ログイン“นี่ท่านป้าสือท่านบอกว่าจะไปหาบ้านของชายหนุ่มมาให้ข้าเลือกไม่ใช่หรือ ผ่านไปหลายวันแล้วเหตุใดท่านยังไม่มาหาข้าสักที”
หลิวตงจิ้นถามแม่สื่อแซ่สือที่ทำหน้าที่เป็นผู้หาบ้านชายหนุ่มหญิงสาวที่เหมาะสมให้แต่งงานกัน นางเป็นคนที่เชื่อถือได้ในหมู่บ้านตระกูลสือและหมู่บ้านใกล้เคียง หากถึงเวลาที่บุตรสาวหรือบุตรชายแต่งงานแล้วล่ะก็ไม่ว่าบ้านไหนก็ล้วนมาหานาง แม่สื่อสือที่อายุราวห้าสิบกว่าถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่หา แต่ละแวกหมู่บ้านใกล้เคียงไม่มีใครต้องการแต่งงานกับบุตรสาวเจ้าเลยสักคน”
หลิวตงจวิ้นขมวดคิ้วมุ่นด้วยท่าทางไม่เข้าใจ
“ก็เรื่องที่บุตรสาวของเจ้ามีวิญญาณร้ายคอยตามติด บ้านฝ่ายชายบ้านไหนก็ไม่กล้าแต่งบุตรสาวเจ้าเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ พวกเขาบอกว่ามันเป็นลางไม่ดี”
แม่สื่อสืออธิบายเสียงอ่อย
“เหลวไหลทั้งเพ ท่านไปได้ยินเรื่องพวกนี้มาจากที่ไหน”
หลิวตงจวิ้นโพลงออกมาด้วยความโมโห จริงอยู่ที่บุตรสาวของเขาเคยฝันเห็นท่านพ่อของเขา แต่ท่านพ่อหาใช่วิญญาณร้ายอย่างที่พวกเขาลือกัน
“จะที่ไหนซะอีกก็ทุกที่ที่ข้าไปน่ะสิ เรื่องของลูกสาวเจ้าเล่าลือกันไปหลายหมู่บ้านแล้วไม่รู้หรือ เห็นทีครั้งนี้ข้าคงจะช่วยเหลือเจ้าไม่ได้”
แม่สื่อสือไม่เคยทำงานพลาดเช่นนี้มาก่อนในชีวิตการเป็นแม่สื่อมายี่สิบปีของนาง นี่เป็นครั้งแรกที่นางไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร ไม่มีบ้านฝ่ายชายบ้านไหนตอบรับเลย นางเป็นแม่สื่อที่มีจรรยาบรรณนางจะไม่หลอกลวงให้ใครมาแต่งงานกันเด็ดขาด
หลิวตงจวิ้นกลับมาที่เรือนด้วยท่าทางห่อเหี่ยว แม่นางหวังเห็นสามีเป็นเช่นนั้นนางก็รู้สึกเห็นใจ แต่จะบังคับให้ใครมาแต่งงานกับบุตรสาวของนางสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้นั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง หลิวตงจวิ้นเล่าเรื่องที่แม่สื่อสือเล่าให้เขาฟัง แม้แต่แม่นางหวังเองตอนนี้ก็รู้สึกเครียดตามสามี ใครกันที่ปล่อยข่าวลือเช่นนี้ออกมา
“ท่านพี่คงไม่ใช่ว่าคนบ้านสกุลหลิว...”
หลิวตงจวิ้นเองก็คิดเช่นเดียวกันกับนาง เขาไม่เคยมีศัตรูที่ไหนไม่เคยขัดแย้งกับผู้ใด มีเพียงคนตระกูลหลิวเท่านั้นที่มีเรื่องกันมาก่อนหน้านี้ จะต้องเป็นพวกเขาแน่หลิวตงจวิ้นกำหมัดแน่นด้วยความโมโห
ซีหยวนไห่หนานโบกพัดในมือเบาๆ อย่างอารมณ์ดี ดูจากท่าทางที่ร้อนรนของหลิวตงจวิ้นดูเหมือนเรื่องที่เขาให้คนไปปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับนางจะได้ผลดีทีเดียว ไหนมาดูกันซิว่าพวกเจ้าจะดิ้นรนไปได้สักกี่น้ำ สุดท้ายนางก็ต้องเป็นของข้าอยู่ดี ซีหยวนไห่หนานหัวเราะฮ่าๆ ออกมาอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย เหล่าผู้คุ้มกันถึงกับมองหน้ากันไปมาด้วยความตกใจ ท่าทางอาการขององค์ชายจะกำเริบอีกแล้ว
ผ่านไปเกือบเดือนแล้วที่บ้านสกุลหลิวใช้เวลาในการเก็บเกี่ยวพืชผล ตอนนี้ยังทำได้ไม่ถึงครึ่งฝนก็เทกระหน่ำลงมาทำให้พวกเขาต้องหยุดทำงาน ข้าวที่เกี่ยวเอาไว้ก็ถูกน้ำท่วมเสียหายแม่เฒ่าจางก่นด่าสาบแช่งสวรรค์ที่กลั่นแกล้งพวกตน อีกทั้งยังไม่ลืมด่าคนบ้านหลิวตงจวิ้นที่ไม่ยอมมาช่วยพวกเขาทำงาน
หลังจากที่ฝนหยุดตกพวกเขาก็กลับไปดูข้าวที่เกี่ยวเอาไว้ เพราะมันแห้งกรอบมานานจึงทำให้เมื่อฝนตกลงมาเมล็ดข้าวจึงหล่นหายไปกับน้ำ แม่เฒ่าจางทั้งด่าและทุบตีบุตรชายและสะใภ้ที่เอาแต่ทำตัวสันหลังยาว ปล่อยให้ข้าวที่ลำบากเก็บเกี่ยวหายไปเช่นนี้
ข่าวเรื่องที่บ้านสกุลหลิวไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ในปีนี้กลายเป็นเรื่องเล่าในวงสนทนา ไม่ว่าผู้คนในหมู่บ้านจะนั่งลงตรงไหนก็มักจะหยิบยกเอามาพูดกัน
“ท่านอา อยู่หรือไม่”
เสียงหวานคุ้นหูดังขึ้นที่หน้าเรือนทำให้จางซานเหนียงต้องลุกขึ้นมาเปิดประตูเพื่อดูว่าใครกันมารบกวนแต่เช้า หญิงสาวอายุราวสิบห้าสิบหกในชุดสีชมพูใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มมาเป็นอย่างดีทำให้นางดูงดงามและโดดเด่นมากกว่าเด็กสาวชาวบ้านทั่วไป กำลังยืนรอให้คนสกุลหลิวมาเปิดประตูให้ตน
“เสวี่ยเอ๋อ เกิดอะไรขึ้นเหตุใดเจ้าถึงได้มาที่นี่”
จางเมิ่งเสวี่ยนบุตรสาวของพี่ชายจางซานเหนียงยืนบิดไปมาด้วยท่าทางเขินอาย
“ท่านปู่ให้ข้านำเนื้อมาให้ท่านย่าเล็กเจ้าค่ะ”
จางเมิ่งเสวี่ยบอกจุดประสงค์ของตนทั้งยังสอดส่ายสายตามองหาใครบางคนที่นางแอบชอบ จางซานเหนียงเมื่อได้ยินคำว่าเนื้อนางก็ตาโตทันที
“พี่ฟู่เฉิงไม่อยู่หรือเจ้าคะ”
จางเมิ่งเสวี่ยถามอาหญิงของนางหลังจากที่เดินตามเข้าไปในเรือน จางซานเหนียงมัวแต่สนใจของในตะกร้าที่จางเมิ่งเสวี่ยนำมาจึงไม่ได้สนใจตอบคำถามของนาง
“มีขนมด้วยหรือ เหตุใดวันนี้นำของมาให้มากมายเพียงนี้เล่า”
จางเมิ่งเสวี่ยกลอกตาอย่างนึกรำคาญ แต่นางก็ต้องข่มใจเอาไว้เพราะที่นางมาวันนี้เพื่อที่จะมาพบหลิวฟู่เฉิงต่างหาก
“ก็แค่ไม่กี่อย่างเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ของข้าพึ่งกลับมาจากบ้านเดิมเลยเอาขนมจากที่ร้านติดมาด้วย ท่านปู่เห็นว่ามีเยอะจึงนึกถึงพวกท่านและพี่ฟู่เฉิงที่ต้องตรากตรำอ่านตำรา เลยฝากมาให้ทานเป็นของว่างยามอ่านหนังสือ”
จางเมิ่งเสวี่ยนเมื่อพูดถึงหลิวฟู่เฉิงนางก็ทำเสียงอ่อนโยนขึ้นกว่าเดิม แม่เฒ่าจางได้ยินสะใภ้ใหญ่เสียงดังนางจึงออกจากห้องมาดู
“อ้าวเสวี่ยเอ๋อ”
แม่เฒ่าจางทักหลานสาวบ้านเดิมของนาง สายตาก็มองไปที่ตะกร้าที่จางซานเหนียงกำลังค้นอยู่
“คารวะท่านย่าเล็กเจ้าค่ะ”
จางเมิ่งเสวี่ยย่อตัวทำความเคารพให้กับแม่เฒ่าจางอย่างอ่อนช้อย แม่เฒ่าจางพยักหน้าให้นางอย่างชื่นชม อืม..คนที่จะมาเป็นหลานสะใภ้ของนางต้องอ่อนหวานมีกิริยาเช่นนี้ถึงจะเหมาะ จางเมิ่งเสวี่ยอ่านสายตาของแม่เฒ่าจางออกว่านางกำลังพอใจในท่าทางของตน นางจึงลอบยิ้มให้กับตนเองในใจ
“ท่านปู่เห็นว่าเรื่องเมื่อครั้งก่อนอาจทำให้ท่านย่ารู้สึกไม่ดีเท่าใดนัก จึงฝากให้ข้ามาดูท่านสักหน่อย ทั้งยังฝากเนื้อและขนมมาให้พี่ฟู่เฉิงด้วยเจ้าค่ะ”
จางเมิ่งเสวี่ยเอ่ยเสียงหวานบอกเหตุผลที่นางมาที่นี่ในวันนี้
“แล้วพี่ฟู่เฉิงล่ะเจ้าคะ อ่านตำราอยู่หรือ”
แม่เฒ่าจางส่งเสียงอึกอักเมื่อหลานสาวบ้านเดิมของตนถามหาหลานชายที่หายไปเป็นเดือนไม่ติดต่อมาเลย
“อืม...ช่วงนี้อาเฉิงกำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการอ่านตำรา ปีหน้าก็ต้องเข้าสอบจึงไม่ค่อยว่างนัก ฝากเจ้าขอบใจพี่ใหญ่ด้วยสำหรับของพวกนี้”
จางเมิ่งเสวี่ยพยักหน้ารับ แต่ภายในใจของนางแอบรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่มาแล้วแต่กลับไม่ได้พบคนที่นางแอบชอบ
“ยังมีอีกเรื่องเจ้าค่ะท่านย่า”
จางเมิ่งเสวี่ยหยิบถุงเงินออกจากแขนเสื้อยื่นให้แม่เฒ่าจาง
“ท่านปู่บอกว่าพี่ฟู่เฉิงร่ำเรียนจำเป็นต้องใช้เงินทองเพื่อเป็นทุน อาจจะไม่มากมายนักแต่ท่านปู่อยากให้ท่านรับเอาไว้”
แม่เฒ่าจางพยักหน้ารัวๆ นางรับถุงเงินจากจางเมิ่งเสี่ยมา เมื่อเปิดปากถุงดูเงินตำลึงห้าก้อนนอนอยู่ด้านใน แม่เฒ่าจางรู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันใด เงินก้อนสุดท้ายนางได้ให้หลานชายไปแล้วที่เรือนจึงเหลือเพียงไม่กี่ร้อยอีแปะเท่านั้น นี่เป็นเหมือนสายโลหิตต่อชีวิตทำให้ตระกูลหลิวสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้
ซีหยวนไห่หนานพูดอย่างอารมณ์ดีเพราะตอนนี้เจ้านกน้อยที่หลับใหลมาอย่างยาวนานได้ฟื้นคืนสติแล้ว เจิ้งซูอี้ยังไม่หลุดจากภวังค์นางพยายามเรียบเรียงเรื่องราวที่เขาบอกภายในหัว ดูเหมือนเขาจะไม่ใช่องค์ชายห้าอีกต่อไปแล้วตอนนี้เขาคือรุ่ยอ๋อง นางหลับไปเพราะบาดเจ็บหนักถึงสิบห้าวัน แล้วครอบครัวของนางล่ะ“คนในครอบครัวของข้าเป็นอย่างไรบ้าง ศพพวกนั้นอีก”เจิ้งซูอี้เมื่อนึกขึ้นได้จึงรีบถามเขาอย่างร้อนรน นางไม่ต้องการให้ครอบครัวของนางต้องเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้“ศพพวกนั้นได้ถูกจัดการอย่างถูกต้องจากคนของทางการ บิดามารดาและน้องชายของเจ้าก็ปลอดภัยดีพวกเขายังอยู่ที่เดิมแต่ไม่ต้องห่วง ข้าจัดการตัวปัญหาของครอบครัวของเจ้าให้เจ้าเรียบร้อยแล้วเช่นกัน”จากนั้นซีหยวนไห่หน่านก็เล่าเรื่องราวหลังจากที่นางสลบไปให้ฟัง เจ้าหน้าที่ทางการเดินทางมาหมู่บ้านตระกูลสือเพื่อยืนยันศพที่นางสังหารและพบว่าพวกมันคือโจรตามใบประกาศจับที่ทางการต้องการตัวมาช้านานจากนั้นมีคนไปแจ้งเบาะแสว่าเห็นหลิวฟู่เฉิงติดต่อกับกลุ่มโจรเหล่านี้เขาจึงถูกจับตัวไป แม่เฒ่าจางเองก็ถูกจับไปข้อหารับเงินจากกลุ่มโจรเช่นกัน หลักฐานคือเงินหนึ่งร้อยตำลึงที่พบในเรือนข
เงาที่ถูกยิงส่งเสียงร้อง อึก!! เพียงเท่านั้นจากนั้นจึงล้มลง เงาเหล่านั้นเมื่อเห็นพรรคพวกของตนถูกสังหารพวกมันก็ตกใจหันรีหันขวางอย่างร้อนรน จากนั้นธนูดอกที่สองสามสี่ก็ตามมา เหล่าเงาที่ต้องการเข้าไปในเรือนของนางล้มลงไปกองที่พื้นดั่งใบไม้ร่วงซีหยวนไห่หนานกับเหล่าองครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่อีกมุมหนึ่ง เพื่อเฝ้าดูว่าเจ้านกน้อยของเขาจะจัดการกับคนเหล่านั้นอย่างไร ท่าทางของเขาดูคึกคักจนออกนอกหน้าทำให้จื่อรุ่ยที่อยู่ด้านหลังแอบกลอกตาให้กับความสนุกที่ไม่ดูเวลาของเจ้านาย ไม่ยอมช่วยนางแล้วยังมาแอบดูอีก หากนางรู้เข้าคงเอาธนูนั่นยิงแสกหน้านายท่านแน่นอนลูกธนูสิบดอกของนางถูกยิงออกไปจนหมด เจิ้งซูอี้ทิ้งคันธนูไปจากนั้นจึงกระโดดลงมาจากต้นอู๋ถงประจันหน้ากับเงาเหล่านั้น นางดึงมีดสั้นออกมาจากเอวจากนั้นพุ่งเข้าใส่แขกที่ไม่ได้รับเชิญยามวิกาลพวกนี้ ดูเหมือนว่าในเหล่าชายฉกรรจ์พวกนั้นจะยังมีคนที่พอมีฝีมืออยู่บ้างเขาใช้ดาบใหญ่เข้าปะทะมีดสั้นของนาง ทั้งสองต่อสู้กันหลายกระบวนท่า เสียงการต่อสู้ของพวกเขาเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ชาวบ้านที่เข้านอนไปแล้วเริ่มออกจากเรือนมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เจิ้งซูอี้ใช้มีดสั้นฟันแขนของชายร่างให
“คุณชายขอรับท่านกำลังหาอะไรอยู่หรือ”จื่อรุ่ยเอ่ยถามจากทางด้านหลัง ซีหยวนไห่หนานหันกลับมามองเขา จากนั้นทำนิ้วประกบกันเป็นรูปสี่เหลี่ยม“ข้าต้องการกล่องที่งดงามสักหน่อย ขนาดเท่านี้”จื่อรุ่ยเข้าใจในทันที เขาเดินออกไปด้านนอกสักพักจากนั้นกลับมาพร้อมกล่องไม้สลักลวดลายดอกไห่ถังบนฝากล่องยื่นให้ผู้เป็นนายดู“กล่องขนาดเท่านี้ได้หรือไม่ขอรับ”ซีหยวนไห่หนานรับกล่องมาดูจากนั้นนำหยกพกที่เอววางลงไป จื่อรุ่ยตกใจจนตาโตเขาไม่นึกว่าองค์ชายจะลงทุนยกหยกประจำตัวที่สลักคำว่าไห่หนานให้เป็นของขวัญแก่หญิงสาวชาวบ้านธรรมดา“คุณชายแน่ใจว่าจะใช้หยกนี้จริงๆ หรือขอรับ”จื่อรุ่ยถามนายเหนือหัวอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ซีหยวนไห่หนานพยักหน้าจื่อรุ่ยได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ ช่างเถอะ แม้แต่ฮ่องเต้ที่เป็นถึงผู้ครองแคว้นยังห้ามองค์ชายห้าผู้นี้มิได้ เขาที่เป็นเพียงองครักษ์เล็กๆ เท่านั้นจะทำได้อย่างไร หลิวซีฮันที่ยังยืนอยู่ในห้องมองคนนั้นทีคนนี้ทีแต่ก็ไม่มีใครสนใจเขา เมื่อรู้สึกเบื่อเขาจึงอุ้มเสี่ยวหลงเดินกลับเรือนไปหลังจากที่หลิวซีฮันกลับมาที่เรือนแล้ว จากนั้นไม่นานซีหยวนไห่หนานเองก็มาที่นี่ด้วยเช่นกัน ครอบครัวของหลิวตงจ
คนสกุลหลิวต่างตกใจไม่คิดว่าจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาเช่นนี้ อาหารการกินที่มีสำหรับพวกเขาสกุลหลิวยังแทบจะไม่พอ นี่ยังจะเพิ่มชายร่างใหญ่ผู้นี้เข้ามาอีกเห็นทีพวกเขาจะอยู่ไม่พ้นหน้าหนาวแน่“อาเฉิงหลานช่วยมาคุยกับย่าสักหน่อยได้หรือไม่”แม่เฒ่าจางเดินไปหาหลานชายอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะข้างกายเขามีชายร่างใหญ่เหมือนยักษ์ปักหลั่นยืนอยู่ แม่เฒ่าจางดึงแขนหลานชายเข้ามาคุยในห้องของนาง“เฉิงเอ๋อย่าไม่ว่าอะไรหรอกที่หลานจะมีผู้ติดตามเพราะอีกหน่อยหากหลานได้เป็นขุนนางในราชสำนักหลานจะมีคนติดตามมากมายแน่นอน แต่ตอนนี้ครอบครัวของเราเกรงว่าจะไม่สามารถเลี้ยงดูเขาได้....หลานช่วยคิดดูอีกครั้งได้หรือไม่”หลิวฟู่เฉิงนึกว่าแม่เฒ่าจางมีปัญญาหาเรื่องฟู่เถี่ยโถวที่ติดตามเขามาเสียอีกที่แท้ก็เรื่องเงิน หลิวฟู่เฉิงหยิบถุงเงินออกมาจากแขนเสื้อวางไว้ด้านหน้าของนาง“นี่คือเงินหนึ่งร้อยตำลึงขอรับท่านย่า ทีนี้คงไม่มีใครมีปัญหากับการที่ฟู่เถี่ยโถวอยู่ที่นี่แล้วนะขอรับ”หลิวฟู่เฉิงพูดกับแม่เฒ่าจางทั้งยังบอกผู้ที่แอบฟังอยู่นอกห้องให้รับรู้โดยทั่วกัน แม่เฒ่าจางรีบตะครุบถุงเงินทันที นางไม่เคยจับเงินมากมายเช่นนี้มาก่อนในชีวิต แม่เฒ่าจาง
“ฝากเจ้าไปขอบใจพี่ใหญ่แทนข้าด้วยนะ เมื่ออาเฉิงสอบได้จีว์เหรินเมื่อใดรับรองว่าตระกูลหลิวจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้แน่”นี่เป็นสิ่งที่จางเมิ่งเสวี่ยอยากได้ยิน เมื่อพี่ฟู่เฉิงสอบได้จีว์เหรินท่านปู่ก็จะมาคุยเรื่องแต่งงานของนางกับเขา ถึงแม้สองตระกูลจะรู้กันเรื่องนี้อยู่แล้วก็ตามแต่นางก็อยากประกาศให้ใครต่อใครรู้ว่าพี่ฟู่เฉิงเป็นของนาง แม่พวกดอกท้อที่หวังจะมาเป็นสะใภ้ตระกูลหลิวจะได้เลิกล้มความคิดนั้นซะจางเมิ่งเสวี่ยอยู่คุยกับแม่เฒ่าจางสักพัก เมื่อรู้ว่าวันนี้ตนไม่สามารถพบหน้าพี่ฟู่เฉิงได้นางจึงไม่อยากอยู่ต่อ จางเมิ่งเสวี่ยขอตัวลาแม่เฒ่าจางจากนั้นจึงเดินออกจากตระกูลหลิวไป นางเดินยังไม่ถึงหน้าหมู่บ้านสายตาก็ไปสะดุดบางสิ่งเข้า ชายหนุ่มรูปงามในชุดขาวกำลังยืนชมบรรยากาศยามเช้าที่กำลังมีหมอกลงหนาอย่างเพลิดเพลินเมื่อก่อนนางคิดว่าหลิวฟู่เฉิงเป็นบุรุษที่หล่อเหลาที่สุดเท่าที่นางเคยพบมา แต่หลังจากที่ได้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้น หลิวฟู่เฉิงเทียบไม่ติดเลยสักนิดเดียว เหตุใดหมู่บ้านตระกูลสือถึงได้มีชายหนุ่มรูปงานเกลื่อนกลาดเช่นนี้จางเมิ่งเสวี่ยแสร้งเดินไปใกล้ชายหนุ่มผู้นั้นจากนั้นจึงแสร้งล้มลงใกล้ๆ กับที่
“นี่ท่านป้าสือท่านบอกว่าจะไปหาบ้านของชายหนุ่มมาให้ข้าเลือกไม่ใช่หรือ ผ่านไปหลายวันแล้วเหตุใดท่านยังไม่มาหาข้าสักที”หลิวตงจิ้นถามแม่สื่อแซ่สือที่ทำหน้าที่เป็นผู้หาบ้านชายหนุ่มหญิงสาวที่เหมาะสมให้แต่งงานกัน นางเป็นคนที่เชื่อถือได้ในหมู่บ้านตระกูลสือและหมู่บ้านใกล้เคียง หากถึงเวลาที่บุตรสาวหรือบุตรชายแต่งงานแล้วล่ะก็ไม่ว่าบ้านไหนก็ล้วนมาหานาง แม่สื่อสือที่อายุราวห้าสิบกว่าถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ“ไม่ใช่ว่าข้าไม่หา แต่ละแวกหมู่บ้านใกล้เคียงไม่มีใครต้องการแต่งงานกับบุตรสาวเจ้าเลยสักคน”หลิวตงจวิ้นขมวดคิ้วมุ่นด้วยท่าทางไม่เข้าใจ“ก็เรื่องที่บุตรสาวของเจ้ามีวิญญาณร้ายคอยตามติด บ้านฝ่ายชายบ้านไหนก็ไม่กล้าแต่งบุตรสาวเจ้าเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ พวกเขาบอกว่ามันเป็นลางไม่ดี”แม่สื่อสืออธิบายเสียงอ่อย“เหลวไหลทั้งเพ ท่านไปได้ยินเรื่องพวกนี้มาจากที่ไหน”หลิวตงจวิ้นโพลงออกมาด้วยความโมโห จริงอยู่ที่บุตรสาวของเขาเคยฝันเห็นท่านพ่อของเขา แต่ท่านพ่อหาใช่วิญญาณร้ายอย่างที่พวกเขาลือกัน“จะที่ไหนซะอีกก็ทุกที่ที่ข้าไปน่ะสิ เรื่องของลูกสาวเจ้าเล่าลือกันไปหลายหมู่บ้านแล้วไม่รู้หรือ เห็นทีครั้งนี้ข้าคงจะช่วยเหลือเจ้







