บทที่ 88
กงเยียนซูไม่ได้โกหก
หลายวันจากนั้น ข่าวลือเรื่องของเหอถิง ที่เป็นผู้ช่วยผู้ตรวจการของเมืองชิ่ง ประสบอุบัติเหตุถูกงูพิษกัดระหว่างเดินทางจากต่างเมือง ทำให้ร่างกายท่อนล่างตั้งแต่เอวลงไปถึงปลายเท้าเป็นอัมพาต แม้แต่ส่วนสำคัญของบุรุษก็ใช้การไม่ได้ ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองชิ่ง
แม้เหอถิงจะได้รับความเมตตาจากตระกูลจี๋ แต่เขยที่ใช้การไม่ได้ ทำได้เพียงนอนเป็นผักอยู่บนเตียง ไม่ต่างจากตัวไร้ประโยชน์ แค่เหตุผลนี้ก็ทำให้ตระกูลจี๋ทำเรื่องหย่าระหว่างเหอถิงกับจี๋หลินได้แล้ว
เนื่องจากทั้งสองคนเพิ่งแต่งงานกันยังไม่ถึงหนึ่งปี การตัดความสัมพันธ์นั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่นางเหอ อดีตแม่สามีไม่ยอมง่ายๆ ป่าวประกาศไปทั่วว่าจี๋หลินไม่สามารถมีหลานให้กับตระกูลเหอ ทั้งยังโบ้ยว่าเป็นความผิดของนาง ที่ทำให้เหอถิงต้องเดินทางออกจากเมืองจนถูกงูพิษกัดและมีสภาพอเนจอนาถอย่างทุกวันนี้
ตระกูลจี๋เองก็ไม่อยู่เฉย ฟ้องร้องนางเหอกลับในข้อหาพยายามทำลายชื่อเสียง
ต่างฝ่ายต่างฟ้องร้องกันไปมาจนกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวโด่งดัง ท้ายที่สุดข่าวลือก็แพร่สะพัดมาถึงเมืองหลวง กระทั่งเข้าหูของลู่ซินฟาง
แม้เป็นเรื่องที่คำนวณเอาไว้แล้ว แต่ลู่ซินฟางหลับตาแน่น นวดขมับอย่างปวดเศียรเวียนเกล้า
“ข้าทำดีมากเลยใช่ไหมล่ะ”
เสียงหวานเสนาะหูของหญิงสาวพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ และดังมาจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
ลู่ซินฟางพยักหน้ายิ้มเฝื่อนๆ ให้กับหมิงฮวา “อื้อ”
หมิงฮวาคือหญิงสาวจากเผ่าอสรพิษที่อาสาไปจัดการกับเหอถิงพร้อมกับหลางไป๋และซินหลิน
ว่าตามจริง ลู่ซินฟางเองก็มีส่วนจัดฉาก อย่างการเหมาโรงเตี๊ยมในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนั้น ทั้งยังเสนอวิธีจัดการทำให้ ‘ไอ้นั่น’ ของเหอถิงใช้การไม่ได้
แต่ที่อยู่เหนือความคาดหมายคือ ทั้งสามคนกลับเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา
โชคดีที่คืนนั้นไม่มีใครเห็น หนำซ้ำเหอถิงยังสติเลอะเลือนไปแล้ว เรื่องที่ทั้งสามคนไม่ใช่มนุษย์จึงไม่มีใครรู้
อย่างไรก็ตาม หมิงฮวาไม่เข้าใจรอยยิ้มของลู่ซินฟาง กลับคิดว่านายหญิงกำลังชมเชย นางจึงยิ้มแย้มพร้อมกับทวงของรางวัล
“ในเมื่อข้าทำผลงานได้ดี หมายความว่าท่านอนุญาตให้พวกพ้องเผ่าอสรพิษออกมาเที่ยวเล่นที่นี่ได้แล้วใช่หรือไม่?”
ลู่ซินฟางเงียบคิดสักครู่ ก่อนตอบกลับหมิงฮวา
“เรื่องสร้างโรงเก็บสมุนไพรที่ต่างมิติข้าเห็นด้วย แต่ให้เผ่าอสรพิษออกมาเที่ยวเล่นตามใจชอบ…ข้าคิดว่าควรได้รับอนุญาตจากหลินมากกว่า”
“นายหญิงขี้งก” รอยยิ้มสดใสของหมิงฮวาหายไปจากใบหน้าทันที นางกอดอกแล้วบ่นอย่างไม่พอใจ “เผ่าอสรพิษอันตราย ท่านคิดเช่นนั้นใช่หรือไม่ แต่ว่า เผ่าหมีกับเผ่าหมาป่าก็อันตรายเหมือนกันไม่ใช่หรือ”
“อย่าเอาข้าไปเปรียบเทียบกับพวกเจ้าสิ” หลางไป๋ที่นั่งเงียบมาตั้งแต่เมื่อครู่เอ่ยแย้ง
ลู่ซินฟางส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
แม้หลินเคยบอกว่าเผ่าอสรพิษเชื่อใจได้ แต่ทุกวันนี้ลู่ซินฟางก็ยังคาดเดาความคิดของเผ่าอสรพิษไม่ออก
เหมือนอย่างหมิงฮวาที่เล่นสนุกกับเหอถิงก่อนจะจัดการเขาตามแผน มิหนำซ้ำ หมิงฮวายังเปิดเผยว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์
หากคืนนั้นเหอถิงไม่ตกใจเสียขวัญจนสติเลอะเลือนไปเสียก่อน คงได้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตแน่ๆ
สรุปคือ ลู่ซินฟางไม่ได้รังเกียจนิสัยตรงไปตรงมาและขี้เล่นของเผ่าอสรพิษ ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าพวกเขามักจะเล่นกันเกินเหตุ
“นายหญิง กำไรของเราตอนนี้สามารถซื้ออุปกรณ์สร้างโรงตีเหล็กกับโรงเก็บสมุนไพรในต่างมิติได้แล้วขอรับ”
จู่ๆ หลางไป๋ก็เปลี่ยนเรื่อง ทั้งยังยื่นสมุดบัญชีให้กับลู่ซินฟาง ถือว่าช่วยนางได้มาก
“เอาเป็นว่า ข้าจะปรึกษากับหลินเรื่องเผ่าอสรพิษอีกที ตอนนี้เจ้าก็กลับมิติไปก่อนแล้วกัน” ลู่ซินฟางกล่าวตัดบท
หมิงฮวาทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ กระนั้น ก็ยอมเชื่อฟังลู่ซินฟาง
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะกลับมิติก่อนแล้วกัน ว่าแต่ สมุนไพรของเผ่าข้า ทำให้ผู้หญิงคนนั้นท้องป่องหรือยังเจ้าคะ” หมิงฮวาถามพร้อมกับทำท่าลูบท้องตัวเอง
คงหมายถึงชิงเหลียน
สมุนไพรที่ชิงเหลียนดื่ม ลู่ซินฟางขอมาจากเผ่าอสรพิษ มีสรรพคุณทำให้เลือดลมไหลเวียนสะดวก ก่อนที่ลู่ซินฟางจะได้สมุนไพรมา นางอธิบายว่าสหายคนหนึ่งมีปัญหาตั้งครรภ์ยาก เผ่าอสรพิษจึงจัดการหาสมุนไพรที่มีสรรพคุณดังกล่าวมาให้
พอคิดเรื่องของชิงเหลียนจบ ลู่ซินฟางก็ตอบกลับว่า “ชิงเหลียนบอกว่ารอบเดือนไม่มาสองเดือนแล้ว น่าจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้”
ได้ยินแบบนั้นหมิงฮวายิ้มแย้ม ทั้งยังพูดอย่างกระตือรือร้น
“เห็นหรือไม่ เผ่าอสรพิษทำประโยชน์ให้ท่านมากมาย ท่านควรตอบแทนพวกเราบ้างนะ”
“ตอบแทนอะไรกัน พวกเจ้าทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น แล้วก็…อย่าลืมสิ สมุนไพรที่เผ่าอสรพิษครอบครองในตอนนี้ เกิดจากพลังของท่านหลิน และพลังที่ท่านหลินได้รับมา จะเหมารวมว่าเป็นผลงานของเผ่าอสรพิษทั้งหมดไม่ได้”
หลางไป๋พูดแทนใจลู่ซินฟางทั้งหมด
อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้ว ทรัพยากรต่างๆ ภายในมิติเกิดขึ้นจากพลังเวทของหลิน สมุนไพรเหล่านั้นบังเอิญขึ้นในเขตของเผ่าอสรพิษ พวกเขาจึงถือสิทธิ์ครอบครอง
หมิงฮวากะพริบตาปริบ ก่อนจะตอบกลับอย่างยอมรับ “เหตุผลนี้ทำข้าเถียงไม่ออกเลยแหะ ถ้าอย่างนั้นข้ากลับมิติก่อนดีกว่า นายหญิง เผ่าอสรพิษรอท่านเสมอนะ”
“อืม”
เมื่อพูดคุยกันเรียบร้อย ลู่ซินฟางก็เปิดประตูมิติ ส่งหมิงฮวากลับ
“เพราะเอาแต่เล่นแบบนี้ เผ่าอสรพิษถึงถูกมองในแง่ลบ” หลางไป๋บ่น
ลู่ซินฟางหรี่ตามองหมาป่าหนุ่ม แล้วแย้งว่า “เจ้ากับซินหลินก็เล่นกับนางด้วยไม่ใช่หรือไง หมาป่ากับเด็กไร้หน้าน่ะ”
หลางไป๋นิ่งค้าง
ต่อมา หมาป่าหนุ่มลุกขึ้นพรวดเหมือนมีชนักติดหลัง เก็บสมุดกับพู่กันพร้อมพูดเสียงรัวว่า “ข้าลืมไปว่ามีงานค้าง ขอตัวขอรับ”
ลู่ซินฟางส่ายหน้าเบาๆ มองหมาป่าหนุ่มเดินตัวแข็งทื่อออกจากห้อง
หลายวันที่ผ่านมา ลู่ซินฟางต้องอดทนปวดหัวจากการก่อกวนของแม่ลูกตระกูลเหอ ไหนจะเรื่องที่ต้องเตรียมเสบียงให้กับกองทัพขององค์ชายห้า แต่นางก็ไม่ได้ลืมดูแลกิจการ ‘ร้านเฉิงเป่า’ ที่เพิ่งเปิดใหม่
ทั้งที่เป็นร้านค้าเล็กๆ ขายผักผลไม้และของใช้ชีวิตประจำวันในราคาประหยัด แต่ในเวลาไม่นาน ร้านเฉิงเป่าก็สร้างผลกำไรเป็นกอบเป็นกำเหนือความคาดหมาย
ลู่ซินฟางแบ่งผลกำไรแล้วลงบัญชีให้เป็นชื่อของเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์เท่าๆ กัน
เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ดีใจมาก อยากช่วยงานที่ร้านและทำสวนในทุกๆ วัน
ทว่า…
หลังจากจบเรื่องของเหอถิง ฝ่ายอิ้งเหยียนได้กำหนดตารางการเรียนการสอนสำหรับเด็กๆ เรียบร้อยพอดี พวกเด็กๆ จึงใช้เวลากับการเล่าเรียนเป็นส่วนใหญ่
ถึงเวลาที่ลู่ซินฟางกลับมาคิดเรื่องทำโรงตีเหล็ก โรงเก็บสมุนไพร และขยายพื้นที่เพื่อเลี้ยงหมู ทำเล้าเป็ด และปูถนนใหม่ในมิติ
ภายในห้องทำงาน หญิงสาวกางแผนที่ของโลกต่างมิติ ซึ่งวาดขึ้นมาอย่างคร่าวๆ ลงบนบนโต๊ะ จากนั้นกำหนดว่าพื้นที่ตรงไหนจะสร้างอะไร
พอมองอย่างนี้ ลู่ซินฟางอดรู้สึกไม่ได้ว่า โลกต่างมิติกว้างใหญ่ราวกับเมืองแห่งหนึ่ง
ตอนนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังขึ้น หู่จืออวิ๋นเข้ามาบอกว่ากงเยียนซูมาขอพบ
“เชิญเขาเข้ามา”
ในฐานะเถ้าแก่เจ้าของร้านที่ทำธุรกิจร่วม ระหว่างลู่ซินฟางกับกงเยียนซูไม่แบ่งแยกฐานะ
ลู่ซินฟางพับกระดาษแผนที่เก็บไว้ในแขนเสื้อ ก่อนจะลุกขึ้นต้อนรับกงเยียนซู
อย่างไรก็ตาม ในจังหวะที่ชายหนุ่มเข้ามาในห้อง สายตาของเขาเหลือบเห็นกระดาษบนโต๊ะพอดี ทั้งยังมองออกว่านั่นเป็นผนที่ แต่กลับไม่คุ้นว่า บนแผนที่นั้นเป็นเมืองใดกันแน่
“ยังไม่ถึงกำหนดส่งวัตถุดิบรอบใหม่เลยไม่ใช่หรือ หรือว่า พ่อครัวโรงเตี๊ยมท่านใช้วัตถุดิบหมดแล้ว?” ลู่ซินฟางเอ่ยถามพลางรินชาให้กับชายหนุ่ม
“ข้ามาเพราะเรื่องอื่นน่ะ” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“…?”
หญิงสาวมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าสงสัย
กงเยียนซูเงียบอยู่สักครู่ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “เรื่องของเหอถิง แม้ว่าจะจบไปสักพักแล้ว แต่ข้ารู้สึกไม่สบายใจ เลยมาที่นี่เพื่อจะขอโทษเจ้า”
“เพราะวิธีสั่งสอนของข้ารุนแรงไปถึงทำให้ท่านไม่สบายใจหรือ หากเป็นเรื่องนั้น คนที่ควรขอโทษคือข้าต่างหาก อยู่ๆ ก็เปลี่ยนแผนของท่าน”
เดิมที กงเยียนซูต้องการทำให้รถม้าของเหอถิงพลิกคว่ำ แต่ลู่ซินฟางไม่เห็นด้วย เพราะวิธีนั้นจะทำให้คนขับรถม้ารับจ้างที่บริสุทธิ์เจ็บตัวไปด้วย ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนแผน
กงเยียนซูส่ายหน้าเบาๆ พลางตอบ
“แผนที่เจ้าใช้งูพิษอยู่เหนือความคาดเดาของข้าก็จริง แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่ข้ามาหาเจ้าหรอกนะ”
“แล้ว…ท่านไม่สบายใจเรื่องอะไรหรือ”
“ตอนที่ข้าบอก ‘ชอบ’ เจ้า เจ้าอาจคิดว่าข้าพูดจาล่วงเกินเจ้าใช่หรือไม่”
“เรื่องนั้น…ท่านพูดไปเพราะความจำเป็น ข้าเข้าใจ แล้วก็ไม่ได้ถือสาเจ้าค่ะ” ลู่ซินฟางตอบอย่างใจกว้าง
คิดแล้วเชียว กงเยียนซูพูดออกมาเพราะสถานการณ์พาไป ดีที่ตอนนั้นนางไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ไม่อย่างนั้นคงได้แต่คิดฟุ้งซ่านว่าเขาชอบ
“เจ้าไม่เข้าใจ”
“เอ๊ะ!?”
ลู่ซินฟางส่งเสียงด้วยความสงสัยและแปลกใจ
กงเยียนซูเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังแล้วอธิบาย “เพราะที่ข้าพูดไปนั้น ข้าไม่ได้โกหก”
ลู่ซินฟางอึ้งเหมือนคนเป็นใบ้
บทที่ 94ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู พอถึงเวลาที่ต้องกลับ เป่าเอ๋อร์ร้องไห้งอแง เฉิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า เด็กทั้งสองกอดเอวลู่ซินฟาง บอกว่าอยากอยู่ที่แดนสวรรค์ต่อ ลู่ซินฟางต้องสัญญาว่าจะพามาเที่ยวอีก พวกเขาถึงยอมฟังแต่โดยดี ได้เที่ยวเล่นกันทั้งวัน พอกลับมาถึงคฤหาสน์ อาบน้ำและกินมื้อค่ำจนอิ่ม เด็กทั้งสองก็หลับปุ๋ยในทันที วันถัดมา หลางไป๋เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลกง แจ้งเรื่องที่ลู่ซินฟางตอบรับคำเชิญกินมื้อเย็น ทั้งยังบอกจำนวนคนที่จะมา หลักๆ คือลู่ซินฟางกับเจ้าแฝด หลางไป๋และซินหลิน ส่วนชุนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่าวางตัวไม่ถูกหากต้องร่วมโต๊ะกับคนสูงศักดิ์ ยามพลบค่ำ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็นั่งรถม้ามายังคฤหาสน์ตระกูลกงตามเวลานัดหมาย กงเยียนซูออกมายืนรอหน้าคฤหาสน์ด้วยตัวเอง หลางไป๋ประสานมือโค้งศีรษะให้กับกงเยียนซู จากนั้นหลุบตามองพวกเด็กๆ เจ้าแฝดทั้งสอง รวมถึงซินหลินที่เห็นอย่างนั้น ก็ประสานมือบนหน้าอกแล้วโค้งศีรษะลง ทำแบบเดียวกันกับหลางไป๋ กงเยียนซูมองเด็กทั้งสามด้วยสา
บทที่ 93เที่ยวชมฟาร์ม กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?” “ไปขอรับ/เจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์มฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่” เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า” “เป็นแบบนี้เอง” ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย “ท่
บทที่ 92พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง) ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสวนดอกไม้ข้างบ้านทรงตะวันตกจะมีโต๊ะกลมสีขาวหนึ่งชุด ไม่ไกลจากสวนดอกไม้ มองไปก็จะเห็นฟาร์มอันกว้างขวาง หลังจากตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นกันที่ใต้ร่มไม้ เด็กน้อยทั้งสองก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีขาว เตะขาเล่นในขณะที่รอคอยขนมอร่อยๆ สักครู่หนึ่ง ชุนก็ยกเค้กสตอเบอรี่กับนมอุ่นๆ มาวางบนโต๊ะ ส่วนถาดที่อยู่ในมือของลู่ซินฟางคือชากุหลาบกลิ่นหอมกลมกล่อมกับคุกกี้เนยสด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลย” เฉิงเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะกวาดตามองขนมบนโต๊ะ “น่ากินทุกอย่างเลย ขะ…ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเอ๋อร์พูดจบก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กินกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” ลู่ซินฟางบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกน้อยทั้งสอง เจ้าแฝดตัวน้อย รวมถึงภูตน้อยหลิน หยิบส้อมขึ้นมาตักเค้กสตอเบอรี่ส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้กินของหวานแสนอร่อย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของทั้งสามคน แก้มขาวแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ทำเอาลู่ซินฟางกับชุนถึงกับยิ้มตาม “อร
บทที่ 91พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก) พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ “แดนสวรรค์สวยจังเลย!” “อื้อ สวยมากๆ” “ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ “อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่ “ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น “งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ” สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว” “พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ก
บทที่ 90พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ “ท่านจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่ขอรับ” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงาน เสียงทุ้มของหลางไป๋ก็ดังขึ้น หญิงสาวหันมอง เห็นหมาป่าหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างประตู เฮ้อ… ลู่ซินฟางถอนหายใจด้วยรู้สึกคิดไม่ตก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าในชาติก่อนไม่เคยสับสนกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่” คำพูดของหญิงสาวทำเอาหมาป่าหนุ่มกระดกยิ้มตรงมุมปากอย่างขบขัน “ใครจะคิดว่านายหญิงที่คอยชี้นำเหล่าสัตว์อสูรจะเผชิญกับความสับสนเสียเอง” “ก็ข้าไม่เคยคิดนี่น่า คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแบบกงเยียนซูจะมาสนใจหญิงหม้ายลูกติด” “นายหญิงขอรับ อย่างที่ท่านกงบอกนั่นละ การจะชอบใครสักคนทำไมต้องมีเหตุผล สำคัญกว่าฐานะ นายหญิงคิดเช่นไรกับเขาต่างหาก” ลู่ซินฟางคิดตาม ก็รู้สึกว่าหลางไป๋พูดถูก ปัญหาไม่ใช่เรื่องฐานะ สำคัญที่สุดคือลู่ซินฟางคิดกับกงเยียนซูอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางหรี่ดวงตาด้วยความสงสัยขณะจ้องมองหมาป่าหนุ่ม “เมื่อก่
บทที่ 89ถูกสารภาพรักครั้งแรก หมายความว่ายังไง เขาไม่ได้โกหก เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก “ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่” หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา “ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้” “ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก” “จ