บทที่ 121
รักอันบริสุทธิ์
ลู่ซินฟางผงะเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยกะพริบถี่ ในขณะที่มองเจ้าแฝดกับภูตน้อยที่ยื่นหน้ารัวคำถามใส่ไม่หยุด
“ท่านแม่จะแต่งงานกับใคร”
“ใครหรือ ใครๆ”
“นั่นสิ ใครกันหรือ เจ้านาย”
ลู่ซินฟางหัวเราะแห้งๆ พลางบอกว่า “เดี๋ยวสิ พวกเจ้าใจเย็นๆ กันก่อน ข้าจะตอบทีละคำถามนะ”
ทันใดนั้นปากเล็กๆ ของทั้งสามก็เม้มสนิทพร้อมกัน
พอเห็นท่าทางของพวกเขาแล้ว ลู่ซินฟางกลั้นขำจนปวดท้องไปหมด
ผ่านไปสักครู่ นางถึงกล่าวขึ้นว่า “เฉิงเอ๋อร์ เป่าเอ๋อร์ แล้วก็…หลิน คนที่ขอข้าแต่งงานก็คือกงเยียนซู”
“ท่านลุงหรือ”
“ท่านลุงจริงๆ ด้วย”
เด็กแฝดทั้งสองพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น
ทางด้านของหลิน ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกออก “อ๋อ กงเยียนซู…คนที่เคยทดสอบเจ้านายนี่เอง”
ลู่ซินฟางพยักหน้าทีหนึ่ง ก่อนจะหันมาถามเจ้าแฝด
“เฉิงเอ๋อร์ เป่าเอ๋อร์ ช่วงนี้พวกเจ้าสนิทกับท่านลุงเยียนซู เพราะอย่างนั้น แม่ถึงอยากถามความเห็นของพวกเจ้า ว่าคิดยังไงก็ท่านลุงเยียนซู”
เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์โครงศีรษะไปทางซ้ายและทางขวา ท้ายที่สุด เป่าเอ๋อร์ก็โพล่งเสียงดังออกมา
“ท่านลุงใจดี!”
“งานเทศกาลไหว้พระจันทร์ ท่านลุงซื้อของให้พวกเราเยอะแยะเลย” เฉิงเอ๋อร์บอก
การที่กงเยียนซูใจดีกับเด็กทั้งสอง เพราะว่าเขาชอบนาง ถึงได้เอาอกเอาใจเด็กๆ จะคิดแบบนั้นก็ไม่ผิด แต่ว่า...สิ่งที่นางเห็นมาตลอด กงเยียนซูไม่ได้เลือกปฏิบัติเฉพาะกับเจ้าแฝด เขายังใจดีกับลูกจ้างทุกคน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง มากไปกว่านั้น ชายหนุ่มไม่ถือตัวว่าเป็นองค์ชาย
“เจ้านาย ในที่สุดเจ้านายก็จะแต่งงานแล้ว”
“ยังไม่ได้บอกสักหน่อยว่าข้าจะแต่งงานกับเขา ว่าแต่ หลินคิดยังไงกับเรื่องที่ข้าจะแต่งงานหรือ”
ภูตน้อยทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ให้พูดตรงๆ ก็คงเป็น ‘ในที่สุดก็ถึงวัยที่ลู่ซินฟางของพวกเราออกเรือนแล้วสินะ ดีจังเลย’ ข้าคิดแบบนี้ละ แต่เหนือสิ่งอื่น ขอแค่เจ้านายมีความสุข พวกเราทุกคนก็ดีใจแล้วละ”
คำพูดของหลินบ่งบอกว่ามีความสุขกับนางด้วยจริงๆ
ลู่ซินฟางมองภูตน้อยกับลูกทั้งสองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยซาบซึ้ง
ความรักของพวกเขาที่มีต่อนางล้วนบริสุทธิ์ เห็นนางมีความสุขพวกเขาก็ดีใจไปด้วย เห็นนางเศร้าพวกเขาก็เศร้าตาม เป็นสายสัมพันธ์ที่ตรงไปตรงมาและงดงามอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ การที่เด็กทั้งสองยอมรับกงเยียนซูอย่างง่ายดาย คงเป็นเพราะกงเยียนซูพิชิตใจเด็กๆ ได้แล้วนั่นเอง พอลู่ซินฟางพูดเรื่องแต่งงาน เด็กๆ จึงเข้าใจ
ลู่ซินฟางซึ้งใจจนแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ แต่ก่อนที่บรรยากาศจะเปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง นางบอกกับทั้งสามว่า “หลิน เฉิงเอ๋อร์และเป่าเอ๋อร์ ต่อให้ครอบครัวของพวกเราจะมีคนเพิ่มเข้ามา แต่ข้าก็ยังรักพวกเจ้า…รักมากๆ เลยนะ พวกเจ้าคือคนสำคัญของข้า”
น้ำเสียงของลู่ซินฟางอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรัก บ่งบอกว่าไม่ได้โกหก ภูตน้อยและเด็กทั้งสองสัมผัสได้ถึงความจริงใจจึงยิ้มกว้างออกมา
“ข้าก็รักเจ้านาย”
“ข้ากับน้องก็รักท่านแม่”
“อือ”
หญิงสาวยิ้มพร้อมกับน้ำตาซึม
ในตอนนั้นเองเป่าเอ๋อร์ร้องถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็นเป็นที่สุด
“ต่อไปข้าเรียกท่านลุงว่าท่านพ่อได้หรือไม่”
“เจ้าอยากเรียกเช่นนั้นหรือ” ลู่ซินฟางถามกลับ
เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ “ข้าอยากมีท่านพ่อ”
“เช่นนั้นก็เรียกแบบที่เจ้าต้องการ”
“ข้า…ข้าก็จะเรียกแบบนั้นด้วย” เฉิงเอ๋อร์พูดด้วยสีหน้าเขินๆ
“ได้สิ พวกเจ้าอยากเรียกเขาว่า ‘ท่านพ่อ’ ก็เรียกแบบนั้น”
เมื่อมารดาพูดอนุญาตแล้ว เจ้าแฝดมองหน้ากันก่อนจะยิ้มกว้างอย่างสดใส
“พวกเรามีท่านพ่อแล้ว”
“เย่ๆ”
ลู่ซินฟางคาดไม่ถึงว่าเด็กๆ จะดีใจขนาดนี้ หากเทียบกับคนสารเลวเหอถิงที่เป็นพ่อแท้ๆ เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์กลับเรียกคนคนนั้นว่า ‘ผู้ชายคนนั้น’
ว่ากันว่า เด็กๆ จะมีประสาทสัมผัสที่ไวต่อความรู้สึก เพราะแบบนี้เองสินะ เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ถึงยอมรับกงเยียนซูง่ายๆ
แต่งงาน...ไม่คิดเลยว่าชั่วชีวิตนี้จะได้สวมชุดเจ้าสาว
คิดมาถึงตรงนี้ ลู่ซินฟางอดที่จะหน้าแดงและใจเต้นแรงไม่ได้
ยามเช้าของวันหนึ่ง กงเยียนซูตรงมาหาลู่ซินฟางถึงคฤหาสน์ด้วยท่าทีรีบร้อน หลังจากได้รับข้อความจากหญิงสาว
ทันทีที่ชายหนุ่มก้าวเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าหญิงสาว ลู่ซินฟางไม่พูดพล่ามให้มากความ นางยื่นแขนให้กับชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเขินอาย
เห็นแบบนั้นกงเยียนซูเข้าใจความหมายในทันที เขาดีใจมากจนอยากร้องตะโกนออกมาดังๆ แต่กระนั้น ก็เก็บอาการตื่นเต้นเอาไว้
หลังจากสูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง ชายหนุ่มหยิบกล่องกำไลหยกออกมาจากอกเสื้อ ก่อนจะสวมกำไลหยกลายหงส์ให้กับลู่ซินฟาง
ใบหน้าอันหล่อเหลาเต็มไปด้วยความสุข ขอบตาแดงก่ำเหมือนจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ
“ข้ามองไม่ออกเลยว่าท่านกำลังดีใจหรือเสียใจกันแน่” หญิงสาวพูดปนขำ
พอสวมกำไลหยกให้หญิงสาวเรียบร้อย กงเยียนซูยกมือกุมหน้าอกตัวเอง
“เจ้ารู้หรือไม่ ตอนนี้ข้ามีความสุขมาก สุขเสียจนราวกับว่าหัวใจกำลังจะหยุดเต้น” ชายหนุ่มลดมือลง เปลี่ยนมาจับมือทั้งสองข้างของหญิงสาว “ลู่ซินฟาง ข้าสัญญาว่าชั่วชีวิตนี้ ข้าจะมีเจ้าเป็นชายาเพียงคนเดียวเท่านั้น ข้าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาดูถูกเจ้ากับลูก จะปกป้องร้านค้าตระกูลลู่และคนของเจ้า ไม่ให้คนนอกเข้ามาก้าวก่ายได้อย่างเด็ดขาด”
คำมั่นสัญญาของเขาเรียบง่ายอย่างยิ่ง แต่กลับทรงพลังและทำให้นางเชื่อมั่น
หญิงสาวยิ้มพลางพยักหน้าน้อยๆ “ข้าเชื่อใจท่าน”
กงเยียนซูมองรอยยิ้มของหญิงสาวที่งดงามและมีชีวิตชีวายิ่งกว่าดวงตะวันยามเช้าด้วยความเหม่อลอย พร้อมกับคิดว่า อยากดึงนางเข้ามากอด อยากจูบนาง อยากแต่งงานกับนางเดี๋ยวนี้เลย...
ท่ามกลางแสงสีทองของดวงอาทิตย์ ทั้งสองคนสบตากันนานสองนาน
ตอนนั้นเอง...
แปะ แปะ…แปะๆ
เสียงปรบมือดังขึ้นรอบตัวของทั้งสองคน
กงเยียนซูกับลู่ซินฟางดึงสติกลับมา เมื่อหันมอง พบว่าทุกคนมายืนล้อมรอบพวกเขาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แกนนำก็คือหลางไป๋ หมาป่าหนุ่มและทุกคนต่างปรบมือแสดงความยินดีให้กับสองหนุ่มสาว
“ยินดีด้วยขอรับนายหญิง”
“ยินดีด้วยเจ้าค่ะ”
“ท่านกง นายหญิง ยินดีด้วย”
ตอนพิเศษ (5)จบบริบูรณ์ หลังจากปรับอารมณ์ได้แล้ว จิ้งจอกสาวก็เช็ดน้ำตาบนแก้มจนแห้ง สูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะออกจากห้องเพื่อไปขอโทษหลางไป๋ ทว่าทุกครั้งที่นางเข้าใกล้ เขากลับผละหนี แสร้งทำทีเป็นยุ่งง่วนกับงาน ท่าทางแบบนั้นราวกับจงใจหลบหน้านางไม่มีผิด เมื่อตระหนักได้เช่นนั้น เจียงจวีก็น้ำตาซึม รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก นับวันหัวใจของนางก็ยิ่งปวดแปลบ ท้ายที่สุด นางที่รู้สึกระอายใจเป็นทุนเดิม ยิ่งไม่กล้าสู้หน้าเขา หลายวันต่อมา เจียงจวีเก็บข้าวของ หนีกลับเผ่าจิ้งจอก ณ เผ่าจิ้งจอก ผู้นำเผ่าจิ้งจอกในร่างของชายวัยคนกับจิ้งจอกหนุ่มต่างยืนกอดอกหน้าตาขึงขัง ในขณะที่มองจิ้งจอกสาวกอดเข่าน้ำตาซึม “ตั้งแต่นางกลับมาก็เอาแต่นั่งอมทุกข์ทั้งวันทั้งคืน สงสัยจะเจอแย่ๆ มา หากรู้อย่างนี้ ข้าไม่น่าอนุญาตให้นางออกไปเจอโลกภายนอกเลย เป็นข้าที่ตัดสินใจผิดพลาดเอง” ผู้นำเผ่าพูดกับลูกชาย “ท่านพ่อไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาดหรอกขอรับ ให้นางออกไปเผชิญโลกภายนอก นับเป็นประสบการณ์ของนางด้วย” จิ้งจอกหนุ่มกล่าว
ตอนพิเศษ (4) หลังจากเห็นว่าเจียงจวีเหมาะกับตำแหน่งพนักงานขาย หลางไป๋ก็ให้นางทำงานในร้านซินหลินคู่กับห่จือเหมย เพียงไม่กี่อาทิตย์ เจียงจวีก็เป็นพนักงานขายอันดับต้นๆ ของร้าน ด้วยความที่เป็นจิ้งจอกใสซื่อ จึงทำให้ผู้คนชื่นชอบและเอ็นดูไม่น้อย ไม่เว้นแม้แต่หลางไป๋ “ทำงานแค่ไม่กี่อาทิตย์ เจ้าก็ทำกำไรให้ร้านซินหลินไม่น้อย…ทำดีมาก” หลางไป๋เอ่ยชมเจียงจวี พร้อมกับยื่นมือไปลูบศีรษะ ตอนแรก หมาป่าหนุ่มทำไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่พอเห็นจิ้งจอกสาวผงะ ทั้งแก้มนวลเนียนยังขึ้นสีแดงระเรื่อ มือใหญ่ที่กำลังลูบศีรษะของนางพลันชักกลับมา จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินไปตรวจงานแผนกอื่น และไม่พูดไม่จาใดๆ หัวใจของเจียงจวีเต้นระส่ำระส่ายไม่หยุด แม้ยกมือขึ้นลูบหน้าอกพร้อมสูดหายลึกๆ แล้ว หากแต่หัวใจยังคงเต้นแรงเหมือนจะกระเด็นออกมา อย่างไรก็ตาม อาการใจเต้นแรงนี้ ทำให้จิ้งจอกสาวอดรู้สึกกังวลไม่ได้ หมิงฮวาเข้าร้านมาในจังหวะนั้นพอดี นางมองหลางไป๋สลับกับมองเจียงจวี สักครู่ ดวงตาของอสรพิษสาวก็หรี่ลงเล็กน้อย เมื่อเห็นหลางไป๋ขึ้นไปที่ชั้
ตอนพิเศษ (3) วันต่อมา จิ้งจอกสาวหอบห่อผ้ามาที่ฟาร์มอีกครั้ง แต่หนนี้นางมาพร้อมกับพี่ชาย “พวกเจ้าสองพี่น้องจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกันหรือ” หลางไป๋สอบถาม การได้คนหน่วยกร้านดีเพิ่ม มีใครบ้างไม่ชอบ ทว่าจิ้งจอกหนุ่มโบกมือแล้วตอบ “ไม่ใช่ขอรับ ข้าแค่มาส่งน้องสาว อีกอย่าง ที่มาวันนี้ก็เพื่อขอร้องท่านให้ช่วยดูแลนางด้วย นางค่อนข้างซื่อน่ะขอรับ” หลางไป๋พยักหน้าเหมือนเข้าใจ หญิงสาวเผ่าจิ้งจอกยิ้มใสซื่อ โค้งศีรษะให้กับหลางไป๋ทีหนึ่ง “จากนี้ข้าต้องขอฝากตัวด้วยเจ้าค่ะ” หลางไป๋หันไปยิ้มให้กับหญิงสาวเผ่าจิ้งจอกพลางตอบว่า “ทางนี้ก็ต้องฝากตัวด้วยเช่นกัน” จากนั้นก็หันไปพูดกับทางพี่ชายด้วยสีหน้าเสียดาย “พูดก็พูดเถอะ เจ้าเองก็หน่วยกร้านดีไม่เบา น่าจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกัน” “ความจริงข้าก็อยากมาทำงานที่นี่นะขอรับ แต่เพราะท่านพ่อของพวกเรากำลังป่วย ข้าที่เป็นลูกชาย และยังเป็นว่าที่หัวหน้าเผ่าคนต่อไป ต้องคอยจัดการหลายๆ เรื่อง ตอนนี้ก็เลยออกจากเผ่าไม่ได้” “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ” “ขอบคุณท่านผู
ตอนพิเศษ (2) สถานที่นี้เรียกว่าฟาร์ม มีทั้งสวนผัก สวนผลไม้ ทุ่งดอกไม้ โรงเรือนเพาะต้นกล้า ไหนจะโรงผลิตสารพัดที่เพิ่มขึ้นเหมือนกับดอกเห็ด หนำซ้ำ ยังมีหมู่บ้านของเหล่าสัตว์อสูร ถนนที่ปูด้วยอิฐ ตรงลานกว้างของเมืองก็มีน้ำพุขนาดใหญ่ พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข…น่าอิจฉาและดูน่าสนุกกันจังเลย จิ้งจอกสาวคิด ก่อนจะถอนหายเฮือกออกมาหนึ่ง หญิงสาวชอบความตื่นตาตื่นใจของฟาร์ม ถึงได้แอบมาดูทุกวัน ในตอนที่ลำแสงสีทองสาดเข้ามาในป่ารกทึบ จากนั้นเหล่าสัตว์ก็มีวิวัฒนาการกลายร่างเป็นมนุษย์ ตอนนั้นนางตื่นเต้นมาก กระโดดโลดเต้นรอบป่า ยิ่งค้นพบว่ายังมีสัตว์เผ่าอื่นที่กลายร่างเป็นมนุษย์ นางก็ยิ่งอยากเป็นเพื่อนกับทุกคน เพราะอย่างนั้นตอนที่หมาป่าเพศผู้นามว่าหลางไป๋มาเจรจาขอเป็นพันธมิตรกับเผ่าจิ้งจอก นางอยากให้ท่านพ่อตอบรับการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับท่านภูต แต่ว่า ท่านพ่อกลับปฏิเสธ แม้ผิดหวังอย่างมาก แต่คำสั่งของผู้นำเผ่าถือเป็นเด็ดขาด เช้าตรู่ของวันนี้ จิ้งจอกสาวก็ยังแอบมาที่ฟาร์ม นางหลบหลังต้นไม้ใหญ่ แ
ตอนพิเศษ (1) ต้นฤดูหนาวของปีนั้น ชุนกับจิ่นเซี่ยได้จัดพิธีแต่งงานแบบเรียบง่าย โดยหลางไป๋เป็นญาติฝ่ายหญิง ส่วนจิ่นเซี่ยนั้น เนื่องจากองครักษ์หนุ่มผู้นี้เป็นเด็กกำพร้า ญาติฝ่ายชายจึงเป็นกงเยียนซู แม้เป็นงานแต่งที่เรียบง่าย แต่เพราะได้ลู่ซินฟางเป็นแม่งาน อาหารสุราจึงขึ้นเต็มโต๊ะตลอดทั้งวันทั้งคืน แขกเหรื่อที่มาร่วมงานล้วนเป็นคนกันเอง งานแต่งของชุนกับองครักษ์หนุ่ม จึงเหมือนกับวันรวมญาติมากกว่าเป็นงานมงคล ลู่ซินฟางอนุญาตให้ชุนหยุดได้เท่าที่ต้องการ หลังเสร็จสิ้นงานแต่ง ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม หลายวันหลังจากนั้น อุณหภูมิเริ่มลดต่ำ สายลมหนาวเย็นพัดมาเป็นระลอก ลู่ซินฟางยืนอยู่บนระเบียง มองพวกเด็กๆ วิ่งเล่นกันที่ลานกว้าง “เด็กๆ เนี่ย ไม่รู้จักความหนาวกันเลยหรือไงนะ” ลู่ซินฟางพึมพำด้วยความเอ็นดู “แอร๊…!” ตอนนั้นเอง เสียงเล็กๆ ของจินเอ๋อร์ดังมาจากในเปล ลู่ซินฟางผละสายตาออกจากพวกเฉิงเอ๋อร์ เดินกลับมาหาลูกน้อยที่นอนในเปล จินเอ๋อร์อา
บทที่ 128บทพิเศษ มิติที่สมบูรณ์ และ รักจนแก่เฒ่า (ครึ่งหลัง) จบบริบูรณ์ เมื่อกลับมาจากมิติ ซินหลินก็มาหาลู่ซินฟางที่คฤหาสน์ เจ้าแฝดพอเห็นพี่ชายมาหา ก็วิ่งเข้าไปเกาะแขน กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “พี่ชายซินหลิน เมื่อกี้พวกเราไปมิติมาด้วย” “พี่ชายซินหลิน พวกเราไปอ่านหนังสือกันเถอะ” ซินหลินส่ายหน้าพร้อมเคาะปลายจมูกน้อยๆ ของเด็กทั้งสองเบาๆ คนละที “พวกเจ้าเรี่ยวแรงเหลือเฟือจริงๆ เลยนะ เพิ่งกลับมาจากมิติไม่ใช่หรือ คิดจะเล่นกันอีกแล้ว?” “ฮะๆ” “คิๆ” เจ้าแฝดหัวเราะชอบใจ ซินหลินยิ้มให้กับน้องๆ ก่อนหันมาบอกลู่ซินฟางว่า “ข้าเพิ่งเอาผักไปให้เหนียงซิ่น นางบอกว่าอากาศน่าจะเริ่มหนาวแล้ว นางว่าจะทำหม้อไฟชุดใหญ่ เลยให้ข้ามาบอกน่ะ” “ขอบใจมาก รอเยียนซูกลับมาแล้วข้าจะพาเด็กๆ ไปที่คฤหาสน์นะ” ลู่ซินฟางตอบกลับ “อืม” “หม้อไฟ” “เย่ หม้อไฟ!” หม้อไฟฝีมือเหนียงซิ่นอร่อยมาก แถมนานๆ ครั้งจะได้สักที พวกเด็กๆ จึงชูแขนร้องด้วยความดีใจ