“นี่ฉันหักหลังแกเหรอ ที่ผ่านมาฉันเข้าใจมาตลอด ว่าฉันมีศัตรูรอบด้าน มีคนรอหักหลังอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่เหรอเนี่ย กลับไปดูที่ต้นเหตุว่าเพราะอะไร”
“ไม่ต้องมาสอนฉัน เพราะความเห็นแก่ตัวของเฮียไงมันถึงเป็นแบบนี้ เฮียทำให้มันเป็นแบบนี้!”“ไม่ใช่เพราะโลภเหรอซันด์ หลอกฉันไม่พอยังหลอกคุณป๊อบอีก คิดว่าเราโง่มากสินะก็ยอมรับว่าโง่ ว่าเลี้ยงงูเห่าเอาไว้นาน ปล่อยให้มันกลับมาฉกตัวเอง” ตฤณพูดพลางมองไปที่ประตู โดยมีประวิทย์ยืนอยู่“หยุดพูดกับมันได้แล้วคุณซันด์ จัดการมันซะที!” ประวิทย์เอ่ยก่อนจะเดินดุ่มๆ มาหยุดยืนต่อหน้าตฤณ“หึ คงจะโกรธมากสินะที่ถูกไล่ออก สะเทือนไปถึงไอ้ซันด์ อุ้มกันมาแบบนี้มันจะได้อะไร” “ได้แก้แค้นไง จะฟ้องผมข้อหายักยอกเงิน ฟ้องให้ผมเสียชื่อเสียงเหรอ แต่ก่อนอื่นคุณจะได้ไปรอในนรกก่อน” พูดแบบนี้หมายความว่าประวิทย์อยากจะฆ่าตฤณสถานเดียวสินะเนี่ย“คงได้ไปพร้อมกันหมดนี่แหละ” ตฤณแทบไม่สะทกสะท้านกับการถูกอุ้มมาเลย เพราะที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคือไอ้ไก่อ่อนทั้งนั้น เก็บอารมณ์กันไม่อ“นี่ฉันหักหลังแกเหรอ ที่ผ่านมาฉันเข้าใจมาตลอด ว่าฉันมีศัตรูรอบด้าน มีคนรอหักหลังอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่เหรอเนี่ย กลับไปดูที่ต้นเหตุว่าเพราะอะไร”“ไม่ต้องมาสอนฉัน เพราะความเห็นแก่ตัวของเฮียไงมันถึงเป็นแบบนี้ เฮียทำให้มันเป็นแบบนี้!”“ไม่ใช่เพราะโลภเหรอซันด์ หลอกฉันไม่พอยังหลอกคุณป๊อบอีก คิดว่าเราโง่มากสินะก็ยอมรับว่าโง่ ว่าเลี้ยงงูเห่าเอาไว้นาน ปล่อยให้มันกลับมาฉกตัวเอง” ตฤณพูดพลางมองไปที่ประตู โดยมีประวิทย์ยืนอยู่“หยุดพูดกับมันได้แล้วคุณซันด์ จัดการมันซะที!” ประวิทย์เอ่ยก่อนจะเดินดุ่มๆ มาหยุดยืนต่อหน้าตฤณ“หึ คงจะโกรธมากสินะที่ถูกไล่ออก สะเทือนไปถึงไอ้ซันด์ อุ้มกันมาแบบนี้มันจะได้อะไร”“ได้แก้แค้นไง จะฟ้องผมข้อหายักยอกเงิน ฟ้องให้ผมเสียชื่อเสียงเหรอ แต่ก่อนอื่นคุณจะได้ไปรอในนรกก่อน” พูดแบบนี้หมายความว่าประวิทย์อยากจะฆ่าตฤณสถานเดียวสินะเนี่ย“คงได้ไปพร้อมกันหมดนี่แหละ” ตฤณแทบไม่สะทกสะท้านกับการถูกอุ้มมาเลย เพราะที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคือไอ้ไก่อ่อนทั้งนั้น เก็บอารมณ์กันไม่อ
“ถ้าอยากสะสางหนี้แค้น ปล่อยหยาไป หยาไม่เกี่ยว” ตฤณบอก“ฮ่าๆๆ เขาบอกว่าจุดอ่อนของคุณ คือผู้หญิงคนนี้ ท่าจะจริง”“รู้จักกันดีเหรอถึงเรียกฉันว่าจุดอ่อน” ปั้นหยาแทรกถามขึ้นทำเอาตฤณหันไปปราม เธอกลัวแหละแต่ใจดีสู้ปืน เธอยังไม่อยากตายเหมือนกันชีวิตมีอะไรต้องทำอีกเยอะ “เอาไว้ให้ถึงที่ก่อน แล้วจะรู้ว่าอ่อนหรือแข็งคนสวย” ชายสวมโม่งบอกเสียงเหี้ยม ใจเธอก็เต้นตุบๆ แต่มีมืออุ่นกระชับแน่นให้คลายความหวาดกลัวไปได้บ้าง “ยังไหวหรือเปล่าเต” ตฤณอดถามไม่ได้ ถามไปก็ปรายตามองไอ้โม่งดำไปพลาง ขณะที่เตชินเอามือจับไหล่ข้างที่ถูกยิงเอาไว้ เลือดไหลอาบลงจนเบาะเปียก“ไหวครับท่าน ไกลหัวใจ” เตชินตอบ“เอ่อ มึงปากเก่งไปเถอะ ทั้งมึงทั้งนายมึงได้นั่งยางพร้อมกันแน่” คนที่เอาปืนจ่อเตชินบอกและยังเอาปืนจ่ออยู่“มึงขับรถเร็วๆ หน่อยสิ” ชายสวมโม่งที่นั่งกับตฤณสั่งคนขับในบ
ในวันเดียวกัน ประมาณบ่ายแก่ๆ ปั้นหยาพาตฤณเที่ยวสวนให้ทั่วอีกรอบจวบจนกระทั่งเย็นมากแล้ว เพื่อทำความรู้จักกับครอบครัวเธอให้มากขึ้น แต่เรื่องที่เธอไม่ได้กลับมานอนที่ห้องน่ะ ผู้ใหญ่ท่านมองตาเดียวก็ดูออกแล้ว ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนกัน ขออนุญาตพาไปอยู่บ้านขนาดนี้ คงต้องมองให้เป็นเรื่องความสุขของคนสองคน พ่อแม่แค่มองอยู่ห่างๆ ก็น่าจะเพียงพอ เพราะเชื่อว่าตฤณจะดูแลลูกสาวได้เป็นอย่างดี เขาเป็นผู้ใหญ่มากพอ ท่าทีสุขุมน่าเกรงขามขนาดนี้ครั้นจะไม่ยกลูกสาวให้ก็เกรงใจฉะนั้นท่านจะไม่ถามอะไรให้ปั้นหยาต้องเคอะเขินทำตัวไม่ถูก ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ในเมื่อทุกคนเข้าใจกันอยู่แล้วว่าเป็นผัวเมียกัน“ผมคงต้องพาหยากลับซะทีนะครับ” ตฤณเป็นคนกล่าวเมื่อพ่อแม่และพี่ชายของปั้นหยายืนส่งอยู่หน้าบ้าน“เดินทางปลอดภัยนะ ถ้าถึงแล้วโทรบอกพ่อกับแม่ด้วยจะได้หายห่วง เที่ยวร้อนๆ ทั้งวันกลัวจะหลับในกัน”“ค่ะพ่อ” ปั้นหยาตอบ“ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวผมเปลี่ยนมือกับเจ้าเตเอง” กันระพีแทรกต
“เหอะ! นี่มึงกำลังจะต่อรองขอชีวิตเหรอ” ประวิทย์ว่า“เปล่า กูแค่อยากถาม ทำแล้วได้อะไร ฆ่ากูแล้วได้อะไร เพราะถึงยังไงชื่อเสียงพวกมึงสองคนก็ป่นปี้อยู่ดี แถมจะได้เข้าคุกด้วย อยู่ด้วยกันยาวๆ ถึงกูตาย ทีมทนายกูก็ยังอยู่ไอ้น้อง”“หนอย! ไอ้สารเลว” อาทิตย์สบถอย่างเหลืออด“ฮ่าๆๆ เด็กเอ๊ยเด็กน้อย ต่อให้เรียกค่าไถ่ ให้สมกับค่าเสียหาย พวกลื้อยังไม่ทันได้เสวยสุขหรอก” ฐากูรจะตายอยู่แล้ว แทบลืมตาไม่ขึ้นแต่สามารถต่อปากต่อคำได้“จะกลัวอะไร มีเงินซะอย่าง กูมีอีกหลายก๊อก แต่อยากได้ไอ้ที่มันเป็นส่วนของกู มึงทำกูเจ๊งโดยเฮียตฤณอยู่เบื้องหลัง ทั้งหมด”“หรือจะรอให้มึงทำเขาเจ๊งก่อนล่ะ”“พวกมึงสองคนต้องชดใช้! มึงรอเลย มึงเตรียมเห็นนายใหญ่มึงก้มกราบตีนกู ซึ่งเป็นน้องมัน น้องที่มันไม่เคยให้อะไร มรดกเป็นพันล้านที่มันควรเป็นของกู มันก็ได้ไปหมด”“นี่สินะความจริง มึงมันไอ้เด็กขี้อิจฉาซันด์ มึงเป
“หยาไปอาบน้ำก่อนนะคะ แล้วไปบ้านกันจะทำอะไรให้กิน หิวหรือยัง” ปั้นหยาลุกขึ้นพลางกระชับผ้าห่มปิดหน้าอกเอาไว้ เขาจึงลุกขึ้นเช่นกัน“ยังไม่หิวข้าว แต่หิวหยา” เขากระซิบชิดเรียวปากอิ่ม ก่อนจะโน้มหน้าซุกพวงแก้มทั้งหอมทั้งจูบเอาใจเก่งเสียจริง“ไม่ได้ค่ะ” ปั้นหยาปฏิเสธเสียงหวาน เขารู้หรอกว่าปฏิเสธทำไม“เฮ้อ! อดไปอีกหลายวันเลย”“ช่วยไม่ได้นี่คะ คุณทำให้หยาเจ็บเองนี่ รอก่อนนะคะ”“เอาแบบเมื่อคืนก็ได้ ผมเก่งนะ”“ไม่เอาค่ะ” น้ำเสียงหวานออดอ้อน จนเขาแทบจะเข่าอ่อนอยู่แล้ว พูดจบเธอก็ก้าวลงจากเตียงพร้อมกับดึงผ้าห่มปิดร่างกาย แต่เขาล่อนจ้อนได้แต่มองเธอเหมือนจะตำหนิ จนต้องเอาหมอนมาปิดกลางลำตัวเอาไว้ ส่วนเธอเดินไปหาผ้าเช็ดตัวห่อกายแล้วรีบเข้าห้องน้ำ ไปจัดการกับตัวเอง รวมถึงเก็บเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มทั้งของเขาและเธอไปตากก่อน เสร็จแล้วก็ยังคงห่อด้วยผ้าเช็ดตัวเหมือนเดิม“อะไรคะ” ปั้นหยาถา
ชายสวมโม่งลากร่างของฐากูรกับลูกน้องแยกห้องกันอยู่ และมัดมือมัดเท้า ปิดปากเอาไว้เป็นอย่างดีไม่ให้หลุดหนีไปไหนได้ จังหวะเดียวกันนั้นเจ้านาย ผู้จ้างวานก็เดินเข้ามาสมทบ“ทำดีมาก พวกแกทำงานเร็วดีนี่” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดและความมืด“ไม่คิดว่าจะง่ายขนาดนี้นะเนี่ย ไหนว่าไอ้หมอนี่มันเก่ง นักเลงเก่าไง ไหงให้ถูกอุ้มมาได้ง่ายๆ” นายจ้างคนเดิมบอก“เก่งแค่ไหนก็กลัวตายอยู่ดีครับนาย ปืนจ่อกบาลขนาดนี้เป็นใครก็ต้องยอม”“นี่เงินครึ่งหนึ่งเอาไปก่อน ถือว่าวันนี้ทำสำเร็จ พรุ่งนี้ได้ตัวใหญ่มาก็ เอาไปอีกครึ่ง” ชายหนุ่มส่งซองสีน้ำตาลขนาดใหญ่ให้กับชายสวมโม่ง“ขอบคุณครับ”“ให้ลูกน้องของพวกเอ็งเปลี่ยนเวรกันเฝ้า อย่าให้คลาดสายตา ฉันจะให้ลูกน้องฉันผลัดเปลี่ยนกันมาอีกที”“ครับนาย” ชายสวมโม่งรับคำ แต่จังหวะเดียวกันนั้นฐากูรก็ค่อยๆ ขยับตัว ลืมตาขึ้นทีละนิดท่ามกลางความมืด เขาจำได้ว่าถูกอุ้มมา พอมอง รอบตัวให้ชัดกลับดูไม่ออกว่าที่นี่ที่ไหน แต่ตรงหน้า