บทที่ 12 ตอบแทน
อ้ายเยว่สนุกสนานกับลูกแมวที่เขาได้ช่วยลงมาจากต้นไม้ พูดคุยกับแม่นมจนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าของหลี่มี่ที่เดินผ่านมา
"คุณชายเจ้าคะ ฮูหยินกำลังเดินมาทางนี้นำลูกแมวที่คุณชายได้ช่วยไว้ไปให้ฮูหยินดูดีมั้ยเจ้าคะ" อ้ายเยว่หันไปมองเยิ่นเม่ยเม่ยที่กำลังเดินผ่านพร้อมอุ้มลูกแมวเอาไว้ในอ้อมแขน
"ทำไมต้องนำไปให้นางได้ดูด้วย ข้าไม่ชอบนางแม่นมเข้าใจหรือไม่"
"แต่ว่าฮูหยินได้รับบาดเจ็บที่หัวเพราะช่วยคุณชายเอาไว้นะเจ้าคะ หากฮูหยินมารับคุณชายไว้ไม่ทัน คุณชายอาจจะเจ็บตัวมากกว่านี้ก็เป็นได้"
"แม่นมพูดมาก ก็ได้แต่ที่ข้าทำเพราะไม่ใช่ข้าชอบนางหรอกนะ แต่เพราะนางช่วยข้าอย่างที่แม่นมกล่าวเท่านั้น" อ้ายเยว่ยังคงไม่อาจจะเปิดใจรับหลี่มี่ได้ แต่ก็ยังอุ้มลูกแมวดินไปหานาง
หลี่มี่เดินผ่านห้องของอ้ายเยว่แต่นางไม่คิดจะเข้าไปหาเพราะยังไม่พร้อมที่จะรับมือเพียงแค่ฟางเหนียงนางก็ปวดหัวพอแรงอยู่แล้ว แต่ทว่านางกลับเห็นว่าอ้ายเยว่กำลังอุ้มลูกแมวเดินตรงมาหานาง
"ไป๋ลู่เจ้าดูสิว่านั้นใช่คุณชายอ้ายเยว่หรือไม่? หรือว่าข้าตาฝาด"
"นั้นคุณชายอ้ายเยว่จริง ๆ เจ้าค่ะ " หลี่มี่คิ้วขมวดเข้าหากัน ปกติเด็กชายไม่ชอบนางแต่วันนี้เขากลับเดินเข้ามาหานางก่อนหรือว่าจะมีแผนอันใดอีก
"นี่ท่านหายดีแล้วอย่างนั้นหรือถึงออกมาเดินเล่นเช่นนี้" อ้ายเยว่ถามหลี่มี่ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด่าง
"เจ้าไม่อยากให้ข้าหายหรืออย่างไร ว่าแต่ที่เจ้าอุ้มอยู่นั้นใช่สิ่งที่เจ้าช่วยไว่หรือไม่?"
"ใช่แล้ว นี่คือมู่มู่แมวน้อยสัตว์เลี้ยงของข้า "
"เหอะ เจ้าเลี้ยงสัตว์เป็นด้วยหรือข้าเห็นเจ้าชอบรังแกสัตว์ตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าจะรังแกมันเสียอีก" หลี่มี่หมั่นไส้ท่าทางอวดดีของอ้ายเยว่จึงเหน็บแหนมเด็กน้อยที่กำลังอวดลูกแมวให้นางดู
"ข้าไม่ได้มีจิตใจชั่วร้ายถึงเพียงนั้นเสียหน่อย หากท่านหายดีก็ดีแล้ว ท่านอยากได้อันใดเป็นการตอบแทนที่ช่วยข้า แต่..หากจะให้ข้าเรียกท่านว่าท่านแม่คงไม่มีทาง" อ้ายเยว่เอียงคอเอ่ยถามความต้องการของหลี่มี่ นางกอดอกพลางทำท่าทางนึกคิด
"เจ้าให้ข้าเอ่ยออกมาตามที่ต้องการใช่หรือไม่? "
"ใช่นะสิ!!"
"เช่นนั้นคืนนี้เจ้าจงมานอนกับข้าที่ห้อง นี่คือการตอบแทนที่ข้าช่วยเจ้า "
"ไม่เอา ใครจะอยากไปนอนกับท่านกัน "
"แต่มีท่านพ่อเจ้าด้วยนะ เจ้าไม่อยากนอนด้วยจริง ๆ นะหรือบนเตียงที่แสนนุ่มนอนสามคนท่านพ่อของเจ้า ข้าแล้วก็เจ้าจะอบอุ่นถึงเพียงใดกันนะ แต่หากเจ้าไม่ต้องการข้าเองก็ไม่บังคับใจเจ้า ไป๋ลู่ไปกันเถอะ ข้ายังอยากเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ให้ทั่วเรือนค่อยกลับห้อง" หลี่มี่เอ่ยเสร็จทำเป็นไม่สนใจอ้ายเยว่แต่ทว่ตอนนี้ใบหน้าของอ้ายเยว่เต็มไปด้วยความสงสัยในคำพูดของหลี่มี่
"ความอบอุ่นอย่างนั้นหรือ?? นอนด้วยกันสามคนหรือ?? แม่นมความอบอุ่นเป็นเช่นไรท่านรู้หรือไม่" อ้ายเยว่หันไปถามแม่นมที่ยืนอยู่ข้างหลังพร้อมนั่งลงปล่อยให้ลูกแมวได้เดินเล่น
"ความอบอุ่นคือการถูกรักเจ้าค่ะ การโดนสวมกอดจากอ้อมแขนของท่านพ่อท่านแม่ โดยมีคุณชายนอนอยู่ตรงกลางนั้นคือความอบอุ่นเจ้าค่ะ " อ้ายเยว่ได้ยินคำพูดของแม่นมเขาเองก็อยากได้รับความอบอุ่นเช่นกัน ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยได้นอนกับท่านพ่อด้วยซ้ำความอบอุ่นที่เคยได้มาจากอ้อมกอดของแม่นมที่กล่อมเขาหลับนอน ใจของอ้ายเยว่เริ่มสับสนกับความต้องการนี้ หันไปมองหลี่มี่จากด้านหลังที่ตอนนี้นางกำลังเดินจากไปไกล ๆ หากเขาต้องการความอบอุ่นที่นางว่ามาจะเป็นเช่นไรนะ
เรือนหลิวอี้เฟ่ย
ภายในเรือนสาวใช้ต่างพากันทำหน้าที่ ท่านใต้เท้าหลิวบิดาของหลิวอี้เฟ่ย เขาเป็นใต้เท้าที่ไม่ได้มีนิสัยดีอันใดอำนาจทุกอย่างที่เขาครอบครองทำให้เขากำเริบพยองตน เขาเลี้ยงบุตรสาวมาอย่างตามใจทุกอย่างไม่ว่านางต้องการอะไรเขาก็หามาให้นางได้เสมอ ใต้เท้าหลิวมีบุตรชายคนโตและหลิวอี้เฟ่ยเป็นบุตรสาวคนรอง ทั้งพ่อและพี่ต่างพากันตามใจนางราวกับเป็นไข่ในหิน
วันนี้ทั้งสองนั่งจิบน้ำชาอยู่ที่ศาลาในสวนกลางเรือนหารือเรื่องที่ทำอยู่ในตอนนี้ เขาจะให้บุตรชายคนโตทำผลงานเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของฝ่าบาทเพื่อทูลขอองค์หญิงแต่งงานเพื่ออำนาจในตระกูล หลิวอี้เฟ่ยใบหน้าบูดบึ้งเดินเข้ามาหาทั้งสองจนท่านพ่อกับท่านพี่เป็นห่วงได้เอ่ยถาม
"หลิวอี้เฟ่ยมีผู้ใดขัดใจเจ้าอย่างนั้นหรือใบหน้าเจ้าถึงดูไม่ได้เช่นนี้ " ใต้เท้าหลิวได้เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
"นั้นสิ! ผู้ใดกันกล้ามาทำให้อี้เฟ่ยของข้าอารมณ์ไม่ดีบอกข้ามา ข้าจะจัดการให้"
"ท่านพ่อ ท่านพี่ลูกมีเรื่องทุกข์ใจเจ้าค่ะ ท่านพ่อรู้หรือไม่เจ้าคะว่าใจของข้าหมายปลองชายใด" หลิวอี้เฟ่ยนั่งลงที่เก้าอี้ตัวที่ใกล้ใต้เท้าหลิวพลางถอนหายใจ
"เหอะเหตุใดข้าจะไม่รู้เพียงมองดูเจ้าเวลาพบเจอบุรุษผู้นั้นข้ารู้ได้ในทันที "
"เจ้าจะอาลัยอาวรณ์บุรุษเช่นนั้นทำไมกัน สู้เจ้าแต่งกับองค์ชายสามเข้าวังมิดีกว่าหรือ? ทั้งอำนาจทั้งเงินทอง" ท่านพี่ของนางเอ่ยให้หลิวอี้เฟ่ยตัดใจ
"ท่านพี่องค์ชายสามเจ้าชู้เสเพลวัน ๆ ไม่ทำอันใดข้าไม่ชอบคนเช่นนั้นเจ้าค่ะ แต่งเข้าไปในวังแม้จะมีเงินทองอำนาจแต่ข้าหามีความสุขไม่ ไม่แน่ข้าอาจจะพบเจอเรื่องให้ทุกใจอีกมากมาย"
"แล้วองค์ชายสามแตกต่างจากท่านแม่ทัพเทียนหลันเซ่อเช่นไร องค์ชายสามดีกว่าเป็นไหน ท่านแม่ทัพแม้จะเก่งกาจมีบริวาลมากมายแต่เจ้าอย่าลืมสิว่าเขานั้นต่างเคยมีภรรยาแถมยังมีลูกติด ข้าได้ยินมาว่าท่านแม่ทัพแต่งบุตรสาวของรองแม่ทัพเข้ามาอยู่ในเรือนเป็นฮูหยินแล้วมิใช่หรือ? เจ้าตัดใจเสียเถอะ " ท่านพี่ยังคงเอ่ยเพื่อให้หลิวอี้เฟ่ยเปลี่ยนใจ ส่วนท่านใต้เท้านั่งนิ่งเงียบฟังทั้งสองคุยกันก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่เต็มไปด้วยความหวั่นเกรง
"แต่อย่างไรท่านแม่ทัพเองก็เป็นบุรุษที่ดี หากข้าได้เขามาเป็นเขยคงมีแต่จะทำให้อำนาจของข้าเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ในใต้หล้านี้คงไม่มีผู้ใดกล้ามาทำอันใดได้ แล้วเจ้าจะให้ข้าช่วยเช่นไรหรือหลิวอี้เฟ่ย"
"ท่านพ่อเห็นด้วยกับข้าใช่หรือไม่เจ้าคะ เห็นมั้ยท่านพี่ท่านพ่อยังชอบท่านแม่ทัพเลย " นางยิ้มร่ารีบหันไปบอกท่านพี่ว่าท่านพ่อเห็นชอบกับนางในเรื่องนี้
"เหอะที่ท่านพ่อชอบมิใช่ท่านแม่ทัพเสียหน่อยแต่เป็นอำนาจต่างหาก"
"ชิ!ข้าไม่คุยกับท่านพี่แล้ว ท่านพ่อเจ้าคะท่านพ่อจะว่าอย่างไรหากข้าจะยอมเป็นเพียงฮูหยินรองของท่านแม่ทัพ แต่ท่านพ่อมิต้องกังวลเจ้าค่ะ เพราะท่านป้าฟางเหนียงเองก็มิได้ชื่นชอบฮูหยินคนใหม่ แถมยังจะหาทางกำจัดนางทิ้งด้วยซ้ำ "
"อื้ม เรื่องนี้ก็ไม่ได้ติดอันใดอีกอย่างท่านแม่ทัพเองก็เป็นคนใหญ่คนโตการมีฮูหยินรองมิใช่เรื่องน่าเกลียด แล้วเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านแม่ทัพสนใจเจ้า " สิ่งที่ใต้เท้ากังวลคือการที่บุตรสาวไม่ได้ความรักต่างหาก
"เรื่องนั้นท่านพ่อมิต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ เพียงแค่ท่านพ่อสนับสนุนข้า "
"ได้สิ ..หากเจ้าต้องการอะไรข้าจัดการให้เจ้าได้เสมอเพียงแค่เจ้าเอ่ยปาก"
"ข้ารักท่านพ่อที่สุดเลยเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวนำเรื่องนี้ไปหารือกับท่านป้าก่อนนะเจ้าคะ" หลิวอี้เฟ่ยยิ้มไม่หุบรีบนำเรื่องนี้ไปหารือกับฟางเหนียงทันที
หลังจากที่นางเดินจากไปท่านพี่จึงเอ่ยถามใต้เท้าหลิว
"ท่านพ่อ เหตุใดท่านพ่อถึงได้ยอมนางด้วยขอรับ เรื่องอื่นข้าไม่ว่าแต่เรื่องนี้ไม่เหมาะสม หลิวอี้เฟ่ยเป็นสตรีที่เพรียบพร้อมทุกอย่าง นางไม่เหมาะสมกับตำแหน่งฮูหยินรองของท่านแม่ทัพด้วยซ้ำ "
"เจ้าไม่รู้อันใด ท่านแม่ทัพผู้นี้ไม่ว่าจะเป็นฐานะ อำนาจเงินทองล้วนมีมากกว่าเราด้วยซ้ำ หากเป็นเช่นดั่งที่หลิวอี้เฟ่ยเอ่ยหากนางกำจัดฮูหยินใหญ่ได้ไม่นานนางจะได้ขึ้นเป็นฮูหยินใหญ่อีกอย่างฟางเหนียงเองก็เอ็นดูนางมีหรือที่อำนาจทุกอย่างไม่ตกอยู่ที่นาง"
"เอ๊ะ! ท่านพ่ออย่าลืมสิว่าท่านแม่ทัพมีบุตรชายอยู่หนึ่งคนแล้วเช่นนี้อำนาจจะตกมาอยู่ที่หลิวอี้เฟ่ยได้อย่างไร "
"เจ้าน่าจะฉลาดได้ข้าสักนิด ก็แค่หาทางกำจัดทิ้งเหมือนฮูหยินใหญ่ของท่านแม่ทัพอย่างไรล่ะ แค่นั้นก็ไม่มีผู้ใดมาขัดขวางหนทางยิ่งใหญ่ของข้าแล้ว ฮ่าฮ่า"
"ใช่ ๆ ท่านพ่อช่างปราดเปรื่องเหลือเกิน ฮ่า ฮ่า" สองพ่อลูกหัวเราะกันอย่างชอบใจเมื่อเห็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่อยู่ต่อหน้า
บทที่ 4 เขาคือคนที่ฉันคิดถึงมาตลอดไม่นานนักเซ่อเหลียนได้กลับมาพร้อมยาที่เขาตั้งใจไปซื้อมาให้เธอเขาเดินเข้ามาในห้องของหลี่มี่ได้ยินเสียงน้ำที่หยดลงพื้น เขาจึงเดินไปที่ห้องครัวของเธอเปิดตู้เย็นเพื่อดูของจะทำอาหารให้เธอได้กินเช้านี่แต่กลับไม่เห็นอาหารที่มีประโยชน์เลยมีเพียงอาหารสำเร็จรูปเท่านั้น"เธอใช้ชีวิตอย่างไรเนี้ยะ! ทำไมไม่มีอะไรกินเลย” เขาบ่นพึมพำอยู่หน้าตู้ก่อนจะคว้าอาหารสำเร็จรูปมาต้มให้เธอได้กินก่อนจะกินยาหลี่มี่อาบน้ำเสร็จเธอเดินออกมาจากห้องน้ำผมยังไม่แห้งดีกลิ่นสบู่อ่อน ๆ ออกมาจากเธอทำให้เขาหันไปมองเพราะตอนนี้เธอมายืนดูเขาอยู่“ทำอะไรเหรอ”“หาอะไรทำให้คุณกินนะสิ ทำไมไม่มีอะไรเลยนอกจากอาหารสำเร็จรูปแบบนี้”“เฮ้อ! นายไม่ต้องสนใจการอยู่การกินของฉันหรอกนะ มานี่ฉันมีเรื่องจะพูดกับนายมากมายเรื่องกินเอาไว้ก่อน” เธอดึงมือของเขาออกจากห้องครัวไปนั่งที่โซฟาเพื่อตกลงเรื่องที่เกิดขึ้น“เรื่องที่จะพูดคงไม่คิดผลักไสไล่ส่งผมหรอกนะ รู้มั้ยว่าคุณคือคนที่พรากความบริสุทธิ์ของผมไป” เซ่อเหลียนกลัวว่าเธอจะไม่ให้เขาได้เจอเธออีกเลยเอ่ยออกมาแบบนี้“เฮ้อ! ฉันไม่เข้าใจนายเลย เอาอย่างนี้หากเรื่องที่เก
บทที่ 3 ฉันจะรับผิดชอบเองเมื่อพาเธอเข้านอนเขาได้จัดแจงนำกระเป๋าของเธอวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง สายตาของเขาจ้องมองรอบ ๆ ห้องของหลี่มี่เห็นรูปที่เธอสั่งวาดช่างเหมือนเขาเหลือเกิน ยิ่งทำให้เขาดีใจที่เธอไม่เคยลืมเขาแม้แต่น้อย“ดีใจจังเลยที่เธอไม่เคยลืมฉัน ...คงเสียใจมากสินะที่กลับมาทั้งอย่างนี้ เธอเป็นคนเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตของฉัน ขอบคุณนะหลี่มี่” เขาหันมามองเธอที่หลับอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนที่เขาจะกลับบ้านของตัวเองได้เข้าไปนั่งข้างเธอยื่นมือไปลูบหน้าของเธอย่างอ่อนโยน“ดูสิไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้เธอยังคงงดงามเช่นเดิม” เขาลูบหน้าของเธอก่อนจะลุกเพื่อกลับบ้านแต่แล้วหลี่มี่กลับจับมือของเขาเอาไว้แน่นละเมอออกมาเสียงแผ่วเบา“อย่าไปนะ อย่าจากฉันไป อึก อึก ฉันเหงาเหงามากเหลือเกิน” แม้ว่าเธอจะไม่ลืมตาแต่น้ำตาของเธอไหลรินออกมาอย่างช้า ๆ“เธอใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีใครมาตลอดอย่างนั้นเหรอ แล้วอย่างนี้ฉันจะหักห้ามใจตัวเองไม่ให้อยากโอบกอดเธอได้อย่างไร” เซ่อเหลียนใช้มืออีกข้างเช็ดหยาดน้ำตาให้หลี่มี่ส่วนมืออีกข้างของเขาตอนนี้ถูกเธอกอดเอาไว้แน่น เขาพยายามแกะมือของเธอออกอย่างแผ่วเบากลัวว่าเธอจะตื
บทที่ 2 เจอกันอีกครั้งหลังจากที่เขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเขียนจึงได้รู้ว่าอีกไม่กี่วันจะมีการรับรางวัลมีรายชื่อของนักเขียนหลี่มี่ที่เขาต้องการพบ เซ่อเหลียนจึงตั้งใจจะไปพบเธอให้ได้ เขาเฝ้ารอการพบเจอจนกระทั่งได้เห็นเธอขึ้นไปบนเวทีรับรางวัล ใบหน้าของเธอช่างเหมือนเยิ่นเม่ยเม่ยอย่างไรอย่างนั้น ตอนที่เธอพูดถึงหนังสือเรื่องนี้ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลในครั้งนี้ เขายิ่งมั่นใจว่าเธอคือคนที่เขาตามหา"นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันรักมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครทุกเหตุการณ์ที่ฉันบรรจงแต่งออกมาแต่ละบทความฉันใช้ความรู้สึกของฉันเขียนไปด้วย เมื่อตัวละครมีความสุขฉันก็มีความสุขหากเมื่อไหร่ที่ตัวละครฉันเสียใจฉันเองก็เสียใจไม่น้อยร้องไห้จนไม่เป็นอันทำอะไร ฉันไม่คิดเลยว่านิยายของฉันเรื่องนี้จะเป็นที่ยอมรับของทุกคน ขอบคุณนะคะสำหรับรางวัลนี้และขอบคุณที่ให้โอกาสนักเขียนตัวน้อยได้มาโลดแล่นในวงการนี้ฉันขอสัญญาจะตั้งใจเขียนนิยายออกมาให้ดีที่สุด ขอบคุณค่ะ" รอยยิ้มแววตาที่เขาคุ้นเคยแม้กระทั่งน้ำเสียงของเธอเขาจดจำได้ทุกอย่าง น้ำตาแห่งความดีใจได้หลั่งไหลออกมา เขาที่นั่งอยู่ด้านหลังสุดรีบเช็ดน้ำตาหัวใจของเขาเต้นแรงตึกตั
บทที่ 1 ทะลุมิติ"เฮือก!!! " ชายนอนอยู่บนเตียงลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงงวย มองซ้ายมองขวาต้องตกใจเข้าไปใหญ่ สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยช่างแปลกตายิ่งนัก แม้แต่เตียงที่นอนอยู่ก็มิใช่เตียงที่เขานอนในทุกวัน"ที่นี่ที่ใดกัน!! หรือว่าข้าถูกศัตรูลักพาตัวมา ไม่ได้การแล้วข้าต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ต้องหาผู้บงการในครั้งนี้เพื่อจัดการให้สิ้นซาก" เทียนหลันเซ่อลุกขึ้นจากเตียงมองพนังสีขาวเป็นห้องสี่เหลี่ยมเดินสำรวจก่อนจะเปิดประตูค่อย ๆ ย่องเพื่อหลบหนีเขาเดินออกมาต้องตกใจมากกว่าเดิม ด้านนอกมีสิ่งแปลกประหลาดมากกมาย เขามองซ้ายมองขวาไม่พบเจอผู้คนเขามองเห็นโต๊ะที่ไม่เคยเห็นจึงนั่งลงเพื่อครุ่นคิดแต่แล้วเขากลับนั่งทับรีโมททำให้ทวีต่อหน้าได้เปิดขึ้นเสียงดัง ทีวีได้ฉายข่าวเทียนหลันเซ่อไม่เคยเห็นเขาตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ"นั่นใครกัน!! ออกมามาเดี๋ยวนี้นะ เจ้าเป็นใคร" เขาชี้นิวไปด้านหน้าทีวีพลางกระโดดขึ้นโซฟา จู่ ๆ มีหญิงชราเดินเข้ามาในมือถือทัพทีใบหน้าคิ้วขมวด"อะไรของแกกันห่ะ!!! ตื่นมาโวยวายเช่นนี้ได้อย่างไร เวรกกรรมอะไรของฉันมีลูกโตขนาดนี้แล้วแต่ยังต้องคอยหาเลี้ยงอีก " เทียนหลันเซ่อคิ้วขมวดอย่างสงสัยสตรีด้าน
บทที่ 55 นักเขียนหน้าใหม่หลี่มี่ได้ถูกรับเชิญให้ไปรับรางวัลนักเขียนหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จในงานเลี้ยงฉลองนักเขียนดัง ๆ ระดับแถวหน้าของประเทศ เธอแต่งหน้าอยู่ที่กระจกแม้เวลาผ่านไปหนึ่งปีแต่เธอยังคงคิดถึงเทียนหลันเซ่อพระเอกนิยายตัวเองไม่จางหายเขาไม่เคยหายไปจากใจของเธอเลย แม้กระทั่งน้ำเสียงหรือใบหน้าเธอยังคงจำได้ดีแต่ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้ร้องไห้เหมือนที่ผ่านมาเธอกลับยิ้มออกมาอย่างสุขใจ "เทียนหลันเซ่อปานนี้ท่านจะเป็นอย่างไรนะ รู้หรือไม่ว่าฉันคิดถึง วันนี้เป็นวันที่ฉันประสบความสำเร็จถ้ามีท่านอยู่เคียงข้างคงจะดี เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวสิยังไงทุกวันนี้ฉันก็มีเทียนหลันเซ่ออยู่ข้างกายอยู่แล้ว วันนี้เราไปรับรางวัลด้วยกันนะ" หลี่มี่หยิบหนังสือของตัวเองพร้อมถือออกจากห้องไปพร้อม ๆ กัน ฝั่งด้านเทียนหลันเซ่อหลังจากที่เขากลับมาจากทะเลวันนั้น เยิ่นเม่ยเม่ยดูอ่อนโยนมากกว่าเดิมวาจานิสัยไม่เหมือนเดิมแถมยังเหมือนสตรีที่สูงส่งแต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่เหตุใดความรู้สึกของเขาเสมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป วันนี้เขามายืนจ้องมองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าลมเย็นกระทบกาย จู่ ๆ รอยยิ้มใบหน้าที่เขาคิดถึงก็ปรากฎข
บทที่ 54 ลาจากด้วยความรักเทียนหลันเซ่อจ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างสุขใจ ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งเขาย้อนเวลามาอีกครั้ง หากเป็นเช่นดั่งอดีตเขาก็คงไม่มีทางรู้ว่ามีสตรีที่เขารักและรักเขามาเพียงใด นางเข้ามาเติมเต็มทุกอย่างในชีวิตของเขาจริง ๆ หลี่มี่วางมือของเทียนหลันเซ่อพร้อมหันหลังไปมองพลุที่ยังคงถูกจุดอีกหลายดอกบนท้องฟ้า น้ำทะเลไหลมาสัมผัสที่เท้าจนหลี่มี่ต้องก้มมองดูแต่แล้วหัวใจของนางต้องหล่นวูบเมื่อบัดนี้ไม่ใช่แค่เท้าหรือขาของนางที่เลือนรางตอนนี้บนตัวของนางก็เริ่มเลือนรางขึ้นมาเรื่อย ๆ นางไม่เข้าใจทำไมคนอื่นไม่เห็นเหมือนนางหรือมีเพียงแค่นางผู้เดียวที่เห็นความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ นางไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นแค่คิดนางก็ใจหายรีบหันไปมองหน้าของเทียนหลันเซ่ออย่างลึกซึ้งอีกครั้ง "ท่านพี่เจ้าคะ วันนี้ข้าอยากให้ท่านสัมผัสตัวข้าช่วยมอบจูบที่ลึกซึ้งให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ""ได้สิทำไมข้าจะให้เจ้าไม่ได้แค่เพียงจูบ" พูดจบเทียนหลันเซ่อโอบกอดหลี่มี่ก้มลงประทับจูบที่นุ่มนวลหอมหวานแต่ทว่านางกลับรู้สึกเสียใจ เพราะหากเป็นอย่างที่นางคิดนี่จะเป็นจูบสุดท้ายที่นางจะได้รับจากเขา ทั้งสองจูบกันท่ามกลางแสงพลุที่ส่องประ