Share

บทที่14 หนุ่มชาวนาผู้หล่อเหลา

Author: zuey
last update Last Updated: 2024-12-31 17:49:55

ตอนี่14 หนุ่มชาวนาผู้หล่อเหลา

เสี่ยวหลันจื่อไม่สนใจบุรุษทั้งสามที่แย่งชิงเนื้อกัน นางเดินเข้าไปในครัวลวกบะหมี่เพิ่มอีกสามชามยกออกมาแล้ววางไว้ตรวหน้าพวกเขา

“ไม่อิ่มก็เอาน้ำซุปราดลงบนบะหมี่อร่อยเหมือนกัน"  พูดจบนางก็หันมาหาสองผู้เฒ่าที่ตอนนี้อิ่มจนขยับตัวไม่ไหว

" ท่านตาท่านยาย กินเนื้อเยอะๆ หลังจากอิ่มแล้วพวกท่านก็เดินย่อยสักหน่อย ข้าจะต้มน้ำเอาไว้ให้ อีกครึ่งชั่วยามค่อยอาบน้ำนะ"

เสี่ยวหลันจื่อพูดจบก็เดินเข้าครัวไป

เซียวอี้เหิงมองดูเส้นบะหมี่ที่วางอยู่ตรงหน้าของตน  แล้ว จึงหันไปมองตามหลังที่เดินหายเข้าครัวไป เขาดันถ้วยบะหมี่ให้ฉีเยี่ยนแล้วลุกขึ้น

“นายท่าน อิ่มแล้วหรือขอรับ ทานอีกสักหน่อยสิ"

เป็นฉีเหลยที่ดึงเขาเอาไว้อีกครั้ง

“กินเสร็จแล้วเก็บกวาดให้เรียบร้อย” ก่อนเดินตามเสี่ยวหลันจื่อไปเซียวอี้เหิงหันมาสั่งชายหนุ่มทั้งสอง

เสี่ยวหลันจื่อที่กำลังง่วนอยู่กับการใส่ฟืนลงไปในเตาเพื่อต้มน้ำจึงไม่ได้ยินเสียง เซียวอี้เหิงที่เดินมาข้างหลัง นางลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังไปจึงทำให้ชนเข้ากับแผ่นอกแข็งแรงของเซียวอี้เหิงจนหงายหลัง ก่อนที่เสี่ยวหลันจื่อจะหงายหลังล้มลงบนเตาที่กำลังต้มน้ำอยู่ แขนแข็งแรงของเซียวอี้เหิง ก็คว้าร่างของนางเข้ามาในอ้อมแขนของตนได้อย่างทันท่วงที

“เหตุใดท่านมายืนอยู่ข้างหลังข้าเงียบๆ เช่นนี้ทำเอาข้าตกใจจนเกือบหงายหลังลงบนน้ำร้อนแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อที่ตกใจเป็นอย่างมาก ต่อว่าเขาเสียงดัง

“ข้าก็เดินมาของข้าปกติ เจ้าต่างหากที่มัวเเต่เหม่อ ลอยอันใดอยู่จนเกือบจะเกิดอุบัติเหตุแล้ว”

“ข้าเปล่านะ เป็นท่านต่างหากที่ผิด”

เสี่ยวหลันจื่อเถียงออกไปข้างๆคูๆ ทั้งสองคนมัวแต่เถียงกันโดยลืมไปว่ากำลังกอดกันอยู่ ฉีเหลยที่ถือชามเดินเข้ามา ตกใจจนตาค้างทำชามกับตะเกียบหลุดมือทำให้ทั้งสองคนได้สติแล้วผละออกจากกัน

“ขะ ขออภัย พวกท่านต่อเถอะข้าไม่รบกวนแล้ว”

ฉีเหลย รีบวิ่งออกจากห้องครัวไป

“ลนลานอะไรของเขากัน” เสี่ยวหลันจื่อเก็บชามกับตะเกียบที่อยู่บนพื้นขึ้นมาวางลงในอ่างที่เตรียมเอาไว้ล้างชาม

“เจ้าไม่ต้องทำหรอกปล่อยให้พวกเขาทำเถอะ ตามข้ามานี่”

เซียวอี้เหิงดึง มือของเสี่ยวหลันจือตามตนเองออกไป

“นี่ท่านจะพาข้าไปไหนจะมืดแล้วนะ” เสี่ยวหลันจื่อ กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามเขาไปด้วยขาที่สั้นกว่า

หลังจาก ที่ทั้งสองเดิน ออกมาได้สักพักเซียวอี้เหิง ก็ใช้แขนอีกข้างรวบเอวของนางเข้ามาแนบอก จากนั้นใช้วิชาตัวเบาทะยานออกจากที่แห่งนั้นไป

“ว้าว” เสียงเล็กๆ ดังขึ้นที่ข้างหูของเซียวอี้เหิง ด้วยความตื่นเต้น

“ข้าไม่นึกเลยว่าถ้าจะเก่งกาจปานนี้”

เสี่ยวหลันจื่อยกนิ้วให้เขา

“จับดีๆ หากเจ้าร่วงลงไปข้าไม่รับผิดชอบ”

เซียวอี้เหิงขู่นาง เสี่ยวหลันจื่อรีบคว้าเอวเขาเอาไว้อย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าตัวเองจะตกลงไปคอหักตาย เซียวอี้เหิงยกยิ้มมุมปากบางๆ เขาใช้วิชาตัวเบาทยาน ขึ้นภูเขามาได้สักพักจึงหยุดลงบนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่มีอายุน่าจะมากกว่า หนึ่งร้อยปี จากนั้นจึงหากิ่งที่แข็งแรงและเหมาะนั่งลง เขาดึงเสี่ยวหลันจื่อมานั่งลงบนตักตัวเอง นางดิ้นต่อต้านเล็กน้อย

“นั่งลงดีๆ อยากจะตกลงไปคอหักตาย ข้างล่างหรือ” เสี่ยวหลันจื่อจึงนั่งนิ่งเลิกดิ้นทันที

“ท่านพาข้ามาที่นี่ทำไม” เสี่ยวหลันจื่อมองหน้าเขา

“ดูนั่นสิ” เซียวอี้เหิงชี้ให้เสี่ยวหลันจื่อมองไปที่ภูเขาอีกลูกด้านหน้า แสงพระอาทิตย์ยามเย็นที่กำลังจะหายลับไปหลังยอดภูเขาลูก นั้นเปล่งประกายย้อมท้องฟ้าให้กลายเป็นสีทอง เหมาะกับเสียงนกกาที่กำลังบินกลับรังนอน เสียงลมพัดใบไม้โยกไหวทำให้ให้บรรยากาศดูโรแมนติกยิ่งนัก เสี่ยวหลันจื่อ อึ้งกับภาพที่เห็น นางหลับตาสัมผัสสิ่งต่างๆรอบข้าง

มันเหมือนกับภาพวาดราคาแพงที่นางไม่มีวันจะได้จับต้อง นางรู้สึกเหมือนว่า ภาพนี้จะกลายเป็นของนางคนเดียว

ทั้งสองคนนั่งนิ่งต่างคนต่างความคิดแต่สายตากลับมองไปที่จุดเดียวกัน เสียงของเซียวอี้เหิงดังขึ้นข้างใบหูของนางทำให้ขนอ่อนบนตัวของเสี่ยวหลันจื่อลุกซู่อย่างไม่ทราบสาเหตุ แก้มของนางแดงขึ้นโดยอัตโนมัติลามไปถึงใบหู

“เจ้ามองไปที่ภูเขาลูกนั้นเมื่อถึงยามเหมันต์ ดอกท้อจะบานสะพรั่งทั่วทั้งภูเขา”

เสี่ยวหลันจื่อ แหงนหน้ามอง คนที่พูดกับนางอยู่ตอนนี้นางมองเห็นเพียงคางแหลมได้รูปที่เกลี้ยงเกลาและลูกกระเดือกที่กำลังขยับขึ้นลงตามเสียงพูด

เสี่ยวหลันจื่อ รู้สึกลำคอแห้งผากอย่างไม่ทราบสาเหตุนาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน ริมฝีปากบางได้รูปของเขาช่างเย้ายวน นางไม่เคยเห็นใครที่ ริมฝีปากน่ากินขนาดนี้

เสี่ยวหลันจื่น สะบัดหน้าตัวเองไปมาไล่ความคิดไร้สาระของตัวเอง ใบหน้าเล็กที่ประเดี๋ยวซีดประเดี๋ยวแดง ประเดี๋ยวครุ่นคิด ประเดี๋ยวโมโห ทำให้ดูตลกยิ่งนัก

เซียวอี้เหิงไม่เคยคิดว่าคนหนึ่งคนจะแสดงสีหน้าได้มากมายถึงเพียงนี้ เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเซียวอี้เหิง ก็พาเสี่ยวหลันจื่อ กลับมาที่บ้านตระกูลหลิว

“กลับมาแล้วหรือ จื่อเอ่อเจ้าหนุ่มพวกเจ้าไปไหนกันมา” เเม่เฒ่าสวี ซักถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

เสี่ยวหลันจื่อหน้าเเดง รีบเดินเข้าห้องไป ทิ้งให้เซียวอี้เหิง ยืนรับหน้าแม่เฒ่าสวี อยู่ตรงนั้น

“ออกไปเดินย่อยอาหารมาขอรับ”

เซียวอี้เหิง ตอบเพียงเท่านั้นก็เดินเลี่ยงออกไป เเม่เฒ่าสวี ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เหมือนว่าตนเองกำลังจะได้อุ้มเหลนในเร็วๆ นี้

“ตาเฒ่าข้าว่าเราน่าจะได้อุ้มเหลนในเร็วๆ นี้เเล้วเจ้าดูสิบรรยากาศระหว่างนางหนูของเรากับเจ้าหนุ่มนั่น”

เเม่เฒ่าสวีทำหน้าเพ่อฝัน ราวกับว่าในแขนของตนเองมีเด็กตัวเล็กๆ นอนอยู่

“พูดเรื่องอันใดของเจ้าข้าก็เห็นว่าพวกเขาทำตัวปกติดีไม่เห็นมีอะไรแปลกตรงไหน”

ผู้เฒ่าหลิว มองฮูหยินคู่ยากด้วยสายตาแปลกประหลาด

“นี่เเน่ะ เจ้ามันพวกไร้จินตนาการข้าไม่อยากคุยกับเจ้าแล้ว”

เเม่เฒ่าสวีตีแขนสามีของตน แล้วเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าห้องไป ผู้เฒ่าสวียกมือเกาหัวด้วยความงุนงงไม่เข้าใจว่ายายเฒ่าของตนเป็นอะไร ถ้าหากจะบอกว่าเป็นช่วงประจำเดือนมาก็ไม่น่าจะใช่ยายเฒ่าของเขาอายุห้าสิบกว่าแล้วจะมีประจำเดือนได้อย่างไร

เสี่ยวหลันจื่อหลังจากกลับมา นางก็รีบอาบน้ำแต่งตัวล็อคประตูกลัวว่าเซียวอวี้เหิง จะเข้ามานอนในห้องของนางอีก แต่มีหรือประตูไม้เล็กๆ ดูอ่อนแอแบบนี้จะสามารถกันเขาเอาไว้ได้ เซียวอี้เหิงใช้มือเปิดประตูแล้วจึงรู้ว่ามันถูกล็อคจากด้านในเขาจึงใช้พลังลมปราณดันประตูเบาเบา กลอนไม้ที่ล๊อคไว้หักลงทันที

“เหตุใดจึงท่านต้องพังประตูห้องข้า ทำไมท่านทำตัวเป็นคนป่าเถื่อนไร้อารยะเช่นนี้”

เสี่ยวหลันจื่อตวาดเเหวออกไป

“ถ้าเจ้าไม่ล็อคประตูข้าก็ไม่ต้องพังประตู”

เขาพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉยจากนั้นจึงเดินไปที่เตียง เเล้วนั่งลง

“มานอนเถอะ ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเจ้าแค่นอนเท่านั้น”

เสี่ยวหลันจื่อลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยอมเดินไปที่เตียงแต่โดยดี นางรีบมุดเข้าไปด้านในของเตียง จากนั้นจึงใช้ผ้าห่มคลุมร่างตนเอง

ผ่านไปสักพักเสียงลมหายใจของ นางเริ่มสม่ำเสมอเป็นสัญญาณว่านางหลับไปแล้ว

เซียวอี้เหิง จึงลืมตาขึ้นจ้องมองใบหน้าเล็กๆ ในความมืด เขาจะทำอย่างไรดีหากเป็นเช่นนี้ต่อไปมันจะยากต่อการควบคุม อีกอย่างเขาคงอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้ มีทางเดียวคือทำให้นางยินยอมกลับไปกับเขา แม้จะต้องแสดงละครว่ารักนางก็ตามที เซียวอี้เหิงคิดในความมืดสายตาที่เหมือนกับรัตติกาล กลมกลืนไปกับความมืดกลับเปล่งประกายอย่างน่าแปลกประหลาดราวกับห้วงลึกไร้ที่สิ้นสุด

สี่ยวหลันจื่อ งัวเงียตื่นขึ้นมาไม่เจอร่างของอีกคนที่นอนกับนางเมื่อคืนก็ถอนใจอย่างโล่งอก นางล้างหน้าล้างตาเพื่อออกไปช่วยท่านยายทำอาหารเช้าแต่ทุกอย่างเตรียมไว้เสร็จเรียบร้อยนางไม่เห็นบุรุษสามคนรวมถึงทั้งตาของนางจึงถามหาพวกเขากับแม่เฒ่าสวี

“ท่านยายทุกคนหายไปไหนกันหมดเหตุใดบ้านถึงเงียบเชียบเช่นนี้”

เเม่เฒ่าสวี เห็นหลานสาวคนงามตื่นขึ้นมาแล้ว ก็กุลีกุจอ รีบตักข้าวต้มมาให้นางเสี่ยวหลันจื่อกล่าวขอบคุณเบาๆ

“พวกเขาตามท่านตาของเจ้าไปที่นาของบ้านเราเพื่อถอนหญ้าตอนนี้ต้นข้าวกำลังขึ้นงามเชียว”

เสี่ยวหลันจื่อ ที่กำลังตักโจ๊กเข้าปาก ถึงกับสำลัก

“ท่านว่าอย่างไรนะ ไปที่นาถอนหญ้าพวกเขาน่ะหรือไปถอนหญ้า”

เสี่ยวหลันจื่อ รีบตักโจ๊กเข้าปากจนหมด เมื่อเก็บชามในครัว เรียบร้อยแล้วนางรีบออกจากบ้านตรงไปที่นาของบ้านสกุลหลิวทันที

นางจะพลาดเรื่องสนุก ที่หาได้ยากเช่นนี้ได้อย่างไร จะมีสักกี่คนบ้างที่จะได้เห็นผู้สูงศักดิ์ถอนต้นหญ้าในแปลงนามันไม่ต่างอะไรกับการไปดูของโบราณหายากในพิพิธภัณฑ์เลยนะ ต่อให้ต้องจ่ายเงินเข้าไปดูนางเชื่อว่ามีหลายคนที่ยอมเสียเงินมาดู

เสี่ยวหลันจื่อ เดินมาสักพักก็มองเห็นแปลงนาของบ้านสกุลหลิวอยู่ไกลๆ แต่ที่น่าแปลกคือมีคนมากมายมามุงดู

เป็นอย่างที่นางคาดเดาไว้

ชายหนุ่มที่หล่อเหลาสามคน กำลังถอนหญ้าอย่างขมักเขม้นในแปลงนา ด้านข้างก็มีสาวๆ ยืนคอยให้กำลังใจ

น่าสนใจดีนี่ เจ้าพวกนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ดึงดูดสตรีได้อย่างง่ายดาย

“โอ พวกเจ้าทั้งหลายมาทำอะไรที่แปลงนาของบ้านข้า” เสี่ยวหลันจื่อตะโกนมาแต่ไกล

สตรีเหล่านั้นที่เห็นนางเดินมาก็พากันทำหน้าเจื่อนเล็กน้อย

“เสี่ยวหลันจื่อเจ้ามาเเล้วหรือ” เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้าให้นาง เด็กสาวอายุราวสิบห้าสิบหก เป็นบุตรสาวท่านป้าจางที่อยู่ข้างบ้านสกุลหลิว

“จางเสวี่ย เจ้าก็มาดูของหายากเหมือนกันหรือ”

เสี่ยวหลันจื่อหยอกนาง จางเสวี่ยหน้าเเดง เสี่ยวหลันจื่อไม่ถือสาทั้งยังพูดหยอกเย้านางไปหลายคำ

“เจ้าชอบคนไหน ชี้ได้เลยเดี๋ยวข้าช่วยเป็นแม่สื่อให้”

เสี่ยวหลันจื่อพูดพลางหัวเราะ จางเสวี่ยหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม เด็กสาวคนนี้นิสัยดีชอบมาพูดคุยกับนางหลายครั้งโดยไม่สนใจว่านางเป็นคนที่มาจากที่อื่น

“เจ้าล้อข้าเล่นแล้ว”

“ล้อเล่นอะไรกันข้าพูดจริงๆ นะ” พูดจบเสี่ยวหลันจื่อ ก็หัวเราะฮ่า ฮ่าขึ้นมา หญิงสาวหลายคนที่เสี่ยวหลันจื่อ คุ้นหน้าคุ้นตาก็เข้ามาร่วมวงด้วย

“จ้าพูดจริงหรือ” เด็กสาวอีกคนที่เเต่งตัวดีกว่าคนอื่นๆ เดินเข้ามา

“จริงสิข้าจะโกหกเจ้าทำไม”

“ถ้าเป็นสามีเจ้าล่ะ” เสี่ยวหลันจื่อมองนางอย่างสนใจ อายุราวสิบห้าสิบหกหน้าตาพอใช้ได้ แต่ก็แค่พอใช้ได้แหละ ถ้าออกจากหมู่บ้านก็ถือว่าหน้าตาธรรมดา

“จ้าคือ” เสี่ยวหลันจื่อถามนาง

เด็กสาวเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง

 “ข้าคือบุตรสาวเพียงคนเดียวของหัวหน้าหมู่บ้านชื่อว่า หลิวหลี” เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้า

“อ้อ หลิวหลี เจ้าอยากได้เขาหรือ ย่อมได้ถ้าเจ้าสามารถทำให้เขาชอบเจ้าได้ข้าก็จะยอมยกเขาให้เจ้า ด้วยความ เต็มใจ” เสี่ยวหลันจื่อพูทีละคำอย่างสบายๆ 

“เจ้าพูดแล้วนะอย่ามาเสียใจทีหลัง”

“แน่นอนข้าพูดแล้วย่อมไม่คืนคำ”

“คำไหนคำนั้น” หลิวหลี รีบรับปากด้วยความดีใจ

“เสี่ยวหลันจื่น เจ้าทำแบบนี้จะทำให้สามีเจ้าเสียใจได้นะ” จางเสวี่ย หันมาพูดกับนาง

“เจ้าคิดว่านางจะทำสำเร็จหรือ นางไม่มีทางทำสำเร็จหรอก”

เสี่ยวหลันจื่อพูดเบาๆ กับจางเสวี่ย ด้วยความมั่นใจ หญิงสาวหลายคนเมื่อเห็นว่าหลิวหลีกล้าท้าชิงแย่งสามีกับเสี่ยวหลันจื่อ ตนก็อยากจะทำบ้างแต่ไม่มีความกล้าเสี่ยวหลันจื่อมีหรือ จะมองพวกนางไม่ออก

“พวกเจ้าก็เหมือนกันสู้กันอย่างแฟร์แฟร์ ….. ข้าหมายถึงด้วยความยุติธรรม ถ้าหากว่าพวกเจ้าคนใดสามารถทำให้เขา ชอบพวกเจ้าได้ข้าก็ยอมยกเขาให้พวกเจ้า”

เสี่ยวหลันจื่อพูดพลางชี้ ไปที่เซียวอี้เหิง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติไปเป็นตัวละครลับของท่านอ๋องอำมหิต   ตอนพิเศษ2

    ตอนพิเศษ2“คิดจะพาลูกของข้าหนีไปที่ใด เจ้าตัวแสบ”เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากทางหน้าเรือนเสี่ยวหลันจื่อก็หันขวับไปทันที นางเห็นร่างสูงโปร่งที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าเรือน บุรุษที่ เหล่อเหลาที่สุดของนางบุรุษที่นางคิดถึงอยู่ทุกวันแม้ในยามหลับฝัน บุรุษของนางกลับมาแล้ว เสี่ยวหลันจื่อวิ่งเข้าสู่อ้อมแขนที่กำลังยกขึ้นเพื่อรอรับนาง“ยินดีต้อนรับท่านอ๋องของข้า”เสี่ยวหลันจื่อยิ้มทั้งน้ำตา ในที่สุดเขาก็กลับมาอย่างปลอดภัย“ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก ทำไมท่านไม่ส่งจดหมายกลับมาหาข้าบ้างเลย”เซียวอี้เหิงลูบผมยาวนุ่มสลวยของนางอย่างแสนคิดถึง“ข้าได้อ่านจดหมายของเจ้าทุกฉบับ แต่ที่ข้าไม่ได้ตอบกลับมาก็เพราะข้าอยากมาตอบเจ้าด้วยตนเอง” เซียวอี้เหิงก้มลงจูบปากอวบอิ่มของสตรีที่เขารักประหนึ่งดวงใจ เนิ่นนานกว่าเขาจะปล่อยนางเป็นอิสระ“ข้ากลับมาแล้วชายารัก ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน”เสี่ยวหลันจื่อโผเข้ากอดร่างสูงอีกครั้งอย่างมีความสุข หลังจากที่ทุกคนกลับมาก็ได้รับข่าวดีว่าเสี่ยวหลันจื่อตั้งครรภ์ แม้แต่ผู้ปกครองทั้งวังหน้าและวังหลังก็ยังส่งของมาร่วมยินดีกับว่าที่บิดามารดามือใหม่ที่จวนอ๋อง แต่เจ้าของจวนทั้งสองกลับไม่มีใครอ

  • ทะลุมิติไปเป็นตัวละครลับของท่านอ๋องอำมหิต   ตอนพิเศษ1

    ตอนพิเศษ.......เซียวอี้เหิงได้รับสามรลับมาจากชายแดนว่าแคว้นฉู่ได้ยกทัพมาประชิดชายแดนเมืองชิงโจวแล้ว สี่ยวหลันจื่อที่รู้เข้าก็ตกใจอดีต รัชทายาทถูกจับกุมแล้วตระกูลกู้ก็ถูกประหารแล้วเหตุใดสงครามยังมีอยู่อีก แสดงว่านางไม่สามารถเปลี่ยนเนื้อเรื่องทั้งหมดได้ เสี่ยวหลัน จื่อเดินวนไปวนมานางกำลังกังวลเรื่องสงคราม แต่เซียวอี้เหิงกลับมีท่าทีสบายๆ“ท่านไม่กังวลใจเลยหรือ สงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนะเหตุใดท่านจึงยังสบายอกสบายใจได้อยู่อีก”เสี่ยวหลันจื่อเอ็ดเซียวอี้เหิงเสียงเขียว นางกังวลใจจะตายอยู่แล้วเจ้าตัวที่ต้องนำทหารออกรบกลับยังทำหน้าระรื่นอยู่อีก“จื่อเอ๋อเจ้าจะกังวลไปใย การลงสนามรบของข้าก็เป็นเพียงการคืนสู่เหย้าเท่านั้น ฉู่หมิงเทียนจะทำอันใดได้ ดูท่าจะยังไม่รู้เรื่องที่พันธมิตรของเขาล่มไปแล้ว ข่าวสารแคว้นฉู่ช่างล่าช้าเสียจริง”ความจริงเซียวอี้เหิงให้คนของเขาสกัดสายลับของแคว้นฉู่เอาไว้ไม่ให้ส่งข่าวไปที่รัชทายาทฉู่หมิงเซียว เขาอยากจะใช้สงครามครั้งนี้กำหราบเจ้าโง่ที่ชอบอวดตัวว่าตนเองแข็งแกร่งทั้งที่รู้เรื่องการรบแค่งูๆ ปลาๆ เท่านั้น ทั้งยังเอาแต่ยั่วยุทหารของเขาที่ชิงโจวแต่กลับไม่กล้าสู้กันซึ่ง

  • ทะลุมิติไปเป็นตัวละครลับของท่านอ๋องอำมหิต   บทส่งท้าย

    บทส่งท้ายเซียวอี้เหิงพาเสี่ยวหลันจื่อกลับไปที่จวน เขาขังนางเอาไว้ในห้องกับตนเองถึงห้าวันเพื่อเป็นการลงโทษเสี่ยวหลันจื่อขอร้องเขาอย่างไรเซียวอี้เหิงก็ไม่ใจอ่อน แม้นางจะบีบน้ำตาก็ตาม จะไม่ให้เสี่ยวหลันจื่ออ้อนวอนเขาได้อย่างไรการลงโทษของเซียวอี้เหิงนั้นช่างวาบหวิวน่าอายนัก เจ้าคนเย็นชานี่ไม่นึกเลยว่าเมื่อได้ลองเรื่องนี้แล้วจะติดใจจนแทบไม่ปล่อยนางลงจากเตียง ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรียวแรงมากที่ใดเคี่ยวกรำเสี่ยวหลันจื่อทั้งวันทั้งคืนนจนนางระบบไปหมดแล้วเขาคิดว่าตนเองแค่เล็กๆ อย่างนั้นหรือ“ท่านอ๋องข้าขอร้อง ข้ารับไม่ไหวแล้วส่วนล่างของข้าระบมไปหมดแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อโอดครวญเสียงหวาน“ข้าเคยได้ยินท่านหมอบอกว่าเมื่อเราเป็นแผลที่ใดให้ใช้น้ำลายแตะก็จะหายเร็ว มาเถอะชายารักข้าจะใช้น้ำลายช่วยรักษาให้เจ้าเอง”เซียวอี้เหิงจับขาทั้งสองข้างของเสี่ยวหลันจื่อชันขึ้นแล้วเขาก็ก้มตัวลงไปละเลงลิ้นบนความชุ่มฉ่ำของนางรียกเสียงครางหวานออกมาจากริมฝีปากแดงช้ำเพราะถูกจูบเซียวอี้เหิงจูบจนนางแทบสำลักลมหายใจเสี่ยวหลันจื่อตอนนี้ในหัวของนางขาวโพลน ไม่รู้ว่าเซียวอี้เหิงวางยาอะไรนางแต่ตอนนี้นางต้องการเขาให้เติมเต็มส่วนล่า

  • ทะลุมิติไปเป็นตัวละครลับของท่านอ๋องอำมหิต   ภาพจำสุดท้าย

    เสี่ยวหลันจื่อร้อนใจเป็นอย่างมากรีบพาเซียวอี้เหิงกับองครักษ์หลายนายตรงไปที่เรือนหลังหนึ่งทางทิศใต้ของเมืองหลวง เรือนหลังนี้ไม่โดดเด่นนักเหมือนกับเรือนหลังอื่นในระแวกนี้ แต่ครั้งก่อนที่นั่นมีทางลับที่องค์ชายสามทำเอาไว้ เขาไม่มีโอกาสได้ใช้แต่เป็นกู้รั่วอวิ๋นต่างหากเมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนยังไม่มีผู้ใดเข้ามาที่นี่ เพราะเมื่อคืนมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ถ้ามีคนมาที่นี่จะต้องมีรอยเท้าอย่างแน่นอน“นางยังมาไม่ถึงที่นี่ อาจเพราะมีทหารออกค้นหาทั่วเมืองจึงทำให้นางไม่สะดวกประกฏตัว” เซียวอี้เหิงวิเคราะห์“จื่อเอ๋อ เจ้ากลับไปรอฟังข่าวที่จวนดีหรือไม่ที่นี่อันตรายนัก หากกู้รั่วอวิ๋นกับพวกของนางมาที่นี่จะต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นแน่”เสี่ยวหลันจื่อทำท่าไม่ยินยอม นางอยากเห็นกับตาว่ากู้รั่วอวิ๋นถูกจับไม่อย่างนั้นนางไม่สบายใจ“ท่านอ๋องคนของเรามากเพียงนี้ยังต้องกลัวนางอีกหรือ ท่านให้ข้าอยู่ที่นี่เถอะ ข้ารับรองจะอยู่ด้านหลังตลอดไม่ทำตัวเป็นฮีโร่แน่”เซียวอี้เหิงถอนหายใจอย่างจนใจกับความดื้อดึงของเสี่ยวหลันจื่อแม้เขาจะไม่รู้ว่าฮีโร่คือสิ่งใดเเต่เขาก็ยอมตามใจนาง “เช่นนั้นเจ้าอย่าออก

  • ทะลุมิติไปเป็นตัวละครลับของท่านอ๋องอำมหิต   จับกุม

    “ท่านยาย”ประโยคแรกที่เสี่ยวหลันจื่อเอ่ยขึ้นหลังจากที่นางได้สติ เสี่ยวหลันจื่อโผเข้าหาแม่เฒ่าสวีทันทีกอดนางร้องไห้ออกมาเสียงดังจนทุกคนในเรือนตกใจ พวกเขาสงสัยว่านางเป็นอะไรหลังจากที่ตื่นเหตุใดจึงได้ร้องไห้คร่ำครวญเพียงนั้น แม่เฒ่าสวีทำอะไรไม่ถูก็ได้แต่กอดปลอบนาง เซียวอี้เหิงสังเกตทุกอิริยาบทของเสี่ยวหลันจื่อ ตอนแรกเขาคิดว่านางกำลังละเมอแต่ว่าไม่ใช่“แม่นางเจ้า.....รู้จักข้าหรือ” เม่เฒ่าสวีถามเสี่ยวหลันจื่ออย่างไม่เเน่ใจหลังจากที่นางตั้งสติได้แล้ว เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้าให้แม่เฒ่าสวีอย่างจริงจัง“ไม่เพียงแต่ท่านที่ข้ารู้จัก ข้ารู้ยังจักทุกคนเกินครึ่งหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ ถ้าท่านไม่เชื่อข้าสามารถบอกชื่อพวกเขาให้ท่านฟังได้นะ”เเล้วเสี่ยวหลันจื่อก็เอ่ยชื่อของชาวบ้านที่นางรู้จักบางคนแม้กระทั่งว่าบ้านของพวกเขาตั้งอยู่ตรงไหนของหมู่บ้านนางก็สามารถบอกได้ถูก แม่เฒ่าสวีรู้สึกอัศจรรย์ยิ่งนัก แม้แต่เซียวอี้เหิงที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ก็ยังคล้อยตาม“ข้าดีใจจริงๆ ที่พวกท่านทั้งหมดยังอยู่ ข้าสัญญาว่าจะต้องปกป้องท่านเอาไว้ให้ได้” แม้แม่เฒ่าสวีจะยังงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ก็ยิ้มให้กับท่าทางที่น่

  • ทะลุมิติไปเป็นตัวละครลับของท่านอ๋องอำมหิต   ข้ากลับมาแล้ว

    เมื่อเสี่ยวหลันจื่อหลับไป ภายในความฝันร่างของนางค่อยๆ ล่องลอยไปไกล จนถึงสถานที่แห่งหนึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาตอนนี้นางกำลังยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่นางรู้สึกคุ้นเคยเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้ว่านั่นเป็นบ้านของใครแต่นางกลับรู้สึกคิดถึงที่นี่มาก คล้ายกับว่าตนเองเคยอยู่เมื่อนานมาแล้ว นางผลักบานประตูที่ทำจากไม้เนื้อแข็งดูเก่าเหมือนจะถูกสร้างมานานหลายปีแล้วแต่ยังดูเเข็งเเรงเมื่อเดินเข้าไปในบ้านเสี่ยวหลันจื่อเห็นต้นอู๋ถงที่ล้านหน้าบ้านออกดออกบานสะพรั่งสวยงาม นางเดินไปเก็บดอกที่หล่นบนพื้นขึ้นมาดม เสียงพูดคุยภายในเรื่อนหลังน้อยแต่ดูอบอุ่นเรียกความสนใจของเสี่ยวหลันจื่อให้หันไป นางเดินตามเสียงนั้นผ่านห้องโถงเลยไปจนถึงห้องครัวนางพบสองผู้เฒ่าวัยชราที่กำลังถกเถียงกันอยู่เหมือนสองผู้เฒ่าจะรู้การมาของนางทั้งสองหันมายิ้มให้เสี่ยวหลันจื่อและพูดกับนางบางอย่าง แต่เสี่ยวหลันจื่อไม่ได้ยิน นางพยายามที่จะฟังแต่เหมือนเสียงนั้นจะค่อยๆ ห่างไกลออกไปนางรู้สึกเหมือนจะขาดใจเสี่ยวหลันจื่อร้องไห้ออกมาพร้อมทั้งตะโกนเรียกทั้งสองคนเสียงดัง“จื่อเอ๋อ! จื่อเอ๋อ! ตื่นร็วเกิดอะไรขึ้น” เป็นเซียวอี้เหิงที่เขย่าตัวปลุก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status