แต่ไมค์เป็นเด็กไม่ดีนะครับ เอาของแบบนี้มาให้มิลินเล่น วินทร์ก็แค่ยึดมาเท่านั้นเอง”“อะไร ไหนเอามาให้พ่อดูหน่อย”ปรเมศวร์เดินมาหาลูกชายที่ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นประถมสอง และลูกสาวที่ยังเรียนอยู่ชั้นอนุบาลที่ยืนทะเลาะกันอยู่ชั้นล่าง“นี่อะไร ตุ๊กตา เฮ้ย!!”"พี่เรย์ ตะโกนทำไมตกใจหมด"มันเป็นตุ๊กตาลามกที่เป็นตัวละครแต่เมื่อเปิดผ้าที่เป็นเคราออกก็จะเห็นของด้านในซึ่งมิลินไม่รู้ว่าตุ๊กตานี้เล่นแบบนั้นได้“มิลิน คร
โรงพยาบาล“เร็ว ๆ เข้า ตาเรย์บอกว่าจะคลอดตอนเก้าโมงไม่ใช่เหรอคุณตอนนี้น่าจะขึ้นไปที่ห้องพักฟื้นแล้ว กว่าจะประชุมเสร็จกินเวลาไปนานเลย”“ผมก็รีบอยู่นี่ยังไงล่ะ คุณอย่าเป็นห่วงไปเลยน่าผมต้องย้ำรอบที่ร้อยสิบไหมว่าลูกชายคุณเป็นหมอ”คุณระรินทิพย์และคุณอภิวัฒน์ พ่อแม่สามีของเนยรีบวิ่งมาที่ชั้นสิบสองที่เป็นส่วนของห้องพักฟื้นสำหรับคุณแม่ที่พึ่งคลอดบุตร เมื่อมาถึงก็พบหมอเรย์ที่ยืนอยู่ข้างนอกห้องกระจกและมองดูเด็กน้อยที่นอนอยู่ในเปลที่ถูกเตรียมเอาไว้ให้ในชุดไทยสีชมพูเนื่องจากวันนี้เป็นวันมหาสงกรานต์นั่นเอง“พ่อครับทำไมน้องไม่พูด น้องเอาแต่นอนอย่างเดียว”“กวินทร์ น้องพึ่งจะคลอดออกมายังพูดไม่ได้นะครับ”“แล้วเมื่อไหร่ผมจะคุยกับน้องได้กั๊บ”“ต้องรอให้น้องโตก่อนนะครับ”“พ่อคับ ผมมองเห็นไม่ชัดเยย”"มานี่เจ้าตัวแสบ พ่อจะอุ้มทีนี้เห็นชัดหรือยัง"“ทำไมน้องตัวเล็กจังเยยคับ”“ก็น้องพึ่งออกมาจากท้องคุณแม่ไงครับก็เลยตัวเล็ก ทำไมวันนี้ถามมากจัง”“พ่อ น้องจะย้องไห้แย้ว”“เดี๋ยวพี่พยาบาลก็มาอุ้มเองครับ แม่ยังไม่มาที่ห้อง วันนี้แม่ต้องพักฟื้นกวินทร์อย่าเสียงดัง อย่ากวนคุณแม่ด้วยเข้าใจไหมครับเดี๋ยวคุณปู่คุณย่าก็มา
อเดลโยนแฟลชไดรฟ์ตัวเล็กมาให้หมอเรย์ ตอนนี้เนยยังนอนพักอยู่ข้างในเพราะช่วงนี้เธอเหนื่อยง่ายและมักจะนอนบ่อย หากมานั่งฟังพวกเขาคุยกันก็คงไม่มีประโยชน์จึงปล่อยให้หมอเรย์รับแขกไปคนเดียว “ว่าแต่แกเถอะ แต่งงานแล้วเป็นยังไงบ้างคนนี้เหรอที่ยัยกิ่งแก้วสกัดเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน”“ใช่ คนนี้แหละ”“ในตอนนั้นถ้าฉันรู้ว่ายัยกิ้งก่านั่นจะให้ฉันปลอมเอกสารเพื่อมาหลอกนายฉันจะไม่ทำให้มันโดยเด็ดขาดเลย ขอโทษจริง ๆ ว่ะเรย์ ฉันไม่รู้ว่ากิ่งแก้วมันจะทำเรื่องแบบนี้”“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนั้นนายสนิทกับเธอมากกว่าฉันนี่แล้วคนอย่างกิ่งแก้วก็ต้องมีวิธีสารพัดที่จะโน้มน้าวให้นายช่วยอยู่ดี”“ทำให้พวกนายเสียเวลาไปหลายปี แทนที่จะได้ลงเอยกันถ้าตอนนั้นไม่เกิดเรื่องขึ้นป่านนี้ฉันคงมีลูกหลายคนแล้ว”“ว่าไปนั่น ถ้าตอนนั้นแต่งกันไปอาจจะเลิกกันก็ได้ใครจะรู้ ต่างคนต่างก็ยังเด็กด้วยกันทั้งคู่ แค่เรื่องเอกสารใบเดียวที่กิ่งแก้วทำขึ้นมาก็ทำให้ร้าวฉานได้ขนาดนี้แล้ว”“อืม ก็จริงแต่ตอนนี้ก็เป็นช่วงที่ดีแล้วล่ะ นายเองก็เข้ามาบริหารโรงพยาบาลเต็มตัวแล้วนี่ เรื่องระบบความปลอดภัยไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันสั่งให้คนดูแลอย่างดีแล้ว เซิร์ฟเวอร์อยู่ที่เ
“แต่ว่า เนยกำลังท้องอยู่นะ อาา!!!”แต่เนยไม่ได้สนใจเขาและยังร่อนเอวกระแทกจนเขาแทบจะทนความเสียดเสียวข้างในนั้นไม่ไหว ตอนนี้เองที่อารมณ์ของเขาถูกจุดขึ้นมาและไม่อาจจะทนต่อไปไหวได้“ในเมื่อเริ่มเองก็รับผิดชอบให้ได้ก็แล้วกัน”“อ๊าา อื้อ…รุนแรงจัง ชอบ อ๊าา ดูดแรงกว่านี้อีกหน่อย พี่เรย์ อีาา”เสียงที่ดังในห้องน้ำของคู่บ่าวสาวพร้อมกับเสียงน้ำที่กระเซ็นออกยังคงดังอยู่อีกพักใหญ่ว่าที่สงครามจะสิ้นสุดลงและคู่บ่าวสาวหมาด ๆ ต้องมานั่งเช็ดผมให้กันข้างนอก“เป็นไงล่ะ แทนที่จะได้นอนเลยต้องรอให้ผมแห้งก่อน”“ก็เป็นเพราะพี่เรย์ไม่ใช่เหรอคะที่จับเนยไม่อยู่เองแล้วลื่นจนทำเนยจมน้ำ”“ยังดีนะที่ไม่ล้มไปก่อน วันหลังไม่ทำแบบนี้แล้วนะอาบคืออาบ นอนคือนอนเข้าใจไหมมันอันตรายมาก”เนยหันมามองท่าหมอเรย์ที่ยืนท้าวเอวและชี้หน้ามาต่อว่าเธอ ท่านี้ไม่ต่างกับท่านรองระรินทิพย์แม่ของเขาเลยตอนที่ชี้นิ้วให้คุณพ่อซึ่งเป็นท่านประธานยกของชำร่วยเข้าไปในบ้านเมื่อหลายวันก่อน“ขำอะไรเดี๋ยวเถอะ”“โอ๊ย ๆ ไม่ขำก็ได้ เอาไดร์มาเป่าให้ทีสิคะง่วงแล้วจริง ๆ จะนอนแล้ว”“อยู่เฉย ๆ สิมืออย่าซน”“ก็แค่ช่วยดึงชุดคลุมเท่านั้นเอง”กว่าเขาจะเป่าผมให้เ
“พี่พีร์ มาแล้วเหรอคะทำไมมาช้าจังเลย”“พี่ติดงานนิดหน่อยน่ะแต่ก็ยังทันใช่ไหม”“ทันค่ะ งานเลี้ยงพึ่งจะเริ่มเอง งั้น มานั่งคุยทางนี้เถอะค่ะ ทางนั้นเสียงดัง”หมอเรย์หันมามองเห็นว่าเนยกับพีรพัตน์ยืนคุยกันข้างนอก ธเนศดึงแขนหมอเรย์เอาไว้เพราะคิดว่าเขาจะเดินออกไปขวางไม่ให้สองคนนั้นคุยกัน“หมอครับ ผมเชิญพี่พีร์มาเอง เขาเป็นคนออกแบบและตกแต่งร้านนี้ให้น่ะครับ”“ครับ ผมไม่ได้ว่าอะไรเนยบอกเรื่องนี้ให้ผมรู้แล้วครับ ไม่ต้องห่วงผมไม่ออกไปขัดจังหวะพวกเขาหรอก”เขาพูดพลางหันออกไป เนยเห็นเขาอยู่ข้างในและโบกมือให้เขา หมอเรย์เองก็โบกมือกลับและยิ้มคืนไปให้เธออย่างเข้าใจ แม้ว่าเขาอยากจะเดินออกไปและขอโทษอีกฝ่ายที่เคยชกหน้าไปเมื่อหลายเดือนก่อนก็ตาม“ดูเหมือนจะเข้าใจกันดีแล้วสินะเนี่ย”“คะ? อ๋อ พี่พีร์ ที่จริงพี่เรย์เองก็อยากจะขอโทษพี่พีร์ เรื่องที่…”“อ๋อ บอกคุณหมอว่าพี่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นหรอกนะไม่ต้องห่วง พี่ขอแค่ให้เขาดูแลน้องสาวพี่ให้ดีก็พอแล้ว จากนี้พี่จะได้…ปล่อยมือจริง ๆ เสียที”“พี่พีร์ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ ถ้าเนยกับพ่อไม่ได้พี่พีร์ช่วยเอาไว้ในหลาย ๆ เรื่องคงไม่อยู่มาได้ถึงวันนี้หรอกค่ะ”“พูดแบบนั้นไม