ร่างเล็กในอ้อมแขนของเซียวอี้เหิงขยับเล็กน้อยและค่อยๆ ลืมตาตื่น เขากลัวว่านางจะจับได้ว่าเขาแอบมองนางตอนหลับ จึงหลับตาลงแกล้งหลับต่อไป เสี่ยวหลันจื่อขยับตัวบิดไปมาด้วยความเมื่อยขบ ตอนแรกนางถูกเขานอนกอดอยู่จึงพยายามแกะเขาออกแต่ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน เสี่ยวหลันจื่อเห็นว่าเขาคลายอ้อมกอดแล้วจึงค่อยๆ ลุกขึ้นและย่องออกไปกลัวว่าเขาจะตื่น
“ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหนป่านนี้ตากับยายคงเป็นห่วงแย่แล้ว”
ทันทีที่เสี่ยวหลันจื่อเปิดประตูออกมาก็พบเข้ากับองครักษ์ที่เฝ้าประตูสองคน แต่ไม่พบผู้ช่วยเฉิน
“ผู้ดูแลเฉินล่ะ” เสี่ยวหลันจื่อมองซ้ายมองขวาเพื่อหาเขา แต่ไม่พบมีเพียงองครักษ์สองคนที่ยืนนิ่งหน้าตายอยู่หน้าประตู
“ผู้ดูแลเฉินฝากมาบอกแม่นางว่าไม่ต้องเป็นห่วงตากับยายของท่านเขาจะดูแลให้เอง ถ้าหากว่าท่านออกมาจากห้องแล้วให้ไปพบเขาที่เริ่นโส่วถัง”
องครักษ์รูปร่างสูงใหญ่ตอบนางด้วยเสียงเรียบนิ่ง สายตาไม่วอกแวกเหมือนหุ่นยนต์ เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้าแล้วเดินจากไป
หลังจากเสี่ยวหลันจื่อ เดินออกจากห้องไป เซียวอี้เหิงก็ลืมตาขึ้นดวงตาสีดำนิลเป็นประกายคมกล้ามองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ “ฉีอู่” เซียวอี้เหิงเอ่ยเรียกเบาๆ ร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำทมิฬโผล่เข้ามาในห้องทันทีอย่างรวดเร็วราวกับเล่นกล เขาคุกเข่าลงรอรับคำสั่ง
“ไปสืบมา ว่านางอาศัยอยู่กับใครที่ไหนหลังจากที่นางถูกทิ้งไว้ที่สุสานร้าง”
” พ่ะย่ะค่ะ” ฉีอู่รับคำก่อนอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เสี่ยวหลันจื่อหลังจากที่ออกจากห้องของเซียวอี้เหิงก็เดินตรงดิ่งไปที่เริ่นโส่วถังทันที และถามหาตากับยายของตนผู้ดูแลเฉินที่รู้ว่าเสี่ยวหลันจื่อออกมาแล้ว ก็รีบมาต้อนรับทันที
“แม่นางอวี้” ยังไม่ทันที่ผู้ดูแลเฉินจะได้พูดอะไร เสี่ยวหลันจื่อก็ถามหาตายายของนางทันที
“ท่านตากับท่านยายของข้าล่ะผู้ดูแลเฉิน”
“แม่นางโปรดตามมา” ผู้ดูแลเฉินพาเสี่ยวหลันจื่อไปห้องรับรองอีกฝั่งของเริ่นโส่วถังเมื่อเปิดประตูเข้าไปจึงพบผู้เฒ่าหลิวกับแม่เฒ่าสวีกำลังนั่งคุยกันอยู่
“จื่อเอ๋อ” แม่เฒ่าสวีที่นั่งกังวลมาตลอดว่าจะเกิดเรื่องกับหลานสาวที่ตนพึ่งจะได้มาจึงรีบดินเข้าไปจับตัวนางหมุนไปหมุนมาเพื่อสำรวจดูว่านางเป็นอะไรหรือไม่
“ท่านยายท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่เป็นอะไร ข้าสายดี พวกท่าทั้งสองล่ะ” เสี่ยวหลันจื่อถามออกไป
“เราสองคนจะเป็นอะไรได้นอกจากกินกับนอนแล้วก็นับเงิน นี่มาดูนี่สิจื่อเอ๋อ” แม่เฒ่าสวีดึงมือเสี่ยวหลันจื่อมาดูตั๋วเงินที่ตนได้รับมาจากการขายสมุนไพรและโสมภูเขาด้วยความตื่นเต้น
“ทั้งชีวิตนี้ของข้าไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนถือว่าเกิดมาไม่เสียชาติเกิดแล้ว” ผู้เฒ่าหลิวเอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอยเมื่อมองไปที่ตั๋วเงิน
“นี่แน่ะตาแก่ นี่มันเงินที่จื่อเอ๋อหามานะ ไม่ใช่ของแกซะหน่อย” แม่เฒ่าสวีเอื้อมมือไปตีแขนสามีคู่ยากของตนแรงๆ
“โถ่ยายแก่นี่ ขอข้าฝันหวานอีกสักหน่อยก็ไม่ได้” ผู้เฒ่าหลิวบ่นกะปอดกะแปดแต่ก็ยอมให้แม่เฒ่าสวีตีอย่างโดยดี เสี่ยวหลันจื่อหัวเราะอย่างอารมณ์ดี นางรู้สึกมีความสุขยามมองสองผู้เฒ่าทะเลาะกันทำให้นึกถึงตายายในโลกก่อน
ช่างเป็นการแสดงความรักของคนสองคนที่แปลกประหลาด ถึงแม้จะทะเลาะกันทุกวัน แต่เมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายก็จะถามหาทันที ถึงจะทะเลาะกันทุกวันแต่ก็อยากให้อีกฝ่ายอยู่ในสายตาตลอดเวลา ทั้งยามกินและยามนอน
นี่น่าจะเรียกว่าอยู่ด้วยกันทั้งยามทุกข์และยามสุขหรือไม่นะ แล้วตัวนางล่ะจะมีวาสนาได้มีคนที่อยู่ด้วยกันทั้งยามทุกข์และยามสุขไหม
ผู้ดูแลเฉินหลังจากที่มาส่งเสี่ยวหลันจื่อและผู้เฒ่าทั้งสองกลับไปเขาก็กลับไปที่เรื่อนของเซียวอี้เหิงอีกครั้ง เพื่อรายงาน
“พวกเขากลับไปแล้วขอรับ”
“อืม” ซียวอี้เหิงรับคำเบาๆ เขาไม่ได้สนใจนางอีกต่อไป เพราะคิดว่าความฝันที่ตามหลอกหลอนตนนั้นได้รับการแก้ไขแล้ว เขาโบกมือเบาๆ เป็นการบอกว่าให้ผู้ดูแลเฉินออกไป หลังจากได้นอนหลับจนเต็มอิ่มเซียวอี้เหิงก็มีใบหน้าสดชื่นและอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด
เขากลับไปที่จวนอ๋องอีกครั้งหลังจากออกจากเมืองหลวงเพื่อตามหาอวี้ซูเหยา เหล่าข้ารับใช้ที่ใช้ชีวิตในจวนอ๋องอย่างระวังเนื้อระวังตัวไม่กล้าแม้แต่จะผายลม ก็พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ที่ได้เห็นนายเหนือหัวของพวกเขากลับมามีใบหน้าที่แจ่มใสอีกครั้งหลังจากอาละวาดแทบจะกวาดล้างทั้งจวนให้พังพินาศเพราะโรคไม่สามารถนอนหลับได้ซึ่งมีเพียงองครักษ์คนสนิทไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องราวที่แท้จริง
เซียวอี้เหิงที่พึ่งกลับมาก็อารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัดถึงแม้เขาจะไม่ได้ยิ้มหรือหัวเราะออกมาแต่บรรยากาศรอบตัวของเขากลับดูเปลี่ยนไปจากเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว ไม่อึมครึมอีกต่อไปวันนี้เซียวอี้เหิงเข้าร่วมการประชุมราชสำนักอย่างเห็นได้ยาก
แม้เขาจะนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดการประชุม แต่ทุกคนก็มองออกว่าเขาอารมณ์ดี แม้กระทั่งฮ่องเต้หมิงหยวนยังสงสัยว่าเขาไปทำอะไรมา หลังจากกการประชุมจึงมีรับสั่งให้เซียวชินอ๋องเข้าเฝ้าในห้องทรงงาน
“ดูเหมือนวันนี้เจ้าจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ”
“พ่ะย่ะค่ะ” เซียวอี้เหิงตอบเสียงเรียบนั่งคลึงจอกชาไปมาก่อนจะยกขึ้นจิบนี่เป็นนิสัยส่วนตัวของเขาไม่ว่าจะดื่มเหล้าหรือดื่มชาเขามักจะหมุนคลึงไปมาก่อนดื่มเข้าไป
“เราได้ยินมาว่าครึ่งเดือนก่อนเสด็จแม่ให้ขันทีจางไปเชิญท่านเจ้าอาวาสเสวียนคงมาที่จวนของเจ้า”
“พ่ะย่ะค่ะ” เซียวอี้เหิงยังคงตอบเสียงเรียบเช่นเดิม ฮ่องเต้หมิงหยวนถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย เจ้าเด็กคนนี้ตั้งแต่ถูกสั่งให้กลับมาจากสนามรบก็ไม่เคยสนใจงานราชการ เอาแต่เตร็ดเตร่ไปมามอบหมายให้ทำอะไรก็ไม่เคยสนใจ
“อาเหิงเจ้ายังโกรธเราอยู่หรือ ที่สั่งให้เจ้ากลับมาเมืองหลวง” ฮ่องเต้สังเกตใบหน้าที่เหมือนกับเขาตอนยังหนุ่มถึงเจ็ดส่วน
“เจ้าก็อายุยี่สิบห้าแล้วควรแต่งงานมีครอบครัว เสด็จแม่เป็นห่วงเจ้ามากนะ”
เซียวอี้เหิงยังคงนั่งนิ่ง ฮ่องเต้หมิงหยวนถอนหายใจอีกครั้ง จากนั้นจึงบอกให้น้องชายคนเล็กที่แสนเย็นชาและดื้อรั้นของเขาออกไป
คืนนั้น เมื่อเซียวอี้เหิงหลับไปความฝันนั้นก็กลับมาอีกครั้งและดูเหมือนจะรุนแรงยิ่งกว่าเดิม อวี้ซูเหยาที่ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นโครงกระดูกสีแดงที่ชุ่มไปด้วยเลือดกำลังกอดเกี่ยวร่างกายของเขา ทุกส่วนที่นางสัมผัสล้วนเกิดรอยแผลความเจ็บปวดทำให้เซียวอี้เหิงตื่นขึ้น
จึงพบว่าตอนี้สว่างแล้วร่างกายของเขาเปียกชุ่มไปหมดเขาเรียกองครักษ์ข้างกายเข้ามา ฉีเยี่ยนรีบเปิดประตูเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงเรียกของผู้เป็นนาย ภาพที่เห็นทำให้เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
“ท่านอ๋องเกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ” ฉีเยี่ยนรีบเข้ามาดูเซียวอี้เหิง แม้เขาจะใส่ชุดนอนสีดำแต่ร่องรอยรอบเตียงเปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงสด และที่เขาคิดว่าร่างกายของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อนั้นมันคือเลือดของเขาเอง ฉีเยี่ยนรีบเรียกหมอให้เข้ามารักษาและสั่งการองครักษ์ตรวจสอบกลัวว่าจะมีคนร้ายลอบเข้ามาทำร้ายท่านอ๋อง
“ท่านอ๋องเกิดอะไรขึ้น เมื่อคืนมีคนร้ายลอบเข้ามทำร้ายท่านหรือพ่ะย่ะค่ะ” ฉี่เยี่ยนร้อนใจรีบถามออกไป
เซียวอี้เหิงส่ายหัว “เปล่า”
“แล้วเหตุใดท่านถึงได้บาดเจ็บหนักเช่นนี้”
เซียวอี้เหิงถอนหายใจ โบกมือไล่หมอที่มารักษาแผลออกไป
“นางกลับมาอีกแล้ว”
“นางหรือพ่ะย่ะค่ะ ไม่ใช่ว่ารักษาหายแล้วหรือ เหตุใดคราวนี้รุนแรงยิ่งกว่าเดิม”
เซียวอี้เหิงส่ายหัวด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ข้าก็ไม่รู้”
เสี่ยวหลันจื่อที่กลับมามีชีวิตปกติสุขอีกครั้งผ่านไปหนึ่งวันแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นดูเหมือนว่าชินอ๋องผู้นี้จะไม่ติดใจเอาความนางแล้ว
ถึงเวลาที่นางต้องเสวยสุขกับความร่ำรวย เสี่ยวหลันจื่อนำเงินหนึ่งร้อยตำลึงแลกเป็นตั๋วเงินสิบตำลึงสิบใบให้ตายายเก็บไว้ใช้ในบ้าน ส่วนอีกหนึ่งพันตำลึงนางให้ตานำไปฝากไว้ที่ร้านแลกเงิน ตัวนางถือเอาไว้สี่ร้อยตำลึง
ตอนแรกผู้เฒ่าทั้งสองปฏิเสธเพราะนี่เป็นเงินของเสี่ยวหลันจื่อ พูดยังไงก็ไม่ยอมรับท่าเดียวจนนางต้องงัดวิชาการแสดงร้องห่มร้องไห้ที่เคยเห็นในละครออกมาใช้ ผู้เฒ่าทั้งสองจึงได้ยอมรับเงินไว้เเต่โดยดี และบอกนางว่าต้องการใช้เงินเมื่อไหร่ให้บอกพวกเขาทันที
พวกเขาซื้อของมากมายเข้าบ้านแต่ เสี่ยวหลันจื่อไหนเลยจะสนใจของพวกนั้น เพราะสิ่งที่นางสนใจคือร้านค้าออนไลน์ต่างหาก เสี่ยวหลันจื่อดวงตาเปล่งประกายด้วยความสุขอดทนรอให้ถึงกลางคืนไม่ไหวแล้ว
เปิดระบบ ร้านค้าออนไลน์ เสี่ยวหลันจื่อคลิกเลือกหัวข้อร้านอาหาร เมื่อเห็นราคานางแทบจะเป็นลม นี่มันขี้โกงชัดๆ ปกติเงินที่นี่ก็ค่อนข้างหายากแล้วนี่ยังคิดใช้ระบบมาขูดรีดกันอีกหรือ สี่ร้อยตำลึงที่ได้มา ดูแล้วไม่น่าจะพอ นางจึงเลือกซื้อของใช้ที่จำเป็นก่อน ถ้าหากนางไปขอเงินเพิ่มตายายจะต้องสงสัยแน่ว่านางเอาเงินไปใช้ทำอะไรเสี่ยวหลันจื่อทอดถอนใจในโชคชะตาของตัวเอง
เสี่ยวหลันจื่อซื้อหลายอย่างเช่น พวกแชมพู ครีมอาบน้ำ ครีมล้างหน้า ครีมทาหน้า ทิชชู่เอาไว้ใช้ตอนเข้าห้องน้ำ ผ้าอนามัย อุปกรณ์รักษาบาดแผล ยาจำเป็นต่างๆ และชุดชั้นใน เสี่ยวหลันจื่อมองของกองเล็กๆ ตรงหน้าแล้วอยากน้ำตาไหล น้อยจริงๆ เมื่อเทียบกับเงินสามร้อยห้าสิบตำลึง
หลังจากยัดสิ่งของใส่ในไอเทมบ๊อกเสร็จแล้วนางก็รีบเข้านอน พรุ่งนี้นางจะต้องหาเงินให้มากกว่าเดิมเสี่ยวหลันจื่อดึงเสี่ยวหงเข้ามากอดแล้วหลับไป
เสียงดังจอแจของชาวบ้านตอนเช้าปลุกให้เสี่ยวหลันจื่อตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย เมื่อคืนนางนอนดึกวันนี้จึงตื่นสาย เสียวหลันจื่อขยี้ตาเดินออกมาดูว่าเหตุใดชาวบ้านจึงมาชุมนุมหน้าบ้านของตน สิ่งที่เห็นทำให้นางตะลึง
ตอนพิเศษ2“คิดจะพาลูกของข้าหนีไปที่ใด เจ้าตัวแสบ”เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากทางหน้าเรือนเสี่ยวหลันจื่อก็หันขวับไปทันที นางเห็นร่างสูงโปร่งที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าเรือน บุรุษที่ เหล่อเหลาที่สุดของนางบุรุษที่นางคิดถึงอยู่ทุกวันแม้ในยามหลับฝัน บุรุษของนางกลับมาแล้ว เสี่ยวหลันจื่อวิ่งเข้าสู่อ้อมแขนที่กำลังยกขึ้นเพื่อรอรับนาง“ยินดีต้อนรับท่านอ๋องของข้า”เสี่ยวหลันจื่อยิ้มทั้งน้ำตา ในที่สุดเขาก็กลับมาอย่างปลอดภัย“ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก ทำไมท่านไม่ส่งจดหมายกลับมาหาข้าบ้างเลย”เซียวอี้เหิงลูบผมยาวนุ่มสลวยของนางอย่างแสนคิดถึง“ข้าได้อ่านจดหมายของเจ้าทุกฉบับ แต่ที่ข้าไม่ได้ตอบกลับมาก็เพราะข้าอยากมาตอบเจ้าด้วยตนเอง” เซียวอี้เหิงก้มลงจูบปากอวบอิ่มของสตรีที่เขารักประหนึ่งดวงใจ เนิ่นนานกว่าเขาจะปล่อยนางเป็นอิสระ“ข้ากลับมาแล้วชายารัก ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน”เสี่ยวหลันจื่อโผเข้ากอดร่างสูงอีกครั้งอย่างมีความสุข หลังจากที่ทุกคนกลับมาก็ได้รับข่าวดีว่าเสี่ยวหลันจื่อตั้งครรภ์ แม้แต่ผู้ปกครองทั้งวังหน้าและวังหลังก็ยังส่งของมาร่วมยินดีกับว่าที่บิดามารดามือใหม่ที่จวนอ๋อง แต่เจ้าของจวนทั้งสองกลับไม่มีใครอ
ตอนพิเศษ.......เซียวอี้เหิงได้รับสามรลับมาจากชายแดนว่าแคว้นฉู่ได้ยกทัพมาประชิดชายแดนเมืองชิงโจวแล้ว สี่ยวหลันจื่อที่รู้เข้าก็ตกใจอดีต รัชทายาทถูกจับกุมแล้วตระกูลกู้ก็ถูกประหารแล้วเหตุใดสงครามยังมีอยู่อีก แสดงว่านางไม่สามารถเปลี่ยนเนื้อเรื่องทั้งหมดได้ เสี่ยวหลัน จื่อเดินวนไปวนมานางกำลังกังวลเรื่องสงคราม แต่เซียวอี้เหิงกลับมีท่าทีสบายๆ“ท่านไม่กังวลใจเลยหรือ สงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนะเหตุใดท่านจึงยังสบายอกสบายใจได้อยู่อีก”เสี่ยวหลันจื่อเอ็ดเซียวอี้เหิงเสียงเขียว นางกังวลใจจะตายอยู่แล้วเจ้าตัวที่ต้องนำทหารออกรบกลับยังทำหน้าระรื่นอยู่อีก“จื่อเอ๋อเจ้าจะกังวลไปใย การลงสนามรบของข้าก็เป็นเพียงการคืนสู่เหย้าเท่านั้น ฉู่หมิงเทียนจะทำอันใดได้ ดูท่าจะยังไม่รู้เรื่องที่พันธมิตรของเขาล่มไปแล้ว ข่าวสารแคว้นฉู่ช่างล่าช้าเสียจริง”ความจริงเซียวอี้เหิงให้คนของเขาสกัดสายลับของแคว้นฉู่เอาไว้ไม่ให้ส่งข่าวไปที่รัชทายาทฉู่หมิงเซียว เขาอยากจะใช้สงครามครั้งนี้กำหราบเจ้าโง่ที่ชอบอวดตัวว่าตนเองแข็งแกร่งทั้งที่รู้เรื่องการรบแค่งูๆ ปลาๆ เท่านั้น ทั้งยังเอาแต่ยั่วยุทหารของเขาที่ชิงโจวแต่กลับไม่กล้าสู้กันซึ่ง
บทส่งท้ายเซียวอี้เหิงพาเสี่ยวหลันจื่อกลับไปที่จวน เขาขังนางเอาไว้ในห้องกับตนเองถึงห้าวันเพื่อเป็นการลงโทษเสี่ยวหลันจื่อขอร้องเขาอย่างไรเซียวอี้เหิงก็ไม่ใจอ่อน แม้นางจะบีบน้ำตาก็ตาม จะไม่ให้เสี่ยวหลันจื่ออ้อนวอนเขาได้อย่างไรการลงโทษของเซียวอี้เหิงนั้นช่างวาบหวิวน่าอายนัก เจ้าคนเย็นชานี่ไม่นึกเลยว่าเมื่อได้ลองเรื่องนี้แล้วจะติดใจจนแทบไม่ปล่อยนางลงจากเตียง ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรียวแรงมากที่ใดเคี่ยวกรำเสี่ยวหลันจื่อทั้งวันทั้งคืนนจนนางระบบไปหมดแล้วเขาคิดว่าตนเองแค่เล็กๆ อย่างนั้นหรือ“ท่านอ๋องข้าขอร้อง ข้ารับไม่ไหวแล้วส่วนล่างของข้าระบมไปหมดแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อโอดครวญเสียงหวาน“ข้าเคยได้ยินท่านหมอบอกว่าเมื่อเราเป็นแผลที่ใดให้ใช้น้ำลายแตะก็จะหายเร็ว มาเถอะชายารักข้าจะใช้น้ำลายช่วยรักษาให้เจ้าเอง”เซียวอี้เหิงจับขาทั้งสองข้างของเสี่ยวหลันจื่อชันขึ้นแล้วเขาก็ก้มตัวลงไปละเลงลิ้นบนความชุ่มฉ่ำของนางรียกเสียงครางหวานออกมาจากริมฝีปากแดงช้ำเพราะถูกจูบเซียวอี้เหิงจูบจนนางแทบสำลักลมหายใจเสี่ยวหลันจื่อตอนนี้ในหัวของนางขาวโพลน ไม่รู้ว่าเซียวอี้เหิงวางยาอะไรนางแต่ตอนนี้นางต้องการเขาให้เติมเต็มส่วนล่า
เสี่ยวหลันจื่อร้อนใจเป็นอย่างมากรีบพาเซียวอี้เหิงกับองครักษ์หลายนายตรงไปที่เรือนหลังหนึ่งทางทิศใต้ของเมืองหลวง เรือนหลังนี้ไม่โดดเด่นนักเหมือนกับเรือนหลังอื่นในระแวกนี้ แต่ครั้งก่อนที่นั่นมีทางลับที่องค์ชายสามทำเอาไว้ เขาไม่มีโอกาสได้ใช้แต่เป็นกู้รั่วอวิ๋นต่างหากเมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนยังไม่มีผู้ใดเข้ามาที่นี่ เพราะเมื่อคืนมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ถ้ามีคนมาที่นี่จะต้องมีรอยเท้าอย่างแน่นอน“นางยังมาไม่ถึงที่นี่ อาจเพราะมีทหารออกค้นหาทั่วเมืองจึงทำให้นางไม่สะดวกประกฏตัว” เซียวอี้เหิงวิเคราะห์“จื่อเอ๋อ เจ้ากลับไปรอฟังข่าวที่จวนดีหรือไม่ที่นี่อันตรายนัก หากกู้รั่วอวิ๋นกับพวกของนางมาที่นี่จะต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นแน่”เสี่ยวหลันจื่อทำท่าไม่ยินยอม นางอยากเห็นกับตาว่ากู้รั่วอวิ๋นถูกจับไม่อย่างนั้นนางไม่สบายใจ“ท่านอ๋องคนของเรามากเพียงนี้ยังต้องกลัวนางอีกหรือ ท่านให้ข้าอยู่ที่นี่เถอะ ข้ารับรองจะอยู่ด้านหลังตลอดไม่ทำตัวเป็นฮีโร่แน่”เซียวอี้เหิงถอนหายใจอย่างจนใจกับความดื้อดึงของเสี่ยวหลันจื่อแม้เขาจะไม่รู้ว่าฮีโร่คือสิ่งใดเเต่เขาก็ยอมตามใจนาง “เช่นนั้นเจ้าอย่าออก
“ท่านยาย”ประโยคแรกที่เสี่ยวหลันจื่อเอ่ยขึ้นหลังจากที่นางได้สติ เสี่ยวหลันจื่อโผเข้าหาแม่เฒ่าสวีทันทีกอดนางร้องไห้ออกมาเสียงดังจนทุกคนในเรือนตกใจ พวกเขาสงสัยว่านางเป็นอะไรหลังจากที่ตื่นเหตุใดจึงได้ร้องไห้คร่ำครวญเพียงนั้น แม่เฒ่าสวีทำอะไรไม่ถูก็ได้แต่กอดปลอบนาง เซียวอี้เหิงสังเกตทุกอิริยาบทของเสี่ยวหลันจื่อ ตอนแรกเขาคิดว่านางกำลังละเมอแต่ว่าไม่ใช่“แม่นางเจ้า.....รู้จักข้าหรือ” เม่เฒ่าสวีถามเสี่ยวหลันจื่ออย่างไม่เเน่ใจหลังจากที่นางตั้งสติได้แล้ว เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้าให้แม่เฒ่าสวีอย่างจริงจัง“ไม่เพียงแต่ท่านที่ข้ารู้จัก ข้ารู้ยังจักทุกคนเกินครึ่งหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ ถ้าท่านไม่เชื่อข้าสามารถบอกชื่อพวกเขาให้ท่านฟังได้นะ”เเล้วเสี่ยวหลันจื่อก็เอ่ยชื่อของชาวบ้านที่นางรู้จักบางคนแม้กระทั่งว่าบ้านของพวกเขาตั้งอยู่ตรงไหนของหมู่บ้านนางก็สามารถบอกได้ถูก แม่เฒ่าสวีรู้สึกอัศจรรย์ยิ่งนัก แม้แต่เซียวอี้เหิงที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ก็ยังคล้อยตาม“ข้าดีใจจริงๆ ที่พวกท่านทั้งหมดยังอยู่ ข้าสัญญาว่าจะต้องปกป้องท่านเอาไว้ให้ได้” แม้แม่เฒ่าสวีจะยังงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ก็ยิ้มให้กับท่าทางที่น่
เมื่อเสี่ยวหลันจื่อหลับไป ภายในความฝันร่างของนางค่อยๆ ล่องลอยไปไกล จนถึงสถานที่แห่งหนึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาตอนนี้นางกำลังยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่นางรู้สึกคุ้นเคยเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้ว่านั่นเป็นบ้านของใครแต่นางกลับรู้สึกคิดถึงที่นี่มาก คล้ายกับว่าตนเองเคยอยู่เมื่อนานมาแล้ว นางผลักบานประตูที่ทำจากไม้เนื้อแข็งดูเก่าเหมือนจะถูกสร้างมานานหลายปีแล้วแต่ยังดูเเข็งเเรงเมื่อเดินเข้าไปในบ้านเสี่ยวหลันจื่อเห็นต้นอู๋ถงที่ล้านหน้าบ้านออกดออกบานสะพรั่งสวยงาม นางเดินไปเก็บดอกที่หล่นบนพื้นขึ้นมาดม เสียงพูดคุยภายในเรื่อนหลังน้อยแต่ดูอบอุ่นเรียกความสนใจของเสี่ยวหลันจื่อให้หันไป นางเดินตามเสียงนั้นผ่านห้องโถงเลยไปจนถึงห้องครัวนางพบสองผู้เฒ่าวัยชราที่กำลังถกเถียงกันอยู่เหมือนสองผู้เฒ่าจะรู้การมาของนางทั้งสองหันมายิ้มให้เสี่ยวหลันจื่อและพูดกับนางบางอย่าง แต่เสี่ยวหลันจื่อไม่ได้ยิน นางพยายามที่จะฟังแต่เหมือนเสียงนั้นจะค่อยๆ ห่างไกลออกไปนางรู้สึกเหมือนจะขาดใจเสี่ยวหลันจื่อร้องไห้ออกมาพร้อมทั้งตะโกนเรียกทั้งสองคนเสียงดัง“จื่อเอ๋อ! จื่อเอ๋อ! ตื่นร็วเกิดอะไรขึ้น” เป็นเซียวอี้เหิงที่เขย่าตัวปลุก