แชร์

ตอนที่ 2 เหยาเหยา

ผู้เขียน: JAOTUNTEE
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-05 15:44:07

ตอนที่ 2

เหยาเหยา

ลมหนาวจากหุบเขาพัดเอื่อย ๆ จนเหยาเหยาต้องกอดตัวเองไว้แน่น ผ้าผืนบางบนร่างไม่ใช่ชุดที่เธอเคยสวมใส่มาก่อน แม้ว่าสีสันนั้นจะยังสดใสและเนื้อผ้าก็ดูเหมือนว่าจะเนื้อดีไม่น้อย แต่มันกลับขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านการกรีด ฉีก ดึงจนบัดนี้มันดูสะบักสะบอมไม่น้อย

“ยังไงก็หมายความว่านี่คือร่างของฮั่วเฉาซี.. สตรีน่ารังเกียจผู้นั้นสินะ”

เธอพึมพำเบา ๆ ปล่อยเสียงหลุดลอยไปกับลม ดวงตายังคงจับจ้องที่มือทั้งสองข้าง นิ้วเรียวยาวที่ไม่ใช่ของเธอ เส้นเลือดใต้ผิวหนังซีดขาวเหมือนเลือดยังไหลเวียนไม่เต็มที่ เธอลุกขึ้นยืนอีกครั้งแม้ร่างกายจะยังโอนไปเอนมา แต่สุดท้ายการจะมานั่งร้องไห้รอความตายเป็นครั้งที่สองก็คงจะไม่ได้

“ถ้าไม่ใช่ฝันก็แปลว่าฉันต้องอยู่ต่อให้ได้.. แต่ทำไมกันนะ ทำไมต้องเป็นร่างกายของสตรีผู้นี้กัน”

เธอกัดฟันแน่น ยกชายผ้าที่ขาดหลุดลุ่ยขึ้นมาผูกไว้หลวม ๆ กันโป๊พอเป็นพิธี ก่อนจะเริ่มก้าวเท้าออกจากสุสานจุดที่คล้ายจะเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิตเก่า และเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่

สองเท้าเปลือยเปล่าเหยียบลงบนดินชื้น แต่เวลานี้เธอไม่สนใจอะไรแล้ว ขอแค่รีบออกให้ห่างจากหลุมศพเหล่านี้ก็พอ แม้ว่าหินจะบาดจนเลือดซิบ แม้ฝุ่นจะติดจนรู้สึกแสบ เธอก็ยังคงก้าวไปข้างหน้า

"หาที่ที่มีคนก่อนแล้วกัน"

ท่ามกลางแสงจันทร์เสี้ยวสลัว สองเท้าของนางยังคงเดินตลอดไม่หยุดพัก ผ่านพุ่มไม้รก ผ่านกอไผ่และแนวต้นสน เสื้อผ้าบนร่างกายเธอหลุดลุ่ยจนแทบปิดไม่มิด แขนเสื้อขาดเป็นริ้วเผยให้เห็นท้องแขนมีรอยขีดข่วนจากเล็บเลอะฝุ่นเลอะโคลน ดูจากสภาพเสื้อผ้ากับรอยช้ำรอบลำคอ รอยเขียวคล้ำบนต้นแขน

“โดนโจรขุดขึ้นมาแน่ ๆ”

เสียงที่เปล่งออกมาเบาหวิวแต่ชัดเจนจนตัวเธอเองยังสะอึก โจรขุดศพที่เห็นในนิยาย มักจะขุดศพขึ้นมาเพื่อล้วงเครื่องประดับ ทองคำ หรือแม้แต่นำร่างกายของศพไปขายให้กับกลุ่มลัทธิมืด แต่ก็ไม่คิดว่าจะประสบพบเจอจริง ๆ กับตัวเอง ไม่สิ.. ร่างกายที่ตัวเองกำลังใช้งานอยู่ตอนนี้ มือเล็กกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ มือหนึ่งยกขึ้นลูบผมตัวเองที่ยุ่งเหยิงคล้ายโดนกระชาก ก่อนปล่อยแขนลงข้างตัว

“คนที่เกิดใหม่ในร่างคนอื่นที่อ่านนิยายมามีแต่ไปเกิดเป็นคุณหนู ฮูหยิน ฮองเฮา ลูกสาวขุนนาง.. แล้วเหตุใดยัยเหยาเหยาผู้มาต้องมาเกิดเป็นศพ มิหนำซ้ำยังเป็นศพของคนไม่ดีด้วยนะ! ควรดีใจดีไหมนะ”

ปากก็พร่ำบ่นไปตลอดทาง ปะปนไปกับเสียงฝีเท้าที่ลากไปกับดินที่เริ่มแผ่วช้าลงเรื่อย ๆ ฝุ่นทางกรวดแห้งกรังเกาะข้อเท้าจนตอนนี้เธอไม่แน่ใจแล้วว่าเหนื่อยเพราะเดินมานาน หรือเหนื่อยเพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะไปที่ไหนกันแน่ 

ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยามที่พยายามลากสังขารเดินไปข้างหน้า แสงจันทร์เริ่มลอยขึ้นสูง ส่องให้เห็นแนวหลังคาเรียงกันเป็นกลุ่มก้อนอยู่ไม่ไกล

“หมู่บ้าน.. เจอหมู่บ้านแล้ว”

เสียงครางในลำคอเบาหวิวจนเกือบกลืนไปกับเสียงลมที่พัดเฉียดใบหู สองเท้าเร่งก้าวไปด้านหน้าเท่าที่แรงจะมี พาให้ตัวเองเข้าไปใกล้หมู่บ้านนั้น เมื่อมาถุงก็พบกับหมู่บ้านที่มีบ้านไม้เล็ก ๆ เรียงราย ประตูไม้เก่า ๆ ปิดสนิท ไฟจากตะเกียงในบ้านยังสว่างอยู่จาง ๆ ทำให้นางรีบเดินไปเคาะประตูอย่างคนที่ต้องการขอความช่วยเหลือ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ขอโทษค่ะ.. มีใครอยู่ไหม”

เธอรออยู่นานแต่ประตูบ้านกลับไม่เปิดออกต้อนรับ ใบหูได้ยินเสียงฝีเท้าที่ขยับเดินอยู่ในบ้านแต่กลับไม่มีใครตอบ ไม่มีแม้แต่เงาคนแง้มหน้าต่างมามองด้วยซ้ำ

เธอสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างหมดแรง ไม่ได้แปลกใจหรืออะไรนักเพราะหากเป็นเธอก็คงไม่เปิดต้อนรับใครก็ไม่รู้ยามค่ำคืนเช่นกัน สุดท้ายสองเท้าก็พาร่างกายเดินเซไปเรื่อยจนมาถึงท้ายหมู่บ้าน ตรงมุมหนึ่งมีโรงไม้เก่า ๆ คล้ายโรงเก็บของหรือที่เก็บผลผลิตของชาวบ้านในฤดูเก็บเกี่ยว

บานประตูไม้เปิดแง้มอยู่เล็กน้อย มือเล็กถือวิสาสะดันมันเข้าไปเบา ๆ กลิ่นฟางแห้งผสมกลิ่นฝุ่นตีขึ้นจมูก เธอกวาดมองรอบ ๆ ก่อนที่สายตาจะไปหยุดที่กองฟางหนา แม้มันจะไม่ใช่ที่นอนนุ่มนิ่ม แต่คืนนี้มันก็คือที่พักพิงแห่งเดียวที่เธอมี 

สองเท้าเดินเข้าไปช้า ๆ แล้วทิ้งตัวลงไปตรงนั้น โดยไม่พูดอะไรอีก ดวงตาคู่นี้หลับลงอย่างเหนื่อยล้า เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร้องไห้ออกมาตอนไหน รู้ตัวอีกทีน้ำตาก็ไหลซึมลงกับกองฟางโดยไร้เสียงสะอื้นเสียแล้ว มือเล็กกำเสื้อที่หลวมโพรกไว้แน่น สะโพกเบียดกับฟางแหลมอย่างไม่ใส่ใจ

ฮึก!

เสียงสะอื้นไห้ดังเบา ๆ ก่อนสติจะดับวูบ ร่างกายที่เหนื่อยล้าเกินจะฝืนปล่อยให้จิตหลุดไปในห้วงนิทราในยุ้งฉางเก่า ๆ

แสงแดดในยามเช้าสาดลอดผ่านหน้าต่างไม้ เข้ามากระทบลงบนใบหน้าขาวซีด แสงอุ่นแต่ร่างกายกลับเย็นเฉียบ กลิ่นยาสมุนไพรลอยจาง ๆ คลุกเคล้ากับกลิ่นฟางแห้งที่ลอยมาจากนอกเรือน เธอลืมตาขึ้นช้า ๆ กวาดตามองรอบห้อง 

แต่ยังไม่ทันได้สำรวจจนทั่ว เสียงของประตูไม้ถูกเลื่อนเปิดออก มีเสียงไม้ลั่นเบา ๆ ตามน้ำหนักเท้าของชายหนุ่มที่เดินเข้ามาพร้อมถ้วยหนึ่งใบ ชายหนุ่มบ้านนาอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดปี ผิวคล้ำแดดแต่แววตาคู่นั้นดูซื่อไม่เลว เขาเหลือบมองเหยาเหยาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเรียบ ๆ

“ท่านตื่นแล้วเหรอ.. ตากับยายบอกให้ข้านำยามาให้ท่าน” เหยาเหยายังนิ่งเพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่ที่ไหนและตัวเองควรจะเป็นใคร

“ข้าเจอเจ้าที่ยุ้งฉางท้ายหมู่บ้านเมื่อคืน ตอนนั้นเจ้าหมดสติไปแล้วข้าเลยให้หลานชายอุ้มเจ้ามาที่นี่” เสียงแหบแห้งของยายดังแทรกเข้ามาจากหลังชายหนุ่ม

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร แต่เห็นสภาพแบบนั้นแล้วจะปล่อยไปก็กระไรอยู่ เจ้าพักอยู่ที่นี่ก่อน เมื่ออาการดีขึ้นแล้วค่อยว่ากัน”

น้ำเสียงนั้นไม่ได้ให้ความรู้สึกว่ายายหวังอะไร ไม่ใช่น้ำเสียงของคนที่สงสัย ไม่ได้ขับไสไล่ส่ง มีแต่ความรู้สึกห่วงใยในยามที่ฟัง เหยาเหยาเงยหน้ามองทั้งสอง แววตาเธอสั่นระริกคล้ายคนที่เจอเกาะกลางทะเลในวันที่ว่ายน้ำจนหมดแรง

“ขอบคุณ.. นะคะ”

คำว่าขอบคุณหลุดออกมาด้วยเสียงสั่น ๆ ยายไม่พูดอะไรมีเพียงแค่ยิ้มให้อย่างเอ็นดู ก่อนที่ท่านจะค่อย ๆ วางผ้าชุบน้ำบนหน้าผากเธอเบา ๆ 

“เจ้าพักก่อนเถอะ หน้าตาก็ดูเรียบร้อย พูดจาก็ไม่หยาบกระด้าง ท่าทางจะไม่ใช่โจรผู้ร้ายหรอกเนอะ”

“ไม่ใช่.. ไม่ใช่โจรเจ้าค่ะ”

“ยายหยอกเล่น.. แล้วแม่หนูชื่ออะไรงั้นหรือ”

“ชื่อเหรอ..” เหยาเหยานิ่งเงียบพลางใช้ความคิด นางควรจะบอกชื่อไหนกับยายดีนะ จะละทิ้งเหยาเหยาแล้วใช้ชีวิตของฮั่วเฉาซีต่อไปในโลกนี้ หรือจะถือวิสาสะละทิ้งฮั่วเฉาซีแล้วใช้ชีวิตในนามเหยาเหยาต่อไปดี

“หรือได้รับบาดเจ็บจนจำอะไรไม่ได้หรือเปล่า ไหน! ยายขอดูหน่อย”

“เหยาเหยา.. ข้าชื่อเหยาเหยาเจ้าค่ะท่านยาย”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายของเจ้าเด็กแฝดมากแผนการ   ตอนที่ 6.2 แม่เลี้ยงใจร้าย

    “เอาเด็ก ๆ ลงก่อน” ซูอวี่พูดเรียบ ๆ ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำหว่างตันขึ้นมารับซูไป๋ฮวาไปก่อน แล้วกลับมาอุ้มซูไป๋จื้อไปอีกคน เด็กทั้งสองยังคงหลับตาพริ้มไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ เมื่อร่างเล็กทั้งสองหายลับไปแล้ว ซูอวี่จึงค่อย ๆ โน้มตัวลงไปอุ้มหญิงสาวที่ยังหลับอยู่ขึ้นมาในอ้อมแขนแทนการปลุกให้นางตื่นขึ้นมา“อือ..” เธอครางเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตื่นขึ้นมา แสงไฟจากโคมหน้าประตูโรงเตี๊ยมสะท้อนใบหน้าของเขาในผ่านความมืด ขณะที่สายตากำลังจ้องมองใบหน้าของเธอที่แนบอกเขาอย่างลืมตัวริมฝีปากของเธอขยับเบา ๆ ราวกับละเมอ เขารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดแผ่นอกตนผ่านเนื้อผ้าบาง ๆ หัวใจที่คิดว่าชาไปแล้วกลับกระตุกแปลบขึ้นมาอีกครั้ง“อย่าทำให้ข้ารักเจ้าไปมากกว่านี้ได้หรือไม่ เฉาซี..” เขาเคยพูดประโยคนี้กับเธอในคืนที่พายุฝนพัดผ่านราวกับโลกทั้งใบจะถล่ม และในคืนนั้นเธอก็หัวเราะเบา ๆ ออกมาราวกับคนที่กำลังสนุกก่อนจะซุกหน้าลงกับอกเขา“ไม่ได้หรอกท่านพี่.. ข้าชอบเวลาท่านรักข้า ยิ่งท่านรักข้ามากเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งชอบท่านมากเท่านั้น”ชายหนุ่มยืนมองใบหน้าของเฉาซีพร้อมความทรงจำในอดีต นึกถึงคืนนั้น คืนที่เธอครางชื่อเขาอย่างออดอ้อน ร่างก

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายของเจ้าเด็กแฝดมากแผนการ   ตอนที่ 6.1 แม่เลี้ยงใจร้าย

    ตอนที่ 6แม่เลี้ยงใจร้ายหลายชั่วยามผ่านไป ท้องฟ้าที่เคยสว่างจ้าเริ่มเปลี่ยนแสงแดดจัดให้กลายเป็นความอบอุ่นแบบอ่อนโยน คาราวานของตระกูลซูยังคงเคลื่อนตัวต่อไปอย่างต่อเนื่องภายในรถม้านั้น เด็กแฝดที่ตอนแรกยังจับกล่องขนมกันแน่น ตอนนี้กลับเริ่มนั่งเอนไปเอนมาเพราะความง่วงที่ครอบงำ“ท่านพี่.. ข้าอยากกินขนมถั่วเขียว” เสียงเล็ก ๆ ของเสี่ยวซูดังขึ้นเบา ๆ ในขณะที่เธอเอนหัวพิงไหล่พี่ชาย ต้าซูหรี่ตาลงแล้วเอียงคอนิด ๆ “ไว้ถึงบ้านแล้วพี่จะให้ท่านพ่อซื้อให้นะเสี่ยวซู”“ข้าขอสามชิ้นนะเจ้าคะ..” เสี่ยวซูพึมพำออกมาอีกครั้ง น้ำเสียงของเธอเริ่มแผ่วราวกับกำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทรา“ได้เลย” ต้าซูตอบเสียงเบาพร้อมกับหาวหวอดๆ ก่อนที่ร่างเล็กทั้งสองจะค่อย ๆ ทรุดตัวลงกับเบาะ มือน้อยยังคงจับกันไว้แน่น สลับกับเหลือบมองแม่เลี้ยงที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอยู่ฝั่งตรงข้ามแม้จะยังไม่ไว้ใจ แต่ดูเหมือนท่านแม่ตอนนี้จะไม่ได้ทำอะไรน่ากลัวอย่างที่พวกเขาเคยเห็นมาก่อน ก่อนที่เปลือกตาเล็ก ๆ จะปิดลงจนสนิทซูอวี่และเฉาซีนั่งเงียบมาเกือบตลอดทาง ต่างฝ่ายต่างไม่เอ่ยคำใด มีเพียงสายลมที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างรถม้ากับเสียงฝีเท้าม้าของคาราวานเท่

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายของเจ้าเด็กแฝดมากแผนการ   ตอนที่ 5 เด็กแฝดตระกูลซู

    ตอนที่ 5เด็กแฝดตระกูลซูหว่างตันเดินตรงเข้ามาหาเหยาเหยา ท่าทางของเขานั้นดูเกรงใจปนลังเลอยู่ไม่น้อย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้อ้าปากพูดอะไรออกมา หญิงสาวที่ได้ยินทุกถ้อยคำสนทนาเมื่อครู่ก็จ้องเข้าไปในรถม้านั้นแล้วย่นจมูกใส่เพราะความหมั่นไส้“ท่านให้ข้านั่งคันไหนงั้นหรือ” เธอถามเสียงขุ่น มุมปากกระตุกเล็กน้อยแต่ไม่ใช่รอยยิ้มที่มีไมตรีนักสุดท้ายเธอก็จำต้องก้าวขึ้นรถม้าขนงาอย่างหมดทางเลือก อายก็อาย ขมขื่นก็ขมขื่น แต่ยังดีกว่าให้เขามัดแขนมัดขาโยนขึ้นมาแบบผักแบบปลานั่นแหละนะทันทีที่เธอนั่งลงบนกองฟางแห้ง ๆ ที่เต็มไปด้วยฝุ่นและเศษเปลือกงา เสียงซูอวี่ก็ดังขึ้นสั่งการทันที“ออกเดินทางได้!”ล้อไม้ของรถม้าเริ่มหมุนส่งเสียงดังกึกกักไปตลอดทาง เหยาเหยานั่งกระเด้งกระดอนอยู่บนรถม้าคันนั้น หัวสั่นหัวคลอนแทบจะโขกขอบไม้ก็หลายรอบ ‘โอ๊ย! คนอย่างเหยาเหยาเกิดมาเคยนั่งแต่เบาะโซฟานิ่ม ๆ นี่ต้องมานั่งรถม้าขนงา พระเจ้า! ฉันจะกลิ้งลงข้างทางไหมเนี่ย!’ขบวนคาราวานยังคงเดินทางไปเรื่อย ๆ แสงแดดยามบ่ายสาดเปรี้ยงลงมาจนพื้นดินร้อนระอุ รถม้าหลายคันเคลื่อนไปตามถนนคดเคี้ยวท่ามกลางหุบเขา รถม้าของซูอวี่และเด็กแฝดเคลื่อนตัวอยู่

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายของเจ้าเด็กแฝดมากแผนการ   ตอนที่ 4.2 ซูอวี่

    "อย่างคิดโป้ปลด เพราะข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะยั้งมือไม่ฆ่าเจ้าได้นานแค่ไหน" ซูอวี่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นก่อนจะปรายตามองเธอด้วยหางตา "ในเมื่อเจ้าหนีความตายมาได้หนึ่งครั้ง ข้าก็จะให้โอกาสเจ้าหนึ่งครั้ง เจ้าต้องกลับไปกับข้า ไปชดใช้ในสิ่งที่เจ้าเคยก่อไว้""ข้าไม่อยากกลับไป" เหยาเหยาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัด แต่นอกจากที่เขาไม่รับฟังแล้ว เขายังไม่สนใจคำพูดนั้นของเธออีกด้วย"อ่อ.. ข้าเชื่อว่าอย่างไรเจ้าก็จะกลับไป เพราะข้ามีหลายร้อยพันวิธีที่จะพาสตรีน่ารังเกียจเช่นเจ้ากลับไป" ซูอวี่โน้มตัวลงไปเล็กน้อยก่อนจะอุ้มลูกแฝดทั้งสองขึ้นมาอุ้มเอาไว้"หรือเจ้าจะลองดูก็ได้นะเฉาซี.. ว่าข้าสามารถทำอะไรกับหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ที่ช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ได้บ้าง"และสุดท้ายแล้วเหยาเหยาก็ต้องยอมรับชะตากรรม เพราะซูอวี่ข่มขู่ว่าหากเธอไม่กลับไปเขาจะทำให้หมู่บ้านนี้จะกลายเป็นทะเลเพลิง‘ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!’หลังจากนั้นเพียง 3 ชั่วยาม กองคาราวานพ่อค้าก็เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางกลับ ซูอวี่เข้าไปคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านและบอกกับเขาว่าความจริงแล้วสตรีที่พวกเขาช่วยชีวิตนั้น เป็นทาสที่เขาซื้อมาทำงานในเรือพ่อค้า แต่ก่อนนี้มีโจร

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายของเจ้าเด็กแฝดมากแผนการ   ตอนที่ 4.1 ซูอวี่

    ตอนที่ 4ซูอวี่ชายหนุ่มเลิกคิ้วเพียงเล็กน้อยราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่เพียงชั่วพริบตามือแกร่งก็ยกขึ้นจับไหล่เธอทั้งสองข้าง ก่อนจะกระชากตัวเธอเข้ามาใกล้จนแทบจะชนกัน“กลิ่นเจ้า..” เสียงของเขานั้นแผ่วเบาราวตั้งใจจะกระซิบให้ได้ยินเพียงแค่สองคน “ข้าไม่มีทางจำกลิ่นกายของเจ้าผิดแน่นอน”เหยาเหยาชะงักอีกครั้ง รู้สึกได้เลยว่าตั้งแต่พบหน้ากับชายผู้นี้เธอแทบทำตัวไม่ถูก ใบหน้าหวานซีดเผือด ยังไม่ทันที่เธอจะได้หนีหรืออธิบายอะไรต่อมือของซูอวี่ก็เคลื่อนไหวเร็วกว่าความคิดแควก!~เขากระชากสาบเสื้อของเธอออกอย่างไม่ปรานี ทำให้เนื้อผ้านั้นขาดสะบั้นเผยผิวเนื้อขาวเนียนที่ยังมีรอยช้ำอยู่บางจุด ดวงตาคมกริบจ้องไปที่เหนือเนินอกข้างซ้ายและที่นั่นเองมันปรากฏรอยปานแดงรูปหัวใจดวงเล็ก ๆ ชัดเจน“หากเจ้าไม่ใช่เฉาซี.. แล้วนี่ละ” เขาจิ้มลงบนปานนั้นเบา ๆ นิ้วชี้ของเขาแตะเนื้อนิ่มราวกับทดสอบว่าของจริงหรือภาพลวงตา“จะให้ข้าเชื่ออย่างไรว่าเจ้าคือคนอื่น”เหยาเหยาสะดุ้งเฮือกตัวสั่นงันงก สายตาหวาดกลัวสลับสับสน ไม่รู้ว่าควรโกรธ กลัว หรืออับอายมากกว่ากัน แต่เขาที่เห็นท่าทางของเธอนั้นกลับยิ้มออกมาเยือกเย็น รอยยิ้มที่ไม่

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายของเจ้าเด็กแฝดมากแผนการ   ตอนที่ 3.2 เริ่มต้นใหม่

    มันคงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกใช่ไหม แต่ว่านะ.. มาจากแคว้นโจว แถมยังเป็นตระกูลซู และยังเป็นพ่อค้านั่นอีก หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ“แล้ว.. รู้หรือไม่ว่าคนที่จะมาเป็นใคร” เสียงของเหยาเหยาอ่อนลงแต่ซ่อนไม่มิดเลยว่ากำลังเครียด“เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่รู้ขอรับ.. รู้แค่ว่าอีกสามวันเขาจะมารับของที่พวกเรารวบรวมไว้ ข้าตื่นเต้นจะแย่ ไม่เคยเห็นพ่อค้าใหญ่ตัวจริงมาก่อนเลยท่านพี่อาเหยา” เด็กหนุ่มยกมือทั้งสองข้างมาจับกันไว้แล้วแนบหน้าอก สีหน้าแสดงความพึงพอใจอย่างชายหนุ่มที่ฝันหวาน“ข้าว่าเขาน่าจะเป็นคนที่ใส่ชุดหรูขี่ม้าขาวมีข้ารับใช้เดินตามเป็นแถวแน่เลย”เหยาเหยาฝืนยิ้มบาง ๆ ในขณะที่ลมหายใจเธอเริ่มสั่นเครือ อีกสามวัน หากเป็นซูอวี่จริงเขาจะจำเธอได้หรือไม่ แล้วถ้าเขาจำได้เธอจะยังมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่ หรือว่าเขาจะฆ่าเธอซ้ำอีกครั้งด้วยมือของเขาเองหรือเปล่าสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็วในความรู้สึกของเธอ เหยาเหยาหลบอยู่ในห้องไม้ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เธอแนบดวงตาไปกับรอยร้าวของไม้เก่า แอบมองขบวนพ่อค้าที่เดินเรียงแถวกันเข้ามาในหมู่บ้าน เสื้อผ้าเรียบหรูแต่ไม่เวอร์วัง ข้างหลังมีเกวียนบรรทุกของมากมายและแน่นอน ว

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายของเจ้าเด็กแฝดมากแผนการ   ตอนที่ 3.1 เริ่มต้นใหม่

    ตอนที่ 3เริ่มต้นใหม่หลังจากผ่านไปหลายวันที่เธอพักฟื้นอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ตามร่างกายที่เคยมีแผลฟกช้ำเต็มไปหมด บัดนี้กลับหายเป็นปลิดทิ้งไม่มีแม้แต่ร่องรอยให้เห็น ในที่สุดเหยาเหยาก็สามารถลุกขึ้นมายืนได้ด้วยตัวเองอีกครั้ง เธอเปิดประตูไม้แล้วก้าวออกมายังลานหน้าบ้านแสงแดดในยามสายส่องลอดช่องไม้กระทบกับเรือนผมดำขลับ กลิ่นดิน กลิ่นหญ้า และกลิ่นดอกไม้ป่าลอยตามลมปะทะกับจมูก ทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้กลับมาเป็นคนอีกครั้งสายตากวาดมองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่าหมู่บ้านแห่งนี้มีบ้านเรือนไม่กี่สิบหลังเท่านั้น ทุกหลังเรียงตัวตามแนวลาดของหุบเขา ด้านข้างผูกเชือกตากผ้าเรียบง่าย มีเด็กวิ่งเล่นสองสามคน มีเสียงหัวเราะลอยมาเบา ๆ พอให้ชื่นใจ เธอเดินตามทางไปเรื่อย ๆ ตามหลังเด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นอย่างมีความสุข ด้านหลังหมู่บ้านนั้นเธอเห็นชาวบ้านบางคนกำลังแบกฟ่อนงา บ้างก็ก้มหน้าก้มตาใช้เคียวเกี่ยวงาแห้งด้วยท่าทางขยันขันแข็งรอบหมู่บ้านเต็มไปด้วยแปลงเพาะปลูก ต้นงาที่ปลูกเป็นแถบกว้างสะบัดไหวไปตามแรงลมประหนึ่งผืนผ้าใบของธรรมชาติ เหยาเหยามองไปรอบตัวดวงตาเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย ถึงจะยังไม่รู้ว่าชีวิตของเธอจะเดินไปทางไหน แต่ที่น

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายของเจ้าเด็กแฝดมากแผนการ   ตอนที่ 2 เหยาเหยา

    ตอนที่ 2เหยาเหยาลมหนาวจากหุบเขาพัดเอื่อย ๆ จนเหยาเหยาต้องกอดตัวเองไว้แน่น ผ้าผืนบางบนร่างไม่ใช่ชุดที่เธอเคยสวมใส่มาก่อน แม้ว่าสีสันนั้นจะยังสดใสและเนื้อผ้าก็ดูเหมือนว่าจะเนื้อดีไม่น้อย แต่มันกลับขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านการกรีด ฉีก ดึงจนบัดนี้มันดูสะบักสะบอมไม่น้อย“ยังไงก็หมายความว่านี่คือร่างของฮั่วเฉาซี.. สตรีน่ารังเกียจผู้นั้นสินะ”เธอพึมพำเบา ๆ ปล่อยเสียงหลุดลอยไปกับลม ดวงตายังคงจับจ้องที่มือทั้งสองข้าง นิ้วเรียวยาวที่ไม่ใช่ของเธอ เส้นเลือดใต้ผิวหนังซีดขาวเหมือนเลือดยังไหลเวียนไม่เต็มที่ เธอลุกขึ้นยืนอีกครั้งแม้ร่างกายจะยังโอนไปเอนมา แต่สุดท้ายการจะมานั่งร้องไห้รอความตายเป็นครั้งที่สองก็คงจะไม่ได้“ถ้าไม่ใช่ฝันก็แปลว่าฉันต้องอยู่ต่อให้ได้.. แต่ทำไมกันนะ ทำไมต้องเป็นร่างกายของสตรีผู้นี้กัน”เธอกัดฟันแน่น ยกชายผ้าที่ขาดหลุดลุ่ยขึ้นมาผูกไว้หลวม ๆ กันโป๊พอเป็นพิธี ก่อนจะเริ่มก้าวเท้าออกจากสุสานจุดที่คล้ายจะเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิตเก่า และเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่สองเท้าเปลือยเปล่าเหยียบลงบนดินชื้น แต่เวลานี้เธอไม่สนใจอะไรแล้ว ขอแค่รีบออกให้ห่างจากหลุมศพเหล่านี้ก็พอ แม้ว่าหินจะบาดจนเลื

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายของเจ้าเด็กแฝดมากแผนการ   ตอนที่ 1.2 ฮั่วเฉาซี

    เสียงฝีเท้ากระทบพื้นฟุตบาทเป็นจังหวะ ส้นรองเท้าผ้าใบกระแทกพื้นราวกับเจ้าของร่างนั้นกำลังวิ่งหนีอันตรายแบบไม่คิดชีวิต เหยาเหยากระชับกระเป๋าสะพายไว้แน่น ลมหายใจหอบระคนเหนื่อยล้า ไม่ใช่เพราะเพิ่งลงจากไลฟ์สดขายของทั้งวัน แต่เพราะหัวใจมันล้าอย่างแปลกประหลาด เหมือนจู่ ๆ จะร้องไห้แต่ก็ดันไม่มีน้ำตาให้ไหล“ก็แค่ไม่มีใครรออยู่ที่บ้านแล้ว จะคิดมากทำไมกันนะอาเหยา”เธอพึมพำกับตัวเองเหมือนคนที่ใกล้จะเสียสติ ดวงตาคู่นั้นเหม่อลอย สองเท้ายังคงก้าวเดินไปด้านหน้าโดยที่ไม่ทันได้สังเกตเลยว่าสัญญาณไฟจราจรนั้นเปลี่ยนสีไปแล้ว ปี๊ดดดดดดเสียงบีบแตรดังระงมไปทั่วท้องถนน เธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นเพียงแสงไฟจากหน้ารถที่แล่นมาด้วยความเร็ว และแสงนั้นกระทบเข้าตาเต็มแรงทำให้ทุกอย่างขาวโพลน แล้วทุกอย่างก็ดับวูบเหมือนเทียนที่ถูกเป่า'ความรู้สึกอึดอัดแบบนี้มันคืออะไรกัน'ทันทีที่เธอได้สติ ดวงตากลมได้ลืมขึ้นอย่างอยากลำบาก กลิ่นอับชื้นที่ไม่คุ้นเคยคือสิ่งที่ปลุกให้เหยาเหยานั้นลืมตาขึ้น แต่สายตาเธอกลับมองไม่เห็นอะไรเลย มีเพียงความมืดที่ปิดทับเหนือใบหน้า อากาศหายใจที่น้อยอยู่แล้วเริ่มรู้สึกว่ามันน้อยลงจนหายใจติดขัด ร่างกายแน่นข

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status