Share

ตอนที่ 92 หวังซื้อใจสตรี

last update Terakhir Diperbarui: 2025-12-03 12:33:55

จ้าวหย่งหยูใช้เวลาอยู่นานนับวันเพียงเพื่อสิ่งเดียว เลือกสรรเสื้อผ้าที่จะทำให้ตนดูดีที่สุด ห้องกว้างทั้งห้องถูกกองเต็มไปด้วยผ้าแพรเนื้อดีจากแดนไกล ชุดแล้วชุดเล่าถูกนำออกมาวางเรียง บ้างถูกคลี่ บ้างถูกพับ บ้างถูกโยนทิ้งอย่างไร้ค่า บ่าวรับใช้ผลัดกันเข้ามาสวม ถอด และปรับชุดให้เจ้านายอย่างไม่หยุดหย่อน ร่างพิการที่หลังค่อม แขนบิดงอ และขาที่ลากก้าวไม่มั่นคง ขยับไปมาอย่างอึดอัด แต่ในแววตาของเขากลับฉายชัดถึงความคาดหวังและความร้อนรน

เขายืนอยู่หน้ากระจกทองเหลือง เงาสะท้อนของชายอัปลักษณ์ทำให้หัวใจสั่นระรัวไปทั้งอก เขาพยายามยืดกายให้ตรงที่สุด มือบิดเบี้ยวลากเสื้อคลุมให้เรียบที่สุด ดวงตาที่ขุ่นหมองฉายประกายระริกสลับกับความสิ้นหวัง ริมฝีปากเบี้ยวคดกระตุกเล็กน้อยก่อนจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำติดขัดออกมา เสียงพร่าและขาดห้วงดังสะท้อนในห้องเงียบ

“ขะ…ข้า…ใส่…ชุด…นี้…ดู…เป็ะ…น…อย่า…งไร…บ้าง?”

เสียงสั่นเครือไม่ต่างจากเด็กที่ร้องขอคำปลอบโยนมากกว่าคำชื่นชม บ่าวรับใช้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้ารีบค้อมศีรษะต่ำแทบจะติดพื้น ใบหน้าแต้มรอยยิ้มฝืนแข็งจนเกือบสั่น แต่เสียงกลับรีบพรั่งพรูออกมาอย่างสอพลอ

“นายท่าน…สง่างามยิ่งนักขอรับ! ไม่ว่าท่านจะใส่ชุดใด ก็ล้วนคู่ควรแก่เกียรติยศ!”

คำพูดที่เอื้อนเอ่ยออกมาดังสายน้ำเชี่ยวกราก ทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความตึงเครียดและหวาดหวั่น พวกเขาต่างรู้ดีว่า หากคำใดสะกิดความขุ่นเคืองของเจ้านาย เพียงชั่วพริบตา ความตายก็พร้อมพรากชีวิตไปโดยไม่ทันเอื้อนเอ่ยคำแก้ตัว

ได้ยินดังนั้น จ้าวหย่งหยูจึงกระตุกยิ้ม ริมฝีปากบิดเบี้ยวยกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มที่ไม่อาจเรียกว่างดงาม แต่ในดวงตาขุ่นมัวกลับส่องประกายพึงใจชั่วขณะ เขาใช้มือบิดเบี้ยวลูบเสื้อผ้าหรูหราที่สวมอยู่ช้า ๆ ราวกับกำลังสัมผัสเกราะกำบังที่จะบดบังความพิกลพิการและทำให้หญิงในดวงใจต้องเหลียวมองเขาสักครั้ง

หลายวันผ่านไปกับการเลือกสรรทั้งอาภรณ์และสมบัติหรูหรา ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจวันนี้ เขาจะไปพบหลานเยว่ขบวนรถม้าหรูหราถูกจัดเตรียมอย่างใหญ่โตจนผู้คนสองข้างทางต่างหันมามองตาค้าง หีบสมบัติประดับหยก แพรพรรณจากแดนไกล และทองคำแท่งวาววับถูกบรรทุกแน่นราวกับขบวนเครื่องราชบรรณาการที่มอบแด่จักรพรรดิ ทว่าแท้จริงแล้ว สมบัติเหล่านี้มีจุดหมายเพียงหนึ่งเดียวเพื่อซื้อใจสตรีที่เขาคลั่งไคล้จนไม่อาจถอน

เมื่อรถม้าสงบหยุดลงเบื้องหน้าประตูใหญ่จวนสกุลหลาน เสียงเกือกม้าคลายออกสู่ความเงียบ ทหารยามยืนเฝ้าด้วยสีหน้าทรงอำนาจ แววตาเย็นชาไร้ไมตรี ร่างพิกลของจ้าวหย่งหยูไม่ก้าวลงจากรถด้วยตนเอง แต่ให้บ่าวรับใช้ช่วยกันพยุงขึ้นรถเข็น จากนั้นจึงค่อย ๆ เข็นไปยังหน้าประตู เสียงล้อไม้บดกับพื้นหินกึกก้องราวกับตอกย้ำความอัปลักษณ์ในทุกย่างก้าว

อาภรณ์หรูหราที่โอบคลุมกายไม่อาจกลบเรือนร่างพิการได้ แขนขาบิดเบี้ยว หลังค่อมโค้งงอถูกซ่อนอยู่ใต้ผ้าแพรละเอียดและเข็มขัดหยก แต่ไม่มีสิ่งใดลบล้างความจริงของเงาร่างอัปลักษณ์นั้นได้

แม้จะเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย เขายังคงเชิดคางขึ้นสูง ริมฝีปากเบี้ยวขยับช้า ๆ ออกเป็นถ้อยคำ เสียงพร่าหนัก ขาดเป็นห้วงดังขึ้นอย่างยากลำบาก

“บ…บอก…นาง…บอก…นายหญิง…ของเจ้า…ว่ะ…ว่าข้า…จ้าว…หย่งหยู…ต้ะ…ต้อ…งการ…พบ…”

น้ำเสียงสั่นเครือแฝงทั้งความหวัง ความตื่นเต้น และความหวาดกลัว เขากดทับความบ้าคลั่งและความโหดร้ายในใจ แสร้งทำเป็นสุภาพเรียบร้อยที่สุด เพราะเขารู้ดีหากยังไม่ได้ใจนาง เขาไม่อาจเผยด้านแท้จริงออกมาได้

ทหารยามเพียงเหลือบตาขึ้นมอง ใบหน้าไร้อารมณ์ แววตาคมกริบราวคมดาบ ก่อนจะค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็นการรับคำ ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีคำสุภาพเพิ่มเติม เย็นชาเสมือนกำแพงเหล็กที่ไม่หวั่นไหวต่อบารมีหรือทรัพย์สมบัติใด ๆ

จ้าวหย่งหยูหอบหายใจถี่ มือบิดงอกำแน่นพนักรถเข็นจนสั่นระริก ดวงตาขุ่นหมองฉายแววลุ่มหลงจนแทบพุ่งออกมา แต่เขายังคงฝืนแสร้งสงบ รอคอยเพียงสิ่งเดียวให้ประตูบานนั้นเปิดออก และให้เขาได้พบสตรีในดวงใจไม่นานเกินรอ เงาร่างของ หลานเยว่ ก็ปรากฏขึ้นที่หน้าประตูจวน ก้าวเดินอย่างสง่างามทว่ามีรัศมีเย็นเยียบแผ่คลุมรอบกาย ดวงตาคมสวยทอดมองตรงมาที่ผู้มาเยือนด้วยความห่างเหิน ริมฝีปากเม้มแน่นเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำเพียงสั้น ๆ แต่เยียบเย็นประหนึ่งน้ำแข็ง “เจ้ามาที่นี่…ทำไม?”

น้ำเสียงของนางไร้ทั้งไมตรีและความอ่อนโยนที่เขาเคยพบเจอในงานเทศกาล ความแตกต่างนั้นช่างชัดเจนจนเหมือนคนละคน ภาพนางในฝันที่เคยยิ้มอ่อนโยนให้นั้นพลันสลายสิ้นไป เหลือไว้เพียงสตรีผู้แกร่งกร้าวและห่างเหินยิ่งนัก

จ้าวหย่งหยูพลันสะท้านวูบ ใบหน้าที่บิดเบี้ยวอยู่แล้วกลับยิ่งบิดเกร็งด้วยความสับสนและเจ็บปวด ริมฝีปากคดสั่นระริก พยายามกลืนความหวั่นไหวลงไป เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ฝืนยกคางให้สูงแสดงความมั่นใจแม้มันจะดูน่าสมเพชในสายตาผู้อื่น

“ขะ…ข้า…คือบุตร…ชายเพียงคนเดียว…ของอัครเสนาบดี…จ้าวเจี้ยนกั๋ว”

เขาเปล่งคำออกมาอย่างยากลำบาก แต่แฝงไปด้วยความทะนงตน ราวกับเพียงการเอ่ยนามผู้เป็นบิดา ก็คือบัตรผ่านอันทรงอำนาจที่จะเปิดทางสู่หัวใจสตรีใดก็ได้

มือบิดงอของเขาสั่นเล็กน้อย ก่อนจะผายไปยังหีบสมบัติที่เรียงรายอยู่ด้านหลัง ขบวนรถม้าที่บรรทุกทองคำ หยก และแพรพรรณล้ำค่ามาเต็มล้น ราวกับยกตลาดสมบัติทั้งเมืองมาถวายให้หญิงเพียงคนเดียว

“วันนี้…ข้า…มาพร้อม…ของขวัญ…เยี่ยมเยียน…เจ้ามากมาย…”

เสียงพร่าขาดห้วงพ่นออกมาด้วยความภาคภูมิใจปะปนความกระวนกระวาย เขาหวังว่าสมบัติเหล่านี้จะเป็นกุญแจที่ไขไปถึงใจของหลานเยว่ แต่สายตาคมที่ทอดมองกลับมาทั้งเย็นชา ทั้งห่างเหินบ่งบอกชัดเจนว่า ไม่มีทองคำกองใดบนโลก ที่จะซื้อใจสตรีนางนี้ได้เลย

“ข้า…รังเกียจเจ้าคนโรคจิตที่ลอบส่งคนมาตามข้า หากยังมีสติหลงเหลืออยู่บ้างก็จงกลับไปเสียเถิด”

น้ำเสียงนั้นเย็นชาไร้ซึ่งความปรานี ไม่เพียงตัดความหวัง แต่ยังย่ำยีศักดิ์ศรีที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดของเขาทันใดนั้น จ้าวหย่งหยู ร่างพิกลก็สะท้านเฮือกทั้งกาย ดวงตาที่มัวหมองเบิกกว้างราวกับถูกฉีกหัวใจด้วยมือเปล่า มือบิดเบี้ยวกำแน่นบนพนักรถเข็นจนข้อกระดูกนูนขึ้น เส้นเลือดปูดโปนบนขมับ ความเจ็บปวดและความตื่นตระหนกแผดเผาจิตใจจนแทบหายใจไม่ออก

เขา…ที่ตลอดชีวิตไม่เคยมีใครกล้าพูดกับตนเช่นนี้เขา…ที่เติบโตมาท่ามกลางการตามใจและบารมีของบิดาบัดนี้กลับต้องเผชิญถ้อยคำที่โหดร้ายยิ่งกว่าดาบแทงใจ

ริมฝีปากเบี้ยวคดสั่นระริก ก่อนจะขยับออกเป็นถ้อยคำพร่าขาดห้วง คล้ายเศษมนุษย์ที่กำลังร้องขอความเมตตา

“ขะ…ข้า…มะ…ไม่ได้…ตั้งใจ… ข้า…เพียง…อยาก…รู้จัก…เจ้า…เท่านั้น… นับแต่…แรกเห็น…ใจของข้า…ก็มิอาจ…มอบให้ผู้ใด…อีก…เลย…” เสียงพร่าติดขัดนั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและลุ่มหลง ความเว้าวอนที่เอื้อนเอ่ยออกมามิใช่ถ้อยคำรัก หากแต่เป็นเพียงเศษซากการขอร้องอันน่าสมเพชของชายพิการผู้ถูกโลกปฏิเสธ

แท้จริงแล้ว… สิ่งที่ทำให้ หลานเยว่ กรีดถ้อยคำเย็นชาออกไป มิใช่เพราะรูปลักษณ์อัปลักษณ์พิกลพิการของ จ้าวหย่งหยู ไม่ใช่เพราะหลังค่อม ใบหน้าบิดเบี้ยว หรือวาจาติดขัดของเขา หากแต่เป็น กลิ่นอายแห่งความมืดดำที่อบอวลอยู่รอบกายเขาต่างหาก

นาง… ผู้เคยโลดแล่นอยู่ในโลกมืด ดื่มเลือดและสูดกลิ่นคาวศพมานับไม่ถ้วนนาง… ผู้ที่ช่ำชองในการแยกแยะ เนื้อแท้ของคน จากเพียงแววตาและลมหายใจ

เพียงแค่เอื้อนเอ่ยสนทนากับเขาไม่กี่คำ… นางก็รู้แล้วทันทีชายผู้นี้หาใช่เพียงเศษมนุษย์ผู้เคราะห์ร้ายที่เกิดมาพิกลพิการ แต่เป็น ปีศาจที่ซ่อนอยู่ในคราบผู้พิการกลิ่นอายของความโหดร้ายความเคียดแค้นและราคะที่บิดเบี้ยว ลอยคลุ้งอยู่รอบกายเขาอย่างเข้มข้นมันคือกลิ่นที่ผู้คนทั่วไปไม่เคยรับรู้… แต่สำหรับนาง มันรุนแรงเสียจนกระแทกเข้าสู่โพรงจมูกและซึมซาบเข้าไปถึงกระดูกดำ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 117 สิบสี่ปีต่อมา (จบ)

    กาลเวลาล่วงเลยผ่านไปสิบสี่ปี… ชื่อเสียงของ นักฆ่าไร้นาม ค่อย ๆ กลายเป็นเพียงตำนานเล่าขานในหมู่ผู้คน ถึงแม้ในโลกมืดจะยังมีใบสั่งตายมากมาย แต่ไม่มีใครเคยเห็นพวกเขาออกมาเคลื่อนไหวอีก ราวกับได้หายลับไปจากยุทธภพ เหลือเพียงความเงียบงันที่แฝงไว้ด้วยปริศนาในเวลานี้ ภายในจวนตระกูลซู กลิ่นหอมอ่อนของชาอบอวลอยู่ในห้องโถง หลานเยว่ วัยสี่สิบปี นั่งอยู่ตรงหน้าต่าง แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องกระทบเรือนผมดำขลับที่ยังคงเงางาม ความงดงามของนางหาได้ลดทอนลงตามกาลเวลา หากแต่เพิ่มพูนด้วยเสน่ห์อันสงบเย็นและน่าเกรงขาม นางหันไปถามสามีด้วยเสียงอ่อนโยน แฝงด้วยความเย็นชาที่ไม่เคยเลือนหายไป“ท่านพี่… หลานจิ่วอวิ๋น ลูกของเราไปที่ใด?”คำถามของนางเหมือนหยดน้ำเย็นไหลผ่านกลางอก ซูจิ่งหลง ชายวัยหกสิบกว่า ที่แม้ร่างกายจะผ่านศึกและกาลเวลามานับไม่ถ้วน แต่ความสง่างามและอำนาจในแววตายังคงไม่เสื่อมคลาย เขายกยิ้มบาง ๆ ตอบเสียงนุ่ม แต่แฝงความเกรงใจ“เจ้าจะไปห่วงทำไมกัน… บัดนี้หลานจิ่วอวิ๋นเติบใหญ่แล้ว ไม่ใช่เด็กตัวน้อยอีกต่อไป”สายตาของ หลานเยว่ หันมาสบเขา ดวงตาคู่นั้นนิ่งสนิทและเย็นชา ราวกับคมดาบที่ซ่อนอยู่ใต้ฝัก คำตอบนั้นไม่ใช่สิ่งท

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 116 วันมงคล

    แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านซุ้มศาลาริมน้ำ เงาไม้ไหวระริกตามแรงลมเย็น เสียงน้ำกระทบฝั่งดังแผ่วเบา บรรยากาศรอบกายดูสงบสุขราวกับไม่มีคลื่นลมใด ๆ เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ซูจิ่งหลงนั่งนิ่ง สายตาเหม่อมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่รู้จักเบื่อ หลานเยว่ ยังคงสงบนิ่งเช่นเคย มือเรียวยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างอ่อนช้อย แววตาเย็นชาไร้อารมณ์ ทำให้เขารู้สึกว่าผู้หญิงผู้นี้…ไม่เพียงแต่เป็นมือสังหาร แต่ราวกับเป็นผู้ชี้ขาดโชคชะตาของผู้คนเพียงแค่ปรายตามอง นางไม่จำเป็นต้องลงมือเองเสมอไป เพียงกำหนดเส้นทางให้ เรื่องราวก็จะดำเนินไปอย่างที่นางปรารถนาชายหนุ่มพยายามสลัดภาพชะตากรรมอันน่าสมเพชของจ้าวหย่งหยูออกจากใจ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกสะท้านทั้งจากความโหดเหี้ยมของฟ้า และจากสตรีผู้ลึกลับตรงหน้า“เจ้ามองอะไร” เสียงของนางดังขึ้นเรียบเย็น แต่กลับกระทบเข้ากลางใจเขาราวกับใบมีดบางเฉียบซูจิ่งหลงสะดุ้งเล็กน้อย เขารีบยกยิ้มประดับใบหน้า พยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกที่กำลังพลุ่งพล่าน “เปล่า… ข้าเพียงแค่รู้สึกดีที่มีเจ้าอยู่เคียงข้างเท่านั้น”รอยยิ้มของเขาดูจริงใจ แต่ดวงตากลับซ่อนความเขินอายไว้ไม่มิดหลานเยว่ไม่กล่าวสิ่งใด นางเพียงวางถ้วยชาลงบนโ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 115 จุดจบของกากเดนในร่างมนุษย์

    แรกเริ่ม จ้าวหย่งหยู ยังยกยิ้มเยาะบนใบหน้า มันแสดงสีหน้าถือดีนักที่ได้เห็นอดีตบ่าวรับใช้ทำตัวราวกับสุนัขเชื่อง ๆ ยอมหมอบคลานต่อหน้า ทว่ากาลเวลาไม่เคยเข้าข้างใคร การรอคอยที่เนิ่นนานเกินไปกลับค่อย ๆ เผาอารมณ์อันบิดเบี้ยวของมันให้พลุ่งพล่านมันมาถึงตั้งแต่ฟ้ายังไม่เปลี่ยนสี จนบัดนี้ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ คล้อยต่ำใกล้ตกดินแล้ว แต่เงาของเจ้าขี้ข้าก็ยังไม่กลับออกมาเสียที ใบหน้าที่เหยียดหยามในคราแรกจึงค่อย ๆ กลายเป็นความบิดเบี้ยวทั้งโกรธเกรี้ยวและน่าสมเพชเจ้าง่อยตะเบ็งเสียงพร่าหอบ ริมฝีปากสั่นกระตุก น้ำลายเหนียวไหลเลอะเป็นทาง“แค่กกก… อ่อกกก… เจ้า…เจ้าขี้-ชะ-ชั้นต่ำ! กล้าาา…ปล่อยให้ข้า…รอออ…นานถึงเพียงนี้เรอะะะ! ขะ-ข้ามาตั้งแต่ฟ้าา…ยังไม่ทันเปลี่ยนสี…จนตะวัน…จวนจะตกแล้ววว!”เสียงโวยวายแตกพร่า แผดก้องไปทั่วหน้าประตู ราวกับเด็กร่างพิการเอาแต่ใจในสลัมผู้ไม่รู้จักคำว่าอดทนหรือศักดิ์ศรีไม่นานนัก ประตูไม้เก่าโทรมค่อย ๆ ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดแล้วเปิดออกอย่างเชื่องช้า คล้ายเจตนาแอบทดสอบความอดกลั้นของนายเก่า อดีตบ่าวโค้งตัวลง น้ำเสียงราบเรียบคล้ายไร้เดียงสา“ขออภัยด้วยขอรับ… มันเป็นเพราะเรือนข้ารกและสกปรกมากเก

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 114 อดีตบ่าวรับใช้

    สำหรับบางคน…ความตายอาจเป็นเพียงการปลดปล่อย แต่สำหรับจ้าวหย่งหยู เศษเดนในร่างพิการผู้นี้ มันไม่ควรมีจุดจบที่เรียบง่ายถึงเพียงนั้นชีวิตของมันเต็มไปด้วยมลทินที่แม้ตัวมันเองยังจำไม่ได้ว่าก่อกรรมชั่วกับใครไปมากเท่าไรแล้วเคยสั่งลูกน้องรุมซ้อมบัณฑิตผู้ใฝ่ดีจนพิการ เพียงเพราะริษยาที่อีกฝ่ายมีสติปัญญาดีมากกว่าตนเคยฉุดคร่าสตรีงามที่สะดุดตา ไม่สนใจว่านางมีครอบครัวหรือฐานะเช่นไรเคยเหยียบย่ำชีวิตผู้คนจนพังพินาศนับครั้งไม่ถ้วนเพราะบารมีและอำนาจของบิดาอย่าง อัครเสนาบดีจ้าวเจี้ยนกั๋ว ที่คอยปกปิด เก็บกวาด และอุ้มชู ทำให้มันยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้จนถึงวันนี้แต่เมื่อเสาหลักล้มลงแล้ว โลกทั้งใบของมันก็ดิ่งลงเหวอย่างไร้ทางหนีค่ำคืนหนึ่ง ร่างพิการที่นั่งค่อมบนรถเข็นเก่า ๆ จมอยู่ในความมืด ดวงตาขุ่นหมองฉายแววโหยหวน น้ำเสียงแหบพร่าเล็ดลอดออกมาพร้อมหยาดน้ำตา“ท่ะ…ท่านพ่อ… ข้า…คึ-คิดถึงท่าน… เหลือเกิน…”เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของนายน้อยผู้เคยอหังการ แต่คือเสียงสะอื้นของเศษมนุษย์ที่ไร้ที่พึ่งตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่มีแม้แต่อาหารสักคำตกถึงปาก ความหิวกัดกินจนท้องไส้บิดเกร็ง แต่ถึงกระนั้น จ้าวหย่งหยู ก็ยังยึดมั่นในศักดิ์

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 113 ของขวัญแต่งงาน

    ภายในจวนร้างที่เงียบงัน เสียงล้อรถเข็นยังคงเสียดสีพื้นหินดังเอี๊ยดอ๊าดไม่ขาดสาย จ้าวหย่งหยู เข็นตัวเองไปอย่างทุลักทุเล ใบหน้าบิดเบี้ยวชุ่มไปด้วยน้ำตาและน้ำลายที่ไหลยืดเลอะเปรอะคาง ร่างพิการสั่นเทาคล้ายจะล้มพังได้ทุกเมื่อทุกห้องที่มันเปิดเข้าไป ภาพที่ปรากฏตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับฝันร้ายตู้หีบสมบัติถูกเปิดอ้า หยกงาม ทองคำ และเงินก้อนโตที่เคยเป็นภูเขาทรัพย์หายวับไปราวกับไม่เคยมีอยู่ ร่องรอยการกวาดล้างปรากฏทุกซอกมุม เหลือเพียงความว่างเปล่ากับความเย้ยหยันที่บีบคั้นหัวใจอันบิดเบี้ยวมันสั่นระริกทั้งร่าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น หัวเราะปนสะอื้นเสียงแหบพร่า“ฮึ่กก… ฮือออ… มะ-ไม่… ไม่นะะะ… ทรัพย์… ซะ-สินของข้าาาาา… ทองคำของข้าาา! ฮ่ะ…ฮึ่กก!”หยาดน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมานั้น มิใช่เพราะมันเสียใจที่ถูกเหล่าคนรับใช้ทอดทิ้ง แต่เป็นเพราะ เกราะกำบังเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของมันทรัพย์สมบัติที่พ่อทิ้งไว้ถูกพรากไปจนสิ้นมันรู้ดีแก่ใจ ว่าที่ผ่านมาอำนาจและรัศมีที่มันอวดอ้างล้วนแล้วแต่เป็นเพียงเงาของบิดาผู้ล่วงลับ กับกำแพงทองคำที่ห้อมล้อมคุ้มครองมัน หากปราศจากสิ่งเหล่านี้ มันก็เป็นเพียง ซากพิการอัปลักษณ์ที่ไร้ค่า เดิ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 112 นักฆ่าไร้นามเคลื่อนไหว

    ภายในห้องโถงที่เงียบสงัด แสงตะเกียงเพียงไม่กี่ดวงส่องให้เห็นเงาเรียงรายของผู้คนที่ยืนรอคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง มือสังหารนับร้อยในชุดดำสนิท ปิดบังใบหน้าแน่นหนา ราวกับเป็นเงามืดที่ไร้ตัวตน แต่ละคนแผ่รังสีอันตรายคล้ายคมดาบที่ซ่อนอยู่ในฝัก ทุกสายตาหันมาจับจ้องยังสตรีเพียงผู้เดียวที่นั่งอยู่เบื้องหน้าหลานเยว่ เอนกายเล็กน้อยบนเก้าอี้ไม้ แววตาคมเรียบเฉยดั่งผืนน้ำแข็งที่ไร้คลื่นกระเพื่อม ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเพียงเสี้ยว ราวกับกำลังพูดเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ต้องใส่ใจนัก ก่อนเสียงเย็นยะเยือกจะเอื้อนเอ่ยออกมา“สังหารสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำในร่างคนพวกนั้นให้สิ้นซาก… และชิงเอาทรัพย์สินของมันมาให้หมด”น้ำเสียงนั้นสงบนิ่งเสียจนชวนขนลุก คล้ายกับนางไม่ได้สั่งการล้างชีวิตผู้คนนับร้อย แต่เป็นเพียงการบอกให้คนของนางไปดูแลสวนหรือจัดการเรื่องบ้านเรือน ความเย็นชานี้เองทำให้ทุกคำยิ่งดังก้องและหนักหน่วงนางหยุดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยสายตาที่เฉียบคม “เหลือชีวิตไว้แต่เพียง…เจ้าง่อย และคนที่ไม่เกี่ยวข้อง”ถึงแม้นางจะสั่งฆ่าอย่างไร้ความปรานี แต่ก็ไม่มีวันเอ่ยคำให้พรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ คำสั่งของหลานเยว่เด็ดขาด นางต้องการเพ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status