บทที่ 13 ถูกใจ
บ้านตระกูลเหวินหลังจากงานแต่งเสร็จสิ้นสะใภ้ได้เข้ามาอยู่ที่บ้านของสามี ตั้งแต่คืนวันแต่งงานเหวินเทียนไม่ได้แตะต้องตัวของซิงเยียนเลย ทำให้เธอทุกข์ระทมหัวใจโชคดีที่มีแม่สามีคอยเอาใจใส่ดูแล ทำกับข้าวเก็บกวาดบ้านทำกระทั่งซักผ้าให้ลูกสะใภ้ด้วยซ้ำ
วันนี้ลู่หลินกำลังออกไปทำงานอย่างที่เธอไปทำทุกวันนี้ เธอจะออกไปทำงานหาแม่ไม่เจอจึงเดินหาอ้อมบ้านเห็นแม่กำลังนั่งซักผ้าให้ลูกสะใภ้กับลูกชายอยู่หลังบ้านเธอเลยรู้สึกว่าแม่จะทำเกินไปจริง ๆ
"คุณแม่ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้เรื่องงานบ้านฉันเองก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่แม่จะมาซักผ้าให้เหวินเทียนกับน้องสะใภ้ได้ยังไง อีกอย่างตะวันขึ้นโด่งป่านนี้ยังไม่ตื่นอีก เฮ้อ! ตอนแรกฉันคิดว่าซิงเยียนจะเป็นคนขยันเห็นเข้าไปดูงานที่โรงงานทุกวัน แต่ที่ไหนได้เป็นคุณหนูตื่นสายและทำงานบ้านไม่เป็นสักอย่าง แม่หยุดทำได้แล้วไปปลุกให้เหวินเทียนมาซักให้เถอะ เจ้านั่นก็เหมือนกันทำตัวอย่างกับไร้ชีวิตชีวา "
"แกไม่ต้องมาบ่นมากไม่รีบไปทำงานหรือไงอีกอย่างงานแค่นี้ฉันทำได้ จะให้ลูกสะใภ้อย่างซิงเยียนมาทำได้ยังไง อย่าลืมสิเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าของโรงเย็บผ้านะจะให้มาทุกข์ยากได้ยังไง " ฟางเซียนเอ็ดลูกสาวเสียงสูง
"งั้นก็แล้วแต่แม่แล้วกันฉันไปก่อนนะ " ลู่หลินเหนื่อยใจที่จะพูดกับแม่ ถึงจะแต่งงานกับซิงเยียนแต่ไม่เห็นว่าทางครอบครัวของน้องสะใภ้จะยินดีเท่าไหร่ เธอคิดว่าได้ซิงเยียนมาเป็นน้องสะใภ้แล้วจะได้เปลี่ยนหน้าที่การทำงานแต่เธอยังต้องทำหน้าที่เดิม อีกทั่งซิงเยียนไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้ด้วยซ้ำ
ส่วนฟางเซียนเธอเห็นลูกสาวเดินออกไปแล้วเธอก็หันมาซักผ้าต่อพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
"เฮ้อ! เสร็จจากการซักผ้าฉันต้องไปเก็บกวาดเช็ดถูบ้านสินะ โอ๊ยปวดกระดูกทั้งร่างกายแล้ววันนี้ต้องนอนพักกลางวันเสียหน่อยแล้ว " ฟางเซียนไม่บ่นสักคำพร้อมทำหน้าที่ตัวเองต่อ
สองวันต่อมา
หลังจากที่เข้ามาประจำการที่นี่อี้หานได้ให้ลูกน้องช่วยกันยกข้าวของของเขามาจัดเก็บในบ้าน เขาหยิบรูปภรรยาที่ถ่ายเคียงข้างเขาตั้งไว้ที่ฝาผนัง สายตาจ้องมองหวนให้คิดถึงรอยยิ้มของเธออีกครั้ง
"หากเธอยังอยู่คงดีไม่น้อยรู้มั้ยว่าผ่านมาสองปีฉันไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงเธอเลยนะ เป็นยังไงบ้างบ้านหลังใหม่น่าอยู่มั้ยที่นี่มีห้องครัวกว้างใหญ่ด้วยล่ะ " เขากำลังพูดพึมพำกับรูปภาพลูกน้องของเขาได้เดินเข้ามาหาเพื่อแจ้งให้เขาออกเดินทางไปที่กองประจำการ วันนี้เป็นวันแรกที่เขาจะต้องไปพบเจอกองทัพใหม่ที่เขาต้องดูแล
"ท่านนายพลถึงเวลาออกเดินทางแล้วครับ"
"นั่นสินะไปกันเถอะ ฉันออกไปทำงานก่อนนะ " เขาบอกกับรูปภาพก่อนจะเดินตามลูกน้องออกไป ในหน้าที่ตำแหน่งของนายพลมีรถยนต์ประจำกายง่ายต่อการเดินทาง ทำให้เขาใช้เวลาเพียงไม่นานหลังจากเข้าพบทหารของกองทัพที่เขาได้มาดูแลเสร็จสิ้นจึงเดินทางกลับบ้านแต่ระหว่างนึกขึ้นได้เรื่องซาลาเปา เขาจึงบอกให้ลูกน้องพาขับรถที่ไปหมู่บ้านอู่หลงเพื่อไปดูว่าร้านขายซาลาเปาอยู่ที่ไหน
ลูกน้องของเขาได้พาเขาขับเคลื่อนเดินทางไปที่หมู่บ้านของเหม่ยหลิง เมื่อรถของนายพลมาเยือนที่หมู่บ้านแห่งนี้เป็นที่จับจ้องของทุกสายตา ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่จะได้เห็นรถยตน์บ่อย ๆ หากไม่รวยหรือว่าเป็นคนใหญ่คนโตคงไม่มีรถส่วนตัวเช่นนี้ ช่วงนั้นเป็นห่วงเย็นพอดีโรงงานเย็นผ้าก็ถึงเวลาปิดให้พนักงานเลิกงาน ลู่หลินกำลังเดินกลับบ้านเหลียวไปเห็นรถยนต์เคลื่อนผ่านไปอย่างช้า ๆ เสียงสาวน้อยสาวใหญ่กรี๊ดกันสนั่นเพราะคนที่นั่งอยู่ด้านหลังทั้งหล่อเหลาและแต่งกายในชุดนายทหารยศใหญ่ หัวใจของลู่หลินเต้นระรัวเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่นั่งด้านหลังอย่างชัดเจน รูปหน้าคมเข้มไม่ว่าจะมองไปทางใดช่างไร้ที่ติ
'หรือว่านี้จะเป็นคนที่ฉันตามหากันนะ นายทหารใหม่อย่างนั้นหรือ? ฉันจะต้องรีบกลับไปถามคุณแม่แล้วล่ะ นายทหารคนนี้ทั้งหล่อและแข็งแกร่งหากยังไม่มีภรรยาคงจะดีไม่น้อย ' ลู่หลินคิดในใจก่อนจะรีบเดินทางกลับบ้าน หลังจากยืนจ้องมองดูรถยนต์เคลื่อนผ่านไปลับสายตา
"นี่เห็นรถคันเมื่อครู่มั้ย? ฉันได้ยินมาว่าเป็นท่านนายพลที่ย้ายมาประจำการที่นี่คิดว่าจะเป็นคนแก่ ๆ เสียอีกไม่คิดเลยว่ายังหนุ่มแถมหล่อขนาดนี้ "
"นั่นนะสิ! แต่ก็คงมีคุณนายเคียงข้างแน่ ๆ เรากลับบ้านพักผ่อนกันเถอะพรุ่งนี้เจอกันใหม่" เพื่อนที่ทำงานสองคนพูดคุยกันก่อนโบกมือลาแยกย้าย ลู่หลินได้ยินรอยยิ้มปรากฏเต็มดวงหน้า
"ท่านนายพลใหม่อย่างนั้นเหรอ? ชักสนใจขึ้นมาแล้วสิ กลับบ้านต้องให้คุณแม่ไปสืบหาประวัติเสียหน่อยแล้ว "
ลู่หลินเดินกลับบ้านอย่างอารมณ์ดีพร้อมวาดฝันชีวิตสุขสบายหากเธอได้เห็นคุณนายทหาร
ฝั่งด้านอี้หานเขานั่งรถจนรมาถึงร้านขายซาลาเปาของเหม่ยหลิงตามที่สอบถามจากชาวบ้านจนรถมาหยุดที่หน้าบ้านแต่ทว่าตอนนี้ร้านปิดไปแล้ว
"เป็นอย่างที่นายอำเภอฉีบอกไว้จริง ๆ คงขายหมดตั้งแต่เช้า อย่างนั้นก็พาฉันกลับบ้านเถอะเดี๋ยววันหน้าฉันจะมาที่นี่ด้วยตัวเองแต่คงต้องมาเช้า ๆ หน่อยแล้วจากที่พักมาที่นี่ไม่ไกลมาก อีกอย่างหากใช้รถยนต์เดินทางมาจะเป็นการแตกตื่นของชาวบ้าน ฉันคงต้องหาจักรยานสักคันเสียแล้ว"
"ได้ครับนายพล อย่างนั้นผมจะจัดการให้เองแต่ว่านายพลเดินทางมาคนเดียวจะไม่เกิดอะไรขึ้นหรือครับ"
"คงไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกฉันจะไม่เดินทางมาที่นี่ทั้งชุดนายพลหรอกนะฉันจะแต่งกายธรรมดามาเท่านี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าฉันเป็นใคร "
"ครับ" ลูกน้องของเขาคนนี้ติดตามตั้งแต่เขาอยู่กับภรรยาคนก่อนจึงรู้นิสัยของนายพลดี เพราะเขาเองก็เคยกินฝีมือของคุณนายเหมือนรสชาติซาลาเปาที่ถูกนำมาจัดขึ้นโต๊ะในวันต้อนรับวันนั้นเขาเห็นใจนายพลมาก ๆ ที่ต้องเสียภรรยาก่อนวัยอันควร
เหม่ยหลิงได้ยินเสียงรถหยุดนิ่งที่หน้าบ้านเธอได้ออกมาดูเห็นว่ารถได้เคลื่อนตัวออกไปแล้ว เวยอันเองก็สงสัยจึงเอ่ยถามผู้เป็นพี่
"พี่เหม่ยหลิงเมื่อครู่รถอะไรหรือขอรับ? แถวนี้นอกจากจักรยานของบ้านคนรวยแล้วฉันไม่เคยเห็นรถอย่างเมื่อครู่สักครั้ง" เหม่ยหลิงรู้จักเป็นอย่างดีเพราะในยุคปัจจุบันรถยนต์เป็นที่นิยมใช้ในการเดินทางไม่เหมือนยุคสมัยนี้
"นั่นสิพี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันคงจะเป็นคนร่ำรวยเดินทางผ่านมาล่ะมั่ง เราไปตั้งใจทำการบ้านเถอะพี่ทำอาหารเย็นใกล้เสร็จแล้วจะได้กินข้าวกัน "
"ครับ "
ตอนพิเศษฟิ้ว ฟิ้ว ..สายลมพัดเย็นนะเยือกบ่งบอกว่าช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาวร่างบางยืนทอดสายตาจ้องมองกลางเมืองยามค่ำคืนพลางกอดอกแน่น ชายร่างใหญ่เดินออกมาจากในตัวบ้านโผล่เข้ากอดเธอจากด้านหลังอย่างแนบชิด"ทำไมมาอยู่ตรงนี้ไม่หนาวหรือไง ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นแล้วรีบเข้าบ้านกันเถอะ" อี้หานกระซิบถามพร้อมบอกให้ภรรยาของตน"ฉันอยากมองดูดวงจันทร์อีกสักหน่อยเดี๋ยวอีกไม่กี่วันหิมะคงจะตกเมื่อนั้นดวงจันทร์ที่สวยงามคงไม่มีให้เห็น " ตั้งแต่แต่งงานมานี่ก็สามเดือนแล้ว เหม่ยหลิงมีความสุขเสียจนคิดว่านี่เป็นเพียงความฝัน"ดวงจันทร์ไม่เห็นจะน่ามองตรงไหน สู้ภรรยาของฉันก็ไม่ได้จริงสิวันนี้คุณพ่อกับคุณแม่โทรเลขมาอยากให้ลูกสะใภ้มีหลานให้อุ้มเร็ว ๆ จนท่านทั้งสองบอกให้เธอหยุดขายซาลาเปาและจะจ่ายค่าจ้างเพื่อให้เธออุ้มท้องด้วยล่ะ ภรรยาคนสวยของฉันคงไม่อยากให้ท่านทั้งสองผิดหวังหรอกใช่มั้ย? อย่างนั้นเราไปดูดวงจันทร์ต่อที่ห้องดีมั้ย ป่านนี้เวยอันคงหลับไปแล้วไม่มีใครมารบกวนแล้วนะ! " อี้หานกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบาพลางหอมแก้มของเธออย่างนุ่มนวล เธออายจนใบหน้าแดงระเรื่อรีบผลักเขาออกก่อนจะเดินหนีเข้าบ้าน"ไม่เอาฉันยังไม่พร้อมจะอุ้ม
บทที่ 35 แต่งงาน"ท่านนายพลมันจะเกินไปแล้วนะ แค่ผู้หญิงต้อยต่ำคุณปกป้องเธอถึงเพียงนี้เลยหรือ? เธอคงใช้ลีลาบนเตียงเก่งสินะ ไม่ว่าจะเป็นสามีฉันเหวินเทียนหรือแม้แต่คุณก็ยังติดใจเหม่ยหลิงคนนี้ เป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจจริง ๆ " ซิงเยียนที่ยืนฟังมานานเธอได้เอ่ยขึ้นด้วยความคับแค้นใจเพราะไม่ว่าจะเป็นเหวินเทียนหรือแม้แต่ท่านนายพลลุ่มหลงอะไรเธอนักหนา"นั่นสินะแต่ก็นับว่าเป็นโชคดีที่สามีเก่าของเหม่ยหลิงโง่เง้ายอมปล่อยคนดี ๆ อย่างเหม่ยหลิงหลุดมือ ฉันไม่สนใจว่าเหมยหลิงจะผ่านใครมาหรือว่าอดีตจะเป็นอย่างไรเพราะฉันเองก็มิใช่ชายที่บริสุทธิ์ฉันเคยผ่านการมีภรรยามาก่อนอย่างนี้เท่ากันว่าฉันกับเหม่ยหลิงเราเท่าเทียมกันแล้ว คุณหนูซิงเยียนลูกสาวคนเดียวเจ้าของโรงเย็บผ้าสินะ! จำไม่ผิดเมื่อไม่กี่วันก่อนส่งคนมาทำร้ายเหม่ยหลิงถึงบ้าน วันนั้นฉันใจเย็นเพราะเหม่ยหลิงห้ามเอาไว้ หากไม่มีเธอลูกน้องของคุณหนูคงไม่ได้กลับไปอย่างมีชีวิตอยู่ คงผยองใจที่ฉันไม่เอาเรื่องสินะ ไม่ว่าจะเป็นครั้งก่อนที่เหวินเทียนสามีเก่าบุกเข้ามาหวังข่มขืน หรือจะเป็นเรื่องซาลาเปาเน่า ๆ ที่มาใส่ร้ายและคอยมาตามรังแกเหม่ยหลิงไม่เลิกลา หากวันนี้ฉันจะเอา
บทที่ 34 ผู้หญิงไร้ค่าฝั่งด้านเหม่ยหลิงหลังจากที่เธอหยุดไปหลายวันเมื่อเปิดขายอีกครั้งทำให้ซาลาเปาของเธอขายดีเพราะลูกค้าประจำคิดถึงและอยากกินพากันซื้อไปคนละหลายลูก ตอนนี้เหม่ยหลิงกำลังเก็บกวาดร้าน เพราะขายซาลาเปาหมดแล้วจังหวะนั้นเองเธอสาดน้ำราดที่ถนนหน้าบ้านพอดีเป็นจังหวะเดียวกันที่สามคนแม่ลูกเดินเข้ามาหาเธอ พวกเธอร้องกรี๊ดเสียงดังต่อว่าเหม่ยหลิงขับไล่"กรี๊ด!! อะไรของเธอกันช่างไร้มารยาท" เหม่ยหลิงมองทั้งสามพลางถอนหายใจทำไมคนพวกนี้ยังมาวุ่นวายอีก เธออุตส่าห์ไม่ไปเอาเรื่องซิงเยียนที่ส่งคนมาทำร้ายเธอแต่วันนี้ทั้งสามพากันเดินมาหาเธออย่างพร้อมหน้าดูก็รู้แล้วว่าต้องมาหาเรื่องแน่นอน"อะไรกันเดินมาไม่ดูเองยังหาว่าฉันเป็นคนทำอย่างนั้นหรือ? ถามชาวบ้านที่เดินไปมาแถวนี้สิว่าเมื่อครู่ฉันตั้งใจจะทำอย่างนั้นหรือพวกคุณเดินมาไม่ดูเอง วันนี้ตอนแรกก็อากาศแจ่มใสดีอยู่ทำไมตอนนี้เริ่มมืดครึ้มไปเสียแล้วล่ะ เป็นอย่างนี้ทำให้ฉันอารมณ์ไม่ดีเอาเสียเลย " เหม่ยหลิงทำเป็นไม่สนเดินถือกระถังน้ำเข้าบ้าน ลู่หลินทนไม่ไหวคว้าตัวเธอเอาไว้พร้อมกระชากผมของเธอเต็มแรง"นี่แกกล้าทำกับพวกฉันแบบนี้เหรอ? หลายครั้งมาแล้วที่ฉันไม
บทที่ 33 มีดีอะไรนักหนาทั้งสามมาถึงบ้านของลุงจ่าวทันทีที่ป้าเสี่ยนเห็นหน้าของอี้หานก็จดจำได้ทันทีนี่นายทหารที่เห็นวันนั้นเธอยิ้มกริ่มจ้องมองใบหน้าของเหม่ยหลิง วันนี้เธอคงพาเขามาเปิดตัวสินะ เมื่อเธอจะเอ่ยถามแต่ก็ถูกเหม่ยหลิงกระซิบกระซาบเสียก่อน“ฉันรู้นะว่าป้าคิดอะไรอยู่ แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่ป้าคิดหรอกนะ เวยอันชื่นชอบนายพลผู้นี้มาจึงชักชวนเขามาด้วยฉันขัดไม่ได้จึงยอมให้เขามาด้วยเท่านั้น”“ป้ายังไม่ได้ว่าอะไรเลยมีเพียงแค่เวยอันหรอกหรือที่ชื่นชอบท่านนายพลป้าคิดว่าอาเหม่ยก็ชอบเหมือนกันซ่ะอีก ฮ่า ฮ่า ท่านนายพลเชิญเข้ามาด้านในเลยค่ะวันนี้คงเป็นวันเกิดที่ดีที่สุดของสามีฉันแล้วที่มีนายพลผู้ยิ่งใหญ่มาร่วมงาน” ป้าเสี่ยนพูดจบได้เดินจากเหม่ยหลิงไปหาอี้หานเชิญเขาเข้าไปในบ้านปล่อยให้เหม่ยหลิงยืนหน้าแดงอยู่เพียงลำพังทุกคนร่วมกันกินอาหารเย็นกันอย่างสุขสันต์จนถึงเวลาเอ่ยคำอวยพรและมอบของขวัญให้ และพากันแยกย้ายกลับบ้าน อี้หานสั่งให้ลูกน้องชุดเดิมกลับไปพักและสลับเปลี่ยนอีกชุดมาเฝ้าที่หน้าบ้านของเหม่ยหลิง ใจจริงเขาเองอยากจะอยู่เฝ้าเธอแต่จะทำให้เธอลำบากใจจึงทำได้เพียงให้ลูกน้องมาเฝ้าดูแลความปลอดภัยให้2 ว
บทที่ 32 พี่ชอบพี่สาวฉันจริง ๆ ใช่มั้ยเขาค่อย ๆ ทายาให้เหม่ยหลิงอย่างเบามือเธอจ้องมองความอ่อนโยนที่เขามอบให้ เขาเป็นคนเดียวเมื่อไหร่ที่เธอพบเจอกับเรื่องอันตรายจะเข้ามาช่วยไว้ได้เสมอ เมื่อมีเขาอยู่เคียงข้างหัวใจของเธออบอุ่นทุกครั้ง ความหวาดกลัวที่มีทั้งหมดได้หายไป"ขอบคุณนะคะที่เข้ามาช่วยเหลือฉันทุกครั้งที่ฉันตกอยู่ในเหตุการณ์อันตราย หากไม่มีคุณฉันคงไม่รู้จะทำอย่างไรเลย ""ไม่เห็นจะต้องขอบคุณหลายครั้งเลย คงเป็นโชคชะตาที่ลิขิตมาให้เราได้พบเจอกัน ตอนนี้รู้สึกดีแล้วใช่มั้ยฉันขอออกไปคุยกับลูกน้องสักครู่นะ" เหม่ยหลิงพยักหน้าให้อี้หาน เขาเดินออกมาด้านนอกสั่งการให้ลูกน้องไปสืบประวัติสามีเก่าของเหม่ยหลิงรวมถึงซิงเยียนที่เป็นคนสั่งการให้คนมาทำร้ายเหม่ยหลิงอีกด้วย เมื่อสั่งการเสร็จเขาได้เดินเข้ามาหาเหม่ยหลิงด้านในเห็นเธอกำลังเก็บของที่หล่นลงบนพื้นที่ซื้อมาจากตลาดอย่างทุลักทุเลจึงนั่งลงช่วยเธอเก็บของ"มาให้ฉันช่วย ซื้อของมาเยอะขนาดนี้จะขายซาลาเปาพรุ่งนี้ใช่มั้ย? แขนเจ็บแบบนี้คงนวดแป้งไม่ได้แน่ ๆ ว่าแต่ของนี่คืออะไร"เขาเก็บของหันไปเห็นของมีค่าคล้ายซื้อไว้เก็บสะสมนิยมมอบให้ผู้ใหญ่ที่นับถือ"อ้อ...
บทที่ 31 เป็นเขาอีกแล้วที่ช่วยเหลือเมื่อมาถึงหน้าประตูเหม่ยหลิงวางของไว้ที่โต๊ะหน้าบ้านก่อนจะไขกุญแจเปิดโดยมีชายคนนั้นคอยเดินตามหลังติด ๆ ทันทีที่เธอเปิดประตูเหม่ยหลิงคว้าไม้ถูพื้นฟาดใส่หัวของชายคนนั้นทำให้เขาได้รับบาดเจ็บทำให้เขาโมโหผลักกายของเหม่ยหลิงจนล้มกับพื้น"โอ๊ย!!! นี่เธอกล้าลงมือกับฉันอย่างไม่หวาดกลัวเลยอย่างนั้นหรือตอนแรกตั้งใจแค่มาข่มขู่แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ต้องทำให้เธอเจ็บกว่าฉัน""อึก! ฉันไปทำอะไรให้ทำไมต้องมาทำฉันแบบนี้อยากได้อะไรก็เอาไปเลย" เหม่ยหลิงเจ็บแขนเพราะถูกผลักจนล้มถลาลงทับแขนตัวเอง ความหวาดกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นแววตาของชายที่อยู่ตรงหน้าเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เขาอาฆาตจนเหม่ยหลิงคิดว่าหากเธอสู้ไม่ไหวหรือไม่มีใครช่วยเธอได้วันนี้เธอคงได้ตายอีกครั้งแน่ ๆ คนเดียวที่เธอคิดถึงกลับเป็นอี้หาน เฝ้าภาวนาในใจให้เขามาช่วยเธอ"เธอไม่เคยทำอะไรให้ฉันแต่เป็นคุณหนูของฉันต่างหากที่เธอไปก่อกวนให้รำคาญใจ ไม่พูดมากมานี่ซ่ะดี ๆ ฉันจะจัดการให้เธอเจ็บน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เอง" เขาขึ้นคร่อมร่างของเหม่ยหลิงก่อนที่จะยกมือที่ถือมีดขึ้นเพื่อแทงเข้าที่หน้าอกของเธอ เหม่ยหลิงหัวใจเต้นร