แชร์

ตอนที่ 79 ใบไม้ร่วงจากต้นเน่า

ผู้เขียน: ท่านจอมยุทธ์1991
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-03 12:27:39

ในความเงียบของราตรี หลานเยว่นั่งพิงเก้าอี้ไม้ริมหน้าต่าง แสงจันทร์ส่องลอดผ่านบานไม้ มอบแสงเงินซีดส่องเสี้ยวใบหน้าของนางให้ยิ่งดูเย็นชา เงามืดรอบตัวราวกับโอบล้อมนักล่าที่กำลังรอเวลานางไม่ใช่วีรสตรีผู้ผดุงความยุติธรรม ไม่เคยคิดทำเพื่อตราชั่งราชสำนัก สิ่งที่กำลังจะลงมือมีเพียงเหตุผลเดียวเพื่อปกป้องตัวเองและสิ่งที่เป็นของตน

ตลอดเวลาที่ติดตามพฤติกรรมของหลี่เถี่ยนกวง นางเห็นชัดว่าถึงแม้มันจะเป็นขันทีสูงวัย แต่จิตใจกลับคับแคบและหมกมุ่นอย่างน่าขยะแขยง มันใช้ชีวิตราวกับนักสะสม บุรุษรูปงามคือสมบัติล้ำค่าที่มันหมายจะครอบครอง และสำหรับผู้ที่ไม่อาจทำให้มันสมหวังดังใจจุดจบของพวกเขาล้วนอนาถเกินบรรยาย

หลานเยว่รู้ดี ต่อให้ไม่ลงมือ ขันทีเฒ่าผู้นี้ก็ย่อมหาเรื่องก่อกวนอยู่ไม่หยุด โดยเฉพาะในยามที่ตระกูลหลานกำลังเผชิญภัย การปล่อยให้มันมีอำนาจต่อไป ก็เท่ากับเปิดประตูเรียกหายนะให้ก้าวเข้ามาเหยียบหัวนางกับลูก

ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีมือไม้มากมายบุรุษหนุ่มที่ยอมลดตัวลงเป็นเครื่องเล่นเพียงเพื่อแลกเศษเสี้ยวเส้นทางสู่เกียรติยศ หากต้องการถอนรากถอนโคน ต้องเริ่มจากการกวาดล้างพวกนี้ให้สิ้นปลายนิ้วของนางลูบคมมีดสั้นช้า ๆ แสงจันทร์สะท้อนเป็นประกายเย็นเฉียบ ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อย แต่ในดวงตากลับไร้ความอ่อนโยนแม้เพียงเศษเสี้ยว

“เจ้าชอบสะสมไม่ใช่หรือ… งั้นข้าจะช่วยทำให้คลังของเจ้าว่างเปล่าเอง”

ทุกยามค่ำที่ความมืดโรยตัวปกคลุมเมืองหลวง เหมือนเงาแห่งความตายจะก้าวลงมาเก็บเกี่ยวชีวิตอย่างเป็นจังหวะคืนแล้วคืนเล่า จะต้องมีคนสิ้นลมหายใจพร้อมกันทีละสองหรือสามคน ไม่มากพอให้กลายเป็นเหตุโกลาหลฉับพลัน แต่ก็มากพอให้ผู้คนเริ่มเอ่ยถึงด้วยเสียงกระซิบหวาดหวั่น

เหยื่อเหล่านั้นมิใช่สามัญชน หากแต่เป็นบุคคลสำคัญผู้ถือกุญแจแห่งอำนาจในราชสำนักและกองทัพแม้จวนของพวกเขาจะมีทหารเฝ้ายามแน่นหนา แต่เมื่อฟ้าสาง ก็พบเพียงร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นนาย ไร้เสียงต่อสู้ ไร้ร่องรอยบุกรุก มีเพียงความเย็นชืดของร่างกายที่สิ้นลมบางคนถูกพิษร้ายกำจัดโดยไม่ทันรู้ตัว บางคนถูกฝีมือแฝงเร้นสังหารจนไม่ทันกรีดร้อง

สถานการณ์นี้ดำเนินต่อเนื่องยาวนานตลอดหนึ่งสัปดาห์และผู้ที่กระวนกระวายที่สุด คือขันทีเฒ่าหลี่เถี่ยนกวงเพราะเมื่อเขาไล่รายชื่อผู้ตายทีละคน กลับพบว่า…ทุกคนล้วนเคยมี ความสัมพันธ์ลับกับตน ในห้องนอนโอ่อ่า ขันทีเฒ่านั่งพิงพนักเก้าอี้ไม้แกะสลัก มือเหี่ยวย่นกำพัดงาช้างแน่นจนข้อซีดขาวดวงตาเหลือบมองเงามืดตามมุมห้องราวกับหวาดระแวงว่ามีใครซ่อนอยู่

“ใคร…มันบังอาจแตะต้องของของข้า?” เสียงของเขากดต่ำ แฝงแรงโกรธจนแผ่วสั่น

แม้เจ้าขันทีเฒ่าผู้กระหายในรสชาติของบุรุษจะเปล่งคำสั่งอันเหี้ยมเกรียมเพียงใด แต่ตลอดหลายคืนที่ผ่านมา เขาก็ไม่อาจได้เบาะแสแม้เพียงเส้นผมของผู้ลงมือ อีกฝ่ายทำตัวราวกับเงามืดไร้ตัวตน ไม่ทิ้งร่องรอย ไม่ทิ้งพยาน หลักฐานใด ๆ ก็หาไม่เจอทุกครั้งที่บุรุษรูปงามสมบัติส่วนตัวของเขาถูกพรากไปทีละหนึ่งหรือสองคน หัวใจเหี่ยวย่นของเขาก็ปวดร้าวราวถูกฉีกออกทีละชิ้น

รุ่งเช้าวันถัดมา ในท้องพระโรงอันโอ่อ่า ขันทีเฒ่าหลี่เถี่ยนกวงน้อมกายคุกเข่า สีหน้าเคียดแค้นและเจ็บปวดผสมกัน ดวงตาเล็กขุ่นมัวหรี่ลงด้วยโทสะ ก่อนเอ่ยเสียงสั่นแต่แฝงความกร้าว

“ฝ่าบาท… โจรร้ายผู้นี้ช่างกำเริบเสิบสานนัก! มันฆ่าฟันคนของราชสำนักไปมากมาย ข้าเชื่อว่าด้วยบารมีของพระองค์ การกำจัดพวกมันย่อมไม่ใช่เรื่องยาก และควรออกคำสั่งกำจัดโดยไวที่สุด!”

ฮ่องเต้หรงจวิ้นประทับเหนือบัลลังก์ทอง แม้พระพักตร์ยังคงความสงบน่าเกรงขาม แต่ในดวงเนตรกลับฉายแววลำบากพระทัยอย่างชัดเจน แม้พระองค์จะมีอำนาจสูงสุดในใต้หล้า แต่ในหมู่ขุนนางและแม่ทัพผู้ภักดี กลับแทบไม่มีผู้ใดมากฝีมือเหลืออยู่ส่วนมากถูกซื้อ ถูกกลืน หรือถูกกำจัดไปหมดแล้ว พระองค์มิได้ตรัสปฏิเสธตรง ๆ หากแต่ประทานคำตอบที่คลุมเครือ เพียงเพื่อรักษาหน้าของขันทีเฒ่า

“เจ้าวางใจเถิด… เดี๋ยวข้าจะให้คนของข้าจัดการเรื่องนี้เอง”

น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยออกอย่างเป็นพิธีมากกว่าจะเต็มไปด้วยความตั้งใจ ขันทีเฒ่าก้มศีรษะรับคำ แต่ในแววตายังคุกรุ่นด้วยความแค้นเบื้องล่าง เหล่าขุนนางและแม่ทัพที่ยังรักษาศักดิ์ศรี ไม่ยอมขายกายขายวิญญาณให้กับหลี่เถี่ยนกวง ต่างแอบสบตากันอย่างเงียบงัน ในดวงตาเหล่านั้นมีประกายสะใจซ่อนอยู่เพราะทุกครั้งที่บุรุษรูปงามของมันล้มตาย ก็เหมือนใบไม้ร่วงจากต้นเน่า ที่พวกเขาเฝ้ารอให้หมดสิ้นไปเอง

ค่ำคืนนั้น ลมหนาวพัดแทรกผ่านช่องหน้าต่าง เสียงกิ่งไผ่เสียดสีกันดังกรีดใจ โคมกระดาษสีแดงสั่นไหวราวจะดับลงทุกลมหายใจ จวนของขันทีเฒ่าหลี่เถี่ยนกวงเงียบงันอย่างประหลาด มีเพียงกลิ่นกำยานอวลเจือด้วยความร้อนรุ่มที่ยากปิดบัง

บนตั่งลายมังกร ขันทีเฒ่าเอนกาย มือเหี่ยวย่นลูบพัดงาช้างช้า ๆ ดวงตาขุ่นมัวยามเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวลราวคนรอคนรัก

“เหลียงซูเหวิน… เขายังไม่มาอีกหรือ?”

ชื่อที่หลุดจากริมฝีปากมิใช่เพียงการเรียกหา แต่คือความคิดถึงลึกในอก เหลียงซูเหวินหนุ่มน้อยผู้มีผิวขาวดุจหยก รูปโฉมอ่อนโยนจนเหมือนจะละลายได้ในสัมผัส มือบอบบางราวกลีบบัว และแววตาที่เคยทำให้เขาหลงจนลืมสิ้นสติสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่เบื้องล่างนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนก้มหน้าลงต่ำจนเงาผมปิดสีหน้า น้ำเสียงแผ่วจนแทบกลืนกับเสียงลม

“ท่านเหลียงซูเหวิน… สิ้นแล้วเจ้าค่ะ”

เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ หลี่เถี่ยนกวงเบิกตากว้าง ดวงตาสั่นระริกอย่างไม่อยากเชื่อ ลมหายใจสะดุด เสียงพึมพำหลุดออกมาแทบฟังไม่เป็นถ้อยคำ

“ไม่… ไม่จริง… เจ้ากล้าพูดเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร…”

เพียงเสี้ยวอึดใจ ความเงียบแตกสลายเป็นเสียงกรีดร้องโหยหวน ร่างเฒ่าทรุดลงกับตั่ง ดึงพัดหล่นกระแทกพื้นดังสนั่น เขาดิ้นรนคล้ายสัตว์ที่ถูกพรากหัวใจออกไปทั้งดวง

“ซูเหวินของข้า… ใครมันกล้าพรากเจ้าไปจากข้า! ข้าจะฉีกมันเป็นหมื่นชิ้น!” เสียงสะอื้นของหลี่เถี่ยนกวงยังดังไม่ขาดช่วง ราวกับหยาดน้ำตาที่ไม่มีวันเหือดแห้ง มือเหี่ยวย่นกำชายอาภรณ์แน่นจนสั่น ความหนาวของค่ำคืนดูจะซึมลึกเข้ากระดูกมากกว่าที่เคย ทั้งที่โคมไฟยังสว่างอยู่ แต่ในสายตาของเขากลับมืดมิดไปเสียแล้ว

เขาเอื้อมมือไปยังโต๊ะข้างตั่ง คว้าขวดสุราราคาแพงที่สุดในเรือนราวกับจะใช้มันกลบความหนาวและความว่างเปล่า กลิ่นสุราแรงราวเพลิงแล่นเข้าจมูก แต่แม้จะดื่มรวดเดียวหมดจอก ความหนาวในอกก็ยังไม่คลายขันทีเฒ่าเอ่ยเสียงพร่าแต่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวที่ค่อย ๆ กัดกินสติ

“ผู้ใด… ผู้ใดมันบังอาจ? ข้าจะทำให้มันชดใช้… เลือดของมันต้องรดแทบเท้าข้า!” สาวใช้ก้มตัวลงต่ำกว่าเดิม ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ หวาดกลัวว่าเพียงลมหายใจก็อาจทำให้ความเดือดดาลของเจ้านายพลุ่งขึ้นอีก

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 117 สิบสี่ปีต่อมา (จบ)

    กาลเวลาล่วงเลยผ่านไปสิบสี่ปี… ชื่อเสียงของ นักฆ่าไร้นาม ค่อย ๆ กลายเป็นเพียงตำนานเล่าขานในหมู่ผู้คน ถึงแม้ในโลกมืดจะยังมีใบสั่งตายมากมาย แต่ไม่มีใครเคยเห็นพวกเขาออกมาเคลื่อนไหวอีก ราวกับได้หายลับไปจากยุทธภพ เหลือเพียงความเงียบงันที่แฝงไว้ด้วยปริศนาในเวลานี้ ภายในจวนตระกูลซู กลิ่นหอมอ่อนของชาอบอวลอยู่ในห้องโถง หลานเยว่ วัยสี่สิบปี นั่งอยู่ตรงหน้าต่าง แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องกระทบเรือนผมดำขลับที่ยังคงเงางาม ความงดงามของนางหาได้ลดทอนลงตามกาลเวลา หากแต่เพิ่มพูนด้วยเสน่ห์อันสงบเย็นและน่าเกรงขาม นางหันไปถามสามีด้วยเสียงอ่อนโยน แฝงด้วยความเย็นชาที่ไม่เคยเลือนหายไป“ท่านพี่… หลานจิ่วอวิ๋น ลูกของเราไปที่ใด?”คำถามของนางเหมือนหยดน้ำเย็นไหลผ่านกลางอก ซูจิ่งหลง ชายวัยหกสิบกว่า ที่แม้ร่างกายจะผ่านศึกและกาลเวลามานับไม่ถ้วน แต่ความสง่างามและอำนาจในแววตายังคงไม่เสื่อมคลาย เขายกยิ้มบาง ๆ ตอบเสียงนุ่ม แต่แฝงความเกรงใจ“เจ้าจะไปห่วงทำไมกัน… บัดนี้หลานจิ่วอวิ๋นเติบใหญ่แล้ว ไม่ใช่เด็กตัวน้อยอีกต่อไป”สายตาของ หลานเยว่ หันมาสบเขา ดวงตาคู่นั้นนิ่งสนิทและเย็นชา ราวกับคมดาบที่ซ่อนอยู่ใต้ฝัก คำตอบนั้นไม่ใช่สิ่งท

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 116 วันมงคล

    แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านซุ้มศาลาริมน้ำ เงาไม้ไหวระริกตามแรงลมเย็น เสียงน้ำกระทบฝั่งดังแผ่วเบา บรรยากาศรอบกายดูสงบสุขราวกับไม่มีคลื่นลมใด ๆ เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ซูจิ่งหลงนั่งนิ่ง สายตาเหม่อมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่รู้จักเบื่อ หลานเยว่ ยังคงสงบนิ่งเช่นเคย มือเรียวยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างอ่อนช้อย แววตาเย็นชาไร้อารมณ์ ทำให้เขารู้สึกว่าผู้หญิงผู้นี้…ไม่เพียงแต่เป็นมือสังหาร แต่ราวกับเป็นผู้ชี้ขาดโชคชะตาของผู้คนเพียงแค่ปรายตามอง นางไม่จำเป็นต้องลงมือเองเสมอไป เพียงกำหนดเส้นทางให้ เรื่องราวก็จะดำเนินไปอย่างที่นางปรารถนาชายหนุ่มพยายามสลัดภาพชะตากรรมอันน่าสมเพชของจ้าวหย่งหยูออกจากใจ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกสะท้านทั้งจากความโหดเหี้ยมของฟ้า และจากสตรีผู้ลึกลับตรงหน้า“เจ้ามองอะไร” เสียงของนางดังขึ้นเรียบเย็น แต่กลับกระทบเข้ากลางใจเขาราวกับใบมีดบางเฉียบซูจิ่งหลงสะดุ้งเล็กน้อย เขารีบยกยิ้มประดับใบหน้า พยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกที่กำลังพลุ่งพล่าน “เปล่า… ข้าเพียงแค่รู้สึกดีที่มีเจ้าอยู่เคียงข้างเท่านั้น”รอยยิ้มของเขาดูจริงใจ แต่ดวงตากลับซ่อนความเขินอายไว้ไม่มิดหลานเยว่ไม่กล่าวสิ่งใด นางเพียงวางถ้วยชาลงบนโ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 115 จุดจบของกากเดนในร่างมนุษย์

    แรกเริ่ม จ้าวหย่งหยู ยังยกยิ้มเยาะบนใบหน้า มันแสดงสีหน้าถือดีนักที่ได้เห็นอดีตบ่าวรับใช้ทำตัวราวกับสุนัขเชื่อง ๆ ยอมหมอบคลานต่อหน้า ทว่ากาลเวลาไม่เคยเข้าข้างใคร การรอคอยที่เนิ่นนานเกินไปกลับค่อย ๆ เผาอารมณ์อันบิดเบี้ยวของมันให้พลุ่งพล่านมันมาถึงตั้งแต่ฟ้ายังไม่เปลี่ยนสี จนบัดนี้ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ คล้อยต่ำใกล้ตกดินแล้ว แต่เงาของเจ้าขี้ข้าก็ยังไม่กลับออกมาเสียที ใบหน้าที่เหยียดหยามในคราแรกจึงค่อย ๆ กลายเป็นความบิดเบี้ยวทั้งโกรธเกรี้ยวและน่าสมเพชเจ้าง่อยตะเบ็งเสียงพร่าหอบ ริมฝีปากสั่นกระตุก น้ำลายเหนียวไหลเลอะเป็นทาง“แค่กกก… อ่อกกก… เจ้า…เจ้าขี้-ชะ-ชั้นต่ำ! กล้าาา…ปล่อยให้ข้า…รอออ…นานถึงเพียงนี้เรอะะะ! ขะ-ข้ามาตั้งแต่ฟ้าา…ยังไม่ทันเปลี่ยนสี…จนตะวัน…จวนจะตกแล้ววว!”เสียงโวยวายแตกพร่า แผดก้องไปทั่วหน้าประตู ราวกับเด็กร่างพิการเอาแต่ใจในสลัมผู้ไม่รู้จักคำว่าอดทนหรือศักดิ์ศรีไม่นานนัก ประตูไม้เก่าโทรมค่อย ๆ ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดแล้วเปิดออกอย่างเชื่องช้า คล้ายเจตนาแอบทดสอบความอดกลั้นของนายเก่า อดีตบ่าวโค้งตัวลง น้ำเสียงราบเรียบคล้ายไร้เดียงสา“ขออภัยด้วยขอรับ… มันเป็นเพราะเรือนข้ารกและสกปรกมากเก

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 114 อดีตบ่าวรับใช้

    สำหรับบางคน…ความตายอาจเป็นเพียงการปลดปล่อย แต่สำหรับจ้าวหย่งหยู เศษเดนในร่างพิการผู้นี้ มันไม่ควรมีจุดจบที่เรียบง่ายถึงเพียงนั้นชีวิตของมันเต็มไปด้วยมลทินที่แม้ตัวมันเองยังจำไม่ได้ว่าก่อกรรมชั่วกับใครไปมากเท่าไรแล้วเคยสั่งลูกน้องรุมซ้อมบัณฑิตผู้ใฝ่ดีจนพิการ เพียงเพราะริษยาที่อีกฝ่ายมีสติปัญญาดีมากกว่าตนเคยฉุดคร่าสตรีงามที่สะดุดตา ไม่สนใจว่านางมีครอบครัวหรือฐานะเช่นไรเคยเหยียบย่ำชีวิตผู้คนจนพังพินาศนับครั้งไม่ถ้วนเพราะบารมีและอำนาจของบิดาอย่าง อัครเสนาบดีจ้าวเจี้ยนกั๋ว ที่คอยปกปิด เก็บกวาด และอุ้มชู ทำให้มันยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้จนถึงวันนี้แต่เมื่อเสาหลักล้มลงแล้ว โลกทั้งใบของมันก็ดิ่งลงเหวอย่างไร้ทางหนีค่ำคืนหนึ่ง ร่างพิการที่นั่งค่อมบนรถเข็นเก่า ๆ จมอยู่ในความมืด ดวงตาขุ่นหมองฉายแววโหยหวน น้ำเสียงแหบพร่าเล็ดลอดออกมาพร้อมหยาดน้ำตา“ท่ะ…ท่านพ่อ… ข้า…คึ-คิดถึงท่าน… เหลือเกิน…”เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของนายน้อยผู้เคยอหังการ แต่คือเสียงสะอื้นของเศษมนุษย์ที่ไร้ที่พึ่งตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่มีแม้แต่อาหารสักคำตกถึงปาก ความหิวกัดกินจนท้องไส้บิดเกร็ง แต่ถึงกระนั้น จ้าวหย่งหยู ก็ยังยึดมั่นในศักดิ์

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 113 ของขวัญแต่งงาน

    ภายในจวนร้างที่เงียบงัน เสียงล้อรถเข็นยังคงเสียดสีพื้นหินดังเอี๊ยดอ๊าดไม่ขาดสาย จ้าวหย่งหยู เข็นตัวเองไปอย่างทุลักทุเล ใบหน้าบิดเบี้ยวชุ่มไปด้วยน้ำตาและน้ำลายที่ไหลยืดเลอะเปรอะคาง ร่างพิการสั่นเทาคล้ายจะล้มพังได้ทุกเมื่อทุกห้องที่มันเปิดเข้าไป ภาพที่ปรากฏตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับฝันร้ายตู้หีบสมบัติถูกเปิดอ้า หยกงาม ทองคำ และเงินก้อนโตที่เคยเป็นภูเขาทรัพย์หายวับไปราวกับไม่เคยมีอยู่ ร่องรอยการกวาดล้างปรากฏทุกซอกมุม เหลือเพียงความว่างเปล่ากับความเย้ยหยันที่บีบคั้นหัวใจอันบิดเบี้ยวมันสั่นระริกทั้งร่าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น หัวเราะปนสะอื้นเสียงแหบพร่า“ฮึ่กก… ฮือออ… มะ-ไม่… ไม่นะะะ… ทรัพย์… ซะ-สินของข้าาาาา… ทองคำของข้าาา! ฮ่ะ…ฮึ่กก!”หยาดน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมานั้น มิใช่เพราะมันเสียใจที่ถูกเหล่าคนรับใช้ทอดทิ้ง แต่เป็นเพราะ เกราะกำบังเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของมันทรัพย์สมบัติที่พ่อทิ้งไว้ถูกพรากไปจนสิ้นมันรู้ดีแก่ใจ ว่าที่ผ่านมาอำนาจและรัศมีที่มันอวดอ้างล้วนแล้วแต่เป็นเพียงเงาของบิดาผู้ล่วงลับ กับกำแพงทองคำที่ห้อมล้อมคุ้มครองมัน หากปราศจากสิ่งเหล่านี้ มันก็เป็นเพียง ซากพิการอัปลักษณ์ที่ไร้ค่า เดิ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 112 นักฆ่าไร้นามเคลื่อนไหว

    ภายในห้องโถงที่เงียบสงัด แสงตะเกียงเพียงไม่กี่ดวงส่องให้เห็นเงาเรียงรายของผู้คนที่ยืนรอคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง มือสังหารนับร้อยในชุดดำสนิท ปิดบังใบหน้าแน่นหนา ราวกับเป็นเงามืดที่ไร้ตัวตน แต่ละคนแผ่รังสีอันตรายคล้ายคมดาบที่ซ่อนอยู่ในฝัก ทุกสายตาหันมาจับจ้องยังสตรีเพียงผู้เดียวที่นั่งอยู่เบื้องหน้าหลานเยว่ เอนกายเล็กน้อยบนเก้าอี้ไม้ แววตาคมเรียบเฉยดั่งผืนน้ำแข็งที่ไร้คลื่นกระเพื่อม ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเพียงเสี้ยว ราวกับกำลังพูดเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ต้องใส่ใจนัก ก่อนเสียงเย็นยะเยือกจะเอื้อนเอ่ยออกมา“สังหารสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำในร่างคนพวกนั้นให้สิ้นซาก… และชิงเอาทรัพย์สินของมันมาให้หมด”น้ำเสียงนั้นสงบนิ่งเสียจนชวนขนลุก คล้ายกับนางไม่ได้สั่งการล้างชีวิตผู้คนนับร้อย แต่เป็นเพียงการบอกให้คนของนางไปดูแลสวนหรือจัดการเรื่องบ้านเรือน ความเย็นชานี้เองทำให้ทุกคำยิ่งดังก้องและหนักหน่วงนางหยุดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยสายตาที่เฉียบคม “เหลือชีวิตไว้แต่เพียง…เจ้าง่อย และคนที่ไม่เกี่ยวข้อง”ถึงแม้นางจะสั่งฆ่าอย่างไร้ความปรานี แต่ก็ไม่มีวันเอ่ยคำให้พรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ คำสั่งของหลานเยว่เด็ดขาด นางต้องการเพ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status