LOGINซีหยวนไห่หนาน!!!! เขามาทำอะไรที่นี่ เจิ้งซูอี้เบิกตาโตด้วยอาการตกตะลึง ทั้งหลิวตงจวิ้นและแม่นางหวังเมื่อเห็นใบหน้าตกใจของบุตรสาวพวกเขาก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที เหตุใดนางถึงจ้องพ่อหนุ่มรูปงามผู้นี้ตาไม่กะพริบเลย หรือว่าบุตรสาวของพวกเขากำลังถึงวัยรักชอบบุรุษหน้าตาดีกันแล้วนะ
“เอ่อ...คุณชายหยวนซี”
หลิวตงจวิ้นเรียกซีหยวนไห่หนานที่เขาแนะนำตัวว่าชื่อหยวนซีหลังจากที่เขามาทักทายเรือนที่อยู่ใกล้กัน ซีหยวนไห่หนานละสายตาจากเจิ้งซูอี้แล้วหันกลับมามองหลิวตงจวิ้น
“ว่าอย่างไรหรือ ท่านอาหลิว”
ซีหยวนไห่หนานหันมาสนใจหลิวตงจวิ้นที่กำลังมีท่าทีอึดอัดเหมือนมีเรื่องต้องการพูดกับเขา
“เอ่อ...ไม่มีอะไรข้าเพียงแค่อยากแนะนำให้เจ้ารู้จักเท่านั้น นางคือบุตรสาวคนโตของข้าเอง”
หลังจากที่เจิ้งซูอี้ได้สติกลับมานางก็แสร้งทำท่าเอียงอายที่ไม่ค่อยเข้ากับการแสดงออกทางสีหน้าของนางก่อนหน้านี้เท่าใดนัก
“ออ...ยินดีที่ได้รู้จักแม่นางข้าชื่อหยวนซีพึ่งย้ายมาอยู่เรือนข้างๆ”
แนะนำตัวเสร็จซีหยวนไห่หนานก็เลิกคิ้วสังเกตการแสดงออกของเด็กสาวที่เขาเฝ้ามองมาหลายเดือน การแสดงของนางยังอ่อนด้อยนักครั้งแรกที่นางเห็นเขา เขามั่นใจว่าสายตาที่นางมองมาเหมือนกับกำลังมองคนรู้จัก แต่เขาและนางไม่เคยพบกันสักครั้งแล้วนางจะรู้จักเขาได้อย่างไร เวลาออกเดินทางทำภารกิจเขามักจะแสร้งทำตัวเป็นพ่อค้าและใช้ชื่อปลอมเสมอ
สิ้นเสียงของเขานางก็รีบวิ่งกลับเข้าห้องไปตั้งหลักก่อน แต่หลิวตงจวิ้นกับแม่นางหวังกลับคิดว่าบุตรสาวของตนกำลังเขินอายพ่อหนุ่มหน้าตาดีผู้นี้อยู่
“ข้าต้องขออภัยแทนบุตรสาวของข้าด้วยนางไม่ค่อยคุ้นเคยกับคนแปลกหน้าเท่าใดนัก”
หลิวตงจวิ้นพยายามแก้ไขสถานการณ์ ซีหยวนไห่หนานพยักหน้ารับน้อยๆ
“ไม่เป็นไรขอรับอีกหน่อยคงจะคุ้นเคยไปเองเพราะข้าจะมาอยู่ที่นี่หลายเดือน”
พูดจบเขาก็นั่งจิบชาของตนเองต่อไป หลิวตงจวิ้นถึงกับหน้าเหวอไม่คิดว่าพ่อหนุ่มผู้นี้จะมาอยู่ที่นี่นานเพราะเขาคิดว่าเขาอาจจะมาพักแค่ไม่กี่วันแล้วก็จากไป
ซีหยวนไห่หนานหมุนจอกชาราคาถูกในมือเล่น เด็กสาวผู้นี้น่าสนใจจริงๆ นับวันการแสดงออกของนางยิ่งสะดุดตาเขามากขึ้นทุกที อืม.... ดูเหมือนเขาจะต้องเก็บนางเอาไว้ข้างกายเพื่อความบันเทิงสำหรับชีวิตที่น่าเบื่อหน่ายของเขาซะแล้ว ซีหยวนไห่หนานโบกพัดในมือเบาๆ อย่างนึกสนุก
หลิวตงจวิ้นและภรรยาถึงกับเหงื่อตกเมื่อเห็นชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก คงไม่ใช่ว่าพ่อหนุ่มคนนี้เองก็ถูกใจอันอันของพวกเขานะไม่ได้เขาจะต้องรีบขัดขวาง หากบุตรสาวต้องแต่งงานเขายอมให้นางแต่งกับชาวนาดีกว่าแต่งให้คนตระกูลใหญ่แล้วบุตรสาวของเขาต้องไปสู้รบตบมือกับอนุทั้งหลายพวกนั้น เขายอมไม่ได้
สิ่งที่หลิวตงจวิ้นและแม่นางหวังกังวลแตกต่างจากสิ่งที่เจิ้งซูอี้คิดโดยสิ้นเชิง ที่นางตกใจเพราะพวกเขาเป็นสหายร่วมเรียนวรยุทธมาด้วยกันตั้งแต่ยังเยาว์ อีกทั้งองค์ชายห้าของแคว้นซีหยวนมาทำอะไรที่หมู่บ้านกลางหุบเขาแห่งนี้ เขาคงไม่ได้รู้ว่าวิญญาณของนางอยู่ที่นี่กระมังเป็นไปไม่ได้ มีหลายคำถามในหัวที่เจิ้งซูอี้สงสัยแต่ไม่ได้รับคำตอบ
คนทั้งสี่ต่างคนต่างความคิด แต่หลิวตงจวิ้นและแม่นางหวังนั้นคิดเลยเถิดออกไปไกลหลายพันลี้แล้ว หลังจากที่ซีหยวนไห่หนานทักทายครอบครัวของหลิวตงจวิ้นเสร็จ เขาก็กลับไปที่เรือนข้างกันด้วยท่าทางอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด
“ส่งอะไรไปให้พวกเขาดีนะ”
ซีหยวนไห่หนานนึกอย่างสนุก จื่อรุ่ยถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ ดูเหมือนองค์ชายของเขาจะติดใจครอบครัวชาวบ้านพวกนั้นเข้าแล้วจริงๆ
เจิ้งซูอี้หลังจากกลับเข้ามาในห้องนางก็เริ่มใช้ความคิดวิเคราะห์ บางทีพวกเขาอาจมาทำงานให้ฝ่าบาทอย่างลับๆ หากทำตัวกลมกลืนกับชาวบ้านอาจจะเป็นการดีต่องานของพวกเขาก็เป็นได้
อย่าพึ่งคิดเลยเถิดไปไกลเรื่องทั้งหมดอาจเป็นแค่เพียงความบังเอิญ เจิ้งซูอี้ปลอบใจตนเองในใจ ตอนนี้หากต้องเผชิญหน้ากับเขานางก็ทำแค่เพียงไม่รู้จักกันเท่านั้น อืม...แบบนี้แหละดี
“ท่านพี่คิดอย่างไรกับท่าทางของคุณชายหยวนซีผู้นั้นเจ้าคะ”
แม่นางหวังเอ่ยถามสามีเบาๆ หลังจากซีหยวนไห่หนานกลับไปแล้ว หลิวตงจวิ้นขมวดคิ้วมุ่นเขาเองก็คิดไม่ตกสำหรับเรื่องนี้เหมือนกัน
“อาอี๋หากว่าคุณชายผู้นั้นชอบพอกับอันเอ๋อของเราเล่า”
แม่นางหวังเบิกตาโตยกมือขึ้นปิดปาก
“จะเป็นเช่นนั้นแน่หรือเจ้าคะบางทีเราอาจเข้าใจผิดไปเองก็ได้กระมัง”
แม่นางหวังปลอบใจสามีที่เหมือนกำลังแบกโลกทั้งใบเอาไว้
“ข้าเองก็หวังให้เป็นเช่นนั้น อันเอ๋อของเราต้องได้แต่งงานกับคนที่รักนางเพียงคนเดียว นางไม่เหมาะกับตระกูลใหญ่ที่มีเหล่าอนุมากมายพวกนั้น”
เจิ้งซูอี้ไม่รู้ว่าบิดามารดากำลังคิดมากเรื่องของนาง นางกลับเข้าห้องจากนั้นมุดเข้าไปในผ้าห่มหลับไปอย่างไม่ใส่ใจเรื่องที่พึ่งเกิดกับตน
ตั้งแต่วันนั้นซีหยวนไห่หนานก็แวะมาที่เรือนของหลิวตงจวิ้นบ่อยๆ เหตุผลที่เขามาแต่ละครั้งล้วนไม่เหมือนกันและมันก็เป็นเหตุผลที่เขาปฏิเสธไม่ได้ด้วย บางครั้งเขาก็มาคุยเล่นกับแม่นางหวัง บางครั้งก็มาเล่นกับบุตรชายคนเล็กของเขา ท่าทางของคุณชายหยวนซีผู้นั้นไม่เหมือนต้องการเข้าหาบุตรสาวเขาเลยสักนิด เหมือนเขากำลังเหงาแล้วหาเพื่อนคุยมากกว่า แต่หลิวตงจวิ้นเองก็อยากจะระวังเอาไว้ก่อน เขาจึงปรึกษากับภรรยาในคืนหนึ่งหลังจากกลับเข้าห้องนอน
“อาอี๋ข้าคิดว่าเราควรหาคู่หมั้นให้อันเอ๋อเจ้าว่าดีหรือไม่”
แม่นางหวังที่นอนอยู่ด้านข้างพลิกตัวหันมามองสามี
“แล้วท่านคิดเห็นอย่างไร ไม่ว่าท่านตัดสินใจอย่างไรข้าล้วนฟังท่าน”
แม่นางหวังเอ่ยเสียงอู้อี้คล้ายคนกำลังง่วงนอน
“เดือนหน้าก็ถึงวันเกิดครบสิบห้าของอันเอ๋อแล้ว มองหาคู่หมั้นให้นางเอาไว้ก็ดีเหมือนกัน”
แม่นางหวังพยักหน้าเห็นด้วยกับสามี ถึงแม้นางจะรู้สึกว่าคุณชายหยวนซีผู้นี้เองก็ค่อนข้างนิสัยดีเหมือนกัน
การสนทนาของสามีภรรยาหลิวล้วนอยู่ในสายตาของเขาทั้งสิ้น ซีหยวนไห่หนานยกยิ้มมุมปากบางๆ ท่าทางที่ชั่วร้ายของเขาทำเอาองครักษ์ที่มารายงานรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที
“คิดพานางหนีไปจากข้าอย่างนั้นหรือ มันคงไม่ง่ายเพียงนั้น”
ซีหยวนไห่หนานคลึงจอกเหล้าในมือไปมา ท่าทางครุ่นคิดของเขาช่างดูเย้ายวนไม่ต่างจากมารร้ายที่คอยหลอกล่อหญิงสาวให้หลงเข้ามาในวังวนอันชั่วร้าย
วันต่อมาหลิวตงจวิ้นก็ไปหาแม่สื่อแต่เช้า ให้เขาหาบ้านชายหนุ่มมาให้เขาเลือก แต่ผ่านไปหลายวันแม่สื่อก็ไม่มาหาเขาสักทีหลิวตงจวิ้นร้อนใจจึงกลับไปหาแม่สื่ออีกครั้ง
ซีหยวนไห่หนานพูดอย่างอารมณ์ดีเพราะตอนนี้เจ้านกน้อยที่หลับใหลมาอย่างยาวนานได้ฟื้นคืนสติแล้ว เจิ้งซูอี้ยังไม่หลุดจากภวังค์นางพยายามเรียบเรียงเรื่องราวที่เขาบอกภายในหัว ดูเหมือนเขาจะไม่ใช่องค์ชายห้าอีกต่อไปแล้วตอนนี้เขาคือรุ่ยอ๋อง นางหลับไปเพราะบาดเจ็บหนักถึงสิบห้าวัน แล้วครอบครัวของนางล่ะ“คนในครอบครัวของข้าเป็นอย่างไรบ้าง ศพพวกนั้นอีก”เจิ้งซูอี้เมื่อนึกขึ้นได้จึงรีบถามเขาอย่างร้อนรน นางไม่ต้องการให้ครอบครัวของนางต้องเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้“ศพพวกนั้นได้ถูกจัดการอย่างถูกต้องจากคนของทางการ บิดามารดาและน้องชายของเจ้าก็ปลอดภัยดีพวกเขายังอยู่ที่เดิมแต่ไม่ต้องห่วง ข้าจัดการตัวปัญหาของครอบครัวของเจ้าให้เจ้าเรียบร้อยแล้วเช่นกัน”จากนั้นซีหยวนไห่หน่านก็เล่าเรื่องราวหลังจากที่นางสลบไปให้ฟัง เจ้าหน้าที่ทางการเดินทางมาหมู่บ้านตระกูลสือเพื่อยืนยันศพที่นางสังหารและพบว่าพวกมันคือโจรตามใบประกาศจับที่ทางการต้องการตัวมาช้านานจากนั้นมีคนไปแจ้งเบาะแสว่าเห็นหลิวฟู่เฉิงติดต่อกับกลุ่มโจรเหล่านี้เขาจึงถูกจับตัวไป แม่เฒ่าจางเองก็ถูกจับไปข้อหารับเงินจากกลุ่มโจรเช่นกัน หลักฐานคือเงินหนึ่งร้อยตำลึงที่พบในเรือนข
เงาที่ถูกยิงส่งเสียงร้อง อึก!! เพียงเท่านั้นจากนั้นจึงล้มลง เงาเหล่านั้นเมื่อเห็นพรรคพวกของตนถูกสังหารพวกมันก็ตกใจหันรีหันขวางอย่างร้อนรน จากนั้นธนูดอกที่สองสามสี่ก็ตามมา เหล่าเงาที่ต้องการเข้าไปในเรือนของนางล้มลงไปกองที่พื้นดั่งใบไม้ร่วงซีหยวนไห่หนานกับเหล่าองครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่อีกมุมหนึ่ง เพื่อเฝ้าดูว่าเจ้านกน้อยของเขาจะจัดการกับคนเหล่านั้นอย่างไร ท่าทางของเขาดูคึกคักจนออกนอกหน้าทำให้จื่อรุ่ยที่อยู่ด้านหลังแอบกลอกตาให้กับความสนุกที่ไม่ดูเวลาของเจ้านาย ไม่ยอมช่วยนางแล้วยังมาแอบดูอีก หากนางรู้เข้าคงเอาธนูนั่นยิงแสกหน้านายท่านแน่นอนลูกธนูสิบดอกของนางถูกยิงออกไปจนหมด เจิ้งซูอี้ทิ้งคันธนูไปจากนั้นจึงกระโดดลงมาจากต้นอู๋ถงประจันหน้ากับเงาเหล่านั้น นางดึงมีดสั้นออกมาจากเอวจากนั้นพุ่งเข้าใส่แขกที่ไม่ได้รับเชิญยามวิกาลพวกนี้ ดูเหมือนว่าในเหล่าชายฉกรรจ์พวกนั้นจะยังมีคนที่พอมีฝีมืออยู่บ้างเขาใช้ดาบใหญ่เข้าปะทะมีดสั้นของนาง ทั้งสองต่อสู้กันหลายกระบวนท่า เสียงการต่อสู้ของพวกเขาเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ชาวบ้านที่เข้านอนไปแล้วเริ่มออกจากเรือนมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เจิ้งซูอี้ใช้มีดสั้นฟันแขนของชายร่างให
“คุณชายขอรับท่านกำลังหาอะไรอยู่หรือ”จื่อรุ่ยเอ่ยถามจากทางด้านหลัง ซีหยวนไห่หนานหันกลับมามองเขา จากนั้นทำนิ้วประกบกันเป็นรูปสี่เหลี่ยม“ข้าต้องการกล่องที่งดงามสักหน่อย ขนาดเท่านี้”จื่อรุ่ยเข้าใจในทันที เขาเดินออกไปด้านนอกสักพักจากนั้นกลับมาพร้อมกล่องไม้สลักลวดลายดอกไห่ถังบนฝากล่องยื่นให้ผู้เป็นนายดู“กล่องขนาดเท่านี้ได้หรือไม่ขอรับ”ซีหยวนไห่หนานรับกล่องมาดูจากนั้นนำหยกพกที่เอววางลงไป จื่อรุ่ยตกใจจนตาโตเขาไม่นึกว่าองค์ชายจะลงทุนยกหยกประจำตัวที่สลักคำว่าไห่หนานให้เป็นของขวัญแก่หญิงสาวชาวบ้านธรรมดา“คุณชายแน่ใจว่าจะใช้หยกนี้จริงๆ หรือขอรับ”จื่อรุ่ยถามนายเหนือหัวอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ซีหยวนไห่หนานพยักหน้าจื่อรุ่ยได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ ช่างเถอะ แม้แต่ฮ่องเต้ที่เป็นถึงผู้ครองแคว้นยังห้ามองค์ชายห้าผู้นี้มิได้ เขาที่เป็นเพียงองครักษ์เล็กๆ เท่านั้นจะทำได้อย่างไร หลิวซีฮันที่ยังยืนอยู่ในห้องมองคนนั้นทีคนนี้ทีแต่ก็ไม่มีใครสนใจเขา เมื่อรู้สึกเบื่อเขาจึงอุ้มเสี่ยวหลงเดินกลับเรือนไปหลังจากที่หลิวซีฮันกลับมาที่เรือนแล้ว จากนั้นไม่นานซีหยวนไห่หนานเองก็มาที่นี่ด้วยเช่นกัน ครอบครัวของหลิวตงจ
คนสกุลหลิวต่างตกใจไม่คิดว่าจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาเช่นนี้ อาหารการกินที่มีสำหรับพวกเขาสกุลหลิวยังแทบจะไม่พอ นี่ยังจะเพิ่มชายร่างใหญ่ผู้นี้เข้ามาอีกเห็นทีพวกเขาจะอยู่ไม่พ้นหน้าหนาวแน่“อาเฉิงหลานช่วยมาคุยกับย่าสักหน่อยได้หรือไม่”แม่เฒ่าจางเดินไปหาหลานชายอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะข้างกายเขามีชายร่างใหญ่เหมือนยักษ์ปักหลั่นยืนอยู่ แม่เฒ่าจางดึงแขนหลานชายเข้ามาคุยในห้องของนาง“เฉิงเอ๋อย่าไม่ว่าอะไรหรอกที่หลานจะมีผู้ติดตามเพราะอีกหน่อยหากหลานได้เป็นขุนนางในราชสำนักหลานจะมีคนติดตามมากมายแน่นอน แต่ตอนนี้ครอบครัวของเราเกรงว่าจะไม่สามารถเลี้ยงดูเขาได้....หลานช่วยคิดดูอีกครั้งได้หรือไม่”หลิวฟู่เฉิงนึกว่าแม่เฒ่าจางมีปัญญาหาเรื่องฟู่เถี่ยโถวที่ติดตามเขามาเสียอีกที่แท้ก็เรื่องเงิน หลิวฟู่เฉิงหยิบถุงเงินออกมาจากแขนเสื้อวางไว้ด้านหน้าของนาง“นี่คือเงินหนึ่งร้อยตำลึงขอรับท่านย่า ทีนี้คงไม่มีใครมีปัญหากับการที่ฟู่เถี่ยโถวอยู่ที่นี่แล้วนะขอรับ”หลิวฟู่เฉิงพูดกับแม่เฒ่าจางทั้งยังบอกผู้ที่แอบฟังอยู่นอกห้องให้รับรู้โดยทั่วกัน แม่เฒ่าจางรีบตะครุบถุงเงินทันที นางไม่เคยจับเงินมากมายเช่นนี้มาก่อนในชีวิต แม่เฒ่าจาง
“ฝากเจ้าไปขอบใจพี่ใหญ่แทนข้าด้วยนะ เมื่ออาเฉิงสอบได้จีว์เหรินเมื่อใดรับรองว่าตระกูลหลิวจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้แน่”นี่เป็นสิ่งที่จางเมิ่งเสวี่ยอยากได้ยิน เมื่อพี่ฟู่เฉิงสอบได้จีว์เหรินท่านปู่ก็จะมาคุยเรื่องแต่งงานของนางกับเขา ถึงแม้สองตระกูลจะรู้กันเรื่องนี้อยู่แล้วก็ตามแต่นางก็อยากประกาศให้ใครต่อใครรู้ว่าพี่ฟู่เฉิงเป็นของนาง แม่พวกดอกท้อที่หวังจะมาเป็นสะใภ้ตระกูลหลิวจะได้เลิกล้มความคิดนั้นซะจางเมิ่งเสวี่ยอยู่คุยกับแม่เฒ่าจางสักพัก เมื่อรู้ว่าวันนี้ตนไม่สามารถพบหน้าพี่ฟู่เฉิงได้นางจึงไม่อยากอยู่ต่อ จางเมิ่งเสวี่ยขอตัวลาแม่เฒ่าจางจากนั้นจึงเดินออกจากตระกูลหลิวไป นางเดินยังไม่ถึงหน้าหมู่บ้านสายตาก็ไปสะดุดบางสิ่งเข้า ชายหนุ่มรูปงามในชุดขาวกำลังยืนชมบรรยากาศยามเช้าที่กำลังมีหมอกลงหนาอย่างเพลิดเพลินเมื่อก่อนนางคิดว่าหลิวฟู่เฉิงเป็นบุรุษที่หล่อเหลาที่สุดเท่าที่นางเคยพบมา แต่หลังจากที่ได้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้น หลิวฟู่เฉิงเทียบไม่ติดเลยสักนิดเดียว เหตุใดหมู่บ้านตระกูลสือถึงได้มีชายหนุ่มรูปงานเกลื่อนกลาดเช่นนี้จางเมิ่งเสวี่ยแสร้งเดินไปใกล้ชายหนุ่มผู้นั้นจากนั้นจึงแสร้งล้มลงใกล้ๆ กับที่
“นี่ท่านป้าสือท่านบอกว่าจะไปหาบ้านของชายหนุ่มมาให้ข้าเลือกไม่ใช่หรือ ผ่านไปหลายวันแล้วเหตุใดท่านยังไม่มาหาข้าสักที”หลิวตงจิ้นถามแม่สื่อแซ่สือที่ทำหน้าที่เป็นผู้หาบ้านชายหนุ่มหญิงสาวที่เหมาะสมให้แต่งงานกัน นางเป็นคนที่เชื่อถือได้ในหมู่บ้านตระกูลสือและหมู่บ้านใกล้เคียง หากถึงเวลาที่บุตรสาวหรือบุตรชายแต่งงานแล้วล่ะก็ไม่ว่าบ้านไหนก็ล้วนมาหานาง แม่สื่อสือที่อายุราวห้าสิบกว่าถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ“ไม่ใช่ว่าข้าไม่หา แต่ละแวกหมู่บ้านใกล้เคียงไม่มีใครต้องการแต่งงานกับบุตรสาวเจ้าเลยสักคน”หลิวตงจวิ้นขมวดคิ้วมุ่นด้วยท่าทางไม่เข้าใจ“ก็เรื่องที่บุตรสาวของเจ้ามีวิญญาณร้ายคอยตามติด บ้านฝ่ายชายบ้านไหนก็ไม่กล้าแต่งบุตรสาวเจ้าเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ พวกเขาบอกว่ามันเป็นลางไม่ดี”แม่สื่อสืออธิบายเสียงอ่อย“เหลวไหลทั้งเพ ท่านไปได้ยินเรื่องพวกนี้มาจากที่ไหน”หลิวตงจวิ้นโพลงออกมาด้วยความโมโห จริงอยู่ที่บุตรสาวของเขาเคยฝันเห็นท่านพ่อของเขา แต่ท่านพ่อหาใช่วิญญาณร้ายอย่างที่พวกเขาลือกัน“จะที่ไหนซะอีกก็ทุกที่ที่ข้าไปน่ะสิ เรื่องของลูกสาวเจ้าเล่าลือกันไปหลายหมู่บ้านแล้วไม่รู้หรือ เห็นทีครั้งนี้ข้าคงจะช่วยเหลือเจ้







