Masuk“ข้ารู้...”
ยินเฟิงรู้ดีกว่านางเสียอีก นางสลายไปเพียงสองเค่อ ในขณะที่ปรมาจารย์เซียนสามารถฝืนทนในหุบเหวมารกว่าห้าร้อยปี
“ธรรมดาหุบเหวมารมิใช่ที่ที่เซียนจะไปเหยียบเยือน นับประสาอะไรกับศิษย์ผู้บำเพ็ญตนไม่กี่หมื่นปี เจ้าถูกพันธนาการด้วยโซ่แห่งหยาง ฉนวนล่อปีศาจชั้นดี ร่างทิพย์ถูกกัดกร่อนด้วยไอปีศาจ”
เบ้าตาแสบร้อนของยินเฟิงปรากฏความเคียดแค้นสาหัส ต่างจากนางผู้หวาดกลัว
ไป๋เหม่ยหลานไม่อยากนึกถึงฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนนางในทุกค่ำคืน ความเจ็บปวดทรมานสุดคณานับเหล่านั้นเคยเกิดขึ้นในอดีตของนาง แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานสักเท่าไร นางรู้สึกว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
“ท่านอาจารย์... ข้ากลัว... ข้าเจ็บเหลือเกิน”
นางเริ่มร้องไห้คร่ำครวญ ร้องขอให้ชายร่างกำยำกอดปลอบนาง ริมฝีปากหนาหยักได้รูปจึงประทับจุมพิตโหยหาบนเรียวปากสีชาดที่สั่นระริก
ยินเฟิงมอบจุมพิตให้นางจนนางคลายหายจากความเศร้าหมอง ปลายลิ้นที่แทรกเข้าโพรงปากรสชาติหอมหวาน ตะกละตะกลาม กระหวัดลิ้นน้อยมาชื่นชม เขาสอนนางให้รู้จักรสจูบ ให้นางลืมเลือนเรื่องราวอันเลวร้ายสักชั่วครู่หนึ่ง เมื่อนางแสนอ่อนแอในร่างมนุษย์
กระนั้นไป๋เหม่ยหลานจดจำประสบการณ์ของนางและเขาได้เป็นอย่างดี แม้ในยามนี้ท่านอาจารย์ของนางทั้งอบอุ่นเร่าร้อน นัยน์ตาสีชาดที่จ้องมองนางด้วยสีหน้าประกาศเจตนารมณ์ชัดแจ้ง พาไรขนลุกชูชัน
มือเรียวลูบผ่านแผงอกกว้าง ปัดยอดปทุมถันชูชันของบุรุษ นางเพิ่งปลุกเร้าราคะจากเรือนกายชายแกร่งผู้ห่างเหินกามารมณ์มาเนิ่นนาน มิได้ล่วงรู้ว่ายินเฟิงคุ้นเคยวิถีในเมืองปีศาจ บุรุษสตรีสานสัมพันธ์ความใคร่ แลกเปลี่ยนพลังด้วยการสอดสวมร่างกายให้เป็นหนึ่ง ภาพเหล่านั้นทำให้เขาคิดถึงไป๋เหม่ยหลาน เขามักจะเดินหนีไปสงบจิตใจด้วยการกอดจูบปั้นดิน
เมื่อวงแขนเล็กตระกองกอดร่างกำยำแน่นแฟ้น ผิวกายเปลือยเปล่าสัมผัสกัน ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงประทับจูบโหยหา นางไม่แม้จะกะพริบตา
อารมณ์อันมากล้นทำให้ใบหน้าหล่อเหลาแปรเปลี่ยนไป ยินเฟิงอ่อนคล้อยตามนาง ในสีหน้าดุดันผ่อนคลายลง
ไป๋เหม่ยหลานมองเห็นเกล็ดสีขาวนวลบนท่อนแขนเป็นล่ำสัน ใกล้สายตาของนาง
‘เกิดอะไรขึ้นกับท่านอาจารย์กันแน่?’
นางทำได้เพียงตั้งคำถามในใจ มือลูบไล้ร่างกายบุรุษตามใจปรารถนา นางสัมผัสเขาไม่ว่างเว้นสักที่หนึ่ง ไล่ตั้งแต่กรามแกร่งเป็นสันคมลงมา ตราบจนร่างกำยำหอบหายใจแรงจนแผงอกกระเพื่อมเคลื่อนไหว
นางมิได้รู้จักปีศาจอสรพิษแม้สักนิด ทั้งที่เคยได้ยินว่าปีศาจอสรพิษมีธาตุแห่งอัคคี เป็นปีศาจราคะ นางมองเห็นเขี้ยวขาวคมที่ยาวพ้นออกมาผิดไปจากท่านอาจารย์คนเดิม ใบหน้าหล่อเหลาที่นิ่งเฉยแลดูเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ
“ท่าน... หายจากพิษเหมันต์เพราะเกล็ดอสรพิษหรือ?”
ไปเหม่ยหลานระลึกได้ พิษเหมันต์ซึ่งซึบซาบเข้ากระแสโลหิต ให้ความรู้สึกหนาวเย็นถึงขั้วกระดูก พิษปีศาจราตรีเป็นธาตุตรงกันข้ามกับปีศาจอสรพิษ
“เจ้ายังฉลาดเฉลียวเช่นเดิม ศิษย์รักของข้า...”
มุมปากหนาแสยะยิ้มร้ายกาจ กายกำยำขยับขึ้นคร่อมทับ กดหัวเข่าลงบนฟูก เพื่อแหวกเรียวขาของนางให้อ้าออกกว้างอย่างใจร้อน เมื่อเขามิอาจหักห้ามใจรอ จิตราคะกำลังแผดเผาเรือนกายให้รุ่มร้อนดังไฟ เพียงสัมผัสร่างเปลือยเปล่าของสตรี
ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้ลงบนซอกคอเพรียวงาม ก้มลงดื่มด่ำปทุมถันสีหวาน ทว่ากลับมีเพียงเสียงสะอื้นไห้ นางมิได้มีอารมณ์ร่วมไปกับเขา
“ท่านมอบวิญญาณให้ปีศาจ ท่านอาจารย์มิใช่เซียนอีกต่อไป เพราะข้า... ข้าเป็นต้นเหตุใช่หรือไม่?”
ดวงหน้าแดงก่ำของไป๋เหม่ยหลานทำร้ายจิตใจเขาเป็นอย่างมาก ยินเฟิงก้มหน้ากอดจูบนาง ริมฝีปากหนาขบเม้มไปทั่วกายอรชร จนผิวกายขาวละเอียดปรากฏรอยจ้ำแดง พยายามจะให้นางอ่อนคล้อยตามเขาด้วยความดื้อรั้น กระทั่งปรากฏความจริงว่านางมิอาจสานงานหวามไหวต่อ ถึงแม้ว่านางจะยอมตามใจเขา หากยังร้องไห้ไม่หยุดหย่อน มือเรียวลูบเกล็ดอสรพิษด้วยท่าทีไม่รังเกียจ ราวกับว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับนาง
ไป๋เหม่ยหลานทุกข์ตรมแสนสาหัส เมื่อนางเป็นต้นเหตุให้ท่านอาจารย์ยินเฟิงผู้เคยเป็นเซียนมอบจิตวิญญาณของเขาให้กับปีศาจ ยินเฟิงหยุดทุกสิ่งลง เพื่อกอดนาง กดริมฝีปากบนขมับเนียน ปลอบนางอย่างอ่อนโยน
“จิตใจเจ้าไม่มั่นคง ภรรยา ค่ำคืนมงคลก็คงต้องเลื่อนออกไปก่อน”
ตอนพิเศษ : เศษใบชาในถ้วยกระเบื้องที่มีควันลอยฉุยสลายไปในเวหา อาภรณ์สีนิลสะบัด ยินเฟิงปัดมือเบา ๆ ร่ายเวทปีศาจอย่างระวัง หลังปัดชาใบเล็กไม่ให้ระคายคอภรรยา ขณะก้มหน้ามองนางชักชวนเขาสนทนาไปเรื่อยเปื่อยในฝั่งตรงกันข้าม ชาบนโต๊ะไม้ไม่พร่องไป นางไม่ดื่มมันเสียที“ไยเจ้าไม่รีบดื่มชาให้หมดถ้วยเสีย เย็นหน่อยก็จะไม่อร่อยแล้ว”“เจ้าค่ะ” นางยิ้มพลางยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปาก เหลือบตามองสามีที่ชะเง้อคอมองออกไปด้านนอกท้องนทีมืดสนิท บิดาสงสัยว่าบุตรชายของเขาออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ที่ไหน ไม่ทันสังเกตเห็นน้ำในถ้วยหายไป“เจ้าไม่ควรลืมดื่มชาเป็นอันขาด”“ข้าอาจลืมก็ได้”“ไม่ได้”ยินเฟิงได้คำตอบจากภรรยาในรอยยิ้มมีเลศนัย“ข้าจะลืมแน่...”หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าอธิบายเหตุผลของตน ไม่ใช่ว่าไม่อยากตามใจนาง ซึ่งไม่เป็นผล เมื่อได้พูดคุยเรื่องบุตรกันทีไร ยากจะหาข้อสรุป...ไป๋เหม่ยหลานมิได้เชื่อฟังสามี นางกำลังนึกถึงช่วงเวลาสำคัญ ร้อยกว่าปีที่ผ่านพ้นมา ความเจ็บปวดทรมานจากการคลอดบุตรเพียงครั้ง ไม่เทียมเท่าความสุขล้นในอกมารดาบุตรชายตัวน้อย ‘อี้เฉิน’ เป็นบุตรชายที่น่ารักใคร่ นางเฝ้ามองเจ้าตัวน้อยนอนหลับใหล ในร่างของทารกและเ
หลังผ่านพ้นงานวิวาห์ในภพภูมิปีศาจ ร่างอรชรในอาภรณ์สีชาดงดงามพลันหายไปพร้อมกลุ่มไอหยินไป๋เหม่ยหลานตั้งใจไปนำของวิเศษมาให้สามี เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงาน นางใส่ใจกับการเป็นปีศาจและปรมาจารย์ปีศาจ สามีของนักเป็นอย่างมากทว่าระหว่างทางมีปีศาจจิ้งจอกฝีมือเก่งฉกาจเข้ามาขวางทาง ยื้อแย่งก้อนหินน่าอัศจรรย์ไป นางตบะไม่ถึงปีศาจตนนั้น ไม่ได้ของวิเศษจากถ้ำประหลาดที่ได้ยินมาว่ามันเพิ่มกำลังวังชา ทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืนนานไปอีกนับหมื่นปี นางกลับเมืองเหยียนมือเปล่า พร้อมความเศร้าหมองจนนางเกือบจะร้องไห้ออกมาอย่างผู้อ่อนแอ ขณะปลายเท้าล่องลอยในเวหา หยุดลงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง“วันนี้ข้าไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ไปทำเรื่องสำคัญก็คว้าน้ำเหลว ข้าควรมีวันหยุดเสียบ้าง” เสียงหวานบ่นพึมพำ กรงเล็บสีนิลสะอาดกรีดกรายผ่านริมฝีปากสีชาด การผัดหน้างดงามของนางจึงกลายเป็นเรื่องง่ายดาย นางหันไปกล่าวกับสามีที่เหยียบยืนบนพสุธาตามหลังนางมาไม่นาน“ปีศาจควรมีวันหยุดพักผ่อน”“ปีศาจไม่มีวันหยุด”“แล้วจะต้องเหน็ดเหนื่อยไปตลอดกาลเลยหรือ? แค่เฉพาะการบำรุงบำเรอใจสามีอสรพิษในภพภูมิปีศาจ ร่างของข้าแทบป่นเป็นเถ้าธุลี”“นับตั้งแต่เราส
“ย่อมได้ เมื่อใดก็ได้ทั้งนั้น เราจะไปเยี่ยมบิดาของเจ้าด้วยกัน เราสาม...” รับปากแล้วมือหนาพลันปลดเปลื้องอาภรณ์ กองหล่นบนพื้นไม้เป็นเงามัน เลื่อนสายตามองไปทั่วทุกอณูกายขาวผ่องงาม หน้าท้องแบนราบปรากฏกลุ่มอายสีดำวนเวียนอยู่เหนือสะดือสวยยินเฟิงเข้าใจภรรยาว่าคงไม่คุ้นชินกับร่างกายซึ่งค่อย ๆ กลายเป็นอสรพิษร้าย ที่มีความอิจฉาริษยาเช่นปีศาจสตรี นางใจร้อน ไม่โอนอ่อนตาม นางกำลังตั้งครรภ์ อารมณ์แปรปรวนไม่น้อยขณะมือเรียวลูบบ่ากว้างของบุรุษร่างกำยำ สตรีในอาภรณ์งดงามสีนิลปักทอด้วยลวดลายอสรพิษ เผยอริมฝีปากรับจูบอ่อนหวานของสามีจูบของนางกลับกลายเป็นเร่าร้อนเมื่อเขาเป็นฝ่ายริเริ่ม หลังมื้ออาหารในทุกเช้าค่ำ นางคืบคลานเข้าหา หากสามีไม่เป็นฝ่ายเปิดศึกสู้รับกับนางบนฟูกนอนยับเยิน พร่ำบอกคำรักด้วยการสานราคะ จนกว่าจันทราสีชาดจะลับคล้อยไปในความมืดของเมืองเหยียนในภพภูมิปีศาจ ซึ่งไม่เคยพบแสงตะวันเมื่อสะโพกกลมกลึงยกขึ้น บุรุษร่างกำยำถูกผลักติดกับหัวเตียงไม้สนแดง นางใช้พลังเวททั้งหมดบังคับให้เขาอยู่ใต้อาณัติ ลวดลายที่สลักอย่างงดงามเหล่านั้นกลายเป็นอสรพิษที่มีชีวิต เลื้อยไหลผ่านฟูกนอนและสองเรือนร่างที่สอดประสาน
“ท่านจะไม่สูญเสียข้าไป ส่วนข้าก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามท่าน ข้ามีความคิดว่า...” สองมือเรียวผลักอกสามีให้ออกห่างนาง นัยน์ตาสีชาดเบิดกว้างทอประกายชิงชัง “ทำลายใบหน้าหล่อเหลาของท่านเสีย น่าจะสิ้นเรื่องกระมัง”ไม่พูดเปล่า กรงเล็บสีนิลผงาดกางขึ้น ขณะดวงตาคู่สวยสีชาดสั่นไหวลังเล แม้ใจนางปรารถนาจะกรีดใบหน้าหล่อเหลาให้เสียโฉมนัก ด้วยความโง่เง่าของนาง ยังคิดว่าสมควรตัดเจ้ามังกรร้ายทิ้งไปให้หมดทั้งยวง เพราะคงมิใช่เพียงใบหน้าคมคาย บุรุษผู้นี้สามารถสรรค์สร้างความสำราญใจให้สตรีสามีเพียงจับข้อมือเล็ก ๆ ของนางไว้ จูบกรงเล็กและเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากสีชาด“เก็บเขี้ยวเล็บของเจ้าไว้ขบกัดสามีจะดีกว่าไหมเล่า? ข้ายังมิได้ต้อนรับการกลับมาของเจ้าเลย ศิษย์ไป๋”แววตารุ่มร้อนทอประกาย จ้องมองแก้มแดงซ่านของภรรยา หลบเลี่ยงสายตาของเขาไปไป๋เหม่ยหลานอดกลั้นจิตใจ มองผ่านหน้าตาบานกว้างสลักลายอสรพิษและปีศาจ สุดสารพัดจะจินตนาการ ท้องนภาปรากฏดวงดาราทอแสงระยิบระยับ ไม่ต่างไปจากยามราตรีโลกมนุษย์ ทว่ากลางนภากว้างมีจันทราสีชาด ส่องสว่างงดงาม สะท้อนลงบนผืนน้ำสีนิลสะอาด------------บทสุดท้าย终章สามียินยอมพร้อมรับการจิกข่วนจากก
ในน้ำเสียงเศร้าหมองนั้น มือหนาเฝ้าลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียน ละเอียดไปทั่วทุกอณู ซึ่งถูกหยุดอายุขัยไว้เพียงสิบเก้าปี ถึงแม้ว่าอารมณ์ราคะกำหนัดจะรุมเร้าอย่างหนัก เขาขยับอ้อมแขนกระชับกอดนางให้รู้สึกอุ่นปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเฝ้าซุกไซ้หาความสำราญจากเรือนร่างนุ่มหอม ราวกับว่านางเป็นปั้นดิน แตกต่างที่นางยังคงเป็นนาง เป็นกลิ่นของนางยินเฟิงมีความเชื่อว่านางเพียงหลับใหลในนิทรา อันจะนำพาสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่พบเห็นว่านางพักผ่อนมากขึ้นเมื่อจำต้องต่อสู้กับพลังอาฆาตแค้นและราคะของปีศาจ นับตั้งแต่ปลูกถ่ายกระดูกเซียนให้นางบนโลกมนุษย์มาเจ็ดเดือนกว่า ครั้งสุดท้ายนั้นเป็นลูกแก้วอสรพิษนางควรลืมตาขึ้นในอีกไม่ช้า เขาจำต้องเฝ้ารอนางอย่างใจเย็น‘หากข้าเศร้าหมองใจ เจ้าคงเป็นทุกข์ไปด้วย เมื่อใดเจ้าลืมตาตื่น ก็ควรจะเป็นวันที่ดีของเจ้า ไป่ไป๋...’สตรีในอ้อมแขนเป็นผู้เดียวในทั่วทุกพรหมโลกที่ทำให้บุรุษร่างกำยำโศกศัลย์อาลัย เขาจ้องมองใบหน้างดงามนิ่งสงบเช่นเดิม มือหนาสะบัดไปมาในอากาศ ปรากฏผ้าผืนใหญ่สีนิลสนิท ห่มคลุมเรือนกายอรชรมิดชิด ร่างกายของนางเย็นเฉียบราวเหมันต์ ผ่อนลมหายใจเข้าออกแผ่วเบา“อื้อ...”
เมื่อมองอีกครั้งหนึ่งงูเหล่านั้นกลับกลายเป็นสีนิลสนิท ในห้วงฝันนางพบสตรีในอาภรณ์งดงามหัวเราะร่าเริง นางมีใบหน้างดงามอ่อนหวาน‘โอ้... ไป๋เหม่ยหลาน... ศิษย์ไป๋ของท่านเหลือเพียงโครงกระดูก’‘ท่านอาจารย์จะยอมลืมเลือนเรื่องราวระหว่างท่านและนางหรือ?’สตรีอสรพิษคลับคล้ายคลับคลาที่นางเคยพบจากโถดึงความทรงจำ แลเห็นอาจารย์ยินเฟิงในสภาพน่าอดสู ร่างกายผ่ายผอมเหลือเพียงหนังติดกระดูก ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น ทำร้ายหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางนักนางได้ยินทั้งสองยื่นข้อเสนอต่อรอง ซึ่งสำหรับอาจารย์ยินเฟิงขอเพียงจดจำนางไว้ในห้วงความทรงจำ หากเป็นไปได้ก็จะออกตามหานางสุดท้ายแล้วนางก็ยังไม่เข้าใจ...ไยท่านอาจารย์ไม่ลืมนางไปเสีย เมื่อมีวาสนาต่อกันย่อมได้กลับมาพบกันอีกในภพหน้า เขากลับยอมกลายเป็นอสรพิษ เพื่อเก็บความทรงจำระหว่างอาจารย์-ศิษย์ เพื่อให้ได้กลับมาครองคู่นางอย่างสามีภรรยา...---------------ยินเฟิงคงไม่อยู่รอพบหมอหลวงจากราชสำนัก เพียงรอท่านโหวผู้มาเยี่ยมเยียนบุตรสาว ก่อนที่จะหันหลังกำมือแน่นแล้วเดินจากไปฉางผิงโหวรู้แก่ใจดีว่าวันนี้จะมาถึงในสักวัน ไม่สามารถรั้งบุตรสาวซึ่งไม่ใช่บุคคลบนโลกมนุษย์เอาไว้ได้ นาง







