Share

บทที่ 13 (รีไรท์)

Penulis: RainyStarSea
last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-08 00:09:10

ณ ลานฝึกในจวนตระกูลอวิ๋น

เช้าวันนี้ หลินเข่อซิงมายืนอยู่กลางลานฝึกซ้อมของจวนอวิ๋น พร้อมกับความรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ พร้อมอ้าปากหาวหวอด ๆ อย่างไม่เกรงสายตาใคร เธอหันไปมอง อวิ๋นเฟยหลงที่ยืนอยู่ข้างม้า ดวงตาคมของเขามองมาที่เธออย่างเรียบนิ่ง

"มาสายนะ"

แหม ก็เพราะไอ้คำพิลึกกึกกือที่นัดกันนั่นแหละ เธอจะรู้ไหมว่ามันคือตอนไหนกี่โมง ถ้าไม่ได้หลิงเฉินบอกล่ะก็ ไม่แน่ว่าตอนนี้เธออาจจะกำลังหลับอุตุอยู่บนเตียงนุ่มก็เป็นได้

ความคิดก็ส่วนคิด แต่สิ่งที่ออกจากปากของเธอกลับเป็น…

"ข้าขอโทษเจ้าค่ะ!" เธอรีบคำนับเขาแล้วเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม

"ขึ้นม้า"

เธอกลืนน้ำลาย โอ๊ย! ฉันไม่เคยขี่ม้าจริง ๆ มาก่อนนะ! ถ้าตกลงไป นายจะช่วยฉันใช่ไหม!?

"เร็วเข้า" อวิ๋นเฟยหลงกล่าวเสียงเรียบ หลินเข่อซิงสะดุ้ง ก่อนจะพยายามปีนขึ้นม้า โอ๊ย! ทำไมมันยากแบบนี้!?

แต่ก่อนที่เธอจะเสียหลักล้มลงไปก้นจ้ำเบ้านั้นเอง

หมับ!

มือแกร่งของอวิ๋นเฟยหลงจับแขนของเธอไว้แน่น ก่อนจะออกแรงดึงเธอขึ้นไปบนหลังม้า

พรึ่บ!

"...!!!"

เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่อยู่ใกล้มากเกินไป! ดวงตากลมกะพริบปริบ ๆ ก่อนจะพบว่า เธอกำลังนั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกันกับเขาเหมือนเมื่อคราวก่อน แต่ครั้งนี้ต่างออกไปตรงที่อวิ๋นเฟยหลงนั่งซ้อนอยู่ข้างหลังเธอ

"...!!!"

เธออ้าปากพะงาบ ๆ "เอ่อ...คุณชายเหตุใดต้องให้ข้านั่งม้าตัวเดียวกับท่านด้วย แยกกันนั่งคนละตัวจะดีกว่าไหม?"

"เจ้าขี่ม้าเป็นแล้ว?" หางเสียงของเขาขึ้นสูงนิด ๆ แม้ไม่เห็นหน้าแต่หลินเข่อซิงก็นึกใบหน้าตอนนี้ของชายหนุ่มออก

"แล้วท่านไม่สอนข้าก่อนหรือเจ้าคะ!?"

"ข้าก็กำลังสอนอยู่นี่อย่างไร"

"จับให้แน่นนะ"

เสียงทุ้มของอวิ๋นเฟยหลงดังขึ้นข้างหูอีกครั้ง ชวนให้รู้สึกจั๊กจี้เป็นที่สุด

หลินเข่อซิงใช้สองมือเล็กรีบจับสายบังเหียนไว้แน่น ในขณะที่อวิ๋นเฟยหลงมองคนตัวเล็กที่นั่งข้างหน้าเขาด้วยแววตาที่อ่อนลง เขายื่นมือขวาออกไปกดศีรษะหญิงสาวให้ลดต่ำ แต่มีหรือคนตัวเล็กจะยอม หลินเข่อซิงกันขวับมามองเขาก่อนส่งสายตากราดเกรี้ยวมาให้

แต่มีหรือที่แม่ทัพหนุ่มอย่างอวิ๋นเฟยหลงจะเกรงกลัว สองมือแข็งแรงยื่นออกมาจับสายบังเหียนด้วยเช่นกัน หากใครมาเห็นเข้าคงได้พากันหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกแน่ ๆ เพราะท่าทางตอนนี้ราวกับชายสูงศักดิ์โอบกอดหญิงงามด้วยความรักใคร่ พากันควบขี่ม้าตัวเดียวกันด้วยความสุขเหลือแสน

ตึก! ตึก! ตึก!

ม้าเริ่มเคลื่อนที่ออกไปอย่างช้า ๆ

"เจ้าเคยขี่ม้าหรือไม่?" อวิ๋นเฟยหลงถาม

"เอ่อ... ไม่เคยเจ้าค่ะ"

"เข้าใจแล้ว"

‘เดี๋ยวนะ! นายเข้าใจแล้วแต่ทำไมนายยังควบม้าต่อไปเรื่อย ๆ เล่า! ฉันยังตั้งตัวไม่ทันเลยนะ!’ เธอรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อแข็งแกร่งของเขาที่ขยับตามจังหวะของม้า ‘โอ๊ย! ทำไมฉันต้องสังเกตอะไรแบบนี้ด้วย!? หยุดคิดเดี๋ยวนี้นะหลินเข่อซิง!’

"ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตกม้าแน่"ริมฝีปากของเขาแตะชิดริมใบหูเล็กของหลินเข่อซิงโดยไม่ตั้งใจ ‘อวิ๋นเฟยหลงพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้ยังไง!? นายไม่รู้เหรอว่าคำพูดแบบนี้มันทำให้ใจฉันเต้นแรงมากเลยนะ!?’

แค่ริมฝีปากเขาแตะโดนเพียงแผ่วเบา หลินเข่อซิงก็สะท้านไปทั้งกาย ขนลุกไปทั้งตัว ‘ใจเย็น ๆ นะ ใจเย็นไว้ ฮึบ!’

ขณะที่หลินเข่อซิงกำลังพยายามควบคุมสติของตัวเอง เสียงหัวเราะเบา ๆ ก็ดังขึ้นจากด้านข้าง เมื่อหันไปมองก็เห็นสาวใช้ตัวน้อยคนสนิทของหลินเข่อซิง อย่างหลิงเฉินกำลังลอบมองมาที่เธอกับชายหนุ่มเป็นระยะ ๆ

แม้จะอยู่ในระยะไกลขนาดนี้ แต่เธอก็นึกภาพออกว่าแววตาของหลิงเฉินเป็นอย่างไร คงจะล้อเลียนเธอเป็นแน่

"ดูเหมือนคุณหนูของเราจะมีความก้าวหน้าทางความสัมพันธ์เร็วกว่าที่ข้าคิดไว้นะ” หลิงเฉินพูดคุยกับบ่าวในจวนที่กำลังตัดแต่งและรดน้ำให้เหล่าไม้ดอกอยู่ไม่ไกล

“ข้านึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เห็นคุณชายมีเรื่องมงคลกับเขาเสียแล้ว ได้เห็นเช่นนี้ก็อุ่นใจไปโข” บ่าวหญิงที่ดูจะอาวุโสกว่าใครในที่นั้นเอ่ยขึ้น

“ข้าก็เช่นกัน แม้แต่คุณหนูหยางที่เข้าออกจวนนี้บ่อย ๆ เสียรองเท้าแทบสึก ยังไม่ได้รับความใส่ใจจากคุณชายเช่นนี้เลย”

บ่าวหญิงที่อ่อนวัยกว่าเอ่ยสนับสนุนขึ้น

“เห็นที ตำแหน่งนายหญิงของจวนนี้คงไม่ว่างเสียแล้ว” หลิงเฉินเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พลางมองไปยังเจ้านายทั้งสองที่ควบขี่ม้าด้วยกันอย่างสนุกสนาน

ความชิดใกล้กันเช่นนี้ ไม่เพียงทำให้หลินเข่อซิงเกิดอาการหวั่นไหว แม้แต่อวิ๋นเฟยหลงเองก็รู้สึกเช่นกัน ยามที่ม้าลดความเร็วลงกลายเป็นเหยาะย่างช้า ๆ ลมพัดโชยมาพาเอาเรือนผมนุ่มสลวยที่ถูกมัดไว้เป็นหางม้าสูงลอยมาสัมผัสกับใบหน้าชายหนุ่ม ทำเอาเขาเผลอสูดลมหายใจเข้าไปเนิ่นนานกว่าปกติโดยไม่รู้ตัว

‘ผมนาง... มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ'

และที่สำคัญกว่านั้นทำไมข้าถึงไม่ได้รำคาญการอยู่ใกล้นางเลย...?

อวิ๋นเฟยหลงขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร

…….

หลังจากการฝึกขี่ม้า หลินเข่อซิงกลับมานั่งพักที่ศาลาในสวน ด้วยสภาพที่แทบจะหมดแรง

‘โอ๊ย! ฉันแค่ฝึกขี่ม้า ทำไมมันเหนื่อยเหมือนออกรบเลยล่ะ!?’

หลิงเฉินยื่นน้ำชาให้เธอพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "คุณหนู ข้าคิดว่าท่านน่าจะเรียนรู้ได้เร็วขึ้น ถ้าได้ฝึกกับคุณชายทุกวันนะเจ้าคะ"

"...!!!"

หลินเข่อซิงสำลักชาแทบพ่นออกมา ‘โอ๊ย! นี่หลิงเฉินคิดว่าฉันอยากใกล้ชิดอีตาก้อนหินนี่ทุกวันรึไง!?’

เธอรีบโบกมือปฏิเสธ "ข้าไม่ไหวแล้ว! พอแค่นี้เถอะ!"

ขณะที่หลินเข่อซิงนั่งพักอยู่ในสวน อวิ๋นเฟยหลงกลับเดินกลับไปที่เรือนของตัวเองด้วยสีหน้าครุ่นคิด

เขานั่งลงพลางเทน้ำชาลงในถ้วย แต่กลับไม่ได้ยกขึ้นดื่ม

‘ทำไมข้าถึงนึกถึงนางอยู่ได้...?’

แต่พอเขาหลับตา...ภาพของหลินเข่อซิงที่นั่งอยู่บนหลังม้าก็ปรากฏขึ้นมาในหัว ริมฝีปากของนางที่เม้มแน่นด้วยความประหม่า เสียงหัวเราะคิกคักของนางตอนที่ม้าควบเร็วขึ้น...

"..."

อวิ๋นเฟยหลงขมวดคิ้ว ‘บัดซบ เหตุใดข้าถึงนึกถึงเรื่องพวกนี้!?’เขาส่ายหน้าไปมา ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นจิบ...แต่ทันทีที่ชาสัมผัสลิ้นเขาก็สำลักแทบพ่นออกมา!

"...!?"

น้ำชาร้อนจัดลวกลิ้นเขาแล้ว เขาขมวดคิ้วแน่น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับข้ากันแน่!?

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทสุดท้าย

    “เฮือก…” เสียงสูดลมหายใจเข้าลึกดังขึ้น ทำเอาทรวงอกของหญิงสาวยกขึ้นสูง ขนตางอนยาวเรียงตัวสวยเริ่มขยับไหว ในที่สุดเปลือกตาก็คอยๆเลิกขึ้น ปรากฎดวงตากลมโตสดใสที่มองไปมารอบๆ แสงไฟสีขาวนวลสว่างขึ้นในห้องเล็กๆ ของเธอมาจากหลอดฟลูออเรสเซนต์บนเพดานห้องสี่เหลี่ยมที่คุ้นเคย เมื่อมองไปตรงมุมห้องขวามือ ก็มีโต๊ะเขียนหนังสือรกๆ ที่มีหนังสือและแก้วน้ำวางอยู่ โทรศัพท์มือถือวางแน่นิ่งบนหัวเตียง สายชาร์จรวมถึงสายสมอลทอร์คพันกันยุ่งเหยิงเป็นก้อนกลม หลินเข่อซิงค่อยๆลุกขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง“เรากลับมาแล้วเหรอ…” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ราวกับไม่แน่ใจว่านี่คือความจริงหรือเพียงอีกหนึ่งความฝันอันยาวนานนางลูบอกตัวเองเบาๆ เพื่อปลอบใจว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เพิ่งเผชิญมา เป็นเพียงฝันร้ายยาวนานเท่านั้น แต่มันช่างสมจริงเหลือเกิน ความรู้สึกของสายลมในป่าลึก กลิ่นดินหลังฝนตก เสียงหัวเราะของหลิงเฉิน หรือแม้แต่สัมผัสอันอบอุ่นของอวิ๋นเฟยหลง...“เฟยหลง…”เพียงเอ่ยชื่อเขา น้ำตาก็เอ่อคลอเบ้า ราวกับหัวใจถูกบีบรัด เธอรีบเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก พยายา

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 103

    นับจากโศกนาฏกรรมนองเลือดวันนั้น ก็ผ่านมาได้หนึ่งปีแล้ว อวิ๋นเฟยหลงไม่ยอมรับตำแหน่ง เขาทำเพียงรักษาการณ์แทน และให้เหล่าเสนาบดีเป็นที่ปรึกษาคอยชี้แนะแก่เขาย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อน หลังได้รับชัยชนะ เข้ากอบกู้วังหลวงจากคนชั่ว และทวงแค้นจากหานเจี๋ย เขากลับไม่รู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย อวิ๋นเฟยหลงประกาศต่อหน้าที่ประชุมขุนนางและแม่ทัพนายกองทั้งหลาย“ข้าไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้”คำพูดนั้นสร้างความตกตะลึงไปทั่วห้องประชุม เฟยหลงก้าวออกมายืนกลางห้อง สายตาแน่วแน่“ตลอดชีวิตของข้า ข้าเกิดมาเพื่อรับใช้แผ่นดินและต่อสู้ในสนามรบ ข้าไม่เคยมีความปรารถนาจะครอบครองบัลลังก์มังกร ข้าเชื่อว่าแคว้นนี้สมควรมีผู้นำที่ดีกว่า”นับจากวันนั้นอวิ๋นเฟยหลงก็ทำหน้าที่ได้ดีมาตลอดไม่ขาดตกบกพร่องอันใด จนราษฎรต่างแซ่ซ้องสรรเสริญ ในใจทุกคนอวิ๋นเฟยหลงคือฮ่องเต้ พ่อของแผ่นดินของพวกเขา คอยปกปักคุ้มครองให้แคว้นฉางจีอยู่รอดปลอดภัย บุ๋นก็ชำนาญ บู๊ก็คือเทพเซียนมาจุติและแล้วข่าวดีที่เขารอคอยก็มาถึง เจิ้งจู่ได้รายงานข่าวสำคัญที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เขาค้น

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 102

    ก่อนที่อวิ๋นเฟยหลงจะได้ปัดป้องตอบโต้ ก็มีเสียงกังวานใสของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้น“หยุดนะ!” หยางเฟยฮุ่ยยืนอยู่เบื้องหลังของฮ่องเต้ โดยมีทหารองครักษ์ผู้หนี่งใช้ดาบพาดคอของหานเจี๋ย“หากท่านละเว้นอวิ๋นเฟยหลง ข้าก็จะไว้ชีวิตท่าน!” สตรีผู้ได้ชื่อว่าฮองเฮา แม่ของแผ่นดิน ก้าวขึ้นหน้ามาอีกก้าว หยุดยืนมองหานเจี๋ยนิ่ง“เจ้า!... นี่เจ้ากล้าก่อกบฏหรือ ดีนี่ฮองเฮา ดี … ดียิ่งนัก ทหาร! กุดหัวนางหญิงชั่วนี่ให้ข้าเดี๋ยวนี้!”เงียบ มีเพียงความเงียบงันเป็นคำตอบ ไม่มีทหารคนใดขยับ ต่างมองไปทางอวิ๋นเฟยหลงอย่างรอฟังคำสั่ง“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น?!” หานเจี๋ยตื่นตระหนกแล้ว เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้“ราชโองการในฮ่องเต้พระองค์ก่อน มาถึงแล้ว! อวิ๋นเฟยหลง รับราชโองการ!”ถึงตอนนี้ทหารที่จ่อปลายดาบคุมตัวหานเจี๋ยได้เตะดาบในมือเขาจนกระเด็น ก่อนลากตัวหานเจี๋ยให้ออกห่างจากอวิ๋นเฟยหลง“กระหม่อมอวิ๋นเฟยหลงพ่ะย่ะค่ะ” อดีตแม่ทัพหนุ่มหันกายคุกเข่ามาทางกงกงที่ยืนถือพระราชโองการสีทองอร่ามในมือ“ด้วยโองการสวรรค์ ข้าโอรสสวรรค์ผู้คร

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 101

    เสียงอาวุธกระทบกันดังไม่หยุด อวิ๋นเฟยหลงหอบหายใจเสียงดัง หลินเข่อซิงมองเสี้ยวหน้าของชายอันเป็นที่รักด้วยความเจ็บปวดในหัวใจ นางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ท่านพี่ ทิ้งข้าไว้เถอะ หากไม่มีข้าท่านก็จะทำศึกได้อย่างเต็มที่ และปกป้องพวกเราทั้งหมดได้”“เหลวไหล! ข้าไม่มีทางทิ้งเจ้ากับลูกแน่ อย่าคิดอะไรฟุ้งซ่าน และข้าจะไม่มีวันแพ้! เจ้าอดทนไว้ก่อนนะ” อวิ๋นเฟยหลงปวดใจนักเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆนั่นพูด ประกอบกับบาดแผลที่ไหล่ของนาง เขายิ่งอยากจบศึกนี้ให้เร็วที่สุด กระบวนท่าของอดีตแม่ทัพใหญ่แกว่งไกวดาบเข้าห้ำหั่นศัตรู ร่างกายพลิ้วไหว มือเท้าผสานกัน แม้มือซ้ายจะโอบกอดหลินเข่อซิง แต่นั่นกลับไม่อาจสร้างปัญหาให้ชายหนุ่มได้“เหล่าพี่น้องของข้า จงฟัง! พวกเจ้าทุกคน วันนี้เราจะเด็ดหัวฮ่องเต้ทรราชนั่นซะ ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อพ่อแม่ญาติพี่น้องของพวกเจ้า ราษฎรแคว้นฉางเยว่ และเพื่อฮ่องเต้องค์ก่อนที่ต้องสวรรคตอย่างมีเงื่อนงำ จงตามข้ามา!”“เฮๆ ๆ ๆ” เหล่าทหารฝ่ายอวิ๋นเฟยหลงต่างส่งเสียงร้องกู่ก้องไปทั่วลานด้วยการนำของอวิ๋นเฟยหลง ตอนนี้พวกเขาบุ

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 100

    ‘ท่านพี่ เมื่อท่านได้รับสารฉบับนี้ หวังเพียงว่าท่านจะยังไม่กระทำการรุนแรงกับท่านหมอประจำตัวข้าหรอกนะ’ อวิ๋นเฟยหลงเลิกคิ้วสูง ก่อนเหลือบมองไปยังใบหน้าช้ำดำเขียว และเปรอะด้วยโลหิตของหมอหนุ่ม ก่อนจะก้มหน้าอ่านต่อ‘ข้าได้ยินมาว่าท่านได้ยกทัพมาประชิดประตูเมืองแล้ว คืนนี้ยามโหย่ว (17.00น. - 19.00น. โดยประมาณ) ข้าจะแอบมารอท่าน ขอท่านพี่ช่วยมารับข้าด้วย ข้าจะไปรอที่ประตูเมืองด้านทักษิณ หลิงเฉินบอกว่าประตูด้านนั้นค่อนข้างหละหลวม เพราะทหารไปรวมกันที่ประตูหน้าเสียส่วนใหญ่ ข้าจะรอท่านนะ’อวิ๋นเฟยหลงหรี่ตามองไปยังหมอหนุ่มที่ยังนั่งแหงนหน้ามองฟ้า ดูท่ากำเดาคงจะใกล้หยุดไหลแล้วกระมัง อวิ๋นเฟยหลงทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแผ่วต่ำ“ข้าต้องขออภัยท่านหมอแทนทหารของข้าด้วย ฝากบอกซิงเอ๋อร์ว่า ไม่ต้องกังวล ข้าจะไปตามนัดหมาย”เวินสือชูมองบุรุษร่างใหญ่บึกบึนตรงหน้าด้วยความยำเกรง ก่อนจะยิ้มออกมาหน่อยๆ“มิเป็นไร ข้าเข้าใจว่านั่นคือหน้าที่ของพวกเขา หากมิมีอันใดแล้ว ข้าขอตัวก่อน หากมานานเกินไป อาจถูกสงสัยได้”อวิ๋นเฟยหลงพยัก

  • ทะลุมิติมาเปลี่ยนยัยเต้าหู้...ให้เป็นคุณหนูสุดแซ่บ   บทที่ 99

    แสงอาทิตย์สาดส่องกระทบกับดาบของเหล่าทหารหาญที่ตั้งทัพอย่างเป็นระเบียบอยู่เบื้องหน้าประตูเมือง เมื่ออวิ๋นเฟยหลงประสานสายตากับเหล่าทหารกล้าที่เขารวบรวมมา พวกเขาคือผู้ที่ยังภักดีต่อแผ่นดินและเชื่อมั่นในศักดิ์ศรีของแม่ทัพผู้เคยกอบกู้แผ่นดิน“วันนี้มิใช่เพียงการทวงคืนวังหลวง” อวิ๋นเฟยหลงประกาศเสียงกร้าว “แต่คือการทวงคืนความยุติธรรม ทวงคืนอนาคตของบ้านเมือง และนำแสงสว่างกลับสู่แคว้นฉางจีอีกครั้ง”เสียงโห่ร้องดังกระหึ่มจากทหารนับหมื่นที่เข้าร่วม ขบวนธงสีดำลายมังกรทองสะบัดปลิวไสว เสียงอาวุธกระทบกันดังก้อง ขับเคลื่อนจิตใจอันห้าวหาญของนักรบทุกคนเหล่าทหารที่คอยรักษาการณ์ประจำตำแหน่งประตูหน้าต่างตื่นตัวและคอยจับตามองทัพของอดีตแม่ทัพอวิ๋นเฟยหลง อดีตรองแม่ทัพหยางซึ่งในขณะนี้ได้ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ทองลงไปยังอดีตผู้ที่เคยมีตำแหน่งใหญ่กว่าตน ในสายตามีทั้งความกริ่งเกรง และหวาดกลัวอยู่หน่อยๆ“ท่านแม่ทัพขอรับ” นายทหารหนุ่มผู้หนึ่งขึ้นมารายงานกับแม่ทัพหยาง“ว่ามา”“ข้าได้รายงานให้กับฝ่าบาททราบแล้วขอรับ ตอนนี้ยังไม่มีคำสั่งใหม่ เห็นว่าฝ่าบา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status