ตอนที่ 2
เหยาเหยา
ลมหนาวจากหุบเขาพัดเอื่อย ๆ จนเหยาเหยาต้องกอดตัวเองไว้แน่น ผ้าผืนบางบนร่างไม่ใช่ชุดที่เธอเคยสวมใส่มาก่อน แม้ว่าสีสันนั้นจะยังสดใสและเนื้อผ้าก็ดูเหมือนว่าจะเนื้อดีไม่น้อย แต่มันกลับขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านการกรีด ฉีก ดึงจนบัดนี้มันดูสะบักสะบอมไม่น้อย
“ยังไงก็หมายความว่านี่คือร่างของฮั่วเฉาซี.. สตรีน่ารังเกียจผู้นั้นสินะ”
เธอพึมพำเบา ๆ ปล่อยเสียงหลุดลอยไปกับลม ดวงตายังคงจับจ้องที่มือทั้งสองข้าง นิ้วเรียวยาวที่ไม่ใช่ของเธอ เส้นเลือดใต้ผิวหนังซีดขาวเหมือนเลือดยังไหลเวียนไม่เต็มที่ เธอลุกขึ้นยืนอีกครั้งแม้ร่างกายจะยังโอนไปเอนมา แต่สุดท้ายการจะมานั่งร้องไห้รอความตายเป็นครั้งที่สองก็คงจะไม่ได้
“ถ้าไม่ใช่ฝันก็แปลว่าฉันต้องอยู่ต่อให้ได้.. แต่ทำไมกันนะ ทำไมต้องเป็นร่างกายของสตรีผู้นี้กัน”
เธอกัดฟันแน่น ยกชายผ้าที่ขาดหลุดลุ่ยขึ้นมาผูกไว้หลวม ๆ กันโป๊พอเป็นพิธี ก่อนจะเริ่มก้าวเท้าออกจากสุสานจุดที่คล้ายจะเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิตเก่า และเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่
สองเท้าเปลือยเปล่าเหยียบลงบนดินชื้น แต่เวลานี้เธอไม่สนใจอะไรแล้ว ขอแค่รีบออกให้ห่างจากหลุมศพเหล่านี้ก็พอ แม้ว่าหินจะบาดจนเลือดซิบ แม้ฝุ่นจะติดจนรู้สึกแสบ เธอก็ยังคงก้าวไปข้างหน้า
"หาที่ที่มีคนก่อนแล้วกัน"
ท่ามกลางแสงจันทร์เสี้ยวสลัว สองเท้าของนางยังคงเดินตลอดไม่หยุดพัก ผ่านพุ่มไม้รก ผ่านกอไผ่และแนวต้นสน เสื้อผ้าบนร่างกายเธอหลุดลุ่ยจนแทบปิดไม่มิด แขนเสื้อขาดเป็นริ้วเผยให้เห็นท้องแขนมีรอยขีดข่วนจากเล็บเลอะฝุ่นเลอะโคลน ดูจากสภาพเสื้อผ้ากับรอยช้ำรอบลำคอ รอยเขียวคล้ำบนต้นแขน
“โดนโจรขุดขึ้นมาแน่ ๆ”
เสียงที่เปล่งออกมาเบาหวิวแต่ชัดเจนจนตัวเธอเองยังสะอึก โจรขุดศพที่เห็นในนิยาย มักจะขุดศพขึ้นมาเพื่อล้วงเครื่องประดับ ทองคำ หรือแม้แต่นำร่างกายของศพไปขายให้กับกลุ่มลัทธิมืด แต่ก็ไม่คิดว่าจะประสบพบเจอจริง ๆ กับตัวเอง ไม่สิ.. ร่างกายที่ตัวเองกำลังใช้งานอยู่ตอนนี้ มือเล็กกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ มือหนึ่งยกขึ้นลูบผมตัวเองที่ยุ่งเหยิงคล้ายโดนกระชาก ก่อนปล่อยแขนลงข้างตัว
“คนที่เกิดใหม่ในร่างคนอื่นที่อ่านนิยายมามีแต่ไปเกิดเป็นคุณหนู ฮูหยิน ฮองเฮา ลูกสาวขุนนาง.. แล้วเหตุใดยัยเหยาเหยาผู้มาต้องมาเกิดเป็นศพ มิหนำซ้ำยังเป็นศพของคนไม่ดีด้วยนะ! ควรดีใจดีไหมนะ”
ปากก็พร่ำบ่นไปตลอดทาง ปะปนไปกับเสียงฝีเท้าที่ลากไปกับดินที่เริ่มแผ่วช้าลงเรื่อย ๆ ฝุ่นทางกรวดแห้งกรังเกาะข้อเท้าจนตอนนี้เธอไม่แน่ใจแล้วว่าเหนื่อยเพราะเดินมานาน หรือเหนื่อยเพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะไปที่ไหนกันแน่
ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยามที่พยายามลากสังขารเดินไปข้างหน้า แสงจันทร์เริ่มลอยขึ้นสูง ส่องให้เห็นแนวหลังคาเรียงกันเป็นกลุ่มก้อนอยู่ไม่ไกล
“หมู่บ้าน.. เจอหมู่บ้านแล้ว”
เสียงครางในลำคอเบาหวิวจนเกือบกลืนไปกับเสียงลมที่พัดเฉียดใบหู สองเท้าเร่งก้าวไปด้านหน้าเท่าที่แรงจะมี พาให้ตัวเองเข้าไปใกล้หมู่บ้านนั้น เมื่อมาถุงก็พบกับหมู่บ้านที่มีบ้านไม้เล็ก ๆ เรียงราย ประตูไม้เก่า ๆ ปิดสนิท ไฟจากตะเกียงในบ้านยังสว่างอยู่จาง ๆ ทำให้นางรีบเดินไปเคาะประตูอย่างคนที่ต้องการขอความช่วยเหลือ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขอโทษค่ะ.. มีใครอยู่ไหม”
เธอรออยู่นานแต่ประตูบ้านกลับไม่เปิดออกต้อนรับ ใบหูได้ยินเสียงฝีเท้าที่ขยับเดินอยู่ในบ้านแต่กลับไม่มีใครตอบ ไม่มีแม้แต่เงาคนแง้มหน้าต่างมามองด้วยซ้ำ
เธอสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างหมดแรง ไม่ได้แปลกใจหรืออะไรนักเพราะหากเป็นเธอก็คงไม่เปิดต้อนรับใครก็ไม่รู้ยามค่ำคืนเช่นกัน สุดท้ายสองเท้าก็พาร่างกายเดินเซไปเรื่อยจนมาถึงท้ายหมู่บ้าน ตรงมุมหนึ่งมีโรงไม้เก่า ๆ คล้ายโรงเก็บของหรือที่เก็บผลผลิตของชาวบ้านในฤดูเก็บเกี่ยว
บานประตูไม้เปิดแง้มอยู่เล็กน้อย มือเล็กถือวิสาสะดันมันเข้าไปเบา ๆ กลิ่นฟางแห้งผสมกลิ่นฝุ่นตีขึ้นจมูก เธอกวาดมองรอบ ๆ ก่อนที่สายตาจะไปหยุดที่กองฟางหนา แม้มันจะไม่ใช่ที่นอนนุ่มนิ่ม แต่คืนนี้มันก็คือที่พักพิงแห่งเดียวที่เธอมี
สองเท้าเดินเข้าไปช้า ๆ แล้วทิ้งตัวลงไปตรงนั้น โดยไม่พูดอะไรอีก ดวงตาคู่นี้หลับลงอย่างเหนื่อยล้า เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร้องไห้ออกมาตอนไหน รู้ตัวอีกทีน้ำตาก็ไหลซึมลงกับกองฟางโดยไร้เสียงสะอื้นเสียแล้ว มือเล็กกำเสื้อที่หลวมโพรกไว้แน่น สะโพกเบียดกับฟางแหลมอย่างไม่ใส่ใจ
ฮึก!
เสียงสะอื้นไห้ดังเบา ๆ ก่อนสติจะดับวูบ ร่างกายที่เหนื่อยล้าเกินจะฝืนปล่อยให้จิตหลุดไปในห้วงนิทราในยุ้งฉางเก่า ๆ
แสงแดดในยามเช้าสาดลอดผ่านหน้าต่างไม้ เข้ามากระทบลงบนใบหน้าขาวซีด แสงอุ่นแต่ร่างกายกลับเย็นเฉียบ กลิ่นยาสมุนไพรลอยจาง ๆ คลุกเคล้ากับกลิ่นฟางแห้งที่ลอยมาจากนอกเรือน เธอลืมตาขึ้นช้า ๆ กวาดตามองรอบห้อง
แต่ยังไม่ทันได้สำรวจจนทั่ว เสียงของประตูไม้ถูกเลื่อนเปิดออก มีเสียงไม้ลั่นเบา ๆ ตามน้ำหนักเท้าของชายหนุ่มที่เดินเข้ามาพร้อมถ้วยหนึ่งใบ ชายหนุ่มบ้านนาอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดปี ผิวคล้ำแดดแต่แววตาคู่นั้นดูซื่อไม่เลว เขาเหลือบมองเหยาเหยาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเรียบ ๆ
“ท่านตื่นแล้วเหรอ.. ตากับยายบอกให้ข้านำยามาให้ท่าน” เหยาเหยายังนิ่งเพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่ที่ไหนและตัวเองควรจะเป็นใคร
“ข้าเจอเจ้าที่ยุ้งฉางท้ายหมู่บ้านเมื่อคืน ตอนนั้นเจ้าหมดสติไปแล้วข้าเลยให้หลานชายอุ้มเจ้ามาที่นี่” เสียงแหบแห้งของยายดังแทรกเข้ามาจากหลังชายหนุ่ม
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร แต่เห็นสภาพแบบนั้นแล้วจะปล่อยไปก็กระไรอยู่ เจ้าพักอยู่ที่นี่ก่อน เมื่ออาการดีขึ้นแล้วค่อยว่ากัน”
น้ำเสียงนั้นไม่ได้ให้ความรู้สึกว่ายายหวังอะไร ไม่ใช่น้ำเสียงของคนที่สงสัย ไม่ได้ขับไสไล่ส่ง มีแต่ความรู้สึกห่วงใยในยามที่ฟัง เหยาเหยาเงยหน้ามองทั้งสอง แววตาเธอสั่นระริกคล้ายคนที่เจอเกาะกลางทะเลในวันที่ว่ายน้ำจนหมดแรง
“ขอบคุณ.. นะคะ”
คำว่าขอบคุณหลุดออกมาด้วยเสียงสั่น ๆ ยายไม่พูดอะไรมีเพียงแค่ยิ้มให้อย่างเอ็นดู ก่อนที่ท่านจะค่อย ๆ วางผ้าชุบน้ำบนหน้าผากเธอเบา ๆ
“เจ้าพักก่อนเถอะ หน้าตาก็ดูเรียบร้อย พูดจาก็ไม่หยาบกระด้าง ท่าทางจะไม่ใช่โจรผู้ร้ายหรอกเนอะ”
“ไม่ใช่.. ไม่ใช่โจรเจ้าค่ะ”
“ยายหยอกเล่น.. แล้วแม่หนูชื่ออะไรงั้นหรือ”
“ชื่อเหรอ..” เหยาเหยานิ่งเงียบพลางใช้ความคิด นางควรจะบอกชื่อไหนกับยายดีนะ จะละทิ้งเหยาเหยาแล้วใช้ชีวิตของฮั่วเฉาซีต่อไปในโลกนี้ หรือจะถือวิสาสะละทิ้งฮั่วเฉาซีแล้วใช้ชีวิตในนามเหยาเหยาต่อไปดี
“หรือได้รับบาดเจ็บจนจำอะไรไม่ได้หรือเปล่า ไหน! ยายขอดูหน่อย”
“เหยาเหยา.. ข้าชื่อเหยาเหยาเจ้าค่ะท่านยาย”
“ดีเจ้าค่ะ” เสียงหัวเราะของเด็กน้อยยังดังอยู่ในอ้อมแขน แต่แค่ครู่เดียวก็ถูกทำลายลงจากเค่อเค่อที่เดินมาทางด้านหลัง“คุณชายรอง.. ท่านผู้นำตระกูลซูมาเจ้าค่ะ” คำพูดนั้นทำเอาบรรยากาศดูอึดอัดขึ้นมาทันที เฉาซีที่เพิ่งหอมแก้มเด็ก ๆ อยู่ชะงักนิ่ง ดวงตาของเธอหันมองซูอวี่ที่ก็มีแววเคร่งเครียดไม่ต่างกัน ทั้งคู่สบตากันครู่หนึ่ง ก่อนที่ซูอวี่จะพยักหน้าเบา ๆ “ไปกันเถอะ” เขาเอ่ยพลางวางมือลงบนศีรษะของลูกแฝด“เจ้าทั้งสองต้องทำตัวดี ๆ รู้หรือไม่” สองเด็กน้อยพยักหน้า ยิ้มกว้าง“นี่หรือคือสิ่งที่เจ้าสร้างด้วยมือเปล่า” ชายชราพึมพำกับตัวเอง ขณะจับจ้องชิ้นงานประณีตตรงหน้า น้ำเสียงเจือด้วยความภาคภูมิใจแต่ท่าทางของท่านแม่กลับแตกต่างไปเล็กน้อย เธอยืนนิ่งสีหน้าราบเรียบ ไม่ได้เอ่ยชมแต่อย่างใด แม้จะไม่ตำหนิ แต่ความเย็นชาที่แผ่ออกมาก็สัมผัสได้ จากนั้นทั้งหมดจึงถูกเชิญเข้าไปยังโถงรับรองหลังร้าน ที่ประดับเรียบง่ายแต่ดูภูมิฐาน พวกท่านดูเหมือนมีเรื่องราวที่อยากจะเอ่ยออกมาแต่ก็ยากจะเอ่ยและไม่นานนักท่านผู้นำตระกูลก็ล้วงสิ่งหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อเล็กก่อนจะวางไว้ตรงหน้าเขา กล่องไม้สีแดงที่ซูอวี่รู้ดีว่าด้านในนั้นมีตราป
ตอนที่ 27ความสำเร็จ“ใช่แล้ว! เราจะต้องหนีออกจากเรือนให้ท่านพ่อท่านแม่ตามหา” ว่าจบเด็กทั้งสองก็ลุกขึ้นพรวดพร้อมกัน ซูไป๋ฮวาหยิบผ้าคลุมไหล่ตัวเล็กมาคลุมหัวตัวเอง ส่วนซูไป๋จื้อคว้าขนมแห้งจากในกล่องซ่อนใส่กระเป๋าเสื้อ แอบ ๆ ย่องออกทางหลังเรือนด้วยความชำนาญเหมือนวางแผนไว้แล้วนับสิบครั้ง เสียงหัวเราะคิกคักดังแผ่วในขณะที่ประตูหลังบ้านเปิดออกผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ จนเมื่อฮั่วเฉาซีนั่นกลับมาจากร้านในช่วงเย็นเห็นแต่เรือนว่างเปล่า“ไป๋ฮวา! ไป๋จื้อ!” เสียงของเธอดังลั่นจนซูอวี่ที่กำลังนับเครื่องประดับในห้องเก็บของสะดุ้ง รีบวิ่งออกมาอย่างร้อนใจ เฟยเฟยและเค่อเค่อที่เพิ่งซักผ้าและทำอาหารเสร็จก็วิ่งเข้ามาหน้าตั้ง จนทุกคนชุลมุนวุ่นวายไปหมด“เห็นหรือไม่พี่บอกแล้วว่าแบบนี้ได้ผล” ใต้พุ่มไม้หลังเรือน เด็กแฝดสองคนกำลังนั่งซุกหัวกระซิบกระซาบกันอย่างตื่นเต้น ดวงตาวาววับไม่ต่างจากขโมยตัวจิ๋ว“ท่านพี่ ดูสิ ไม่มีใครเห็นเลย ฮี่ ๆ ๆ” ไป๋ฮวาหัวเราะเสียงใส กำชายเสื้อคลุมไว้แน่นราวกับมันคือชุดพรางตัวชั้นดี“เงียบก่อน เดี๋ยวถูกจับได้” ไป๋จื้อยกนิ้วจุ๊ปาก ก่อนหยิบขนมแห้งในกระเป๋าเสื้อออกมาแบ่งกัน “เราต้องอยู่ให้ไ
และยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้พูดคุยกันมากกว่านั้น เสียงล้อเกวียนบดถนนหน้าร้านก็ดังขึ้น เฉาซีที่ยืนอยู่หันไปมอง ก็เห็นว่าสองแฝดน้อยนั้นวิ่งออกจากประตูราวลูกศร เด็กทั้งสองตะโกนเสียงดังอย่างตื่นเต้น“ท่านพ่อกลับมาแล้ว!” เสียงนั้นดังก้องไปทั้งซอยหน้าร้าน ซูอวี่ในชุดเดินทางสีน้ำหมึกยังไม่ทันก้าวพ้นเกวียน ก็ถูกเด็กน้อยสองคนสวมกอดแข้งกอดขาอย่างแน่นหนา นางเองก็เดินออกมาช้า ๆ สีหน้าแสดงความดีใจ “กลับมาแล้วหรือ”“ข้ากลับมาแล้ว” เขายิ้มแล้วพยักหน้า ก่อนจะหันไปโบกมือเรียกชายหนุ่มสามคนที่ลงจากรถม้าตามหลัง “นี่คือช่างฝีมือที่ข้าพามา เป็นคนที่ข้าไว้ใจ” เฉาซีทักทายอย่างสุภาพ “ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ ฝากตัวด้วยนะเจ้าคะ”หลังจากทักทายกันแล้วซูอวี่ก็เดินนำนางอ้อมไปทางหลังร้าน ซึ่งมีห้องหนึ่งที่จัดไว้สำหรับเก็บสินค้า และเมื่อเปิดหีบใบใหญ่ที่คนช่วยกันหิ้วลงมาวางเรียงตรงหน้า เฉาซีถึงกับกลืนน้ำลายเล็กน้อยเครื่องประดับภายในหีบแต่ละชิ้นราวกับเป็นสิ่งของจากวังหลวง ทองคำขัดเงา ไข่มุกสีชมพูเรื่อ รูปทรงประหลาดแปลกตา แต่กลับดูงามจับใจมีทั้งกำไลที่ฝังพลอยสีเขียวมรกต ลวดลายเป็นรูปเถาวัลย์พันกันอย่างประณีต ต่างหูที่หย
ตอนที่ 26เจียงฮวาเธอโค้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบตามองหญิงสาวที่มาด้วย รูปร่างสูงเพรียว ผิวขาวเนียนราวหยก ใบหน้ารูปไข่ประดับด้วยเครื่องประดับคุ้นตา ท่วงท่าหยิ่งทะนงแต่สง่างามไม่เกินงาม และเมื่อมองชัด ๆ ก็ยิ่งทำให้เธอเบิกตากว้าง“เฉาซี” องค์ชายหลี่ซิวเจินกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง“ข้าพาแขกคนสำคัญมาชมร้านของเจ้า” เขาหันไปทางหญิงสาวแล้วแนะนำต่อ“นางคือคุณหนูเซี่ย เซี่ยหวานหว่าน บุตรีคนโตแห่งจวนแม่ทัพตะวันออก เจ้าน่าจะพบนางแล้วใข่หรือไม่.. ข้าเคยเอ่ยกับนางว่ามีร้านเครื่องประดับของสหายที่มีรสนิยมแปลกใหม่ นางจึงอยากมาชมด้วยตนเอง”“เป็นเกียรติยิ่งนักที่คุณหนูเซี่ยมาเยือน ไม่ทราบว่าเครื่องประดับชุดนั้นเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”“ข้าชอบมาก งดงามยิ่งนัก”“เชิญท่านทั้งสองด้านในก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ” เซี่ยหวานหว่านมองเฉาซีอย่างพินิจครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆหลังจากที่พาทั้งสองมาด้านใน สตรีสูงศักดิ์ได้นั่งลงอย่างสง่างามบนเบาะนุ่มในห้องรับรองด้านหลัง นิ้วเรียวเคาะเบา ๆ บนขอบโต๊ะลายไม้หอม ก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่มด้วยแววตาเป็นประกาย“แม่นางเฉาฉี.. สินค้าหน้าร้านข้าดูหมดแล้ว แต่ข้าอยากชมสิ่งที่ยังไม่เผยต่อผู้ใด เจ้
หลังจากผ่านสนามรักอันร้อนระอุ ฮั่วเฉาซีได้เอนศีรษะพิงอกเขาอย่างเหนื่อยอ่อน ปลายนิ้วลูบวนบนแผงอกเขาอย่างเผลอไผล ชายหนุ่มกอดเธอไว้แน่นมือข้างหนึ่งลูบเรือนผมของเธอเบา ๆ“หากร้านขายดีเช่นนี้อีกไม่ถึงครึ่งเดือน ของที่มีอยู่คงหมดแน่” เขาพูดเสียงแผ่ว ดวงตาทอดมองเพดานไม้เหนือหัวอย่างครุ่นคิด“ข้าไม่มีความรู้ด้านการทำเครื่องประดับเลย จึงจำเป็นต้องเดินทางไปพบพ่อค้าในต่างเมือง ข้ารู้จักช่างฝีมือดีอยู่หลายคน หากเราได้ตัวพวกเขามาช่วยร้านเราจะต้องดีขึ้นเป็นแน่” เฉาซีเลื่อนสายตาขึ้นไปสบตาเขาช้า ๆ “ท่านจะออกเดินทางอีกหรือ” เขาหันมามองเธอแล้วยิ้มบาง ๆ ส่งให้ “ไปเพียงไม่นาน ข้าอยากให้ร้านนี้มีของดีมาขายอย่างต่อเนื่อง ข้าอยากเห็นเจ้ามีความสุขกับที่นี่” เฉาซีเงียบไปอึดใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา“ซูอวี่.. หากข้าต้องการตัวอาเซี่ยท่านให้ข้าได้หรือไม่” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม“อาเซี่ยงั้นหรือ เจ้าหมายถึงทาสผู้นั้นที่อยู่บนเรือใช่หรือไม่”“ใช่” เธอพยักหน้า “ในตอนที่อยู่ใต้ท้องเรือ ข้าเห็นแบบเครื่องประดับที่นางเคยวาด มันละเอียดและสวยงามมาก หากได้ฝึกอีกหน่อยนางจะสามารถเป็นนักออกแบบของเราได้” เขานิ่งไ
ตอนที่ 25สตรีสูงศักดิ์หลังจากผ่านมื้ออาหาร นางได้พาเด็ก ๆ ขึ้นไปชั้นบนปล่อยให้พวกเขาเข้านอนในห้องฝั่งขวา และหลังจากแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อย เธอจึงส่งสัญญาณให้พี่เลี้ยงดูแลต่อสองเท้าเดินลงบันไดมาอย่างแผ่วเบา ภายใต้แสงจันทร์สลัวที่สาดผ่านหน้าต่าง เธอก้าวเข้ามาในโถงชั้นล่างที่เต็มไปด้วยหีบสินค้าต่างแคว้นกลิ่นหอมจากไม้หอมจาง ๆ ลอยมาแตะปลายจมูก ก่อนที่สองเท้าจะหยุดหน้าหีบใบหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้มุมผนัง เมื่อเปิดฝากล่องช้า ๆ แล้วแสงสีมุกก็สะท้อนแวววาวขึ้นมาทันทีไข่มุกจากแคว้นฉินที่ขาวนวลเหมือนหิมะ ก่อนจะเอื้อมไปเปิดหีบอีกใบที่ด้านในบรรจุมุกดำลึกจากทะเลทางใต้ ก่อนจะเปิดหีบอีกใบที่มีมุกสีชมพูอ่อนจากแคว้นเว่ย นางหยิบทุกอย่างมาวางเรียง ต่างหู สร้อย กำไล และปิ่นปักผมมาจัดเรียงแล้วพิจารณา“แม้จะดูแปลกตาไปหน่อย แต่เมื่ออยู่รวมกันกลับงดงามเพียงนี้เชียวหรือ” นางพิจารณาอยู่เพียงครู่ ก็นำสินค้าชุดนั่นไปวางลงบนชั้นโชว์สูงสุดตรงหน้าร้านแสงเทียนที่ส่องกระทบทำให้เครื่องประดับยิ่งดูโดดเด่น ขณะที่เธอกำลังถอยหลังดูผลงานอย่างพอใจนั้นก็สัมผัสได้ถึงอ้อมแขนอบอุ่นที่สวมกอดเธอจากด้านหลังโดยไม่ให้ตั้งตัวแต่เพ