LOGIN“ผมพูดจริงนะ ถ้าคุณคิดว่าผมแค่เมาละก็ คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้เมา มีสติรู้ตัวทุกอย่างเลยละ ผมจำได้ทุกการกระทำ ทุกคำพูดของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องที่ผมจูบคุณ”
“ไม่ต้องพูดมันออกมาก็ได้นะคะ!” คีรติสวนกลับทันควัน สีหน้าเธอแลดูอับอายเหลือจะเอ่ย นี่เขากล้าพูดเรื่องแบบนั้นตรง ๆ ได้อย่างไรกัน โชคดีนะที่น้ำผึ้งยังไม่กลับมา ไม่เช่นนั้นเธอคงขายหน้ามากกว่านี้แน่
“ก็มันเรื่องจริงนี่ ผมจำได้ว่าผมจูบคุณ” ยิ่งเห็นคีรติเขินเขาก็ยิ่งอยากแกล้ง เธอคงไม่รู้ตัวว่าเวลาทำสายตาดุ ๆ ใส่กลบเกลื่อนทั้งที่หน้าแดงก่ำ มันยิ่งทำให้เธอดูน่าแกล้งขึ้นเป็นเท่าตัว
“ค่ะ! คุณลืมมันไปดีกว่านะคะ มันอาจจะเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ เพราะทั้งคุณและฉันเราต่างดื่มแอลกอฮอล์ด้วยกันทั้งคู่”
“นี่อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนคุณขอเวลานอก เพื่อจะสรรหาคำมาปฏิเสธผม ในขณะที่ผมนอนไม่หลับ คอยแต่คิดว่าจะทำยังไงให้คุณเชื่อใจและยอมรับรักผมสักที” สีหน้าคีตะแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด
“คือฉันแค่คิดว่าบรรยากาศมันอาจพาไป คุณเลยเผลอทำเรื่องแบบนั้นไปโดยไม่ได้ตั้งใจ” น้ำเสียงของคีรติขาดห้วง ยังคงสับสนอยู่มากว่าควรเชื่อในสิ่งที่คีตะพูดออกมาหรือไม่
“คีรติ…ผมอายุสามสิบกว่า ไม่เด็กแล้วนะ ผมผ่านอะไรมามากมายจนรู้ว่าแบบไหนเรียกว่าแค่ ‘อยากได้’ กับแบบไหนที่เรียกว่า ‘จริงจัง’ แล้วถ้าผมทำกับคุณเพราะบรรยากาศพาไปจริง ๆ ป่านนี้เราคงไม่ได้จบแค่จูบ นี่ผมจริงจังกับคุณนะ อีกอย่างผมไม่อยากหักหาญน้ำใจคุณ ไม่มีวันจะทำด้วย”
ตึกตัก ตึกตัก…
หัวใจหญิงสาวเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก ทุกคำจากปากชายตรงหน้าทำเธอนิ่งค้างอย่างพูดอะไรไม่ออก คีตะกำลังบอกว่าเขาชอบเธอ จริงจังกับเธอ ทั้งที่ตัวเขามีสิทธิ์เจอผู้หญิงสวยมากหน้าหลายตาที่สามารถมอบความสุขในแบบที่เขาต้องการได้
“คุณไม่มีใครเหรอคะ” คีรติตัดสินใจถามด้วยน้ำเสียงสงบ ทว่าสีหน้าจริงจัง
“ไม่มี ผมโสดมาตั้งแต่เรียนจบ แต่ถ้าจะนับคนที่ผมเอาขึ้นเตียงด้วยคงไม่ยุติธรรมเท่าไรนะ” คีตะไม่ได้โกหก เขาไม่คิดจะมีคนรักเป็นจริงเป็นจังตอนนี้ ชีวิตหนุ่มโสดอย่างเขาจะนอนกับผู้หญิงอีกกี่คนก็ได้ หากคู่นอนเต็มใจจะมีความสุขกันแค่บนเตียงเท่านั้น
“ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องนั้นหรอกค่ะ!”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอถามคุณบ้าง ที่บอกว่าโสดน่ะ เพราะคุณมีผู้ชายที่ชอบแล้ว?”
“ไม่ใช่ค่ะ ที่บอกว่าโสดแปลว่าฉันไม่มีแฟน แล้วก็ไม่มีคนที่ชอบด้วย…”
“แม้แต่ผมงั้นเหรอ ตั้งแต่เราเจอกันทุกคืนมาเกือบเดือน คุยกันถูกคอแทบทุกเรื่อง คุณไม่นึกชอบผมบ้างเลยเหรอครับ หรือว่าจริง ๆ คุณรังเกียจผม”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ฉันไม่ได้รังเกียจคุณ คุณเป็นลูกค้าของฉัน” ยิ่งคีตะเค้นมากเท่าไร คีรติก็ยิ่งจนมุม ที่มากไปกว่านั้นคือความรู้สึกในใจเธอที่ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ
ชัดเจนว่าเธอกำลังตกหลุมรักชายหนุ่มตรงหน้าโดยไม่รู้ตัว
“แต่คุณก็รู้ ผมไม่ได้อยากเป็นแค่ลูกค้า” คีตะเดินเข้าไปใกล้หญิงสาว ร่างเล็กถอยหนีจนหลังติดประชิดขอบบาร์
“เขยิบออกไปหน่อยได้ไหมคะ ฉันอึดอัด” คีรติหลบสายตาทรงเสน่ห์ที่จ้องมองมา เอาแต่ก้มหน้าลง ด้วยกลัวว่าจะเผลอแสดงความในใจผ่านทางสายตาให้เขารับรู้
“แต่ผมอยากอยู่ใกล้คุณ รู้ไหมว่าเมื่อคืนคุณทำให้ผมนอนไม่หลับ มันโคตรทรมานเลยคีรติ”
ใช่! เขาทรมาน ร่างกายไม่รักดีมันเกิดใคร่ในตัวเธอประหนึ่งเด็กหนุ่มเพิ่งมีแรกรัก
คีตะเก็บเอาร่างกายเย้ายวน น้ำเสียง และริมฝีปากหวานปานน้ำผึ้งของคีรติไปจินตนาการจนฝันถึง พานให้ ‘ส่วนนั้น’ ตื่นตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาได้แต่พร่ำบอกตัวเองว่าต้องอดทนอีกนิด และเมื่อถึงเวลานั้นเขาจะเอาคืนให้สาสมกับที่เธอเข้ามาเป็นต้นเหตุให้เขาต้องกักเก็บความกระหายไว้เนิ่นนานเช่นนี้
“คุณบอกฉันหน่อยได้ไหมคะ ทำไมผู้ชายที่ดูดีทั้งรูปร่าง หน้าตา แล้วก็ฐานะอย่างคุณถึงยังไม่มีใคร ฉันเชื่อว่ามีสาว ๆ หลายคนที่อยากเป็นผู้หญิงของคุณ”
นั่นเป็นสิ่งที่คีรติสงสัยที่สุดแล้ว เป็นไปได้ยากเหลือเกินที่ผู้ชายมากเสน่ห์อย่างเขาจะโสด เธอเชื่อว่าคนอย่างคีตะคงมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเข้าหาและพร้อมเสนอตัวให้ จะเป็นไปได้เหรอที่เขาไม่มีใครเลย ไม่ใช่ว่าพอกลางวันก็ควงเมียออกหน้าออกตาร่อนไปทั่วนะ?
“ใครบอกคุณว่าผมไม่มีผู้หญิงเข้าหาล่ะ ใช่…ยอมรับว่าก่อนเจอคุณมีผู้หญิงเข้าหาผม ไม่สิ ตอนนี้ก็มี แต่ผมไม่ได้สนใจใครอีกแล้ว เมื่อก่อนอาจมีบ้างตามประสาหนุ่มโสด แต่ตอนนี้ผมรู้ตัวแล้วว่าผมชอบคุณ ผมอยากรู้จักคุณ อยากพิสูจน์ให้เห็นว่าผมจริงใจกับคุณ
“นี่เป็นสาเหตุที่ผมไม่ไปเที่ยวกลางคืนที่ไหน แถมยอมทุ่มเงินเป็นแสนมานั่งคุยกับคุณทุกคืน รู้ไหมว่าการได้นั่งคุยกับคุณทำให้ผมมีความสุข สุขยิ่งกว่าการได้ขึ้นเตียงมีเซ็กซ์กับผู้หญิงคนอื่นอีก…” ชายหนุ่มเชยคางมนให้เธอยอมสบประสานสายตากัน ก่อนจะเลื่อนตาลงมองริมฝีปากอวบอิ่มที่เขารู้แล้วว่ามันหวานล้ำแค่ไหน
“คุณไม่ชอบผมเหรอคีรติ”
“ฉันแค่...แค่คิดว่ามันเร็วเกินไปค่ะ” คีรติตอบตามจริง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนเธอตั้งตัวไม่ทัน เธอเพิ่งจะได้พบเจอและรู้จักคีตะ รวม ๆ แล้วยังไม่ทันครบเดือนเลยนะ?!
“คุณตอบไม่ตรงคำถาม” เขายิ้มอ่อนโยน “เวลาที่เรารู้จักกันอาจจะน้อยก็จริง แต่คุณอย่าเพิ่งสนใจเรื่องอื่นเลยนะ ตอนนี้ขอแค่คุณลองถามหัวใจตัวเองดู ผมอยากรู้ว่าคุณชอบผมบ้างไหม”
“ฉัน...” คีรติระบายลมหายใจ เรียกคืนความกล้าที่จะสบตากับคนตรงหน้าอย่างตรงไปตรงมา “ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน เวลาอยู่กับคุณฉันรู้สึกตื่นเต้น ไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่บางทีฉันก็รู้สึกว่าคุณ…อันตราย”
ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้คีรติรู้สึกแบบนั้น...
อาจเป็นสัญชาตญาณที่ร่ำร้องบอกเธอว่าคีตะมีบางสิ่งซ้อนเร้นปิดบังอยู่
“หึ ถ้าจะอันตรายก็อันตรายต่อหัวใจคุณนั่นแหละ เพราะผมตั้งใจมาขโมยหัวใจคุณอยู่แล้ว โอ๊ย!”
“ไม่ตลกนะคะ” คีรติทุบอกชายหนุ่มด้วยความหมั่นไส้ ก่อนที่ข้อมือเล็กจะถูกเขาคว้าจับเอาไว้
“สรุปว่า คุณก็ชอบผม?” คีตะถามย้ำ
“ฉัน…ค่ะ ฉันชอบคุณเหมือนกัน” หญิงสาวแม้จะเขินอายแต่พอได้พูดความรู้สึกออกไปตรง ๆ มันกลับทำให้โล่งใจไม่น้อย
“เยส! นี่เป็นเรื่องที่ผมดีใจที่สุดในรอบปีเลยรู้ไหมเค้ก”
“เวอร์แล้วค่ะ” หญิงสาวอดขำท่าทีของคนตัวโตไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นเราคบกันได้ไหมครับ ค่อย ๆ ศึกษาดูใจกัน ผมสัญญาว่าจะค่อยเป็นค่อยไป ไม่ทำให้คุณอึดอัด แต่ผมแค่อยากอยู่ใกล้คุณในสถานะที่พิเศษมากกว่าคำว่าเพื่อน ผมอยากเป็นคนรักของคุณ”
“ถ้าฉันไม่ตกลงล่ะคะ”
“ผมก็จะกอดคุณไว้แบบนี้ไม่ปล่อย…” คีตะยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมอ้าแขนรวบเอวหญิงสาวมาแนบร่างตน
คีรติอ้าปากค้าง “คุณนี่มันร้ายชะมัด!”
“ตกลงว่าคบ?” ชายหนุ่มย้ำถามอีกครั้ง กระทั่งคนในอ้อมแขนยอมพยักหน้ารับด้วยท่าทางเขินอาย เขาก็ทำท่าเหมือนดีใจเสียเต็มประดา ก่อนจะกอดเธอไว้แน่น ใบหน้าคมคายหล่อเหลาพาดคางบนลาดไหล่บาง เลี่ยงไม่ให้เธอเห็นสายตาดำมืดของเขาในเวลานี้
ในที่สุด…
เขาก็เข้าไปอยู่ในหัวใจของคีรติได้สำเร็จ!
“อื้ม คงอยากจะเจอหลานมั้ง น้องครีมทำอะไรเอ่ยให้พ่อช่วยไหมคะ” คนเป็นพ่อรีบเปลี่ยนเรื่องด้วยการหันไปสนใจลูกสาวที่กำลังระบายสีอย่างเพลิดเพลินแบบเนียน ๆ“คุณพ่อระบายสีแดงนะคะ” เด็กน้อยยื่นดินสอสีแดงให้พ่อ“เอ...อาทิตย์นี้พ่อยังไม่ซื้อของเล่นให้เราเลยใช่ไหม” คีตะนิ่งไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้เขายุ่ง ๆ กับเรื่องงานจนไม่มีเวลามองหาของเล่นมาเอาใจลูกสาวทุกอาทิตย์เหมือนอย่างเคย“ไม่เป็นไรค่ะ อาทิตย์นี้น้องครีมไม่อยากได้อะไร” น้องครีมเจื้อยแจ้วตอบเสียงใสคำตอบของลูกทำให้คนเป็นแม่ลอบยิ้มพลางพยักหน้าเห็นด้วย นี่เป็นสิ่งที่เธอไม่ได้สอนสั่ง ทว่าครีมเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองว่าของเล่นที่มีอยู่ตอนนี้ก็เต็มบ้านจนเล่นแทบไม่ทันแล้ว“แน่ใจ?” คีตะย้ำถาม“งุยยย จริง ๆ ครีมอยากได้ลาบูบู้ค่ะ แต่คุณครูบอกว่ามันแพ้งแพง”“อะอ้าว ไหนบอกว่าไม่อยากได้อะไรไงคะลูก” คุณแม่อ้าปากเหวอทันที“ก็มีแค่ลาบูบู้ที่อยากได้ แต่มันแพงมากกก” เจ้าตัวน้อยลากเสียงยาวพลางทำตาปริบ ๆ“ไม่ได้แพงขนาดนั้นหรอกน่า เดี๋ยวพ่อจัดให้เลยดีไหมคะ” คนเป็นพ่อยักไหล่ราวกับเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก เขาหยิบโทรศัพท์มือถือเตรียมจะส่งข้อความสั่
“แหวะ!”“ไหวไหมเค้ก...” ชายหนุ่มลูบหลังปลอบคนรักที่กำลังก้มตัวอาเจียนจนหมดไส้หมดพุงสาบานเลยว่าคีตะโคตรจะโกรธเกลียดตัวเอง ทำไมกันนะก่อนหน้านี้เขาทำบ้าอะไรอยู่ เขาควรจะดูแลคีรติช่วงตั้งท้องสองสามเดือนแรกให้ดี ๆ ดูซิว่าอาการแพ้ท้องเล่นงานหญิงสาวหนักขนาดไหน!หนักขนาดไหนน่ะเหรอ...ก็ชนิดที่ว่ากินอะไรไม่ได้ พานเหม็นจนคลื่นไส้ไปหมด ลุกขึ้นยืนเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็หน้ามืดวิงเวียนศีรษะ ถ้าเลือกได้เขาอยากจะแพ้ท้องแทนเธอเสียจริงตั้งแต่ตั้งครรภ์เข้าเดือนที่สี่ เธอก็ยิ่งแพ้ท้องหนักขึ้นจนกินอะไรไม่ได้ ต้องกินแค่อาหารอ่อน ๆ หรืออาหารรสจัดเท่านั้น แถมสภาวะอารมณ์ก็ไม่ค่อยปกติเท่าที่ควรอันที่จริงอาการแพ้ท้องควรจะหายไปได้แล้ว ไม่รู้เหตุใดคีรติถึงยังคงแพ้ท้องอยู่ ราวกับว่าลูกในท้องอยากให้พ่อเห็นใจแม่เยอะ ๆแต่แม่ก็เหนื่อยนะ...“ไม่เป็นไรค่ะ คุณกลับไปกินข้าวต่อเถอะ เค้กชินแล้—” พูดยังไม่ทันจบหญิงสาวก็โก่งคออาเจียนเป็นรอบที่เท่าไรของวันแล้วก็ไม่รู้เป็นเรื่องปกติที่อารมณ์คนท้องจะแปรปรวน คีรติรู้ตัวทว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หลายต่อหลายครั้งที่เธอเผลอหงุดหงิดใส่คีตะ แต่พอได้สติก็ต้องรีบไปขอโทษชายหนุ่มทัน
ก็ไม่ได้ผิดคาดสักเท่าไร...ผู้เป็นพ่อถอนหายใจ แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่คีตะทำเมื่อคืนก็ไม่ถูกต้องนัก“เค้ก มานั่งข้างป้ามา” นิษฐาเรียกลูกเลี้ยงพลางจับแขนหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง คีรติกำลังตั้งครรภ์อยู่ เธอไม่อยากให้เรื่องเครียดกระทบกระเทือนจิตใจเจ้าตัวมากนัก“มึงคิดว่าสิ่งที่มึงทำมันถูกต้องไหม” ฐานทัตจ้องคีตะเขม็ง“ไม่ครับ ผมรู้ว่าทำไม่ถูกที่พาเค้กไปแบบนั้น แต่ผมไม่มีทางเลือกจริง ๆ ถ้าผมไม่ทำ คุณกับไอ้เขตก็คงไม่ให้ผมเจอเค้กง่าย ๆ” คีตะตอบตามตรง ยอมรับว่าผิด แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาก็จะยังทำเช่นเดิมต่อให้คีรติไม่ใจอ่อนยอมคืนดีด้วย อย่างน้อย ๆ ครั้งหนึ่งเขาก็ได้พยายามจนสุดชีวิตเพื่อจะเปิดอกพูดคุยกับเธอแล้ว เขาไม่เสียใจเลยกับสิ่งที่ทำลงไป“มึงเลยใช้วิธีแบบพวกไม่มีการศึกษา ลักพาตัวน้องกูเนี่ยนะ” เขตคามเข่นเขี้ยว“ถ้ามันทำให้กูดีกับเมียได้ ต่อให้โดนด่าว่าไร้การศึกษา ทำตัวเหมือนสวะข้างถนน กูก็ยอม”“มึงนี่เหมือนพ่อมึงไม่มีผิด ช่างยึดมั่นถือมั่นในเป้าหมายเสียจริงนะ” ชายวัยกลางคนกระตุกยิ้มเมื่อหวนนึกถึงบุคลิกของตฤณภพ ที่ดู ๆ ไปก็เหมือนลูกชายหัวดื้อของมันอยู่“...”ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้
เช้านี้ไม่เหมือนหลายวันที่ผ่านมา...คีรติตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดอบอุ่นของคีตะ เมื่อคืนเป็นคืนแรกที่เธอได้นอนหลับสนิท เพียงเพราะเรื่องราวค้าง ๆ คา ๆ ที่ทำให้กังวลใจมาตลอดหลายเดือนถูกปลดล็อกจนเคลียร์ การให้อภัยชายหนุ่มและให้โอกาสตัวเองได้รักเขาอีกครั้ง เป็นเสมือนยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาจิตใจเธอได้ในชั่วข้ามคืน“แอบมองผมแบบนี้ อยากได้อะไรครับ” คีตะปรือตาถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียคีรติพอรู้ตัวว่าโดนจับได้ก็ทำท่าจะรีบผละกายออกจากอ้อมอกเขา เสียแต่ว่าคนมือไวแถวนี้คว้าร่างเปล่าเปลือยของเธอไปกอดแนบชิดยิ่งกว่าเดิม“คุณคีย์ ปล่อยนะคะ” หญิงสาวเขินจนหน้าแดงรีบท้วง ในใจไพล่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้...หลังจากเธอใจอ่อนยอมให้คีตะจูบ ไหนเลยเขาจะยอมจบแค่จูบเพียงครั้งเดียว คนเจ้าเล่ห์ใช้ประสบการณ์รักที่คุ้นเคยมาชักจูงเธอ ยั่วยวนเธอ จนเธอยินยอมมอบกายให้ ที่สำคัญเธอเองก็โหยหาเขาไม่ต่างกัน สุดท้ายก็พลาดท่าเสียตัวให้เขาอีกจนได้ โชคยังดีที่คนของขาดมานานนึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ คีตะละเมียดละไมกลืนกินเธออย่างอ่อนหวาน นุ่มนวล จนเธอหลงระเริงไปกับเขา“ไม่ปล่อย นุ่ม ๆ หอม ๆ ขนาดนี้ใครปล่อยก็บ้าแล้ว” คีตะแย้มยิ้มแ
“ฉันไม่เก่งเท่าคุณหรอกค่ะ...” เธอเอ่ยเสียงเรียบ แต่ทุกคำเต็มไปด้วยความปวดร้าว “สุดท้ายฉันก็โง่... ปล่อยให้คุณเข้ามาในชีวิตอยู่ดี” คำพูดของเธอแทงลึกเข้าไปในใจของคนฟังยิ่งกว่าคำด่าเสียอีกภายนอกเธอเหมือนจะเข้มแข็ง เย็นชาไม่ใส่ใจอะไรอีกต่อไปแล้ว แต่ในใจลึก ๆ คีรติกลับอดนึกถึงวันแรกที่ได้เจอกับเขาไม่ได้...ต้องยอมรับอย่างไม่อาจหลอกตัวเองได้เลยว่า แค่ได้สบตาเขา แค่ได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่คำ ปราการในใจเธอก็สั่นสะเทือนจนแทบพังคีตะ...ผู้ชายคนนั้นเหมือนเกิดมาเพื่อล่อลวงให้เธอตกหลุมพรางโดยเฉพาะเสน่ห์ของเขาร้ายกาจเกินกว่าจะต้านทานได้ และเธอ ผู้หญิงที่ไม่เคยสนใจใครเลยสักคนในชีวิต กลับมีแต่เขาคนเดียวอยู่ในสายตาตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา“ผมคิดว่ามันคือโชคชะตาระหว่างเรามากกว่านะ เหมือนที่ตอนแรกผมไม่คิดจะรักคุณเลยด้วยซ้ำ ตั้งใจไว้แล้วแท้ ๆ ว่าจะทำให้คุณหลง... แล้วก็เดินจากไปตามแผน”เขาหัวเราะนิด ๆ กลั้วความขมขื่น สายตาแอบสั่นไหวเล็กน้อย“แต่ไป ๆ มา ๆ กลับเป็นผมเองที่รักคุณ แก้แค้นเองรักเสียเองซะอย่างนั้น อ้อ... ถึงจะรู้ตัวช้าไปหน่อยก็เถอะ”คีรติมองสบตาเขาอยู่นาน ก่อนตัดสินใจยอบกายนั่งลงข้างเขาเงียบ ๆ
น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงจากหางตา เธอปาดมันทิ้งอย่างรวดเร็วราวกับไม่อยากให้เขาเห็นว่าเธอกำลังอ่อนแอ“แต่สุดท้าย คนที่ทำลายกำแพงนั้นจนพังยับก็คือคุณ คุณทำให้ฉันรู้สึกไร้ค่า วัน ๆ เอาแต่วิ่งตามคุณ พยายามง้องอน พยายามขอความรัก อ้อนวอนให้คุณกลับมา มันน่าสมเพชแค่ไหนคุณรู้บ้างไหม” เธอกัดฟันแน่น กลั้นเสียงสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ“ฉันจะเป็นจะตายทุกครั้งที่คุณเย็นชาใส่ เหมือนโลกทั้งใบจะพังทลายเวลาคุณไม่สนใจ แต่พอวันนี้ วันที่ฉันเลือกเดินออกมาจากชีวิตคุณ... คุณกลับมาบอกว่าขอโทษ?”เสียงหัวเราะเย้ยหยันหลุดออกมาอย่างไม่อาจห้าม“เหอะ แล้วคุณก็คงจะเริ่มพล่ามเรื่องอดีต... เหมือนมันจะเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดได้งั้นละ ถามหน่อยสิ... มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ คุณทำลายชีวิตฉันจนพังไปหมด แล้วแค่คำว่า ‘ขอโทษ’ คำเดียว... คุณคิดว่ามันจะลบล้างทุกอย่างได้งั้นเหรอ?!”ความเจ็บปวดที่เก็บงำมานานแสนนาน ในที่สุดก็ถูกปลดปล่อยออกมาหมดสิ้น...“ลืมแล้วเหรอ... ว่าคุณทำให้ฉันกลายเป็นผู้หญิงโง่ที่โดนคุณหลอกใช้ กลายเป็นผู้หญิงที่...ท้องลูกไม่มีพ่อ!” เสียงสั่นเครือของคีรติดังขึ้นทั้งน้ำตา ราวกับกรีดหัวใจคนฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า“คุณร







