บทที่ 89
ถูกสารภาพรักครั้งแรก
หมายความว่ายังไง
เขาไม่ได้โกหก
เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก
ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ
ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ
ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก
ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง
กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย
ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก
“ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่”
หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา
“ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้”
“ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก”
“จะชอบใครสักคนต้องมีเหตุผลที่เหมาะสมด้วยหรือ”
นั่นก็จริง
การตกหลุมรักใครสักคนไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลมารองรับ
แต่ถึงอย่างนั้น ระหว่างนางกับเขาก็มีฐานะแตกต่างกันเกินไป มิหนำซ้ำ กงเยียนซูที่ไม่เคยมีข่าวอื้อฉาวเรื่องผู้หญิง ทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้สนใจในตัวแม่หม้ายลูกติดอย่างลู่ซินฟาง
“บอกตรงๆ ก็มีเหตุผลอยู่”
กงเยียนซูเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปสักพักหนึ่ง
“…?”
“อาจจะเป็นตั้งแต่วันแรกที่เจอเจ้า”
“วันแรก?”
“ใช่ วันแรกที่เจอกัน” ชายหนุ่มพยักหน้ายืนยันอย่างหนักแน่น
จุดเริ่มที่ทำให้เขาสนใจในตัวนาง เป็นวันที่นางมาขายสูตรขนมให้กับโรงเตี๊ยมตระกูลกง การวางตัว รวมไปถึงการเจรจา มองอย่างไรก็ไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดาที่เริ่มทำธุรกิจ…ตรงนี้ กงเยียนซูก็อธิบายให้นางฟังเช่นกัน
“ไม่ใช่เพราะสูตรขนมของข้าน่าสนใจ ท่านก็เลยสนใจในตัวข้าไปด้วยหรอกหรือ”
ชายหนุ่มส่ายหน้า “ตอนแรกข้าเคยเข้าใจเช่นนั้น ถึงให้จิ่นเซี่ยตามสืบเรื่องของเจ้า ภายหลังเกิดเรื่องมากมาย ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในการคำนวณของข้า แต่เจ้าก็แก้ปัญหาและฝ่าฟันมาได้ เจ้าแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น…ไม่สิ ต้องบอกว่าเจ้านั้นแตกต่างจากทุกคนในสถานที่แห่งนี้”
เมื่อฟังมาถึงประโยคท้าย ลู่ซินฟางรู้สึกตะลึงในลางสังหรณ์ของกงเยียนซู เขาไม่เพียงฉลาดหลักแหลม ยังจับสังเกตถึงความแตกต่างในตัวนางได้อีก
“…หลังจบเรื่องคดีความของเจียงลิ่ว ข้าพยายามเว้นระยะห่าง เพื่อไม่ล้ำเส้นในพื้นที่ของเจ้า แต่ว่า ไม่มีวันไหนที่ข้าไม่คิดถึงเจ้า”
ลู่ซินฟางมองกงเยียนซูที่พูดพร้อมกับใบหูแดงก่ำ
ทุกคำที่เขาพูดมาล้วนเป็นความจริง
กงเยียนซูยิ้มจางๆ แล้วกล่าวต่อ “ที่มาบอกเจ้าวันนี้ ไม่ได้หวังให้เจ้ายอมรับ ข้ามาเพื่อแสดงความจริงใจ”
วันที่เหอถิงบุกเข้ามาในร้าน พูดจาทำให้ลู่ซินฟางเสื่อมเสีย กงเยียนซูเลือดขึ้นหน้าจึงประกาศออกไปว่าชอบนาง วันนั้นมีคนได้ยินไม่น้อย
“ยังไงก็เถอะ หวังว่าพวกเราจะยังทำธุรกิจร่วมกันต่อไปนะ”
“ท่านวางใจได้ ข้าไม่เคยเอาปัญหาส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน กลับกันแล้ว ท่านจะต่างหากที่จะมีปัญหา องค์ชายอย่างท่านมีใจให้แม่หม้ายอย่างข้า มีแต่จะทำให้ชื่อเสียงท่านด่างพร้อยเปล่าๆ”
กงเยียนซูหัวเราะขบขัน เหมือนไม่ได้ใส่ใจเรื่องชื่อเสียงตัวเอง
“ฐานะองค์ชายของข้าไม่มีทางด่างพร้อยเพราะเจ้าแน่นอน อีกอย่าง ข้าสละสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์ตั้งแต่ผลันตัวมาเป็นเถ้าแก่บริหารโรงเตี๊ยมแล้ว จะเลือกใครมาเป็นชายาล้วนเป็นข้าที่ตัดสินใจ ไม่เกี่ยวกับราชวงศ์”
“ท่านได้รับความใส่ใจจากฝ่าบาทเป็นพิเศษขนาดนี้ คงเป็นลูกรักสินะ” ลู่ซินฟางกล่าวยิ้มๆ
กงเยียนซูส่ายหน้าพลางว่า “ฝ่าบาทไม่ได้สนใจข้าด้วยซ้ำ”
“ทำไมถึงคิดเช่นนั้นหรือ”
“เพราะไม่ว่าข้าจะทำอะไร หรือเลือกอะไร ฝ่าบาทไม่เคยสนใจข้าอยู่แล้ว สิ่งที่พระองค์ต้องการจากข้ามีแค่เงินภาษีและเรียกใช้งานข้าตามความสะดวกก็เท่านั้น”
“หมายถึงเสบียงที่ท่านจัดหาให้กับกองทัพองค์ชายห้าใช่หรือไม่”
กงเยียนซูพยักหน้าแทนคำตอบ
ลู่ซินฟางไม่ค่อยเห็นด้วยความคิดของเหล่าเชื้อพระวงศ์เท่าไร แต่เท่าที่ดูจากซีรี่ย์หลายๆ เรื่อง ไม่มีเชื้อพระวงศ์คนไหนได้รับอิสระเท่ากงเยียนซูแล้ว
บางที การที่ฮ่องเต้ปล่อยปละละเลยกงเยียนซู เพราะไม่ต้องการให้เขาหลงทางอยู่กับการแก่งแย่งอำนาจก็เป็นได้
“ท่านไม่คิดบ้างหรือว่า การที่ฝ่าบาทปล่อยปละละเลยท่าน คือการตามใจท่านในแบบของพระองค์ แล้วการมอบหมายให้ท่านจัดหาเสบียงให้กับกองทัพขององค์ชายห้า เพราะฝ่าบาทไว้ใจในตัวท่านเพียงคนเดียว หากขุนนางคนอื่นเป็นคนจัดสรร เสบียงที่กองทัพจะได้รับ หากไม่ล่าช้าก็คงถูกยักยอกเข้ากระเป๋าตัวเอง”
คำพูดของลู่ซินฟางทำเอากงเยียนซูอึ้ง ถึงขั้นพูดอะไรไม่ออก
“แม้วิธีแสดงออกจะแตกต่างจากพ่อแม่คนอื่น แต่ข้าคิดว่าฝ่าบาทไม่ได้ทอดทิ้งท่านกับองค์ชายห้า”
หญิงสาวสรุปสั้นๆ เผื่อว่าเขายังไม่เข้าใจ
สักพักหนึ่ง กงเยียนซูก็หัวเราะออกมา
“ทำไมคำสารภาพของข้าถึงเปลี่ยนมาเป็นปรึกษาปัญหาครอบครัวไปได้ แต่เพราะเจ้าเป็นแบบนี้ ข้าถึงได้สนใจในตัวเจ้าอย่างไรล่ะ”
ตอนนั้นเอง ลู่ซินฟางเพิ่งตระหนักได้ ว่านางเผลอพูดจาจุ้นจ้านเรื่องของเขามากเกินไปจึงกล่าวขอโทษขอโพย
“อภัยให้ข้าด้วย ข้าลืมตัวจุ้นจ้านเรื่องส่วนตัวของท่านเสียแล้ว”
“ไม่ใช่เช่นนั้น เจ้าที่เป็นแบบนี้ดีอยู่แล้ว” กงเยียนซูโบกมือ “กลับกัน การได้คุยกับเจ้าทำให้ข้าสบายใจยิ่งนัก แล้วก็ คำสารภาพที่ข้าพูดมานั้นเจ้ามีสิทธิ์ปฏิเสธ แต่ว่า…”
“แต่ว่า...หรือ?”
“ข้าไม่ตัดใจจากเจ้าง่ายๆ หรอกนะ”
เอ่อ...แบบนี้เหมือนการบังคับกันหรือไม่
ใครจะคิดว่าคนที่พูดไม่ออกคือฝ่ายลู่ซินฟาง
“จริงๆ แล้วข้าควรต้องขอโทษเจ้าก่อน ปัญหาในอดีตของเจ้าเพิ่งผ่านไปแท้ๆ แต่ข้ากลับมาพูดเรื่องนี้ เหมือนสร้างปัญหาใหม่ให้เจ้า”
หญิงสาวยิ้มเล็กๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร
“ยังมีอีกเรื่อง ที่ข้ามาวันนี้เพื่อเชิญเจ้ากินอาหารเย็นด้วยกัน”
“กินข้าวเย็นเจ้าคะ ข้ากับองค์ชายเนี่ยนะ!?”
“ไม่มีเหตุผลเป็นพิเศษ ข้าแค่อยากสนิทกับเจ้าและลูกๆ ของเจ้ามากขึ้น เย็นวันพรุ่งนี้หากเจ้าสะดวก เชิญมาที่คฤหาสน์ของข้า ข้าอยากเลี้ยงอาหารพวกเจ้า จะพาเด็กๆ ของเจ้ามาด้วยก็ได้”
“ตอนนี้ข้ายังไม่รับปากท่านนะ แต่หากตัดสินใจแล้ว ข้าจะให้หลางไป๋ไปบอกท่านอีกที”
กงเยียนซูผงกศีรษะพร้อมกับยิ้มให้ลู่ซินฟาง ก่อนออกจากห้อง
เมื่อชายหนุ่มกลับออกไปแล้ว ลู่ซินฟางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือสับสนกับคำสารภาพของกงเยียนซูดี
บทที่ 94ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู พอถึงเวลาที่ต้องกลับ เป่าเอ๋อร์ร้องไห้งอแง เฉิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า เด็กทั้งสองกอดเอวลู่ซินฟาง บอกว่าอยากอยู่ที่แดนสวรรค์ต่อ ลู่ซินฟางต้องสัญญาว่าจะพามาเที่ยวอีก พวกเขาถึงยอมฟังแต่โดยดี ได้เที่ยวเล่นกันทั้งวัน พอกลับมาถึงคฤหาสน์ อาบน้ำและกินมื้อค่ำจนอิ่ม เด็กทั้งสองก็หลับปุ๋ยในทันที วันถัดมา หลางไป๋เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลกง แจ้งเรื่องที่ลู่ซินฟางตอบรับคำเชิญกินมื้อเย็น ทั้งยังบอกจำนวนคนที่จะมา หลักๆ คือลู่ซินฟางกับเจ้าแฝด หลางไป๋และซินหลิน ส่วนชุนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่าวางตัวไม่ถูกหากต้องร่วมโต๊ะกับคนสูงศักดิ์ ยามพลบค่ำ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็นั่งรถม้ามายังคฤหาสน์ตระกูลกงตามเวลานัดหมาย กงเยียนซูออกมายืนรอหน้าคฤหาสน์ด้วยตัวเอง หลางไป๋ประสานมือโค้งศีรษะให้กับกงเยียนซู จากนั้นหลุบตามองพวกเด็กๆ เจ้าแฝดทั้งสอง รวมถึงซินหลินที่เห็นอย่างนั้น ก็ประสานมือบนหน้าอกแล้วโค้งศีรษะลง ทำแบบเดียวกันกับหลางไป๋ กงเยียนซูมองเด็กทั้งสามด้วยสา
บทที่ 93เที่ยวชมฟาร์ม กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?” “ไปขอรับ/เจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์มฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่” เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า” “เป็นแบบนี้เอง” ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย “ท่
บทที่ 92พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง) ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสวนดอกไม้ข้างบ้านทรงตะวันตกจะมีโต๊ะกลมสีขาวหนึ่งชุด ไม่ไกลจากสวนดอกไม้ มองไปก็จะเห็นฟาร์มอันกว้างขวาง หลังจากตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นกันที่ใต้ร่มไม้ เด็กน้อยทั้งสองก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีขาว เตะขาเล่นในขณะที่รอคอยขนมอร่อยๆ สักครู่หนึ่ง ชุนก็ยกเค้กสตอเบอรี่กับนมอุ่นๆ มาวางบนโต๊ะ ส่วนถาดที่อยู่ในมือของลู่ซินฟางคือชากุหลาบกลิ่นหอมกลมกล่อมกับคุกกี้เนยสด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลย” เฉิงเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะกวาดตามองขนมบนโต๊ะ “น่ากินทุกอย่างเลย ขะ…ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเอ๋อร์พูดจบก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กินกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” ลู่ซินฟางบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกน้อยทั้งสอง เจ้าแฝดตัวน้อย รวมถึงภูตน้อยหลิน หยิบส้อมขึ้นมาตักเค้กสตอเบอรี่ส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้กินของหวานแสนอร่อย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของทั้งสามคน แก้มขาวแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ทำเอาลู่ซินฟางกับชุนถึงกับยิ้มตาม “อร
บทที่ 91พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก) พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ “แดนสวรรค์สวยจังเลย!” “อื้อ สวยมากๆ” “ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ “อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่ “ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น “งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ” สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว” “พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ก
บทที่ 90พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ “ท่านจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่ขอรับ” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงาน เสียงทุ้มของหลางไป๋ก็ดังขึ้น หญิงสาวหันมอง เห็นหมาป่าหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างประตู เฮ้อ… ลู่ซินฟางถอนหายใจด้วยรู้สึกคิดไม่ตก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าในชาติก่อนไม่เคยสับสนกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่” คำพูดของหญิงสาวทำเอาหมาป่าหนุ่มกระดกยิ้มตรงมุมปากอย่างขบขัน “ใครจะคิดว่านายหญิงที่คอยชี้นำเหล่าสัตว์อสูรจะเผชิญกับความสับสนเสียเอง” “ก็ข้าไม่เคยคิดนี่น่า คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแบบกงเยียนซูจะมาสนใจหญิงหม้ายลูกติด” “นายหญิงขอรับ อย่างที่ท่านกงบอกนั่นละ การจะชอบใครสักคนทำไมต้องมีเหตุผล สำคัญกว่าฐานะ นายหญิงคิดเช่นไรกับเขาต่างหาก” ลู่ซินฟางคิดตาม ก็รู้สึกว่าหลางไป๋พูดถูก ปัญหาไม่ใช่เรื่องฐานะ สำคัญที่สุดคือลู่ซินฟางคิดกับกงเยียนซูอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางหรี่ดวงตาด้วยความสงสัยขณะจ้องมองหมาป่าหนุ่ม “เมื่อก่
บทที่ 89ถูกสารภาพรักครั้งแรก หมายความว่ายังไง เขาไม่ได้โกหก เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก “ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่” หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา “ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้” “ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก” “จ