เมื่อฮองเฮาได้ยินคำพูดของลู่หมิ่นฮุ่ย ก็ย่อมเข้าใจความนัยลึกซึ้งที่แฝงอยู่ในนั้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นบุญคุณในการช่วยชีวิต เพียงแค่เอ่ยปาก ตราบใดที่อีกฝ่ายสามารถทำได้ ก็ย่อมไม่มีทางปฏิเสธ เมื่อนึกถึงตอนที่ข่าวการตายของแม่ทัพซ่งถูกส่งกลับมา สถานการณ์ของสกุลซ่งก็ย่ำแย่ลงในทันที ทุกคนต่างคิดว่าไม่นานสกุลซ่งคงจะเลือนหายไปจากเมืองหลวง เพราะอย่างไรเสีย ไร้ซึ่งอำนาจหนุนหลัง อีกทั้งพวกเขายังเป็นตระกูลใหญ่โตที่มีทรัพย์สมบัติมากมาย ย่อมต้องกลายเป็นเป้าหมายที่ทุกคนจ้องตาเป็นมันโดยไม่ต้องสงสัย หากมิใช่เพราะซ่งหลินไม่อยู่ สกุลหลินก็คงไม่กล้าดูแคลนซ่งรั่วเจิน เกรงว่านางคงได้เป็นฮูหยินหลินโหวไปตั้งนานแล้ว และเรื่องราวในภายหลังก็คงไม่เกิดขึ้น ขณะที่กำลังสนทนากันอยู่นั้น ฉู่มู่เหยาก็มาถึง “เสด็จแม่ ข้าก็ว่าอยู่ ไฉนกลางวันแสก ๆ ถึงให้ทุกคนออกไปที่ด้านนอก ที่แท้เป็นเพราะท่านน้ามาเยือนนี่เอง” เมื่อฉู่มู่เหยาก้าวเข้ามาก็ได้กลิ่นหอมฉุยระลอกหนึ่ง สายตาของนางจับจ้องไปที่ปิ้งย่างบนโต๊ะ กลิ่นหอมลอยออกมาจากสิ่งนี้ ทว่านางยังคงกล้าวทักทายอย่างสุภาพ “ข้าเห็นว่าพอเจ้าเข้ามา สา
ใต้เท้าจ้าวมีสีหน้าจริงจัง ซวี่ไป๋เป็นบุตรชายที่เขารักมากที่สุด และยังเป็นผู้ที่มีอนาคตไกลที่สุด บัดนี้ หลังจากเดินผ่านประตูผีมาแล้วครั้งหนึ่ง อีกทั้งยังสามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้ แม้แต่ความอยุติธรรมที่เคยได้รับในอดีตก็ถูกลบล้างจนหมดสิ้นแล้วในตอนนี้ ผู้ที่เป็นบิดาเช่นเขาก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจยิ่งนัก เรื่องในปีนั้นมิได้สืบสวนให้กระจ่าง จึงทำให้บุตรชายผู้นี้ต้องได้รับความอยุติธรรมมากมายเช่นนี้ “ใต้เท้าจ้าว ท่านเกรงใจกันเกินไปแล้ว บุตรสาวของข้าสามารถช่วยพวกท่านได้ ก็เป็นวาสนาของนางเช่นกัน” รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งหลินกว้างจนแทบจะบานสะพรั่งบนใบหน้า นับตั้งแต่กลับมา กู้หรูเยียนก็เล่าเรื่องที่รั่วเจินเคยช่วยสกุลสวีและสกุลต่งให้ฟัง เขาถึงได้รู้ว่าบุตรสาวของตนมีความสามารถ และได้ทำอะไรมากมายถึงขนาดนี้ แต่น่าเสียดายที่เวลานั้นเขามิได้อยู่ด้วย จึงมิอาจมีส่วนร่วมด้วยตนเอง คาดไม่ถึงว่าโอกาสจะมาถึงรวดเร็วเพียงนี้ เขาเพิ่งกลับมาเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่วัน บุตรสาวของเขาก็ช่วยชีวิตผู้คนได้อีกหนึ่งชีวิต! “เร็วเข้าเถิด เข้ามาดื่มน้ำชาสักถ้วยก่อน” ซ่งหลินกล่าว กู้หรูเย
“จะขุ่นเคืองก็ขุ่นเคืองไปเถิด นี่พวกเรายังจักต้องหวั่นเกรงพวกเขาอีกหรือ?” ซ่งหลินมีสีหน้าไม่แยแส “พวกไร้สมอง เลี้ยงดูตัวก่อเภทภัยเช่นนี้ออกมา ฆ่าคนตายไปเท่าใดแล้ว?” ขณะที่ซ่งหลินกล่าวคำพูดเหล่านั้นออกมากด้วยสีหน้ารังเกียจ กู้หรูเยียนก็สังเกตเห็นผู้ที่เดินเข้ามาด้านหลัง จึงรีบส่งสัญญาณให้ซ่งหลินเงียบทันที ซ่งหลินไม่เข้าใจว่าฮูหยินของตนอยู่ดี ๆ ก็เกิดเป็นอะไรขึ้นมา แต่ความเข้าใจโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยระหว่างสามีภรรยาก็ทำให้เขาเงียบลงโดยทันที แต่เมื่อเขาหันไปเห็นสามีภรรยาสกุลเฉียน สีหน้าของเขาก็ปรากฏความกระอักกระอ่วนอยู่ชั่วขณะ เป็นดั่งที่ว่า อย่าพูดลับหลังผู้ใด เอ่ยถึงโจโฉ โจโฉก็มา! ใต้เท้าจ้าวย่อมรู้ดีว่าซ่งหลินพูดถึงตนเอง แต่กลับไม่รู้สึกโกรธเคืองเพราะเรื่องนี้เลย “ที่แม่ทัพซ่งพูดมาก็ไม่ผิด ข้าก็เป็นคนโง่เง่าคนหนึ่งจริง ๆ หากมิใช่เพราะข้าโง่เขลาเพียงนี้ คงไม่ปล่อยให้บุตรสาวต้องตายอย่างน่าเวทนา และคงไม่ปล่อยให้หย่าหลินทำเรื่องเลวทรามเช่นนั้นได้” สีหน้าของซ่งหลินแข็งค้างไปเล็กน้อย เมื่อเห็นใต้เท้าจ้าวก้มศีรษะลง หว่างคิ้วเต็มไปด้วยท่าทีที่สิ้นหวัง จึงอดไม่ไ
เมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่เริ่มพูดคุยกันแล้ว ซ่งจิ่งเซินจึงลากซ่งรั่วเจินออกไปด้วยกัน พลางกล่าวว่า “อยู่ตรงนี้ดูผู้ใหญ่คุยกัน สู้ไปตรวจร้านดีกว่า กิจการร้านปิ้งย่างดีเหลือเกิน เรียกได้ว่าผลิตไม่ทันความต้องการเลยทีเดียว” “ที่เจ้าตัดสินใจเลือกอาคารสองชั้นไว้ก่อนหน้านี้น่ะถูกแล้ว หากทำเล็กเหมือนร้านขายไก่ทอดละก็ คงแย่แน่ๆ” เพราะรายการอาหารของร้านขายไก่ทอดไม่มากนัก หลังจากที่ทุกคนซื้อเสร็จ ก็จะถือเดินไปเลย ต่อให้ต้องต่อแถวอยู่ริมถนนก็ไม่เป็นไร แต่รายการอาหารของร้านปิ้งย่างนั้นมีมากมาย จึงเหมาะสำหรับสหายที่มารวมตัวกันกินเนื้อย่างและดื่มเหล้า เพราะฉะนั้น หน้าร้านจะต้องกว้างเข้าไว้ แม้จะเป็นเช่นนั้น ตอนนี้ก็ยังคงผลิตไม่ทันความต้องการ เพื่อแย่งที่นั่ง ถึงกับเกิดการปะทะกันขึ้นบางครั้ง “ท่านคิดจะเปิดสาขาเพิ่ม?” ซ่งรั่วเจินเพียงแค่มองสีหน้าพี่สี่ของตน ก็เดาออกถึงความคิดที่ผุดขึ้นในใจเขา “น้องหญิงห้า เจ้านี่ช่างฉลาดจริงๆ!” ซ่งจิ่งเซินตบมือ “ข้ายังมิได้พูดอะไร เจ้าก็เดาออกแล้ว สมกับที่เป็นพี่น้องร่วมใจ พลังย่อมสามารถตัดทองได้!” ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “ไป พวกเราไปกันเถิ
เสิ่นหวยอันฟังคำพูดของผู้ดูแลแล้ว ก็หันไปมองซ่งปี้อวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ โดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเอ่ยว่า “สกุลซ่ง? สกุลซ่งไหน?” “แน่นอนว่าคือจวนแม่ทัพซ่ง” ผู้ดูแลตอบอย่างตรงไปตรงมา เมื่อซ่งปี้อวิ๋นได้ยินว่าสกุลซ่งเองก็หมายตาร้านค้าร้านนี้เช่นกัน แววตาก็ฉายแววความโกรธขึ้นมา ตอนนี้กิจการของสกุลซ่งรุ่งเรืองดุจดวงอาทิตย์ขึ้นกลางฟ้า พวกเขาเห็นแล้วก็เรียกได้ว่าอิจฉาตาร้อน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นครอบครัวเดียวกันแท้ ๆ แต่ตั้งแต่แยกบ้านออกไป ความแตกต่างระหว่างพวกเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เดิมคิดว่าเมื่อซ่งหลินตายในสนามรบ ในที่สุดพวกเขาก็จะมีโอกาสแซงหน้าสกุลซ่งได้ ยังไงซะหญิงม่ายที่มีลูกหลายคน สองคนในนั้นยังคงเป็นภาระค่าใช้จ่าย จึงไม่สามารถแบกรับสกุลซ่งที่ใหญ่โตเช่นนี้ได้ ใครจะคิดว่า พวกเขายังไม่ทันได้ลงมือ ซ่งรั่วเจินก็ไปหาฉู่อ๋องเป็นที่พึ่ง ทำให้พวกเขาจำต้องหยุดการเคลื่อนไหวไว้ก่อน ตอนนี้ซ่งหลินกลับมาแล้ว สกุลซ่งก็ยิ่งรุ่งเรืองดุจดวงอาทิตย์ขึ้นกลางฟ้า เรียกได้ว่าเป็นที่ต้องการอย่างยิ่ง! ช่วงนี้เมื่อเห็นกิจการของสกุลซ่งยิ่งขายดีขึ้นเรื่อย ๆ นางก็อดกลั้นไม่ได้อีกต่อไป
สีหน้าเสิ่นหวยอันเย็นชา ท่าทีแข็งกร้าว อาจเพราะวันนี้ได้ซ่งปี้อวิ๋นหนุนหลังซ่งรั่วเจินเพ่งพินิจเสิ่นหวยอันตรงหน้า สมองใคร่ครวญตกลงคนผู้นี้มีฐานะเยี่ยงไร ท่าทีเย่อหยิ่งจองหองถึงเพียงนี้?“ทั้งสองท่านสามารถหลีกไปก่อนได้หรือไม่?” เจ้าของร้านอาหารเอ่ยปากกับพวกซ่งรั่วเจินสองคนอย่างอดไม่ได้สองพี่น้องสบตากันแวบหนึ่ง รับคำแล้ว“แม่นางซ่ง อันที่จริงข้าก็อยากขายร้านอาหารให้พวกท่าน แต่ข้าอับจนหนทางอย่างแท้จริง คุณชายเสิ่นท่านนั้นใกล้จะกลายเป็นราชบุตรเขยแล้ว”“หากไม่ขายให้พวกเขา ก็จะล่วงเกินองค์หญิงอย่างไม่ต้องสงสัย ข้าเป็นเพียงสามัญชน ไฉนเลยจะสามารถล่วงเกินได้?”เจ้าของร้านอาหารมองทางกู้หว่านเยว่อย่างอดไม่ได้ ไม่ว่าเป็นฝั่งใด เขาก็ล่วงเกินไม่ได้ล่วงเกินเสิ่นหวยอันก็คือล่วงเกินองค์หญิง ทว่าล่วงเกินซ่งรั่วเจินก็คือล่วงเกินฉู่อ๋อง เขาสามัญชนธรรมดาอยู่ตรงกลางรู้สึกลำบากใจอย่างแท้จริงเขากลับอยากขายให้สกุลซ่ง อย่างไรเสียสกุลซ่งก็เสนอราคาอย่างเป็นธรรม ตรงข้ามกันสกุลเสิ่น อาศัยว่าใกล้จะได้เป็นราชบุตรเขยจึงกดราคาจนแทบกระอักโลหิต กลับไม่กล้าพูดออกมาแม้ครึ่งประโยค“ราชบุตรเขย? ไม่รู้ว่าเป็นองค์
เสิ่นหวยอันเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉู่มู่เหยาและซ่งรั่วเจินจะดีถึงเพียงนี้ทั้งๆ ที่เขาได้ยินมาว่าฮองเฮาไม่ชอบซ่งรั่วเจิน อิงตามหลักการแล้ว ฉู่มู่เหยาเองก็สมควรไม่ชอบซ่งรั่วเจินถึงจะถูกนี่!“หม่อมฉันว่าแล้วเชียวเหตุใดระยะนี้ได้ยินว่าคุณชายเสิ่นจะได้เป็นราชบุตรเขย ที่แท้เขาก็มีบุญคุณต่อท่านนี่เอง!”“เพียงแต่หม่อมฉันยังไม่ได้ยินฝ่าบาทตรัสถึงเรื่องนี้มาก่อน หรือว่าตกลงกันแล้ว?”ซ่งรั่วเจินสบมองเสิ่นหวยอันตรงหน้า ภายในสายตาสะท้อนแววรังเกียจวูบหนึ่งโดยไม่เผยอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้า เพียงมองผ่านหน้าตาของคนผู้นี้ก็สามารถมองออกแล้วว่าไม่ใช่คนดีอันใดเมื่อครู่ซ่งปี้อวิ๋นพูดไปทุกคำว่านางจะซื้อร้าน ทว่าบัดนี้ทั้งๆ ที่เสิ่นหวยอันเองก็ต้องการซื้อร้าน หรือพูดอีกอย่างคือ...สองคนนี้จะต้องไม่ธรรมดาทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์ดีถึงเพียงนั้นแล้ว เสิ่นหวยอันกลับประกาศที่ภายนอกว่าตนกำลังจะได้เป็นราชบุตรเขย ก็เพื่อใช้อำนาจรังแกคนคนที่คิดพึ่งพาสตรีขึ้นสู่ตำแหน่งเช่นนี้ นางเคยเห็นมาไม่น้อย แต่คนที่ทางหนึ่งต้องการเกาะฉู่มูเหยาขึ้นสู่อำนาจ ทางหนึ่งยังปลอบแม่นางของเขา นี่ตกลงไปเอาความมั่นใจในตนเองม
ไม่รู้ก็ช่างเถอะ บัดนี้รู้แล้ว ย่อมไม่สามารถปล่อยให้ข่าวนี้หลุดรอดไปได้เสิ่นหวยอันได้ยินถ้อยคำนี้แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป ครู่ต่อมามองซ่งรั่วเจินแวบหนึ่ง เขานับว่ามองออกแล้ว ฉู่มู่เหยาไม่เพียงมีความสัมพันธ์อันดีกับนางมาก ถึงขั้นยังเชื่อฟังคำพูดของนางอีกด้วยหากนางก่อกวนอยู่ตรงกลาง น่ากลัวว่าความยากที่เขาจะได้อยู่ร่วมกับฉู่มู่เหยาก็เพิ่มขึ้นมากบัดซบ! เหตุใดบังเอิญไปล่วงเกินผู้หญิงคนนี้ได้เล่า!“พี่สะใภ้ วันนี้เจ้ามาที่นี่ทำอันใด?” ฉู่มู่เหยาเอ่ยถาม“เล็งร้านอาหารร้านนี้ไว้จึงตั้งใจมาซื้อ ช่วงนี้หม่อมฉันเปิดร้านปิ้งย่าง ท่านรู้แล้วหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มบางๆฉู่มู่เหยาพยักหน้า “วันนี้ตอนข้าออกจากบ้านบังเอิญได้ชิมปิ้งย่างของร้านเจ้า รสชาติยอดเยี่ยมมาก!”“ท่านตั้งใจให้คนไปซื้อหรือ?”ซ่งรั่วเจินแปลกใจ ทว่านางรู้ฉู่มู่เหยาเองก็ชอบสิ่งเหล่านี้ ก่อนหน้านี้ยามเปิดร้านเดิมทีก็อยากส่งไปให้นางชิม ทว่าได้รู้ว่านางบาดเจ็บ ฉู่อวิ๋นกุยจึงนำไปกินหมดแล้ว“วันนี้บังเอิญท่านน้าไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่แล้วนำติดไปด้วย ตอนข้าไปพบเสด็จแม่ก็บังเอิญเห็นเข้า พวกเขายังชื่นชมว่าร้านของเจ้าเปิดได้ดีมากจริงๆ
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที