ก่อนถึงเมืองติ่งกุย 30 ลี้ อู๋อ๋องสั่งให้ทหารตั้งค่ายพักแรมและแบ่งกำลังกันแฝงตัวไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ รอบเมืองติ่งกุย ส่วนพระองค์กับพระชายาพร้อมกับองครักษ์หลวง 10 คน จะเดินทางเข้าไปยังเมืองติ่งกุย โดยทำทีเป็นพ่อค้ามาหาลู่ทางค้าขายในเมืองติ่งกุย ทหารและองครักษ์ที่ต้องทำหน้าที่แฝงตัวต่างผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมือนชาวบ้านทั่วไป
“หลังจากสืบข่าวในหมู่บ้านแล้วได้เรื่องอย่างไร พวกเจ้าค่อยส่งคนไปรายงานข้าในเมืองติ่งกุย อย่าลืมหาหลักฐานต่าง ๆ หากมีเรื่องไม่ชอบมาพากลมาด้วยเล่า” อู๋อ๋องตรัส
“พะย่ะค่ะท่านอ๋อง พวกเราจะสืบให้ละเอียด” ทหารและองครักษ์หลวงรับคำพร้อมกัน
“ส่วนพวกเจ้าก็เฝ้าเสบียงและเงินให้ดีเล่า อย่าให้มีใครเข้าใกล้ได้เด็ดขาด เรายังต้องเดินทางไปอีกหลายเมือง” อู๋อ๋องสั่งทหารที่อยู่ในค่ายอีกสองพันกว่าคน
“พะย่ะค่ะท่านอ๋อง พวกเราจะผลัดเปลี่ยนเวรยามเฝ้าไว้ตลอดพะย่ะค่ะ”
อู๋อ๋องพยักหน้ารับ
ไท่จื่อเลือกเรือนสามประสานแห่งหนึ่งไม่ไกลจากจวนเจ้าเมือง ถึงราคาจะดูสูงไปสักหน่อยแต่ก็นับว่าเหมาะสมสำหรับตำแหน่งของพระองค์ในขณะนี้ ซินเมี่ยวเองก็พอใจเช่นกัน นางคิดว่ากว่าจะจัดการเรื่องที่เมืองนี้เสร็จน่าจะใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือน การมีจวนเป็นของตนเองนับว่าสะดวกมากกว่าจริง ๆซินเมี่ยวจ่ายเงินค่าจวนไป 1,200 ตำลึง โดยไม่ได้คิดมากอันใด ในเมื่อจวนนี้ใกล้กับจวนเจ้าเมือง เรื่องการรักษาความปลอดภัยจึงไม่ต้องกังวลมากนัก“เรากลับจวนก่อน เจ้าเตรียมข้อมูลและเรื่องเดินทางไปยังพื้นที่พรุ่งนี้ก่อนก็แล้วกัน”“พะย่ะค่ะไท่จื่อ กระหม่อมจะส่งคนไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านเอาไว้ก่อน พรุ่งนี้กระหม่อมจะไปพบพระองค์ที่จวนพะย่ะค่ะ”ไท่จื่อกับไท่จื่อเฟยเดินทางกลับไปยังจวนใหม่ของพวกพระองค์ โดยมีซุนเหยานำทางไป องครักษ์บางส่วนได้รับเงินให้ไปซื้ออาหารสดมาให้ไท่จื่อเฟยทำอาหารเช่นเคย ส่วนสิ่งของในจวนนั้นไม่มีสิ่งใดจะต้องซื้อเพิ่ม เพราะเจ้าเมืองบอกก่อนหน้านี้แล้วว่าเครื่องเรือ
ขบวนของอู๋อ๋องหยุดพักตั้งค่ายที่นอกเมืองจ้วงจีห่างจากประตูเมือง 30 ลี้เพื่อไม่ให้ชาวเมืองแตกตื่น ซินเมี่ยวที่ท้องโตขึ้นทุกวันก็นอนบ่อยมากขึ้น อู๋อ๋องถึงแม้จะสงสารพระชายาแต่ก็ไม่อาจห้ามนางไม่ให้ติดตามมาด้วยได้ฉางกงกงที่ตอนนี้เข้าไปพักในจวนเจ้าเมืองได้สองวันยังไม่ทราบข่าวการมาถึงของอู๋อ๋อง แต่เขาก็สั่งให้องครักษ์ไปเฝ้ารออยู่ที่หน้าประตูเมืองเพื่อจะได้อ่านราชโองการให้เจ้าเมืองและชาวเมืองได้รับทราบโชคดีที่เจ้าเมืองจ้วงจีไม่ใช่ขุนนางเลว ทำให้ความเป็นอยู่ของชาวเมืองไม่ได้ยากจนมากนัก มีเพียงพวกเกียจคร้านที่ไม่ทำงานทำการเท่านั้นที่คอยลักเล็กขโมยน้อยหรือไม่ก็ไปก่อกวนคนในครอบครัวจนเกิดการฟ้องร้องหลายครั้งรุ่งเช้าวันต่อมา อู๋อ๋องพาซินเมี่ยวกับองครักษ์ 10 คน เดินทางเข้าไปยังเมืองจ้วงจีเหมือนที่ทำกับทุกเมืองก่อนหน้านี้เพื่อตรวจสอบความเป็นอยู่ของราษฎร พระองค์มองด้านข้างทางก็พบว่าชาวเมืองสีหน้ามีความสุข ไม่เหมือนเมืองอื่น ๆฉางกงกงที่ได้รับรายงานว่าเห็นขบวนพ่อค้าคล
เมืองหลวง 10 วันต่อมาฮ่องเต้ได้รับรายงานว่ามีองครักษ์หลวงขอเข้าเฝ้า พระองค์รีบรับสั่งให้พวกเขาเข้ามาอย่างรวดเร็ว หลังจากองครักษ์หลวงถวายพระพรฮ่องเต้แล้ว ทั้งห้าต่างรายงานถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่องเขา พร้อมกับถวายหลักฐานให้ฝ่าบาททรงตัดสินฮ่องเต้มองตั๋วแลกเงินทั้งหมดอย่างโกรธแค้นและเสียใจ พระองค์ไม่อยากจะเชื่อว่าพระสนมทั้งสองและองค์ชายใหญ่จะกล้าส่งคนไปฆ่าบุตรชายสุดที่รักของพระองค์ได้จริง ๆ ถึงแม้พระองค์จะคลางแคลงใจมานานก็ตามที แต่ในเมื่อตอนนี้มีหลักฐานชัดแจ้ง พระองค์ก็จะไม่ปล่อยให้พวกเขาเป็นภัยคุกคามต่ออู๋อ๋องอีกต่อไป“ขอบใจพวกเจ้าที่มาส่งข่าว ฝากบอกอู๋อ๋องด้วยว่าเราจะจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด”“พะย่ะค่ะฝ่าบาท เช่นนั้นกระหม่อมขอทูลลากลับไปที่ขบวนต่อก่อนพะย่ะค่ะ”“พวกเจ้าพักผ่อนก่อนค่อยเดินทางเถอะ อย่างไรม้าเร็วของพวกเจ้าก็คงไปรวมกับขบวนก่อนถึงเมืองจ้วงจีทันอยู่แล้ว”
สามวันต่อมาซู่เวยที่จัดการเรื่องทหารเลวที่เคยรับใช้เจ้าเมืองคนก่อนและรับทหารใหม่เข้ามาทำงาน รวมทั้งเรื่องทรัพย์สินทั้งหมดของเจ้าเมืองคนก่อนจำนวนมาก รายงานเรื่องทุกอย่างและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดในเมืองก่อนหน้านี้ต่ออู๋อ๋อง“กราบทูลท่านอ๋อง พระชายา ทรัพย์สินที่ยึดมาได้นั้นน่าจะเพียงพอต่อการคืนที่ดินและเงินทองให้แก่ราษฎรพะย่ะค่ะ หลังจากนี้กระหม่อมจะติดรายชื่อชาวบ้านที่เคยถูกยึดทรัพย์มารับที่ดินและทรัพย์สินคืนตามบัญชีที่เติ้งเหยียนเขียนเอาไว้พะย่ะค่ะ”“เจ้าแน่ใจหรือว่าเงินจะเพียงพอ ข้าคิดว่าหลายปีมานี้เติ้งเหยียนน่าจะใช้เงินไปไม่น้อยแล้ว เจ้าลองประมาณการมาดูว่าต้องใช้เงินเพิ่มอีกเท่าใด ข้าจะได้มอบเงินเอาไว้ให้เจ้าพัฒนาเมืองต่อไปในภายหน้าด้วย ตามพระประสงค์ของฝ่าบาท”“กระหม่อมขอใช้เงินพระราชทานหนึ่งหมื่นตำลึงเพื่อพัฒนาเมืองและชดเชยให้ราษฎรพะย่ะค่ะ เงินเท่านี้น่าจะเพียงพอให้ใช้ได้ทั้งปีพะย่ะค่ะ”
สองวันแล้วที่เจ้าเมืองติ่งกุยต้องปวดเศียรเวียนเกล้ากับเรื่องสมุดบัญชีที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทั้งที่เขาสั่งให้ทหารตรวจค้นทุกซอกทุกมุมแล้วก็ยังไม่เจอเสียที นับวันเจ้าเมืองติ่งกุยก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น เขารู้ดีว่าเงินที่เคยมอบให้ขุนนางในเมืองหลวงเมื่อก่อนนั้นได้มาอย่างไร ตอนนี้ขุนนางเหล่านั้นต่างล้มหายตายจากเพราะโทษของการทุจริต เขาที่เคยตกเป็นเบี้ยล่างจึงคิดจะยืนหยัดด้วยตนเอง จึงได้ตัดสินใจใช้ระบบการเก็บภาษีแบบเดิมเหมือนที่เคยทำมา โดยไม่รู้เลยว่าใครกันที่กำลังหาเรื่องเขาอยู่ในตอนนี้ห้าวันต่อมาพระราชโองการมาถึงมืออู๋อ๋องแล้ว รวมทั้งขุนนางที่ฮ่องเต้คัดเลือกให้มาทำหน้าที่แทนเจ้าเมืองติ่งกุยคนเดิมติดตามมากับองครักษ์หลวงด้วย“ถวายพระพรท่านอ๋อง พระชายา กระหม่อมซู่เวย ขุนนางขั้นหกที่ฝ่าบาทรับสั่งให้มาประจำที่เมืองติ่งกุยพะย่ะค่ะ” ซู่เวยค้อมตัวคำนับเต็มพิธีการ“ตามสบาย เราพอรู้ข่าวว่าเจ้าเป็นคนเมืองนี้มาก่อนที่จะเข้ารับราชการใน
กลางดึกคืนนั้น องครักษ์หลวงทั้งสิบคนที่ได้รับยาสลบจากพระชายาออกจากโรงเตี๊ยมไปด้วยชุดอำพรางใบหน้าอย่างรวดเร็ว ส่วนอู๋อ๋องก็พาซินเมี่ยวเข้านอนหลังจากมอบยาให้ซุนเหยาไปก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไรตอนนี้ซินเมี่ยวก็กำลังท้องอยู่ นางจึงต้องการพักผ่อนให้มากเพื่อลูกในท้องด้วยผงยาสลบของซินเมี่ยว ทำให้เหล่าองครักษ์ไม่ต้องเปลืองแรงมากนักในการค้นหาหลักฐานในห้องทำงานของเจ้าเมืองติ่งกุย พวกเขาพบสมุดบัญชีหลายเล่มที่เรียงลำดับปีเอาไว้อย่างเป็นระเบียบบนชั้นวางหนังสือ เมื่อตรวจสอบดูก็พบว่าเป็นบัญชียึดทรัพย์สินชาวเมืองจริง และยังมีบัญชีที่ชั้นวางอีกส่วนที่เป็นบัญชีปลอมสำหรับใช้ส่งมอบให้ราชสำนักตรวจสอบ พวกเขาหากล่องเปล่ามาเก็บสมุดบัญชีทั้งหมดและยกออกจากจวนเจ้าเมืองไปอย่างรวดเร็ว เพราะอู๋อ๋องสั่งการพวกเขาก่อนแล้วว่าไม่ต้องสนใจว่าเจ้าเมืองจะทำอย่างไรหลังจากสมุดบัญชีหายไป เรื่องหลังจากนี้พระองค์จะจัดการเอง พวกเขาจึงรีบกลับก่อนที่ยาสลบจะหมดฤทธิ์ก่อนเวลาอาหารเช้าวันต่อมา ซุนเหยาเข้าไปรายงานทุกอย่างให้อู๋อ๋องทราบตามจริงว่าเมื่อคืนพวกเขาพ