Masuk“เพียงเพราะข้าเปลี่ยนไป เจ้าก็จะไม่ชอบข้าแล้วหรือ?”
“ข้าไม่ได้พูดนะเจ้าคะ...” นางตอบทันที เมื่อสามีเริ่มพูดเองเออเอง เขาเรียกร้องความสนใจด้วยการดื่มสุรา นับได้เกินสิบจอกจนใบหน้าแดงก่ำ
“เจ้ารังเกียจข้า...”
“ท่านเมาแล้วเจ้าค่ะ” เสียงหวานปรามขณะวางไหสุราลงด้วยสีหน้าดุดัน
ดวงตาคู่คมยังคงจ้องมองนางยกไหสุราเทลงในจอกดินเผา อาศัยจังหวะนางโน้มตัวลง มือหนาจับหมับเข้าเอวบาง คว้านางเข้าไปกอด
“อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวข้า”
ด้วยความยึดมั่นในเกียรติบุตรสาวท่านโหว นางวางฝ่ามือเล็กบนอกกว้างเกือบที่จะผลักยันชายร่างกำยำออก แต่นางไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ เฉียนฟานอ๋องก็มั่นใจในฐานะของเขา
“ข้ากอดเจ้าได้ จูบเจ้าได้ ข้าจะทำอะไรเจ้าเมื่อไรก็ได้ เมื่อบ้านเมืองถือลัทธิประหลาด หญิงชายไร้ความเท่าเทียม เจ้าต้องเชื่อฟังสามี เว้นเสียแต่ว่าเจ้าไปที่อื่น มิใช่โลกมนุษย์ ข้าจึงจะเป็นฝ่ายฟังเจ้าบ้าง”
“ข้าเป็นบุตรสาวของฉางผิงโหว มิใช่ผู้ที่ท่านจะมาเหยียดหยามย่ำศักดิ์ศรี เมื่อไรท่านข่มเหงน้ำใจข้า จะกลับไปหาท่านพ่อของข้าในทันที”
ไป๋เหม่ยหลานมิได้โอนอ่อนผ่อนผัน สีหน้านิ่งเรียบของนางขีดเส้นระหว่างสามีภรรยาในจวนอ๋องไว้ชัดเจน ยินเฟิงกระชับเอวนางไว้มั่นคง ลอบยิ้มตรงมุมปากจนมองเห็นเขี้ยวขาวคม ไม่ยอมปล่อยนาง
“สาบานได้ว่าข้าจะเอาแต่ใจทุกวัน ให้เจ้าปวดหัวกับสามีของเจ้า”
“ข้าขอหย่ากับท่านดีไหมเจ้าคะ?”
“เจ้าหย่า เจ้าตาย...” ในน้ำเสียงทีเล่นทีจริง ไป๋เหม่ยหลานตัวแข็งทื่อมองนัยน์ตาสีชาดของปีศาจเปล่งประกาย พิษสุราทำให้ผิวหนังบางส่วนมองเห็นเป็นเกล็ดงูเผือก
ยินเฟิงมักเป็นเช่นนี้เมื่อเขาเกิดความปรารถนาในตัวนาง ยามสานสัมพันธ์ หรือยามเมามาย เมื่อเขาไม่ได้ควบคุมพลังปีศาจของตนให้ดี
“เจ้าไปจากข้า เจ้าตาย ข้าตาย ส่วนสหายเซียนของเจ้า คงได้เป็นนกเซ่นสังเวยท่านจอมมาร ข้าตั้งใจว่าจะสังหารมันเสียก่อน ค่อยสังหารเจ้า จากนั้นข้าค่อยฆ่าตัวตายตามเจ้าไป”
“ท่านอาจารย์!” นางว่าเข้าให้ ทุบบ่ากว้างด้วยแรงอันน้อยนิดเพียงปรามเขาให้ได้สติกลับคืนมา แรงตีของมนุษย์ตัวเล็ก ๆ คงเจ็บ ๆ คัน ๆ เสียมากกว่า
“ท่านชักเอาใหญ่แล้วนะเจ้าคะ มารบกวนวาสนาชะตาชีวิตข้าไม่พอ มาบังคับขู่เข็ญข้าให้ลำบากใจ”
“เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ในเมื่อข้าหวงแหนเจ้า ไม่ว่าโลกปีศาจหรือแห่งหนใด หัวใจข้ามีเพียงเจ้า ศิษย์ไป๋ ข้าไม่มีวันไปจากชีวิตเจ้า หากเจ้าไม่ผสมยาพิษกรอกสุราให้ข้ากิน ก็อย่าหวังว่าจะได้ไปจากข้า...”
ยินเฟิงทำใจดีชี้ช่องทางสังหารให้นางเก็บไปพิจารณา หากว่านางต้องการอิสรภาพ แม้รู้ดีว่านางคงไม่ทำมันให้ตนกลายเป็นหญิงม่าย สิ่งที่นางทำได้เพียงไม่พอใจ ส่ายหน้าหนีอ้อมกอดเอาแต่ใจของเขาก็เท่านั้น
---------------
“ไป่ไป๋...” เสียงแหบพร่าเรียกภรรยาให้หันกลับไป ร่างกำยำบนฟูกนอนแนบแผงอกกว้างเปลือยเปล่าที่แทรกแซมเกล็ดสีขาวสะอาดไว้กับแผ่นหลังบาง ใต้ผ้าห่มสีนิลผืนเดียวกัน เขาสวมกางเกงตัวเดียวต่างจากนางซึ่งสวมชุดกระโปรงสีขาว
“การมาเหยียบเยือนโลกมนุษย์ของข้ามีจุดประสงค์เดียว ข้าปรารถนาที่จะอยู่กับเจ้าอย่างสามีภรรยา ข้าจะชุบร่างอมตะของเจ้า พาเจ้ากลับไปกับข้า”
“ข้าไม่อยากไปอยู่เมืองปีศาจเจ้าค่ะ ข้าขอไปอยู่ไร่ส้ม ดูชาวนาทำสวนทำไร่ดีกว่า”
“เจ้าก็ไป... ข้าไปกับเจ้า” พูดแล้วเขาก้มหน้าลงจูบแก้มเนียนแผ่วเบา โดยที่นางมิได้หลบเลี่ยง แววตาหลงใหลของนางติดตรึงอยู่กับนัยน์ตาสีชาด
ยินเฟิงไม่ยอมให้นางหลีกหนีอ้อมกอดของเขาตลอดค่ำคืนเงียบสงัดอันเหน็บหนาว ย่างเข้าเหมันต์ฤดู ลมเยียบเย็นพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาลูบแก้มเย็นเฉียบ
“...เมื่อครั้งเดินทางไปภพภูมิปีศาจใหม่ ๆ สตรีใบหน้างดงามปานเทพธิดา กลิ่นกายหอมยั่วยวน สานสัมพันธ์ปีศาจต่อหน้าข้า หวังให้ข้าสนองตัณหาพวกนาง ข้ากลับคิดถึงเพียงไป่เหม่ยหลาน ปิดประตูขังตัวเองไว้ในเรือน ข้าไม่อาจแตะต้องหญิงใดหากมิใช่เจ้า” เขาตัดพ้อนางด้วยการเล่าเรื่องราวในอดีต ครั้นนางถามเขากลับว่ารู้ได้อย่างไร ไยกลิ่นกายนางมารเหล่านั้นหอมยั่วยวน อ้อมแขนแข็งแรงกระชับกอดนางแน่น นางเงยขึ้นมองสามีเล่าเรื่องปีศาจ
“...ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะสามี ข้าคงใช้อารมณ์มากไป ไม่ตรึกตรองให้ดี” นางเงียบไปหากไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายพูด นางว่าด้วยแววตามั่นใจ “เมื่อตรึกตรองให้ดี ข้าจึงรู้ว่าเป็นแผนการล่อลวงของพวกอสรพิษ”
ตอนพิเศษ : เศษใบชาในถ้วยกระเบื้องที่มีควันลอยฉุยสลายไปในเวหา อาภรณ์สีนิลสะบัด ยินเฟิงปัดมือเบา ๆ ร่ายเวทปีศาจอย่างระวัง หลังปัดชาใบเล็กไม่ให้ระคายคอภรรยา ขณะก้มหน้ามองนางชักชวนเขาสนทนาไปเรื่อยเปื่อยในฝั่งตรงกันข้าม ชาบนโต๊ะไม้ไม่พร่องไป นางไม่ดื่มมันเสียที“ไยเจ้าไม่รีบดื่มชาให้หมดถ้วยเสีย เย็นหน่อยก็จะไม่อร่อยแล้ว”“เจ้าค่ะ” นางยิ้มพลางยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปาก เหลือบตามองสามีที่ชะเง้อคอมองออกไปด้านนอกท้องนทีมืดสนิท บิดาสงสัยว่าบุตรชายของเขาออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ที่ไหน ไม่ทันสังเกตเห็นน้ำในถ้วยหายไป“เจ้าไม่ควรลืมดื่มชาเป็นอันขาด”“ข้าอาจลืมก็ได้”“ไม่ได้”ยินเฟิงได้คำตอบจากภรรยาในรอยยิ้มมีเลศนัย“ข้าจะลืมแน่...”หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าอธิบายเหตุผลของตน ไม่ใช่ว่าไม่อยากตามใจนาง ซึ่งไม่เป็นผล เมื่อได้พูดคุยเรื่องบุตรกันทีไร ยากจะหาข้อสรุป...ไป๋เหม่ยหลานมิได้เชื่อฟังสามี นางกำลังนึกถึงช่วงเวลาสำคัญ ร้อยกว่าปีที่ผ่านพ้นมา ความเจ็บปวดทรมานจากการคลอดบุตรเพียงครั้ง ไม่เทียมเท่าความสุขล้นในอกมารดาบุตรชายตัวน้อย ‘อี้เฉิน’ เป็นบุตรชายที่น่ารักใคร่ นางเฝ้ามองเจ้าตัวน้อยนอนหลับใหล ในร่างของทารกและเ
หลังผ่านพ้นงานวิวาห์ในภพภูมิปีศาจ ร่างอรชรในอาภรณ์สีชาดงดงามพลันหายไปพร้อมกลุ่มไอหยินไป๋เหม่ยหลานตั้งใจไปนำของวิเศษมาให้สามี เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงาน นางใส่ใจกับการเป็นปีศาจและปรมาจารย์ปีศาจ สามีของนักเป็นอย่างมากทว่าระหว่างทางมีปีศาจจิ้งจอกฝีมือเก่งฉกาจเข้ามาขวางทาง ยื้อแย่งก้อนหินน่าอัศจรรย์ไป นางตบะไม่ถึงปีศาจตนนั้น ไม่ได้ของวิเศษจากถ้ำประหลาดที่ได้ยินมาว่ามันเพิ่มกำลังวังชา ทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืนนานไปอีกนับหมื่นปี นางกลับเมืองเหยียนมือเปล่า พร้อมความเศร้าหมองจนนางเกือบจะร้องไห้ออกมาอย่างผู้อ่อนแอ ขณะปลายเท้าล่องลอยในเวหา หยุดลงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง“วันนี้ข้าไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ไปทำเรื่องสำคัญก็คว้าน้ำเหลว ข้าควรมีวันหยุดเสียบ้าง” เสียงหวานบ่นพึมพำ กรงเล็บสีนิลสะอาดกรีดกรายผ่านริมฝีปากสีชาด การผัดหน้างดงามของนางจึงกลายเป็นเรื่องง่ายดาย นางหันไปกล่าวกับสามีที่เหยียบยืนบนพสุธาตามหลังนางมาไม่นาน“ปีศาจควรมีวันหยุดพักผ่อน”“ปีศาจไม่มีวันหยุด”“แล้วจะต้องเหน็ดเหนื่อยไปตลอดกาลเลยหรือ? แค่เฉพาะการบำรุงบำเรอใจสามีอสรพิษในภพภูมิปีศาจ ร่างของข้าแทบป่นเป็นเถ้าธุลี”“นับตั้งแต่เราส
“ย่อมได้ เมื่อใดก็ได้ทั้งนั้น เราจะไปเยี่ยมบิดาของเจ้าด้วยกัน เราสาม...” รับปากแล้วมือหนาพลันปลดเปลื้องอาภรณ์ กองหล่นบนพื้นไม้เป็นเงามัน เลื่อนสายตามองไปทั่วทุกอณูกายขาวผ่องงาม หน้าท้องแบนราบปรากฏกลุ่มอายสีดำวนเวียนอยู่เหนือสะดือสวยยินเฟิงเข้าใจภรรยาว่าคงไม่คุ้นชินกับร่างกายซึ่งค่อย ๆ กลายเป็นอสรพิษร้าย ที่มีความอิจฉาริษยาเช่นปีศาจสตรี นางใจร้อน ไม่โอนอ่อนตาม นางกำลังตั้งครรภ์ อารมณ์แปรปรวนไม่น้อยขณะมือเรียวลูบบ่ากว้างของบุรุษร่างกำยำ สตรีในอาภรณ์งดงามสีนิลปักทอด้วยลวดลายอสรพิษ เผยอริมฝีปากรับจูบอ่อนหวานของสามีจูบของนางกลับกลายเป็นเร่าร้อนเมื่อเขาเป็นฝ่ายริเริ่ม หลังมื้ออาหารในทุกเช้าค่ำ นางคืบคลานเข้าหา หากสามีไม่เป็นฝ่ายเปิดศึกสู้รับกับนางบนฟูกนอนยับเยิน พร่ำบอกคำรักด้วยการสานราคะ จนกว่าจันทราสีชาดจะลับคล้อยไปในความมืดของเมืองเหยียนในภพภูมิปีศาจ ซึ่งไม่เคยพบแสงตะวันเมื่อสะโพกกลมกลึงยกขึ้น บุรุษร่างกำยำถูกผลักติดกับหัวเตียงไม้สนแดง นางใช้พลังเวททั้งหมดบังคับให้เขาอยู่ใต้อาณัติ ลวดลายที่สลักอย่างงดงามเหล่านั้นกลายเป็นอสรพิษที่มีชีวิต เลื้อยไหลผ่านฟูกนอนและสองเรือนร่างที่สอดประสาน
“ท่านจะไม่สูญเสียข้าไป ส่วนข้าก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามท่าน ข้ามีความคิดว่า...” สองมือเรียวผลักอกสามีให้ออกห่างนาง นัยน์ตาสีชาดเบิดกว้างทอประกายชิงชัง “ทำลายใบหน้าหล่อเหลาของท่านเสีย น่าจะสิ้นเรื่องกระมัง”ไม่พูดเปล่า กรงเล็บสีนิลผงาดกางขึ้น ขณะดวงตาคู่สวยสีชาดสั่นไหวลังเล แม้ใจนางปรารถนาจะกรีดใบหน้าหล่อเหลาให้เสียโฉมนัก ด้วยความโง่เง่าของนาง ยังคิดว่าสมควรตัดเจ้ามังกรร้ายทิ้งไปให้หมดทั้งยวง เพราะคงมิใช่เพียงใบหน้าคมคาย บุรุษผู้นี้สามารถสรรค์สร้างความสำราญใจให้สตรีสามีเพียงจับข้อมือเล็ก ๆ ของนางไว้ จูบกรงเล็กและเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากสีชาด“เก็บเขี้ยวเล็บของเจ้าไว้ขบกัดสามีจะดีกว่าไหมเล่า? ข้ายังมิได้ต้อนรับการกลับมาของเจ้าเลย ศิษย์ไป๋”แววตารุ่มร้อนทอประกาย จ้องมองแก้มแดงซ่านของภรรยา หลบเลี่ยงสายตาของเขาไปไป๋เหม่ยหลานอดกลั้นจิตใจ มองผ่านหน้าตาบานกว้างสลักลายอสรพิษและปีศาจ สุดสารพัดจะจินตนาการ ท้องนภาปรากฏดวงดาราทอแสงระยิบระยับ ไม่ต่างไปจากยามราตรีโลกมนุษย์ ทว่ากลางนภากว้างมีจันทราสีชาด ส่องสว่างงดงาม สะท้อนลงบนผืนน้ำสีนิลสะอาด------------บทสุดท้าย终章สามียินยอมพร้อมรับการจิกข่วนจากก
ในน้ำเสียงเศร้าหมองนั้น มือหนาเฝ้าลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียน ละเอียดไปทั่วทุกอณู ซึ่งถูกหยุดอายุขัยไว้เพียงสิบเก้าปี ถึงแม้ว่าอารมณ์ราคะกำหนัดจะรุมเร้าอย่างหนัก เขาขยับอ้อมแขนกระชับกอดนางให้รู้สึกอุ่นปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเฝ้าซุกไซ้หาความสำราญจากเรือนร่างนุ่มหอม ราวกับว่านางเป็นปั้นดิน แตกต่างที่นางยังคงเป็นนาง เป็นกลิ่นของนางยินเฟิงมีความเชื่อว่านางเพียงหลับใหลในนิทรา อันจะนำพาสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่พบเห็นว่านางพักผ่อนมากขึ้นเมื่อจำต้องต่อสู้กับพลังอาฆาตแค้นและราคะของปีศาจ นับตั้งแต่ปลูกถ่ายกระดูกเซียนให้นางบนโลกมนุษย์มาเจ็ดเดือนกว่า ครั้งสุดท้ายนั้นเป็นลูกแก้วอสรพิษนางควรลืมตาขึ้นในอีกไม่ช้า เขาจำต้องเฝ้ารอนางอย่างใจเย็น‘หากข้าเศร้าหมองใจ เจ้าคงเป็นทุกข์ไปด้วย เมื่อใดเจ้าลืมตาตื่น ก็ควรจะเป็นวันที่ดีของเจ้า ไป่ไป๋...’สตรีในอ้อมแขนเป็นผู้เดียวในทั่วทุกพรหมโลกที่ทำให้บุรุษร่างกำยำโศกศัลย์อาลัย เขาจ้องมองใบหน้างดงามนิ่งสงบเช่นเดิม มือหนาสะบัดไปมาในอากาศ ปรากฏผ้าผืนใหญ่สีนิลสนิท ห่มคลุมเรือนกายอรชรมิดชิด ร่างกายของนางเย็นเฉียบราวเหมันต์ ผ่อนลมหายใจเข้าออกแผ่วเบา“อื้อ...”
เมื่อมองอีกครั้งหนึ่งงูเหล่านั้นกลับกลายเป็นสีนิลสนิท ในห้วงฝันนางพบสตรีในอาภรณ์งดงามหัวเราะร่าเริง นางมีใบหน้างดงามอ่อนหวาน‘โอ้... ไป๋เหม่ยหลาน... ศิษย์ไป๋ของท่านเหลือเพียงโครงกระดูก’‘ท่านอาจารย์จะยอมลืมเลือนเรื่องราวระหว่างท่านและนางหรือ?’สตรีอสรพิษคลับคล้ายคลับคลาที่นางเคยพบจากโถดึงความทรงจำ แลเห็นอาจารย์ยินเฟิงในสภาพน่าอดสู ร่างกายผ่ายผอมเหลือเพียงหนังติดกระดูก ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น ทำร้ายหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางนักนางได้ยินทั้งสองยื่นข้อเสนอต่อรอง ซึ่งสำหรับอาจารย์ยินเฟิงขอเพียงจดจำนางไว้ในห้วงความทรงจำ หากเป็นไปได้ก็จะออกตามหานางสุดท้ายแล้วนางก็ยังไม่เข้าใจ...ไยท่านอาจารย์ไม่ลืมนางไปเสีย เมื่อมีวาสนาต่อกันย่อมได้กลับมาพบกันอีกในภพหน้า เขากลับยอมกลายเป็นอสรพิษ เพื่อเก็บความทรงจำระหว่างอาจารย์-ศิษย์ เพื่อให้ได้กลับมาครองคู่นางอย่างสามีภรรยา...---------------ยินเฟิงคงไม่อยู่รอพบหมอหลวงจากราชสำนัก เพียงรอท่านโหวผู้มาเยี่ยมเยียนบุตรสาว ก่อนที่จะหันหลังกำมือแน่นแล้วเดินจากไปฉางผิงโหวรู้แก่ใจดีว่าวันนี้จะมาถึงในสักวัน ไม่สามารถรั้งบุตรสาวซึ่งไม่ใช่บุคคลบนโลกมนุษย์เอาไว้ได้ นาง







