“ผมพูดจริงนะ ถ้าคุณคิดว่าผมแค่เมาละก็ คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้เมา มีสติรู้ตัวทุกอย่างเลยละ ผมจำได้ทุกการกระทำ ทุกคำพูดของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องที่ผมจูบคุณ”
“ไม่ต้องพูดมันออกมาก็ได้นะคะ!” คีรติสวนกลับทันควัน สีหน้าเธอแลดูอับอายเหลือจะเอ่ย นี่เขากล้าพูดเรื่องแบบนั้นตรง ๆ ได้อย่างไรกัน โชคดีนะที่น้ำผึ้งยังไม่กลับมา ไม่เช่นนั้นเธอคงขายหน้ามากกว่านี้แน่
“ก็มันเรื่องจริงนี่ ผมจำได้ว่าผมจูบคุณ” ยิ่งเห็นคีรติเขินเขาก็ยิ่งอยากแกล้ง เธอคงไม่รู้ตัวว่าเวลาทำสายตาดุ ๆ ใส่กลบเกลื่อนทั้งที่หน้าแดงก่ำ มันยิ่งทำให้เธอดูน่าแกล้งขึ้นเป็นเท่าตัว
“ค่ะ! คุณลืมมันไปดีกว่านะคะ มันอาจจะเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ เพราะทั้งคุณและฉันเราต่างดื่มแอลกอฮอล์ด้วยกันทั้งคู่”
“นี่อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนคุณขอเวลานอก เพื่อจะสรรหาคำมาปฏิเสธผม ในขณะที่ผมนอนไม่หลับ คอยแต่คิดว่าจะทำยังไงให้คุณเชื่อใจและยอมรับรักผมสักที” สีหน้าคีตะแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด
“คือฉันแค่คิดว่าบรรยากาศมันอาจพาไป คุณเลยเผลอทำเรื่องแบบนั้นไปโดยไม่ได้ตั้งใจ” น้ำเสียงของคีรติขาดห้วง ยังคงสับสนอยู่มากว่าควรเชื่อในสิ่งที่คีตะพูดออกมาหรือไม่
“คีรติ…ผมอายุสามสิบกว่า ไม่เด็กแล้วนะ ผมผ่านอะไรมามากมายจนรู้ว่าแบบไหนเรียกว่าแค่ ‘อยากได้’ กับแบบไหนที่เรียกว่า ‘จริงจัง’ แล้วถ้าผมทำกับคุณเพราะบรรยากาศพาไปจริง ๆ ป่านนี้เราคงไม่ได้จบแค่จูบ นี่ผมจริงจังกับคุณนะ อีกอย่างผมไม่อยากหักหาญน้ำใจคุณ ไม่มีวันจะทำด้วย”
ตึกตัก ตึกตัก…
หัวใจหญิงสาวเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก ทุกคำจากปากชายตรงหน้าทำเธอนิ่งค้างอย่างพูดอะไรไม่ออก คีตะกำลังบอกว่าเขาชอบเธอ จริงจังกับเธอ ทั้งที่ตัวเขามีสิทธิ์เจอผู้หญิงสวยมากหน้าหลายตาที่สามารถมอบความสุขในแบบที่เขาต้องการได้
“คุณไม่มีใครเหรอคะ” คีรติตัดสินใจถามด้วยน้ำเสียงสงบ ทว่าสีหน้าจริงจัง
“ไม่มี ผมโสดมาตั้งแต่เรียนจบ แต่ถ้าจะนับคนที่ผมเอาขึ้นเตียงด้วยคงไม่ยุติธรรมเท่าไรนะ” คีตะไม่ได้โกหก เขาไม่คิดจะมีคนรักเป็นจริงเป็นจังตอนนี้ ชีวิตหนุ่มโสดอย่างเขาจะนอนกับผู้หญิงอีกกี่คนก็ได้ หากคู่นอนเต็มใจจะมีความสุขกันแค่บนเตียงเท่านั้น
“ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องนั้นหรอกค่ะ!”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอถามคุณบ้าง ที่บอกว่าโสดน่ะ เพราะคุณมีผู้ชายที่ชอบแล้ว?”
“ไม่ใช่ค่ะ ที่บอกว่าโสดแปลว่าฉันไม่มีแฟน แล้วก็ไม่มีคนที่ชอบด้วย…”
“แม้แต่ผมงั้นเหรอ ตั้งแต่เราเจอกันทุกคืนมาเกือบเดือน คุยกันถูกคอแทบทุกเรื่อง คุณไม่นึกชอบผมบ้างเลยเหรอครับ หรือว่าจริง ๆ คุณรังเกียจผม”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ฉันไม่ได้รังเกียจคุณ คุณเป็นลูกค้าของฉัน” ยิ่งคีตะเค้นมากเท่าไร คีรติก็ยิ่งจนมุม ที่มากไปกว่านั้นคือความรู้สึกในใจเธอที่ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ
ชัดเจนว่าเธอกำลังตกหลุมรักชายหนุ่มตรงหน้าโดยไม่รู้ตัว
“แต่คุณก็รู้ ผมไม่ได้อยากเป็นแค่ลูกค้า” คีตะเดินเข้าไปใกล้หญิงสาว ร่างเล็กถอยหนีจนหลังติดประชิดขอบบาร์
“เขยิบออกไปหน่อยได้ไหมคะ ฉันอึดอัด” คีรติหลบสายตาทรงเสน่ห์ที่จ้องมองมา เอาแต่ก้มหน้าลง ด้วยกลัวว่าจะเผลอแสดงความในใจผ่านทางสายตาให้เขารับรู้
“แต่ผมอยากอยู่ใกล้คุณ รู้ไหมว่าเมื่อคืนคุณทำให้ผมนอนไม่หลับ มันโคตรทรมานเลยคีรติ”
ใช่! เขาทรมาน ร่างกายไม่รักดีมันเกิดใคร่ในตัวเธอประหนึ่งเด็กหนุ่มเพิ่งมีแรกรัก
คีตะเก็บเอาร่างกายเย้ายวน น้ำเสียง และริมฝีปากหวานปานน้ำผึ้งของคีรติไปจินตนาการจนฝันถึง พานให้ ‘ส่วนนั้น’ ตื่นตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาได้แต่พร่ำบอกตัวเองว่าต้องอดทนอีกนิด และเมื่อถึงเวลานั้นเขาจะเอาคืนให้สาสมกับที่เธอเข้ามาเป็นต้นเหตุให้เขาต้องกักเก็บความกระหายไว้เนิ่นนานเช่นนี้
“คุณบอกฉันหน่อยได้ไหมคะ ทำไมผู้ชายที่ดูดีทั้งรูปร่าง หน้าตา แล้วก็ฐานะอย่างคุณถึงยังไม่มีใคร ฉันเชื่อว่ามีสาว ๆ หลายคนที่อยากเป็นผู้หญิงของคุณ”
นั่นเป็นสิ่งที่คีรติสงสัยที่สุดแล้ว เป็นไปได้ยากเหลือเกินที่ผู้ชายมากเสน่ห์อย่างเขาจะโสด เธอเชื่อว่าคนอย่างคีตะคงมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเข้าหาและพร้อมเสนอตัวให้ จะเป็นไปได้เหรอที่เขาไม่มีใครเลย ไม่ใช่ว่าพอกลางวันก็ควงเมียออกหน้าออกตาร่อนไปทั่วนะ?
“ใครบอกคุณว่าผมไม่มีผู้หญิงเข้าหาล่ะ ใช่…ยอมรับว่าก่อนเจอคุณมีผู้หญิงเข้าหาผม ไม่สิ ตอนนี้ก็มี แต่ผมไม่ได้สนใจใครอีกแล้ว เมื่อก่อนอาจมีบ้างตามประสาหนุ่มโสด แต่ตอนนี้ผมรู้ตัวแล้วว่าผมชอบคุณ ผมอยากรู้จักคุณ อยากพิสูจน์ให้เห็นว่าผมจริงใจกับคุณ
“นี่เป็นสาเหตุที่ผมไม่ไปเที่ยวกลางคืนที่ไหน แถมยอมทุ่มเงินเป็นแสนมานั่งคุยกับคุณทุกคืน รู้ไหมว่าการได้นั่งคุยกับคุณทำให้ผมมีความสุข สุขยิ่งกว่าการได้ขึ้นเตียงมีเซ็กซ์กับผู้หญิงคนอื่นอีก…” ชายหนุ่มเชยคางมนให้เธอยอมสบประสานสายตากัน ก่อนจะเลื่อนตาลงมองริมฝีปากอวบอิ่มที่เขารู้แล้วว่ามันหวานล้ำแค่ไหน
“คุณไม่ชอบผมเหรอคีรติ”
“ฉันแค่...แค่คิดว่ามันเร็วเกินไปค่ะ” คีรติตอบตามจริง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนเธอตั้งตัวไม่ทัน เธอเพิ่งจะได้พบเจอและรู้จักคีตะ รวม ๆ แล้วยังไม่ทันครบเดือนเลยนะ?!
“คุณตอบไม่ตรงคำถาม” เขายิ้มอ่อนโยน “เวลาที่เรารู้จักกันอาจจะน้อยก็จริง แต่คุณอย่าเพิ่งสนใจเรื่องอื่นเลยนะ ตอนนี้ขอแค่คุณลองถามหัวใจตัวเองดู ผมอยากรู้ว่าคุณชอบผมบ้างไหม”
“ฉัน...” คีรติระบายลมหายใจ เรียกคืนความกล้าที่จะสบตากับคนตรงหน้าอย่างตรงไปตรงมา “ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน เวลาอยู่กับคุณฉันรู้สึกตื่นเต้น ไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่บางทีฉันก็รู้สึกว่าคุณ…อันตราย”
ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้คีรติรู้สึกแบบนั้น...
อาจเป็นสัญชาตญาณที่ร่ำร้องบอกเธอว่าคีตะมีบางสิ่งซ้อนเร้นปิดบังอยู่
“หึ ถ้าจะอันตรายก็อันตรายต่อหัวใจคุณนั่นแหละ เพราะผมตั้งใจมาขโมยหัวใจคุณอยู่แล้ว โอ๊ย!”
“ไม่ตลกนะคะ” คีรติทุบอกชายหนุ่มด้วยความหมั่นไส้ ก่อนที่ข้อมือเล็กจะถูกเขาคว้าจับเอาไว้
“สรุปว่า คุณก็ชอบผม?” คีตะถามย้ำ
“ฉัน…ค่ะ ฉันชอบคุณเหมือนกัน” หญิงสาวแม้จะเขินอายแต่พอได้พูดความรู้สึกออกไปตรง ๆ มันกลับทำให้โล่งใจไม่น้อย
“เยส! นี่เป็นเรื่องที่ผมดีใจที่สุดในรอบปีเลยรู้ไหมเค้ก”
“เวอร์แล้วค่ะ” หญิงสาวอดขำท่าทีของคนตัวโตไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นเราคบกันได้ไหมครับ ค่อย ๆ ศึกษาดูใจกัน ผมสัญญาว่าจะค่อยเป็นค่อยไป ไม่ทำให้คุณอึดอัด แต่ผมแค่อยากอยู่ใกล้คุณในสถานะที่พิเศษมากกว่าคำว่าเพื่อน ผมอยากเป็นคนรักของคุณ”
“ถ้าฉันไม่ตกลงล่ะคะ”
“ผมก็จะกอดคุณไว้แบบนี้ไม่ปล่อย…” คีตะยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมอ้าแขนรวบเอวหญิงสาวมาแนบร่างตน
คีรติอ้าปากค้าง “คุณนี่มันร้ายชะมัด!”
“ตกลงว่าคบ?” ชายหนุ่มย้ำถามอีกครั้ง กระทั่งคนในอ้อมแขนยอมพยักหน้ารับด้วยท่าทางเขินอาย เขาก็ทำท่าเหมือนดีใจเสียเต็มประดา ก่อนจะกอดเธอไว้แน่น ใบหน้าคมคายหล่อเหลาพาดคางบนลาดไหล่บาง เลี่ยงไม่ให้เธอเห็นสายตาดำมืดของเขาในเวลานี้
ในที่สุด…
เขาก็เข้าไปอยู่ในหัวใจของคีรติได้สำเร็จ!
“แล้วไปค่ะ ไม่งั้นเค้กก็แย่เลยสิ” คีรติถอนหายใจ ยินยอมเปิดเปลือยทุกความรู้สึกของตนให้ชายหนุ่มรับรู้อย่างไม่อาย สำหรับความรักครั้งนี้ เธอไม่อยากมีข้ออคติในใจ รวมทั้งอยากให้ชายหนุ่มได้รู้จักตัวตนของเธอในทุกด้านด้วย“จริงสิ ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงไม่ยอมมีแฟนล่ะ ลูกค้าหนุ่ม ๆ ก็น่าจะตามจีบคุณเยอะไม่ใช่เหรอ ผมเชื่อว่าผมไม่ใช่คนแรกแน่ ๆ ที่สนใจคุณ”“อืม...ไม่รู้สิคะ” หญิงสาวย่นคิ้วน้อย ๆ ก่อนเอ่ยต่อ “ก่อนหน้านี้เค้กคิดว่ายังไม่พร้อมจะมีใคร คนที่ทำให้รู้สึกดีด้วยถามว่ามีไหม มันก็มีค่ะ แค่สุดท้ายไปกันไม่รอด เพราะพ่อเค้กไม่อนุญาตให้มีแฟน ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่คนที่ท่านเลือกให้”หญิงสาวกำลังนึกถึง ‘เหมราช’ เพื่อนของพี่ชาย คนที่ฐานทัตผู้เป็นพ่อหมายมั่นจะให้เป็นคนรักของเธอ จริงอยู่ว่าเหมราชแสดงออกชัดเจนว่าเขารู้สึกกับเธอมากกว่าพี่น้อง แม้เขาจะไม่เคยพูดมันออกมาตรง ๆ ก็ตาม แต่เธอมองเหมราชเป็นพี่ชายมาโดยตลอด เพราะเข้าใจไปว่าทุกสิ่งที่เขาทำน่าจะเกิดจากความต้องการของผู้เป็นพ่อ“แบบนี้ผมก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ท่านเห็นสินะ” คีตะเหยียดยิ้ม คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่เขาเลือกเข้าหาคีรติ เธอคงไม่รู้อะไรเลย แต่เขารู้...รู
ก๊อก ๆ ๆ คีรติเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ปัญหาใหญ่ที่เธอเพิ่งนึกขึ้นได้นั่นคือ พวกเขาสองคนไม่ได้ตระเตรียมเสื้อผ้าสำหรับค้างคืนมาด้วย ทว่า…ก่อนจะได้ทำอะไร เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นเสียก่อนหญิงสาวจัดสาบเสื้อคลุมอาบน้ำบนร่างให้ปกปิดมิดชิด แล้วเดินไปส่องที่ตาแมวตรงประตู พบว่าเป็นพนักงานหญิงของทางโรงแรมจึงเปิดให้ทันที“มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามน้ำเสียงเป็นมิตร“ดิฉันเอาเสื้อผ้ามาให้คุณผู้หญิงค่ะ” พนักงานคนดังกล่าวส่งถุงใส่ของมาให้เธอคีรติส่ายศีรษะปฏิเสธ “เอ่อ แต่ว่าฉันไม่ได้สั่งอะไรนะคะ”“คุณผู้ชายที่มากับคุณเป็นคนสั่งให้ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” พนักงานตอบยิ้ม ๆ“อ่อ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” คีรติยอมรับถุงเสื้อผ้าเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนจัดการเรื่องนี้หญิงสาวเปิดถุงเสื้อผ้าออก พบว่ามีเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งและกางเกงขาสั้นสีดำ ทั้งสองชิ้นนี้ไม่ได้สวยน่ารักหรือสวมใส่สบายเท่าชุดนอนตัวโปรดของเธอ แต่คีรติกลับพอใจกับมันจริง ๆ โชคดีที่เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก สามารถใส่เสื้อยืดผู้ชายแบบโอเวอร์ไซซ์ได้ ไม่อย่างนั้นพนักงานคงหาซื้อชุดให้เธอลำบากแย่ว่าแต่...ตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่นะเธอมองเวลา ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว เด
“ฮ่า ๆ โอเค ๆ ผมไม่แกล้งคุณแล้ว ว่าแต่คุณออกมากับผมแบบนี้ทางบ้านว่าอะไรไหม” คีตะเริ่มเข้าเรื่องสำคัญ เขารู้ว่าคีรติเป็นลูกนอกทะเบียนสมรสของฐานทัตกับภรรยาน้อย แต่ที่เขาไม่แน่ใจนักคือความสัมพันธ์ของเธอกับผู้เป็นพ่อ ในข่าวต่างตีแผ่มากมายว่าเธอเป็น ‘ลูกนอกคอก’ ที่พ่อไม่รัก แต่พอได้รู้จักกับหญิงสาวจริง ๆ คีตะไม่อยากจะเชื่อว่าฐานทัตจะใจจืดใจดำจนไม่นึกรักลูกสาวคนนี้ในเมื่อคีรติทั้งน่ารักและอ่อนหวานเสียปานนี้“อ่อ เค้กไม่ได้บอกอะไรค่ะ” สีหน้าหญิงสาวหม่นลง หากบอกพ่อว่าออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกับแฟน มีหวังทั้งเธอและคีตะคงไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนคู่รักทั่วไปแน่“ทำไมล่ะ...เอ่อ ขอโทษถ้าผมเสียมารยาท คุณไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมเข้าใจ”“คุณไปอยู่เมืองนอกมานาน เค้กไม่แน่ใจว่าคุณจะรู้จักพรรคการเมืองในไทยบ้างหรือเปล่า”“ทำไมเหรอครับ” คีตะกระตุกยิ้มซ่อนแววตาลึกล้ำทำไมจะไม่รู้ เขารู้เสียยิ่งกว่ารู้เลยละ!“พ่อของเค้กท่านเป็นหัวหน้าพรรคไทยยั่งยืนค่ะ” เธอเดาไม่ออกเลยว่าคีตะจะรู้สึกอย่างไร บางคนอาจจะดีใจที่ได้คบหากับผู้หญิงจากครอบครัวมีอำนาจ แต่บางคนอาจจะมองว่าการคบหากับเธอจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากเสียมากกว
คีรติกับคีตะเป็นแฟนกันแล้วทุกสิ่งอาจจะดูเหมือนเกิดขึ้นในเวลาอันสั้น แต่เมื่อทั้งสองคนต่างเปิดเผยความรู้สึกที่มีให้กัน คีรติกลับมีความสุขมาก เธอรู้ใจตัวเองยิ่งขึ้นว่าตนหลงรักชายหนุ่มมาก...มากเสียจนไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อนเขาคือรักแรกของเธอ และเธอก็หวังว่าเขาจะเป็นรักเดียวตลอดไปด้วย“รอนานไหมครับ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยทักบุคคลที่หญิงสาวกำลังนั่งเหม่อคิดถึงอยู่เดินเข้ามาด้านในบาร์ วันนี้คีตะแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขาสั้นสีน้ำทะเล ลุคของชายหนุ่มวันนี้ยิ่งมองแล้วยิ่งรู้สึกสบายตา แม้จะแตกต่างจากทุกคืนที่เธอได้เห็นก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคีตะเป็นผู้ชายหุ่นดี ไม่ว่าจะอยู่ในเสื้อผ้าแบบใดก็ยังน่ามองเสมอ“ไม่เลยค่ะ ไปกันเลยไหม” หญิงสาวส่งยิ้มให้ ‘แฟนหนุ่ม’ แล้วก้าวไปหาเขา“วันนี้คุณแต่งตัวน่ารักจัง” คีตะหยิกแก้มคนตรงหน้าเบา ๆวันนี้คีรติสวมชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาว ผ้าพลิ้ว ปล่อยผมยาวสลวยเป็นลอนคลาย ๆ ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงเล็กน้อย ส่งเสริมบุคลิกให้ดูเป็นผู้หญิงที่ทั้งอ่อนหวานและเซ็กซี่ในคราเดียวกัน“ปากหวานแต่หัววันเลยนะคะ” หญิงสาวแสร้งค้อน ตั้งแต่คบกันมาไม่เค
“ผมพูดจริงนะ ถ้าคุณคิดว่าผมแค่เมาละก็ คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้เมา มีสติรู้ตัวทุกอย่างเลยละ ผมจำได้ทุกการกระทำ ทุกคำพูดของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องที่ผมจูบคุณ”“ไม่ต้องพูดมันออกมาก็ได้นะคะ!” คีรติสวนกลับทันควัน สีหน้าเธอแลดูอับอายเหลือจะเอ่ย นี่เขากล้าพูดเรื่องแบบนั้นตรง ๆ ได้อย่างไรกัน โชคดีนะที่น้ำผึ้งยังไม่กลับมา ไม่เช่นนั้นเธอคงขายหน้ามากกว่านี้แน่“ก็มันเรื่องจริงนี่ ผมจำได้ว่าผมจูบคุณ” ยิ่งเห็นคีรติเขินเขาก็ยิ่งอยากแกล้ง เธอคงไม่รู้ตัวว่าเวลาทำสายตาดุ ๆ ใส่กลบเกลื่อนทั้งที่หน้าแดงก่ำ มันยิ่งทำให้เธอดูน่าแกล้งขึ้นเป็นเท่าตัว“ค่ะ! คุณลืมมันไปดีกว่านะคะ มันอาจจะเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ เพราะทั้งคุณและฉันเราต่างดื่มแอลกอฮอล์ด้วยกันทั้งคู่”“นี่อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนคุณขอเวลานอก เพื่อจะสรรหาคำมาปฏิเสธผม ในขณะที่ผมนอนไม่หลับ คอยแต่คิดว่าจะทำยังไงให้คุณเชื่อใจและยอมรับรักผมสักที” สีหน้าคีตะแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด“คือฉันแค่คิดว่าบรรยากาศมันอาจพาไป คุณเลยเผลอทำเรื่องแบบนั้นไปโดยไม่ได้ตั้งใจ” น้ำเสียงของคีรติขาดห้วง ยังคงสับสนอยู่มากว่าควรเชื่อในสิ่งที่คีตะพูดออกมาหรือไม่“คีรติ…ผ
“คุณ...อื้อ!” วินาทีต่อมา ริมฝีปากหยักกดลงหาเธออีกครั้งคีตะจูบเธออย่างคนไม่รู้จักพอ ยิ่งเมื่อร่างกายของทั้งสองแนบชิดกัน ไออุ่นและกลิ่นกายหญิงสาวก็ยิ่งพาให้สติคีตะกระเจิดกระเจิงเลือนหาย คล้ายคนมึนเมาไร้ซึ่งการยับยั้งชั่งใจคีรติทำให้เขา ‘อยากได้’ เธอจนแทบคลั่ง!“คุณคีย์ ปล่อยค่ะ อื้อ...” คีรติพยายามห้ามปากร้อนที่เริ่มคลอเคลียลงมาถึงตรงซอกคอขาว น้ำเสียงเธอสั่นระริกด้วยความหวามไหวที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน หารู้ไม่ว่าแม้ปากตนจะเอ่ยห้าม มือทั้งสองข้างกลับเกาะเกี่ยวร่างหนาไว้แน่นไม่ให้ห่างกายไปไหนแต่เธอจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้...พลั่ก! “เค้ก..” คีตะถูกหญิงสาวผลักอกอย่างแรงจนสติกลับเข้าร่างทันทีให้ตายเถอะ! ชายหนุ่มนึกอยากจะชกหน้าตัวเองแรง ๆ สักที โทษฐานที่พลั้งเผลอไปตามอารมณ์วาบหวามจนเกือบจะหักหาญน้ำใจเธอ หากเขาทำอะไรเกินเลยไปตอนนี้ละก็ เกรงว่าหญิงสาวอาจจะไหวตัวทัน แล้วทุกสิ่งที่ทำมาก็อาจจะพังทลายลงได้ในพริบตาเย็นไว้ ถึงยังไงมึงก็ต้องได้ผู้หญิงคนนี้สักวัน...คีตะเตือนตัวเองพลางยกมือลูบผมเผ้าให้เข้าที่เข้าทาง คนตัวเล็กรีบลุกออกจากตักเขาราวกับกระต่ายน้อยที่กำลังตื่นกลัวเสือร้ายก็ไม่ปาน แม