“ ท่านโจรอี้หรานนางผู้นี้ร่างกายอ่อนแอมาก นางคงหักโหมจากการทำงานหนัก ข้อเท้ายังมีอาการบาดเจ็บ รอยขีดข่วนตามร่างกายล้วนเป็นแผลใหม่ที่ยังไม่หายดี “
โจรอี้หรานยืนท่าทางดีใจเป็นอย่างมาก เพราะนางผู้นี้ไม่ใช่ลูกสาวที่หมายจะส่งมาให้ “ ท่านหมอหลวงท่านกลับไปพักผ่อน ข้าจะให้บ่าวรับใช้ค่อยปรุงยาตามที่ท่านสั่ง” “กระหม่อมทูลลา” แรงกระชากม้าหยุดกะทันหัน บุรุษรูปงามสูงโปร่งตาคมกระโจนลงบนตัวม้า เดินเข้ามาในเรือนเหมือนปกติในทุกวันๆ “ ท่านพ่อ ท่านมาอยู่ที่เรือนข้าได้เช่นไร “ โจรอี้หราน” เจ้านึกสิ ว่าวันนี้เป็นวันอะไร” เฝิงเส้าเฟิงมึนงง มองบนเล็กน้อยเดินคิดอยู่หลายคร่า “ ข้านึกออกแล้ว วันนี้เป็นวันแต่งงานของข้า “ โจรอี้หรานได้ยินเช่นนั้น เหวี่ยงตัวสะบัดชายกระโปรงเดินออกไปด้วยสีหน้าดุดัน “ วันนี้เป็นวันแต่งงานข้า แล้วนางผู้นั้นอยู่ที่ใดกัน” กร๊อบ!! เสียงบิดลำคอด้วยอาการเหนื่อยล้าเล็กน้อย อ้าปากหาวยื่นแขนออกบิดลำตัวเดินเข้าห้องนอนของตน ตกใจเห็นสตรีนอนอยู่ที่นอนของตน จึงนึกขึ้นได้ว่านี้คือภรรยาที่แต่งงานด้วย หน้าตาก็สวย ถูกจ้างเท่าไรกันถึงยอมแต่งงานกับคนไร้สติ “ ตน ค่อย ๆ โน้มตัวก้มลงจ้องหน้าหญิงสาวอย่างใกล้ชิด ซุนอี้ จู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้นมาโดยไม่ทันให้เฝิงเส้าเฟิงตั้งตัว “ไอ้บ้า “ เฝิงเส้าเฟิงร้องโอดครวญอย่างกับเด็ก 3 ขวบ “ โอ๊ยข้าเจ็บ เจ้าทำข้าเจ็บ “ ดิ้นทุรนทุรายโดดไปมาทำหน้างอนเล็กน้อย ซุนอี้ถึงกับกุมหน้าผาก “นี้ข้ากำลังเลี้ยงเด็กอยู่ จริงด้วย “ นั่งถอนหายใจพร้อมเข้ายื่นมือไปปลอบโยนชายไร้สติให้ลุกมานั่งข้างๆ “เจ้ามานี่ มานั่งข้าง ๆ ข้าเลิกร้องไห้ได้แล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจ “ เฝิงเส้าเฟิงพยักหน้าพร้อมกอดซุนอี้เอาหัวแนบท้องอย่างกับเด็กทารก “เจ้าคือภรรยาข้า ข้าจะปกป้องเจ้าเอง” ร้ายนักนะ เฝิงเส้าเฟิงใช้โอกาศนี้เตะเนื้อต้องตัวภรรยาตนเอง ซุนอี้ ใช้มือจับแก้มเบาๆ “ ลุกขึ้นเถิด เจ้าออกไปเล่นข้างนอกก่อน ตอนนี้ข้าร่างกายอ่อนแอนักข้าต้องพักผ่อน “ เฝิงเส้าเฟิงรีบลุกขึ้น ยื่นฝ่ามือทั้งสองจับแก้มและหน้าผากภรรยา “ ท่านไม่สบายจริงด้วย งั้นข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า” เฝิงเส้าเฟิงรีบกระโดดขึ้นเตียง ดึงผ้าห่มพร้อมเรียกภรรยาให้มานอนด้วยกัน “เมีย มาสิ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อน” ซุนอี้ลังเลเล็กน้อยที่ต้องนอนกับชายแปลกหน้า “ เอาสิ ผัว ไร้สติคงทำเรื่องอย่างว่าไม่เป็นหรอก” นางตัดสินใจนอนร่วมเตียงเดียวกันกับเฝิงเส้าเฟิง จนทั้งสองหลับไปในที่สุด 3 ชั่วโมงผ่านไป นิ้วมือกระดิกเริ่มรู้สึกตัวเหมือนมีอะไรมาทับที่หน้าอกจับ ๆ คล้ำ ๆ ดู รีบดีดลำตัวลุกขึ้นสะบัดแขนออกขาข้างซ้ายถีบเฝิงเส้าเฟิงตกเตียงโดยไม่ได้ตั้งใจ “ โอ๊ย ตีนหนักจัง” จากนั้นเฝิงเส้าเฟิงก็หันหน้ามาหัวเราะใส่เมียตน “ ท่านอยากเล่นกับข้าก็ไม่บอก” ซุนอี้ยกมือส่ายไปมาแล้วประคองเฝิงเส้าเฟิงมานั่ง “ สามี ข้าไม่ได้ตั้งใจ ขาข้ามันชอบกระตุก “ เฝิงเส้าเฟิงมองไปที่ขาข้างซ้ายที่เมียตนนั้นบอกว่า มันกระตุก เลยยกข้าข้างนั้นขึ่นโดยที่ซุนอี้ไม่ทันตั้งตัว “ ข้างนี้รึ มันกระตุก” ซุนอี้ตกใจที่เฝิงเส้าเฟิงนั้นยกขาตนขึ่นจนชี้ตั้ง แถมยังโน้มตัวมาจ้องหน้าและถามไปพรางๆ “ ใช่ข้างนี้หรือไม่ เมียทำไมไม่ตอบข้า ซุนอี้สะบัดเบี่ยงลำตัวลุกขึ้น “ ใช่ขาข้างนี่แหละ เจ้าอย่าไปจับมันบ่อยละ เดี๋ยวมันจะเตะก้านคอเจ้าโดยไม่รู้ตัว? “ เฝิงเส้าเฟิงถึงกับคิดในใจว่าเมียตนนั้น ดุ มาก เลยแกล้งยิ้มเฝือนๆเหมือนคนบ้า “ข้าไม่จับมันแล้ว หากมันกำเริบข้าอาจตายได้” ซุนอี้ยิ้มด้วยสีหน้าที่เหนื่อยๆ เหมือนราวกับว่าตนนั้นกำลังเลี้ยงเด็ก “ เอาละ ข้าจะไปอาบน้ำ เจ้าออกไปเล่นข้างนอกก่อนเถิด” จากนั้นเฝิงเส้าเฟิงเดินดุกดิกวิ่งซนออกไปข้างนอกตามที่เมียสั่ง “ ไปเสียที เหนียวตัวจะแย่ ว่าแต่ห้องน้ำสมัยเก่าเป็นเหมือนในชี่รี่ไหมนะ” จู่ๆนางกำนัลบ่าวรับใช้ก็เดินเข้ามา “ องค์หญิงซุนอี้ หากจะอาบน้ำ หม่อมฉันจะเตรียมเครื่องปะผิวให้เพคะ “ นางยิ้มให้นางกำนัลแล้วถามด้วยความสงสัย หากเจ้าไม่ทำหน้าที่นี้ จะเป็นเช่นไร” นางกำนัลรู้สึกงงกับคำถาม ผู้คนทั่วไปก็รู้ๆกันเหตุใด องค์หญิงซุนอี้ถึงไม่รู้ หากหม่อมฉันไม่ทำจะถูกโบยเพราะบกพร่องในหน้าที่ เพคะ “ ซุนอี้พยักหน้ายิ้มกลบเกลื่อน “ ข้าถาม ไปงั้น อย่าได้สงสัยในสิ่งที่ข้าเพึ่งจะเอ่ยไป “ บ่าวรับใช้ได้ยินดังนั้นรีบเตรียมเครื่องปะชำระล้างร่างกายทันที บรรยากาศด้านหลังเรือนเฝิงเส้าเฟิงมีลำธารไหลผ่าน น้ำใสสะอาดสีฟ้าอ่อนๆมองเห็นทะลุดินใต้น้ำ ด้านข้างมีห้องน้ำส่วนตัวอาบน้ำอย่างดี “ โอ้โฮ ได้บรรยากาศมาก” นางกำนัลมาได้ยินคำพูดแปลกประหลาดจึง ถามซ้ำว่าต้องการอะไรอีกหรือไม่ “องค์หญิง พูดว่าอะไร กระหม่อมไม่เข้าใจ หรือว่าองค์หญิงต้องการสิ่งใด บอกหม่อมฉันได้” ซุนอี้” ข้าไม่ต้องการสิ่งใดเจ้าออกไปเถิดหากมีอะไร ข้าจะเรียกหา” นางกำนัล/ ชงหยุน บ่าวรับใช้ที่เฝิงเส้าเฟิงไว้ใจ นิสัยดี รู้ผิดรู้ถูก ซื่อสัตย์ต่อเจ้านายเป็นอย่างมาก) ในอ่างน้ำอาบน้ำใบใหญ่สีขาวขุ่นดังน้ำนม ปลายเท้าค่อยจุ่มลงน้ำอย่างช้าๆเผยให้เห็นขาเรียวๆขาวๆนวลผ่องที่ไม่เคยผ่านชายใดมาเลย “ อาบน้ำสผมน้ำข้าวก็ดีเหมือนกัน มันรู้สึกแปลกใหม่ดี” บรรยากาศกำลังไปได้ดีสักพักก็มีเสียงโวยวายมาจากในเรือน “ปล่อยข้านะ ข้าจะไปหาเมียข้า เมียข้าอยู่ไหน” ชงหยุนวิ่งไล่ตามองค์ชายจนหอบเหนื่อย ปวดขาแลจะวิ่งตามไม่ไหวแล้ว “ ชงหยุน” โอ๊ะ วันแรกก็จะไม่ไหวแล้ว ท่านชายนะท่านชาย” นางจึงได้แต่นั่งหายใจพะงาบๆ เหงื่อย้อยไหลตกพิงเสาหน้าเรือน ซุนอี้” เสียงอะไร เกิดอะไรขึ้น “ เฝิงเส้าเฟิง” เอ๊ะ! เมียข้าอาบน้ำอยู่นี่เอง ข้าขออาบด้วยคนนะ “ ซุนอี้ตกใจ กริ๊ดลั่น!!! ด้วยความมือไวยิบไม้ที่อยู่ข้างๆเขวี้ยงใส่หัวเฝิงเส้าเฟิงจนสลบไปในที่สุด “ ตายไหมนะ....ชงหยุน? มาหาข้าหน่อย” ชงหยุนได้ยินซุนอี้เรียกหารีบลุกขึ่นไปหาทันที นางไม่ทันระวังเดิน สดุดล้มหน้าห้องน้ำพอก้มหันไปด้านหลังเจอเฝิงเส้าเฟิงนั่งสลบอยู่หน้าประตู ที่ศีรษะมีเลือดออกเล็กน้อย “องค์หญิงฝีมือท่านใช่หรือไม่” ซุนอี้พยักหน้าพร้อม ถือไม้เป็นหลักฐานให้บ่าวรับใช้ดู “ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ใครบอกให้เข้ามาในห้องอาบน้ำ “ ชงหยุน” องค์หญิงรีบอาบน้ำให้เสร็จ หม่อมฉันจะเรียกยามเฝ้าหน้าเรือนมาแบกร่างท่านเฝิงเส้าเฟิงกลับเข้าห้องนอน” ซุนอี้ “ ได้! อีกประเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เจ้าออกไปก่อน “ ชงหยุน” เพค่ะ”ตำหนักหลี่ซิ่น หมอหลวง" องค์หญิงสิ้นใจแล้วขอรับ "หลิวซินเนียน" ไม่จริง...ฮือๆ ลูกแม่เจ้าตื่นขึ่นมาเถิดหนา "ตนนั้นทำใจไม่ได้และกล่าวหาหมอหลวงว่าไม่มีความสามรถ...ร้องไห้คร่ำครวญกอดลูกสาวไม่ยอมปล่อย...หันมากล่าวโทษทุกคนที่ยืนดูอยู่หลิวซินเนียน" เป็นเพราะพวกเจ้า พวกเจ้าทำลายชีวิตของของข้า " ฉางอัน" เจ้าทำตัวเองทั้งนั้น จะโทษผู้อื่นเหตุใดไม่โทษตัวเอง " หลิวซินเนียน" ผู้ใดถามเจ้า ข้าชังน้ำหน้าเจ้านัก "ฉางอัน" พอเถิดเจ้าหมดหนทางแล้ว เตรียมตัวเข้าไปชดใช้กรรมในคุกเถิด" ได้ยินคำว่าคุก นางจึงยิบมีดออกมาข่มขู่ทุกคนก่อนจะตายนางได้เอ่ยทิ้งท้าย หลิวซินเนียน" จ้าไม่มีวันยอมเข้าคุก ข้ายอมตายเสียดีกว่า " หลังจากนั้นตนได้ใช้มีดแทงตัวเองจนสิ้นใจตามลูกสาวทิ้งตัวนอนลงข้างกายลูกของตน และหลังจากนั้นศพสองแม่ลูกนั้นได้ถูกเผาไม่มีการทำพิธีใดๆไปทั้งสิ้น เมื่อข่าวนี้แพร่งพรายออกไปทั่วเฉิ่งฮั่น ต่างคนต่างเชื่อในปาฏิหาริย์และรับรู้ว่าต่อจากนี้เมืองเฉิ่งฮั่นจะกลับมามีความสุขดังเฉกเช่นเมื่อก่อนในเมื่อทุกอย่างถูกคลี่คลายเฝิงเส้าเฟิงตอบตกลงทำการค้ากับแคว้นเฉิงฮั่นโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ส่วนซุนอี้ได้พบกับแม่ที่แท้
เจ็ดวันถัดมา เวลา 8.00ณ . ท้องพระโรงในที่สุดวันนี้ก็มาถึงได้เวลาเปิดโปงความจริงทุกอย่าง หลักฐานพร้อมพยานพร้อม ทุกคนในท้องพระโรงต่างรอพระมเหสีหลิวซินเนียนและองค์หญิงซุนอี้ บรรยากาศในท้องพระโรงเริ่มรี่เสียงลงอวยหน้าหันไปยังหน้าประตูบานใหญ่ที่กำลังเปิดออก พระมเหสีหลิวซินเนียนมาแล้ว แต่มาด้วยใบหน้าที่ใส่หน้ากากปิดบังรอยบาดแผลไว้ เหลือให้เห็นแค่ดวงตาทั้งสองข้าง ถานเจี้ยนซื่อ " ในเมื่อมากันครบแล้ว....เฝิงเส้าเฟิงเริ่มได้เลย " เฝิงเส้าเฟิง " เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน หัวหน้ากรมตุลาการ หูจวินได้ทำความผิด ข้อหาโยนความผิดให้ผู้บริสุทธิ์ปิดบังเรื่องการหายตัวของชาวบ้านตั้งยี่สิบกว่าปี นักโทษที่จับมานั้นล้วนเป็นคนดีทั้งหมดและเรื่องนี้มีผู้อยู่เบื้องหลังคอยหนุนหลังหูจวินมาตลอด "หลิวซินเนียนเริ่มออกอาการทำตัวไม่ถูกตนนั้นกลัวจะถูกเปิดโปง เลยขอตัวกลับตำหนักอ้างว่าตนนั้นไม่สบายหลิวซินเนียน" ฝ่าบาทข้าปวดหัวมาก ข้าขอกลับไปพักผ่อนที่ตำหนัก " เฝิงเส้าเฟิง" ท่านยังไปไหนไม่ได้ " หลิวซินเนียน " บังอาจกล้ามาก้าวร้าวใส่ข้า " เฝิงเส้าเฟิง " ฝ่าบาทขอรับผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็คือ พระมเหสีหลิวซินเนียนข
ทรมารจากบาดแผลจนร้องไห้ออกมาผ่านบาดแผลที่แก้มทั้งแสบทั้งแค้นใจจนนางสลบลงไปในที่สุด สภาพนางตอนนี้ไม่ต่างจากหมาเร่ร่อนเลยสักนิด กลายเป็นผู้ที่มีหน้าตาอัปลักษณ์จนนางกำนัลไม่กล้าเข้าไปพยุง ในขณะหลี่ซิ่นได้ผ่านมาทางหน้าตำหนักโบตั๋นเห็นนางกำนัลยืนวงล้อมดูท่าวุ่นวายกันมาก ส่วนชงหยุน/หนิงเหอ ได้รีบกลับเข้าตำหนักไปเก็บข้าวของเตรียมหนีกลับแคว้นสิบและพาลี่ถังไปด้วยหนิงเหอ " เหตุใดถึงต้องหนี "ชงหยุน " องค์ชายเคยบอกข้าไว้ล่วงหน้า ว่าถ้าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ให้ข้ารีบกลับแคว้นสิบอย่าอยู่ที่นี่ "หนิงเหอ"แล้วองค์ชายละ จะเป็นเช่นไร องค์หญิงก็เช่นกัน "ชงหยุน " เรื่องนี้เจ้าอย่าได้ขวัญเสียไป องค์ชายข้าเก่งฉลาดกว่าที่เจ้าคิดเสียอีก รีบเก็บของแล้วไปตำหนักท่านลี่ถัง " หน้าตำหนักโบตั๋นเพลานี้เหล่าขุนนางต่างเรียกให้ทหารนำตัวนางไปรักษา ส่วนนางกำนัลโดนหลี่ซิ่นลงโทษ อย่างหนัก ที่ลานกลางเรือนหลี่ซิ่น แซ่ประจำตัวนางไม่ได้ใช้มานานเพลานี้สมควรนำมันออกมาใช้เสียที แค่เห็นแซ่ในมือนาง นางกำนัลคนเก่าๆที่อยู่มานานยังกลัวไม่ต่างจากนางกำนัลคนใหม่ หลี่ซิ่นจับมวยผมจนจำศีรษะลากนางกำนัลถูพื้นจนขาถลอก มือชั่วช้าได้จับผม
เช้าวันใหม่ 6.00 สองสามีภรรยาตื่นเช้าเตรียมตัวออกตามหานักสืบที่อยู่ในรายชื่อทั้งหมด ที่แรกที่ต้องไปคือหมู่บ้านเล็กๆในแถบนอกเมือง ที่นั้นมีนักสืบซ่อนตัวอยู่เพื่อหลบซ่อนผู้หวังจะทำร้าย เมื่อทั้งสองได้เดินทางมายังหมู่บ้าน ก้าวแรกที่เข้ามาก็เป็นที่หมายตาของชาวบ้านเสียแล้ว ชาวบ้าน " พวกเจ้าทั้งสองมาทำอะไร "เฝิงเส้าเฟิง " ข้ามาตามหาชายที่ชื่อว่า ห่าวซวน " ชายแก่เดินวนรอบ ๆ กายทั้งสอง ใช้ไม้เท้าเคาะตามตัวเพื่อหาสิ่งของ ว่าแอบนำอะไรเข้ามา มองตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่เว้นแม้กระทั่งม้าที่ตนขี่มา วนมองดูหนึ่งรอบไม่พอยังมีรอบที่สอง " ใส่ชุดคลุมหนาเช่นนี้ตอนถอด คงให้ภรรยาซ่วยละสิ ละดูรองเท้าเจ้าสิหนาอย่างกับกากมะพร้าว รอยแผลตามตัวมีแต่แผลเก่าเต็มไปหมด หน้าตาก็ดี รูปร่างใช้ได้ ดูมีฐานะแต่เหตุใดต้องใส่เสื้อผ้าโสโครกเช่นนี้ ผมเผ้ารกรุงรังไปหมด ไปตัดออกบ้าง ไม่เหนื่อยรึปลอมตัวมาเช่นนี้ " เฝิงเส้าเฟิง " ท่านรู้ได้เช่นไร " " ดูภรรยาเจ้าสิผิวพรรณนวลผ่องดังน้ำนมข้าว รูปร่างหน้าตาไม่เป็นสองรองใคร สงบเสงี่ยมเหมือนคนโดนเชือกมัดปากไว้ไม่ยอมพูดจา เนื้อตัวมีกลิ่นเครื่องหอมพุ่งเข้ามาเตะจมูกข้า สาวชาวบ้านธรรมดา
ในระหว่างเดินทางกลับ นางชำเลืองมองไปเห็นชายร่างกายสูงใหญ่หน้าตาหน้ากลัวกำลังอารมณ์เสียเหมือนผิดหวังอะไรมาสักอย่าง แววตารังสีอำมหิตร้อนแรงแผ่ออกกระจายมาทั่วร่างกาย นางสูดหายใจเข้าลึกๆ เบิกตากว้างมองชายผู้นั้นอย่างตื่นตะลึ่ง แต่เมื่อวิ่งรถม้าผ่านชายผู้นั้นไปนางจึงนึกได้ว่าจะหาใครมาทำงานให้นาง จึงสั่งทหารให้เลี้ยวรถม้ากลับทันที "." เงินก็ไม่มีไปเล่นการพนันยังถูกโกง หึ สงสัยข้าต้องขายวัวทิ้งจะได้กลับไปแก้แค้นให้ได้เงินกลับมาเป็นหลายเท่า "{ ตนเดินบ่นไม่พอใจหงุดหงิดใจมองไปทางไหนก็ไม่สบอารมณ์ จนได้ยินเสียงรถม้าวิ่งมาจอดดักหน้าตน สิ่งแรกที่สังเกตเห็นได้คือทหารผู้นี้มาจากในวังและตนยังได้กลิ่นเครื่องหอมของสตรีพุ่งออกมา ตนชะเง้อมองผ้าม่านสีเทาที่กำลังเลื่อนออกอย่างช้าๆ } หลิวซินเนียน " เจ้าอยากมีงานทำหรือไม่ " " ท่านเป็นใคร " หิวซินเนียน" ข้าคือพระมเหสีหลิวซินเนียน " [เมื่อตนรู้ความจริงถึงกับยืนอ้าปากค้างตัวแข็งเหมือนหุ่น }หลิวซินเนียน " ไม่ต้องกลัว สนใจทำงานให้ข้าหรือไม่ ข้าตอบแทนของเจ้าจะทำให้เจ้าสบายไปทั้งชาติ " " งานอะไร ขอรับถึงได้เงินมากมายถึงเพียงนี้ " หลิวซินเนียน " ลักพาตัว
ระเบิดหลายลูกกำลังเตรียมการเล็งเป้าหมายมาที่หมู่บ้าน ชายทั้งห้าจะไปหยุดพวกมันทันหรือไม่ เมื่อเห็นว่าทางเฉิ่งฮั่นไม่มีการตอบโต้ยิ่งทำให้ได้ใจหลงระเริงคิดว่าฝั่งตนนั้นเหนือกว่าทุกอย่าง ในที่หลบบนเนินเขาไม่แปลกใจที่หาพวกมันไม่เจอหนำซ้ำฝั่งเฉิ่งฮั่นเสียเปรีบยอยู่ไม่น้อย บัดนี้เจ้าหมาป่าได้เดินดมกลิ่นไปเรื่อยๆ จนมันเริ่มเหาเบาๆเพื่อบอกชายทั้งห้าเดินทางขึ่นไปยังหุบเขาโดยใช้ทางเดินที่ทุกคนต่างก็รู้ว่ามันเป็นทางตัน" เจ้าหมาป่า ทางนั้นมันเป็นทางตัน " เจ้าหมาป่าไม่สนใจวิ่งนำหน้าชายทั้งห้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว " ตามเจ้าหมาป่าไป " เมื่อเดินทางมาถึงยังที่หมายกลับเป็นทางตันจริงๆ " เจ้าหมาป่าข้าบอกเจ้าแล้วว่ามันเป็นทางตัน " { ตนย้ำด้วยเสียงที่มั่นใจและไม่หลบสายตา} เจ้าหมาป่าไม่เชื่อเพราะกลิ่นจมูกของมันไม่มีทางคาดการผิดพลาด มันจึงดมกลิ่นรอบๆจนเจอกับโพรงหญ้าที่มีหลุมใต้ดินเป็นทางลัดเดินลงไป โฮ่งๆ...... มันคาบชายกระโปรงเพื่อให้ทุกคนเข้ามาดูในที่มันเจอ " ใจเย็น ข้าจะไปดู " เมื่อชายทั้งห้าเปิดโพรงหญ้าที่หนาทึบและมีหนามคมเต็มไปหมด " ห๊ะ ทางลัดใต้ดิน พวกมันขุดเตรียมการไว้ลวงหน้าก่อนจะเปิดสงคราม " {