บทที่ 85
ผู้หญิงกับงูพิษ (ครึ่งแรก)
แม้ว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายในร้านจะกลับมาสงบดั่งเดิม แต่หัวใจของลู่ซินฟางยังคงเต้นโครมครามไม่หยุด ใบหน้าและในลำคอร้อนผ่าวเหมือนคนมีไข้
ลู่ซินฟางรินชาดื่มเข้าไปหลายจอก หากกลับไม่สามารถดับความร้อนได้ ท้ายที่สุด ก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างยอมรับ ว่าอาการว้าวุ่นใจเป็นเพราะคำพูดของกงเยียนซู
ในตอนนั้น กงเยียนซูแค่พูดออกไปตามสถานการณ์ นางจะคิดเป็นจริงเป็นจังไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อสรุปเช่นนั้น ลู่ซินฟางก็สูดหายใจเข้าเต็มปลอดเพื่อพยายามสงบใจ จากนั้นตั้งสมาธิกับงานตรงหน้า
สักครู่หนึ่ง ประตูห้องก็มีเสียงเคาะเบาๆ ก่อนหลางไป๋จะเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง
“ข้ามาบอกนายหญิงว่าจะออกเดินทางเลยขอรับ ตอนนี้ซินหลินพาหมิงฮวาออกมาจากมิติแล้ว”
ลู่ซินฟางพยักหน้าแล้วตอบ “อืม ระวังตัวด้วยนะ แล้วก็ ห้ามฝืนตัวเองเกินไปนัก”
“ขอรับ นายหญิง”
“ถึงเจ้ากับซินหลินจะศึกษาเส้นทางมาก่อนแล้ว หรือต่อให้กงเยียนซูเตรียมการล่วงหน้าไว้ให้ แต่ห้ามประมาทเด็ดขาดเลยนะ” ลู่ซินฟางย้ำด้วยความกังวลอีกครั้ง
หมาป่าหนุ่มรู้ว่านายหญิงกำลังวิตกกังวลเรื่องอะไร เขาจึงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ในขณะที่ตอบกลับว่า “ไม่ต้องห่วงขอรับ ข้ากับซินหลินจะคอยระวังหมิงฮวาไม่ให้ทำอะไรนอกจากคำสั่งของนายญิง”
“อืม”
หมิงฮวาคือหญิงสาวจากเผ่าอสรพิษ
ในมิติต่างโลก เผ่าอสรพิษทำหน้าดูแลสมุนไพรต่างๆ พวกเขาสามารถใช้พิษสังหาร แต่ในขณะเดียวกันก็มีพลังในการรักษาด้วย
แม้ลู่ซินฟางจะเป็นนายหญิงของเหล่าสัตว์อสูร แต่มีอยู่เผ่าหนึ่งที่นางไม่อาจเข้าใจความคิดได้เลย นั่นก็คือเผ่าอสรพิษ
ด้วยเหตุนี้ ทุกครั้งที่ลู่ซินฟางต้องการสมุนไพรหรือพิษ นางจะให้หลินช่วยคุยกับหัวหน้าเผ่าอสรพิษให้เสมอ
ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เพราะต้องการพิษจากเผ่าอสรพิษมาจัดการกับเหอถิง ลู่ซินฟางจึงวานให้หลินช่วยไปขอพิษมาให้
แต่หลังจากบอกเหตุผลที่ต้องการใช้พิษ หมิงฮวา หนึ่งในสมาชิกเผ่างูกลับเสนอเงื่อนไข ว่านางจะเป็นคนจัดการชายที่ชื่อเหอถิงคนนั้นให้เอง แลกกับยอมให้เผ่าอสรพิษออกมาจากมิติ
ลู่ซินฟางไม่ค่อยสุงสิงกับเผ่าอสรพิษสักเท่าไรจึงรู้สึกระแวงอยู่บ้าง ตรงกันข้าม หลินกลับบอกให้นางเชื่อใจเผ่าอสรพิษ ด้วยเหตุนี้ การจัดการกับเหอถิงด้วยพิษจึงมีหมิงฮวาอยู่ในแผนการนี้ด้วย
อีกด้านหนึ่ง
จดหมายที่เหอถิงได้รับมานั้น เป็นของผู้ตรวจการจี๋แห่งเมืองชิ่ง เนื้อหาสั้นกระชับ ‘เนื่องจากเหอถิงประพฤติตัวไม่เหมาะสม จึงลดตำแหน่งไปเป็นผู้ช่วยเสมียน’ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญน้อยที่สุดในศาลาการ
เหอถิงรีบเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าสัมภาระ นางเหอที่ตามลูกชายกลับโรงเตี๊ยมมาได้แต่ยืนหน้าซีดด้วยรู้สึกผิด
“อาถิง แม่ขอโทษ แม่น่าจะเขียนจดหมายอธิบายสะใภ้ใหญ่ให้เข้าใจมากกว่านี้”
“ช่างเถอะ ที่ทำได้ตอนนี้คือรีบกลับไปเกลี่ยกล่อมจี๋หลินก่อน”
“นั่นสิๆ ประเดี๋ยวแม่เก็บของเสร็จแล้วจะรีบออกไปเช่ารถม้าให้นะ”
“รีบๆ เก็บของเถอะ” เหอถิงโบกมือ ไม่เงยหน้ามองมารดาสักแวบ
เห็นท่าทีรีบร้อนของลูกชาย นางเหอรีบเก็บสัมภาระลงกระเป๋า จากนั้นเร่งฝีเท้าออกไปเช่ารถม้า
ก่อนเที่ยง แม่ลูกตระกูลเดินทางออกจากเมืองเล่ออันด้วยรถม้าเช่า
ตอนรถม้าเคลื่อนผ่านหน้าร้านซินหลิน ทั้งสองคนหรี่ตามองป้ายหน้าร้านด้วยความเคียดแค้นและชิงชัง
ฝากไว้ก่อนเถอะ!
จากการเร่งรีบเดินทาง สองวันให้หลัง รถม้าเช่าของเหอถิงก็แล่นออกจากเมืองเล่ออัน ในตอนนี้พวกเขาอยู่บนถนนสายเล็ก ที่เส้นทางเชื่อมต่อระหว่างเมืองเล่ออันกับเมืองชิ่ง สองข้างทางจึงเต็มไปด้วยป่าเขา
“นายท่านขอรับ พ้นป่านี้ไปก็เป็นเขตของเมืองชิ่ง ข้างหน้ามีหมู่บ้านกับโรงเตี๊ยมเล็กๆ พวกท่านควรหยุดแวะพักที่นั่นนะขอรับ”
คนขับรถม้ารับจ้างที่ควบคุมบังเหียนตะโกนบอกคนในห้องโดยสาร ตั้งแต่ออกจากเมืองเล่ออัน ม้าของเขาก็วิ่งด้วยความเร็วมาตลอด แม้จะหยุดพักให้น้ำให้หญ้าเป็นครั้งคราว หากนั่นกลับไม่พอทำให้เรี่ยวแรงของม้าฟื้นตัว
“ไม่ต้องแวะ เดินทางต่อ” ผู้ว่าจ้างที่นั่งอยู่ในห้องโดยสารตะโกนกลับมาอย่างไร้น้ำใจ
คนขับรถม้ารับจ้างร้อง “หา!…” อย่าว่าแต่ม้าที่ต้องพักเอาแรง หญิงแก่ที่เดินทางมาด้วยกัน นั่งรถม้านานๆ จะดีแน่หรือ
“หรือจะให้ข้าแจ้งทางการว่าเจ้าทำงานบกพร่อง โกงเงินคนว่าจ้าง”
ผู้ว่าจ้างไม่เพียงไม่ยอมพัก ยังข่มขู่เจ้าของรถม้ารับจ้าง
ชาวบ้านตัวเล็กๆ ที่ทำอาชีพรับจ้างทั่วไปอย่างเขาไหนเลยกล้าก่อกรกับขุนนาง คำขู่นั้นทำเอาคนขับรถม้ารับจ้างพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“นายท่านขอรับ คือว่า…ถ้าหากท่านจะเดินทางต่อจริงๆ พอถึงหมู่บ้านข้างหน้า ข้าขอเช่ารถม้าคันใหม่มาเปลี่ยนได้หรือไม่ อาจจะใช้เวลาสักหน่อย แต่ถ้าฝืนเดินทางต่อทั้งแบบนี้ อย่าว่าแต่ม้าที่ทนไม่ไหว รถม้าอาจจะพังได้เลยนะขอรับ”
ผู้ว่าจ้างเงียบสักครู่ ก่อนจะตอบกลับมาว่า “เช่นนั้นก็รีบๆ หารถม้าคันใหม่มาเปลี่ยน จะได้ออกเดินทางทันที”
“ขอรับๆ”
เวลานี้อาทิตย์อัสดง ท้องฟ้าเป็นสีส้มอมแดง อีกประเดี๋ยวก็ใกล้จะมืดแล้ว
ยิ่งมองสองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้ขึ้นเรียงเป็นแถว ยิ่งสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่วังเวง เหมือนจะมีสัตว์ร้ายโผล่มาจากข้างทางได้ทุกเมื่อ
คนขับรถม้ารับจ้างคิดมาถึงตรงนี้ก็รีบสะบัดหน้าขับไล่ความหวาดกลัว ก่อนจะกระตุกบังเหียน ให้ม้าห่อตะบึงตรงไปข้างหน้าด้วยความเร็ว
แต่แล้ว…
จู่ๆ ทางข้างหน้าก็เกิดหมอกควันหนาทึบ ทั้งยังมีเสียงเห่าหอนของหมาป่าดังมาจากในป่า
บรู๋วววว…
คนขับรถม้ารับจ้างขนลุกซู่ด้วยความหวาดกลัว ตาเบิกโตขณะพยายามควบคุมรถม้าให้แล่นผ่านหมอกควันสีขาว
บทที่ 94ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู พอถึงเวลาที่ต้องกลับ เป่าเอ๋อร์ร้องไห้งอแง เฉิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า เด็กทั้งสองกอดเอวลู่ซินฟาง บอกว่าอยากอยู่ที่แดนสวรรค์ต่อ ลู่ซินฟางต้องสัญญาว่าจะพามาเที่ยวอีก พวกเขาถึงยอมฟังแต่โดยดี ได้เที่ยวเล่นกันทั้งวัน พอกลับมาถึงคฤหาสน์ อาบน้ำและกินมื้อค่ำจนอิ่ม เด็กทั้งสองก็หลับปุ๋ยในทันที วันถัดมา หลางไป๋เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลกง แจ้งเรื่องที่ลู่ซินฟางตอบรับคำเชิญกินมื้อเย็น ทั้งยังบอกจำนวนคนที่จะมา หลักๆ คือลู่ซินฟางกับเจ้าแฝด หลางไป๋และซินหลิน ส่วนชุนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่าวางตัวไม่ถูกหากต้องร่วมโต๊ะกับคนสูงศักดิ์ ยามพลบค่ำ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็นั่งรถม้ามายังคฤหาสน์ตระกูลกงตามเวลานัดหมาย กงเยียนซูออกมายืนรอหน้าคฤหาสน์ด้วยตัวเอง หลางไป๋ประสานมือโค้งศีรษะให้กับกงเยียนซู จากนั้นหลุบตามองพวกเด็กๆ เจ้าแฝดทั้งสอง รวมถึงซินหลินที่เห็นอย่างนั้น ก็ประสานมือบนหน้าอกแล้วโค้งศีรษะลง ทำแบบเดียวกันกับหลางไป๋ กงเยียนซูมองเด็กทั้งสามด้วยสา
บทที่ 93เที่ยวชมฟาร์ม กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?” “ไปขอรับ/เจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์มฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่” เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า” “เป็นแบบนี้เอง” ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย “ท่
บทที่ 92พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง) ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสวนดอกไม้ข้างบ้านทรงตะวันตกจะมีโต๊ะกลมสีขาวหนึ่งชุด ไม่ไกลจากสวนดอกไม้ มองไปก็จะเห็นฟาร์มอันกว้างขวาง หลังจากตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นกันที่ใต้ร่มไม้ เด็กน้อยทั้งสองก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีขาว เตะขาเล่นในขณะที่รอคอยขนมอร่อยๆ สักครู่หนึ่ง ชุนก็ยกเค้กสตอเบอรี่กับนมอุ่นๆ มาวางบนโต๊ะ ส่วนถาดที่อยู่ในมือของลู่ซินฟางคือชากุหลาบกลิ่นหอมกลมกล่อมกับคุกกี้เนยสด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลย” เฉิงเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะกวาดตามองขนมบนโต๊ะ “น่ากินทุกอย่างเลย ขะ…ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเอ๋อร์พูดจบก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กินกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” ลู่ซินฟางบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกน้อยทั้งสอง เจ้าแฝดตัวน้อย รวมถึงภูตน้อยหลิน หยิบส้อมขึ้นมาตักเค้กสตอเบอรี่ส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้กินของหวานแสนอร่อย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของทั้งสามคน แก้มขาวแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ทำเอาลู่ซินฟางกับชุนถึงกับยิ้มตาม “อร
บทที่ 91พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก) พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ “แดนสวรรค์สวยจังเลย!” “อื้อ สวยมากๆ” “ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ “อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่ “ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น “งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ” สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว” “พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ก
บทที่ 90พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ “ท่านจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่ขอรับ” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงาน เสียงทุ้มของหลางไป๋ก็ดังขึ้น หญิงสาวหันมอง เห็นหมาป่าหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างประตู เฮ้อ… ลู่ซินฟางถอนหายใจด้วยรู้สึกคิดไม่ตก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าในชาติก่อนไม่เคยสับสนกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่” คำพูดของหญิงสาวทำเอาหมาป่าหนุ่มกระดกยิ้มตรงมุมปากอย่างขบขัน “ใครจะคิดว่านายหญิงที่คอยชี้นำเหล่าสัตว์อสูรจะเผชิญกับความสับสนเสียเอง” “ก็ข้าไม่เคยคิดนี่น่า คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแบบกงเยียนซูจะมาสนใจหญิงหม้ายลูกติด” “นายหญิงขอรับ อย่างที่ท่านกงบอกนั่นละ การจะชอบใครสักคนทำไมต้องมีเหตุผล สำคัญกว่าฐานะ นายหญิงคิดเช่นไรกับเขาต่างหาก” ลู่ซินฟางคิดตาม ก็รู้สึกว่าหลางไป๋พูดถูก ปัญหาไม่ใช่เรื่องฐานะ สำคัญที่สุดคือลู่ซินฟางคิดกับกงเยียนซูอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางหรี่ดวงตาด้วยความสงสัยขณะจ้องมองหมาป่าหนุ่ม “เมื่อก่
บทที่ 89ถูกสารภาพรักครั้งแรก หมายความว่ายังไง เขาไม่ได้โกหก เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก “ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่” หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา “ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้” “ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก” “จ