แชร์

บทที่ 12

ผู้เขียน: RainyStarSea
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-07 23:31:06

สองสัปดาห์ต่อมา หลินเข่อซิงได้รับเทียบเชิญไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนป๋อโดยลูกสาวคนโตของภริยาเอก ตลอดทั้งวัน เธอรู้สึกได้ถึงความกดดันที่จะต้องไปเผชิญหน้ากับคนมากมายในงาน แต่วันนี้ไม่เหมือนวันอื่นๆ เพราะเธอเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่กับชุดกี่เพ้าสีแดงเพลิงที่เธอตั้งใจตัดขึ้นมาเพื่อแสดงความเป็นตัวตนใหม่ของเธอ

เถ้าแก่ร้านผ้าทำงานไวมาก นางจึงให้เงินเพิ่มไปอีกมาก เขาโค้งตัวแล้วโค้งตัวอีก ยิ้มรับหน้าบานแถมยังบอกนางอีกว่า หากคราวหน้าจะให้ตัดชุดอะไรสามารถมาหาเขาได้ เขาจะรีบทำให้นางก่อนใคร

“ท่านพร้อมไหมเจ้าคะ คุณหนู?” หลิงเฉินถามขณะช่วยปรับชุดให้

หลินเข่อซิงยิ้มบางๆ มองตัวเองในกระจก ชุดกี่เพ้ารัดรูปที่ทำให้เธอดูสง่างามและทรงพลัง ไม่ใช่แค่สีแดงที่ดึงดูดสายตา แต่ความมั่นใจที่แสดงออกทางท่าทางและบุคลิกของเธอทำให้เธอดูโดดเด่น

“พร้อมสิ! วันนี้ข้าจะไม่ใช่คุณหนูหลินคนเดิมอีกต่อไป” เธอตอบอย่างมั่นใจ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

ที่จวนป๋อ งานเลี้ยงเต็มไปด้วยผู้คนจากตระกูลสูงศักดิ์มากมาย เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะเบาๆ แว่วมาเป็นระยะๆ ท่ามกลางบรรยากาศหรูหรานั้น หยางเฟยฮุ่ยก้าวเข้ามาในงานด้วยความสง่างาม ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่เธออย่างชื่นชมในความงดงามไร้ที่ติ ชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มของนางสะท้อนแสงโคมอย่างหรูหรา รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของเฟยฮุ่ยทำให้ทุกคนต่างพูดถึง

“งดงามราวกับเทพธิดา นางช่างเหมาะสมกับตระกูลอวิ๋นเหลือเกิน” เสียงคนในงานเริ่มซุบซิบ

"ดูสิ ใครจะมาแข่งกับความงามของเฟยฮุ่ยได้?"

คุณหนูใหญ่จวนป๋อและกลุ่มสหายของนางยืนกันเป็นกลุ่มด้านหนึ่งของงาน ท่ามกลางเสียงหัวเราะเบาๆ พวกเธอก็เริ่มขยับใบหน้าใกล้กันมากขึ้น

“คุณหนูหลินจะมาร่วมงานวันนี้ด้วยหรือ? ข้าไม่คาดหวังสักนิด นางคงแต่งตัวจืดชืดเหมือนเดิมแน่ๆ” คุณหนูใหญ่หัวเราะคิกคัก สายตาชำเลืองไปที่เฟยฮุ่ยผู้สง่างาม

“นั่นสิ สู้เฟยฮุ่ยก็ไม่ได้” อีกคนเสริม “อย่างหลินเข่อซิงจะเอามาเทียบนางได้อย่างไร”

หยางเฟยฮุ่ยได้ยินคำพูดเหล่านั้นและยิ้มอย่างลำพองใจ ก่อนจะก้าวเดินอย่างสง่างามไปยังกลางงาน ทำให้ผู้คนต่างหันมามองด้วยความหลงใหล ทุกคนในงานดูเหมือนจะยอมรับว่าวันนี้ ไม่มีใครสวยงามและโดดเด่นเท่านางอีกแล้ว

แต่แล้ว ทันใดนั้น ประตูใหญ่ของห้องโถงก็เปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของหลินเข่อซิงที่ยืนอยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดงเพลิง ทุกสายตาในงานเลี้ยงหันไปมองเธอพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ปากของผู้คนต่างอ้าค้างไปตามๆ กัน

“นั่นใครกัน...?” เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นในงาน ทุกคนจ้องมองด้วยความตกตะลึง ไม่คาดคิดว่าผู้หญิงที่มักแต่งตัวจืดชืดทุกครั้งจะปรากฏตัวในลุคที่โดดเด่นและดึงดูดสายตาเช่นนี้

หลินเข่อซิงเดินเข้ามาด้วยท่าทีที่สง่างาม ชุดกี่เพ้าสีแดงของเธอรัดรูปและเผยให้เห็นรูปร่างที่งดงาม เส้นผมถูกรวบขึ้นอย่างเรียบร้อย เผยให้เห็นลำคอที่เรียวระหง ชุดของเธอสะท้อนแสงโคมไฟในงานอย่างเจิดจ้า ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นศูนย์กลางของงานนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

หยางเฟยฮุ่ยที่กำลังยิ้มอย่างลำพองถึงกับหยุดนิ่ง เมื่อเห็นหลินเข่อซิงเข้ามา นางไม่เคยคาดคิดว่าหลินเข่อซิงจะปรากฏตัวในลุคเช่นนี้ สีหน้าของเฟยฮุ่ยเปลี่ยนไปทันที รอยยิ้มที่เคยมั่นใจเลือนหายไปขณะที่นางมองหลินเข่อซิงเดินเข้ามา

“นี่มัน... หลินเข่อซิงจริงหรือ?” คุณหนูใหญ่จวนป๋ออ้าปากค้าง มองหลินเข่อซิงด้วยความไม่เชื่อสายตา

“ข้าไม่เคยเห็นนางในชุดเช่นนี้มาก่อน! นาง...นางช่างงดงามเหลือเกิน” อีกคนกระซิบด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

หลินเข่อซิงเดินตรงเข้าไปกลางงานอย่างไม่สนใจสายตาของใคร เธอแสดงออกถึงความมั่นใจและความสง่างามในทุกย่างก้าว เมื่อเธอมาถึงที่นั่งที่จัดเตรียมไว้ หลิงเฉินเดินตามเธออย่างภาคภูมิใจ

“สายตาแต่ละคนต่างมองท่านเป็นตาเดียวเลยเจ้าค่ะ คุณหนู!” หลิงเฉินกระซิบเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น

หลินเข่อซิงยิ้มบางๆ พลางมองไปรอบๆ ห้องโถงใหญ่ที่เต็มไปด้วยสายตาที่จับจ้องมาที่เธอ

‘วันนี้ข้าไม่ใช่หลินเข่อซิงคนเดิมอีกแล้ว’ เธอคิดในใจ พร้อมรอยยิ้มมั่นใจที่มุมปาก

ภายในงานเลี้ยงใหญ่ที่จวนป๋อ แขกผู้สูงศักดิ์ต่างมารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้า ท่านพ่อและท่านแม่ของหลินเข่อซิงกำลังทักทายสนทนากับเหล่าขุนนางและแขกผู้มีเกียรติในมุมหนึ่งของงาน ขณะที่หลินเข่อซิงเองก็อยู่กับหลิงเฉินสาวใช้คนสนิท เธอยืนนิ่งสงบ แต่แววตากลับบ่งบอกถึงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม หลังจากการปรากฏตัวที่น่าทึ่งในชุดกี่เพ้าสีแดงเพลิง สายตาหลายคู่ยังคงจับจ้องมาที่เธอ

ในขณะที่หลินเข่อซิงกำลังยืนพูดคุยกับหลิงเฉินอย่างสบายใจ หยางเฟยฮุ่ยก็เดินเข้ามา ใบหน้ายังคงยิ้มอย่างสง่างาม แต่แฝงด้วยความเย้ยหยัน เธอกวาดสายตามองหลินเข่อซิงจากศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสุภาพ แต่เต็มไปด้วยความถากถาง

“วันนี้เจ้ากล้าหาญไม่น้อยเลยนะคุณหนูหลิน ใส่ชุดสีแดงเพลิงแบบนี้ กลัวหรือไม่ว่าคนอื่นจะเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าเป็นนักแสดงในโรงงิ้ว” หยางเฟยฮุ่ยกล่าวพร้อมกับยิ้มเย็น ดวงตาเปล่งประกายของนางเต็มไปด้วยความท้าทายยั่วยุ

หลินเข่อซิงไม่ได้สะทกสะท้าน เธอยิ้มรับเล็กน้อยและหันมามองหยางเฟยฮุ่ยตรงๆ “ข้าก็ไม่แปลกใจหรอกที่ท่านจะคิดเช่นนั้น ท่านอาจจะไม่ชินกับอะไรที่มันดูสดใสเกินไป แต่สำหรับข้า สีแดงคือสีแห่งความมั่นใจ และถ้าการเป็นตัวของตัวเองทำให้ท่านไม่สบายใจ...ก็คงต้องขออภัยด้วย”

ใบหน้าของหยางเฟยฮุ่ยกระตุกเล็กน้อย แต่ยังคงรักษาท่าทางมั่นใจไว้ “เจ้าอาจจะมีความมั่นใจ แต่ความมั่นใจที่มากเกินไปอาจทำให้คนอื่นมองว่าเจ้า...ไร้ยางอาย” เธอพูดพร้อมจ้องเข่อซิงอย่างเยาะเย้ย “การแสดงออกแบบนี้ อาจทำให้ใครๆ เข้าใจผิดว่าเจ้าอยากเป็นจุดสนใจจนถึงกับต้องใช้วิธีเช่นนี้”

หลินเข่อซิงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่หนักแน่น “การเป็นจุดสนใจ...ข้าไม่จำเป็นต้องพยายามเลย คุณหนูหยาง การแต่งตัวแบบไหนก็ไม่สำคัญเท่าความมั่นใจในตัวเอง แต่ดูเหมือนบางคนจะรู้สึกว่าข้ากำลังแย่งชิงความโดดเด่นไป ท่านคิดว่าอย่างนั้นหรือไม่?”

หยางเฟยฮุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย รอยยิ้มที่เคยแฝงความมั่นใจเลือนหายไป “เจ้าพูดเหมือนคิดว่าตัวเองเหนือกว่าข้า... หรือเจ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ?”

“ไม่เลย ข้าไม่ได้คิดว่าตัวเองเหนือกว่าใคร” หลินเข่อซิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ข้าแค่มั่นใจว่าข้าเป็นตัวของข้า และข้าไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับใคร ข้าเพียงอยู่ในที่ของข้า หากมีใครรู้สึกว่าข้ากำลังท้าทาย นั่นก็เป็นเพราะเขารู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองก็เท่านั้น”

คำพูดของหลินเข่อซิงทำให้หยางเฟยฮุ่ยเริ่มรู้สึกไม่พอใจ นางกัดริมฝีปากเล็กน้อย “เจ้านี่ช่างกล้าพูดนัก... แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเข้าใจสถานการณ์ที่ตัวเองอยู่ เจ้าอาจจะคิดว่าแค่พูดดีๆ หรือแต่งตัวสวยๆ ก็จะทำให้เจ้าดูมีคุณค่าได้ แต่ในความเป็นจริง...” นางหยุดเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มเยาะ “เจ้าก็ยังเป็นเพียงเป็ดที่พยายามจะชูคอเป็นหงส์”

หลินเข่อซิงมองหยางเฟยฮุ่ยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความท้าทาย “ข้าคิดว่าการฝันสูงไม่ใช่เรื่องผิด หากข้ามีความสามารถที่จะไปให้ถึง และข้าก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาตัดสินคุณค่าของข้า โดยเฉพาะคนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการดูถูกคนอื่นเพื่อยกระดับตัวเองขึ้นมา”

เสียงรอบๆ เริ่มเงียบลง ผู้คนต่างหันมามองการปะทะคารมระหว่างสองสาวอย่างสนใจ ไม่มีใครคาดคิดว่าหลินเข่อซิงจะกล้าโต้กลับหยางเฟยฮุ่ยอย่างรุนแรงเช่นนี้

หยางเฟยฮุ่ยหรี่ตามองหลินเข่อซิง รู้สึกว่าตนเองถูกท้าทายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ข้าคงต้องรอดูว่า ความมั่นใจที่เจ้ามีนั้นจะพาเจ้าไปได้ไกลแค่ไหน แต่ขอเตือนเจ้าสักอย่าง การอยู่ในที่สูงอาจทำให้เจ้าล้มได้ง่ายขึ้น”

“ข้าขอบคุณสำหรับคำเตือน” หลินเข่อซิงตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่แฝงความสงบ “แต่ข้าก็ไม่กลัวที่จะล้ม เพราะข้ารู้ว่าข้าสามารถลุกขึ้นได้เสมอ ที่สำคัญ...ข้าไม่ได้ใช้การเหยียบย่ำคนอื่นเพื่อปีนขึ้นไป ดังนั้นข้าจึงไม่กลัวที่จะตกลงมา!”

หยางเฟยฮุ่ยจ้องมองหลินเข่อซิงด้วยความโกรธที่เริ่มปรากฏออกมาบนใบหน้า แต่เธอกลับเลือกที่จะหันหลังเดินจากไป โดยไม่ได้ตอบโต้อีก เพราะรู้ว่าการโต้เถียงต่อไปอาจทำให้นางเสียหน้า

เมื่อหยางเฟยฮุ่ยจากไป หลิงเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ มาตลอดอดไม่ได้ที่จะหันมามองหลินเข่อซิงด้วยดวงตาที่เปล่งประกายด้วยความชื่นชม “ท่านช่างกล้าหาญจริงๆเจ้าค่ะ คุณหนู เมื่อครู่ข้าลุ้นจนเกือบลืมหายใจแน่ะเจ้าค่ะ”

หลินเข่อซิงหันมายิ้มให้หลิงเฉิน “ข้าแค่คิดว่า...บางที การตอบโต้คนที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าเรา มันไม่ใช่การสู้รบ แต่เป็นการยืนยันว่าเรารู้คุณค่าของตัวเอง”

เธอยิ้มบางๆ แล้วหันกลับไปมองบรรยากาศในงานอีกครั้ง ใจของเธอรู้สึกโล่งและมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทสุดท้าย

    “เฮือก…” เสียงสูดลมหายใจเข้าลึกดังขึ้น ทำเอาทรวงอกของหญิงสาวยกขึ้นสูง ขนตางอนยาวเรียงตัวสวยเริ่มขยับไหว ในที่สุดเปลือกตาก็คอยๆเลิกขึ้น ปรากฎดวงตากลมโตสดใสที่มองไปมารอบๆ แสงไฟสีขาวนวลสว่างขึ้นในห้องเล็กๆ ของเธอมาจากหลอดฟลูออเรสเซนต์บนเพดานห้องสี่เหลี่ยมที่คุ้นเคย เมื่อมองไปตรงมุมห้องขวามือ ก็มีโต๊ะเขียนหนังสือรกๆ ที่มีหนังสือและแก้วน้ำวางอยู่ โทรศัพท์มือถือวางแน่นิ่งบนหัวเตียง สายชาร์จรวมถึงสายสมอลทอร์คพันกันยุ่งเหยิงเป็นก้อนกลม หลินเข่อซิงค่อยๆลุกขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง“เรากลับมาแล้วเหรอ…” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ราวกับไม่แน่ใจว่านี่คือความจริงหรือเพียงอีกหนึ่งความฝันอันยาวนานนางลูบอกตัวเองเบาๆ เพื่อปลอบใจว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เพิ่งเผชิญมา เป็นเพียงฝันร้ายยาวนานเท่านั้น แต่มันช่างสมจริงเหลือเกิน ความรู้สึกของสายลมในป่าลึก กลิ่นดินหลังฝนตก เสียงหัวเราะของหลิงเฉิน หรือแม้แต่สัมผัสอันอบอุ่นของอวิ๋นเฟยหลง...“เฟยหลง…”เพียงเอ่ยชื่อเขา น้ำตาก็เอ่อคลอเบ้า ราวกับหัวใจถูกบีบรัด เธอรีบเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก พยายา

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 103

    นับจากโศกนาฏกรรมนองเลือดวันนั้น ก็ผ่านมาได้หนึ่งปีแล้ว อวิ๋นเฟยหลงไม่ยอมรับตำแหน่ง เขาทำเพียงรักษาการณ์แทน และให้เหล่าเสนาบดีเป็นที่ปรึกษาคอยชี้แนะแก่เขาย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อน หลังได้รับชัยชนะ เข้ากอบกู้วังหลวงจากคนชั่ว และทวงแค้นจากหานเจี๋ย เขากลับไม่รู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย อวิ๋นเฟยหลงประกาศต่อหน้าที่ประชุมขุนนางและแม่ทัพนายกองทั้งหลาย“ข้าไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้”คำพูดนั้นสร้างความตกตะลึงไปทั่วห้องประชุม เฟยหลงก้าวออกมายืนกลางห้อง สายตาแน่วแน่“ตลอดชีวิตของข้า ข้าเกิดมาเพื่อรับใช้แผ่นดินและต่อสู้ในสนามรบ ข้าไม่เคยมีความปรารถนาจะครอบครองบัลลังก์มังกร ข้าเชื่อว่าแคว้นนี้สมควรมีผู้นำที่ดีกว่า”นับจากวันนั้นอวิ๋นเฟยหลงก็ทำหน้าที่ได้ดีมาตลอดไม่ขาดตกบกพร่องอันใด จนราษฎรต่างแซ่ซ้องสรรเสริญ ในใจทุกคนอวิ๋นเฟยหลงคือฮ่องเต้ พ่อของแผ่นดินของพวกเขา คอยปกปักคุ้มครองให้แคว้นฉางจีอยู่รอดปลอดภัย บุ๋นก็ชำนาญ บู๊ก็คือเทพเซียนมาจุติและแล้วข่าวดีที่เขารอคอยก็มาถึง เจิ้งจู่ได้รายงานข่าวสำคัญที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เขาค้น

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 102

    ก่อนที่อวิ๋นเฟยหลงจะได้ปัดป้องตอบโต้ ก็มีเสียงกังวานใสของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้น“หยุดนะ!” หยางเฟยฮุ่ยยืนอยู่เบื้องหลังของฮ่องเต้ โดยมีทหารองครักษ์ผู้หนี่งใช้ดาบพาดคอของหานเจี๋ย“หากท่านละเว้นอวิ๋นเฟยหลง ข้าก็จะไว้ชีวิตท่าน!” สตรีผู้ได้ชื่อว่าฮองเฮา แม่ของแผ่นดิน ก้าวขึ้นหน้ามาอีกก้าว หยุดยืนมองหานเจี๋ยนิ่ง“เจ้า!... นี่เจ้ากล้าก่อกบฏหรือ ดีนี่ฮองเฮา ดี … ดียิ่งนัก ทหาร! กุดหัวนางหญิงชั่วนี่ให้ข้าเดี๋ยวนี้!”เงียบ มีเพียงความเงียบงันเป็นคำตอบ ไม่มีทหารคนใดขยับ ต่างมองไปทางอวิ๋นเฟยหลงอย่างรอฟังคำสั่ง“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น?!” หานเจี๋ยตื่นตระหนกแล้ว เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้“ราชโองการในฮ่องเต้พระองค์ก่อน มาถึงแล้ว! อวิ๋นเฟยหลง รับราชโองการ!”ถึงตอนนี้ทหารที่จ่อปลายดาบคุมตัวหานเจี๋ยได้เตะดาบในมือเขาจนกระเด็น ก่อนลากตัวหานเจี๋ยให้ออกห่างจากอวิ๋นเฟยหลง“กระหม่อมอวิ๋นเฟยหลงพ่ะย่ะค่ะ” อดีตแม่ทัพหนุ่มหันกายคุกเข่ามาทางกงกงที่ยืนถือพระราชโองการสีทองอร่ามในมือ“ด้วยโองการสวรรค์ ข้าโอรสสวรรค์ผู้คร

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 101

    เสียงอาวุธกระทบกันดังไม่หยุด อวิ๋นเฟยหลงหอบหายใจเสียงดัง หลินเข่อซิงมองเสี้ยวหน้าของชายอันเป็นที่รักด้วยความเจ็บปวดในหัวใจ นางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ท่านพี่ ทิ้งข้าไว้เถอะ หากไม่มีข้าท่านก็จะทำศึกได้อย่างเต็มที่ และปกป้องพวกเราทั้งหมดได้”“เหลวไหล! ข้าไม่มีทางทิ้งเจ้ากับลูกแน่ อย่าคิดอะไรฟุ้งซ่าน และข้าจะไม่มีวันแพ้! เจ้าอดทนไว้ก่อนนะ” อวิ๋นเฟยหลงปวดใจนักเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆนั่นพูด ประกอบกับบาดแผลที่ไหล่ของนาง เขายิ่งอยากจบศึกนี้ให้เร็วที่สุด กระบวนท่าของอดีตแม่ทัพใหญ่แกว่งไกวดาบเข้าห้ำหั่นศัตรู ร่างกายพลิ้วไหว มือเท้าผสานกัน แม้มือซ้ายจะโอบกอดหลินเข่อซิง แต่นั่นกลับไม่อาจสร้างปัญหาให้ชายหนุ่มได้“เหล่าพี่น้องของข้า จงฟัง! พวกเจ้าทุกคน วันนี้เราจะเด็ดหัวฮ่องเต้ทรราชนั่นซะ ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อพ่อแม่ญาติพี่น้องของพวกเจ้า ราษฎรแคว้นฉางเยว่ และเพื่อฮ่องเต้องค์ก่อนที่ต้องสวรรคตอย่างมีเงื่อนงำ จงตามข้ามา!”“เฮๆ ๆ ๆ” เหล่าทหารฝ่ายอวิ๋นเฟยหลงต่างส่งเสียงร้องกู่ก้องไปทั่วลานด้วยการนำของอวิ๋นเฟยหลง ตอนนี้พวกเขาบุ

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 100

    ‘ท่านพี่ เมื่อท่านได้รับสารฉบับนี้ หวังเพียงว่าท่านจะยังไม่กระทำการรุนแรงกับท่านหมอประจำตัวข้าหรอกนะ’ อวิ๋นเฟยหลงเลิกคิ้วสูง ก่อนเหลือบมองไปยังใบหน้าช้ำดำเขียว และเปรอะด้วยโลหิตของหมอหนุ่ม ก่อนจะก้มหน้าอ่านต่อ‘ข้าได้ยินมาว่าท่านได้ยกทัพมาประชิดประตูเมืองแล้ว คืนนี้ยามโหย่ว (17.00น. - 19.00น. โดยประมาณ) ข้าจะแอบมารอท่าน ขอท่านพี่ช่วยมารับข้าด้วย ข้าจะไปรอที่ประตูเมืองด้านทักษิณ หลิงเฉินบอกว่าประตูด้านนั้นค่อนข้างหละหลวม เพราะทหารไปรวมกันที่ประตูหน้าเสียส่วนใหญ่ ข้าจะรอท่านนะ’อวิ๋นเฟยหลงหรี่ตามองไปยังหมอหนุ่มที่ยังนั่งแหงนหน้ามองฟ้า ดูท่ากำเดาคงจะใกล้หยุดไหลแล้วกระมัง อวิ๋นเฟยหลงทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแผ่วต่ำ“ข้าต้องขออภัยท่านหมอแทนทหารของข้าด้วย ฝากบอกซิงเอ๋อร์ว่า ไม่ต้องกังวล ข้าจะไปตามนัดหมาย”เวินสือชูมองบุรุษร่างใหญ่บึกบึนตรงหน้าด้วยความยำเกรง ก่อนจะยิ้มออกมาหน่อยๆ“มิเป็นไร ข้าเข้าใจว่านั่นคือหน้าที่ของพวกเขา หากมิมีอันใดแล้ว ข้าขอตัวก่อน หากมานานเกินไป อาจถูกสงสัยได้”อวิ๋นเฟยหลงพยัก

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 99

    แสงอาทิตย์สาดส่องกระทบกับดาบของเหล่าทหารหาญที่ตั้งทัพอย่างเป็นระเบียบอยู่เบื้องหน้าประตูเมือง เมื่ออวิ๋นเฟยหลงประสานสายตากับเหล่าทหารกล้าที่เขารวบรวมมา พวกเขาคือผู้ที่ยังภักดีต่อแผ่นดินและเชื่อมั่นในศักดิ์ศรีของแม่ทัพผู้เคยกอบกู้แผ่นดิน“วันนี้มิใช่เพียงการทวงคืนวังหลวง” อวิ๋นเฟยหลงประกาศเสียงกร้าว “แต่คือการทวงคืนความยุติธรรม ทวงคืนอนาคตของบ้านเมือง และนำแสงสว่างกลับสู่แคว้นฉางจีอีกครั้ง”เสียงโห่ร้องดังกระหึ่มจากทหารนับหมื่นที่เข้าร่วม ขบวนธงสีดำลายมังกรทองสะบัดปลิวไสว เสียงอาวุธกระทบกันดังก้อง ขับเคลื่อนจิตใจอันห้าวหาญของนักรบทุกคนเหล่าทหารที่คอยรักษาการณ์ประจำตำแหน่งประตูหน้าต่างตื่นตัวและคอยจับตามองทัพของอดีตแม่ทัพอวิ๋นเฟยหลง อดีตรองแม่ทัพหยางซึ่งในขณะนี้ได้ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ทองลงไปยังอดีตผู้ที่เคยมีตำแหน่งใหญ่กว่าตน ในสายตามีทั้งความกริ่งเกรง และหวาดกลัวอยู่หน่อยๆ“ท่านแม่ทัพขอรับ” นายทหารหนุ่มผู้หนึ่งขึ้นมารายงานกับแม่ทัพหยาง“ว่ามา”“ข้าได้รายงานให้กับฝ่าบาททราบแล้วขอรับ ตอนนี้ยังไม่มีคำสั่งใหม่ เห็นว่าฝ่าบา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status