ล่วงเข้ายามชวี เยี่ยนเยว่ฉีเดินทางมายังตำหนักริมน้ำตามคำเชิญของมู่เลี่ยงหรง โดยมีชิงหรูเป็นผู้นำทาง นางเยื้องกรายเข้าสู่ห้องโถงที่ตกแต่งอย่างปรานีตก่อนก้าวเข้าสู่ระเบียงที่ยื่นออกไปยังริมแม่น้ำ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนำทาง ซิงหรู ซูจิ้ง และนางกำนัลอีกสองสามคนก็ออกไปอย่างเงียบเชียบ ยามนี้จึงเหลือเพียงเยี่ยนเยว่ฉีอยู่ตามลำพังกลิ่นกำยานหอมหวนอบอวลไปทั่วบริเวณ รอบระเบียงถูกประดับตกแต่งด้วยผ้าแพรบางเบาซึ่งพลิ้วไหวไปตามแรงลม บนโต๊ะมีสุราและกับแกล้มหลายอย่างเตรียมเอาไว้อย่างพร้อมสรรพ เบาะและพรมขนสัตว์อย่างดีถูกปูเอาไว้สำหรับนั่งพักหย่อนใจ แสงจากโคมไฟที่ประดับประดาไว้หลายดวงส่องแสงนวลชวนให้บรรยากาศเคลิบเคลิ้มยิ่งระหว่างที่เยี่ยนเยว่ฉีสำรวจทุกสิ่ง ใครบางคนเข้าสวมกอดนางจากด้านหลัง ลมหายใจร้อนรินรดหลังใบหูและต้นคอ กลิ่นน้ำมันหอมอันไม่คุ้นเคยลอยเข้าสู่นาสิก ไม่ใช่กลิ่นอำพันทะเลดังเช่นวันก่อน“พระจันทร์ดวงน้อยของข้า...” เสียงกระซิบแหบพร่าวาบหวามหัวใจ“ท่านพี่...” เยี่ยนเยว่ฉีตอบรับด้วยเสียงแว่วหวานยิ่งกว่า“ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน”“อย่าทำเป็นพูดดี ท่านพี่ห่างเหินข้าจนคนลือไปทั่วจวน” นางตัดพ้อ“ข้าก
เมื่อชำระร่างกายจนสะอาดสะอ้าน และผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ตัวใหม่เรียบร้อยแล้ว มู่เลี่ยงหรงจึงเดินไปยังห้องหนังสือ ซึ่งในขณะนี้เยี่ยนจิ้นหลิงนั่งอ่านตำราเล่มหนารออยู่“เรื่องที่ให้ไปสืบมาได้ความว่าอย่างไร” มู่เลี่ยงหรงเปิดประเด็นทั้งที่ยังไม่นั่งลงเสียด้วยซ้ำจิ้งจอกหนุ่มได้ยินคำถามจึงวางตำราลงข้างกาย พัดหยกม่วงถูกคลี่ออกแล้วโบกเป็นจังหวะ การกระทำอันแสนเอ้อระเหยนี้ไม่ได้ทำให้ผู้รอรู้สึกเดือดร้อนนัก เพราะเริ่มชินชา“ท่านหญิงกุ้ยอินเป็นผู้บริสุทธิ์ นางไม่มีส่วนรู้เห็นกับคุณชายชวี นักฆ่าทั้งหมดเป็นกลุ่มเดียวกัน การติดต่อไม่ได้รัดกุมด้วยซ้ำ ดูท่าเขาคงเพียงอยากจะแก้แค้นให้ครอบครัว”“เจ้าแน่ใจหรือ”“ไม่แน่ใจพ่ะย่ะค่ะ”“นี่เจ้า! ตกลงแน่ใจหรือไม่” มู่เลี่ยงหรงตวาด“จิ้นหลิงรักชื่อเสียง ไม่เคยรายงานอะไรที่ไม่มั่นใจ” เยี่ยนจิ้นหลิงหัวเราะอย่างมีความสุข“ก็ย้ำว่ามั่นใจก็หมดเรื่อง” มู่เลี่ยงหรงแทบอยากจะเขวี้ยงที่ทับกระดาษรูปกิเลนใส่หัวที่ปรึกษาจอมกวน“จิ้นหลิงนิสัยเสีย มักไม่ชอบพูดอะไรซ้ำซาก ยิ่งถ้าได้กล่าวอะไรไปแล้ว อีกฝ่ายเหมือนจะไม่เชื่อ จิ้นหลิงก็มักจะปล่อยพวกเขาไปตามยถากรรม ส่วนผลน่ะหรือ บางคนก็เจ็บ
ครั้นมั่นใจว่ามีดเล่มโปรดคมกริบไร้ปัญหา ร่างสูงกำยำจึงก้าวเดินไปบนพื้นศิลาเยียบเย็นทีละก้าว เข้าใกล้ร่างที่ขึงตรึงบนกำแพงทีละน้อย นัยน์ตาเข้มลึกส่องประกายวูบวาบคล้ายมีเปลวไฟเต้นระริกอยู่ในนั้น กลิ่นอายสังหารแผ่ลามรอบรัศมี ไม่มีผู้ใดในห้องกล้าหายใจดัง แม้แต่ซิ่นเฉิงที่คุ้นเคยกับฉินอ๋องเป็นอย่างดีไม่ต้องรอให้ฉินอ๋องออกคำสั่ง ผู้คุมสองคนรู้หน้าที่รีบกำจัดชุดนักโทษออกจากร่างชายปากแข็งที่ชะตากำลังจะขาด“ไม่ต้องกังวล เจ้าจะไม่เจ็บแม้แต่นิดเดียว และนั่นคือความปรานีอย่างมหาศาลจากเรา”มู่เลี่ยงหรงจรดปลายมีดลงตรงหน้าท้องออกแรงกดอย่างแผ่วเบา พอให้ปลายคมลงลึกเพียงเล็กน้อย แล้วเลื่อนมือขึ้นอย่างช้าๆ ไปตามแนวกลางอกจนเกือบจะถึงคอแล้วหยุดนิ่ง“ไม่เจ็บเลยใช่หรือไม่ เปิ่นหวางอ่อนโยนต่อเจ้ามากเลยนะ และจะอ่อนโยนกับลูกสาว ลูกชาย แล้วก็เมียเจ้าด้วย”“อย่านะ พวกเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย” น้ำเสียงที่เคยแข็งกร้าว บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ใครจะไปรู้” เสียงหัวเราะเยียบเย็นซ่านแทรกเข้าใบหูทะลุทะลวงถึงหัวใจ“อย่านะ อย่ายุ่งกับลูกเมียข้า” นักโทษหนุ่มไม่อาจรักษาความสุขุมได้อีกต่อไป“เราชอบปอผี[1] สตรีเสีย
“ดีเหมือนกัน ซือเซียนเพิ่งจะปักปิ่น อีกทั้งมีคุณสมบัติเพียบพร้อม คงมีบุรุษมากมายมาต่อแถว หากเจ้าจะพิจารณาเยี่ยนจิ้นหลิงเป็นคนแรกๆ ก็ไม่ผิดอันใด เรื่องนี้ข้าจะปรึกษาท่านโหวกับอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายอีกครั้ง”“สองสามปีไม่นานไปหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ” เยี่ยนจิ้นหลิงประท้วงทั้งที่เดิมทีก็ไม่ได้รีบร้อน แต่ก็ไม่คิดว่าจะต้องรอเวลานานถึงเพียงนั้น“อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความประพฤติของเจ้า หากบิดาของนางเห็นชอบก็อาจจะเร็วขึ้นสักปี แต่ระหว่างนี้ก็อย่าได้ทำอะไรรุ่มร่ามอีก อย่าหาว่าข้าพูดจากลั่นแกล้งเลยนะ เพราะว่ามันไม่ใช่ เซวียนผิงโหวเป็นคนเช่นไร เจ้าก็น่าจะพอรู้อยู่บ้างกระมัง” มู่เลี่ยงหรงทำหน้าเหมือนเป็นอกเห็นใจ ทั้งที่อยากหัวเราะเสียงดังๆ ในที่สุดปีศาจจิ้งจอกก็เจอดีเข้าให้แล้ว เรื่องความอดทนและใจแข็ง ไม่มีใครสู้นางฟ้าน้อยของเขาได้ ถึงแม้นางจะดูบอบบาง แต่ถ้าได้ตัดสินใจอะไรแล้วก็จะไม่ยอมเปลี่ยนง่ายๆ กุนซือหนุ่มคงต้องทนรออย่างทรมานต่อไป และเขาย่อมต้องหาทางช่วยสร้างตำนานรักบทใหม่ที่ครึกครื้นไม่แพ้ของตนเองอย่างแน่นอน“พี่รอง ท่านก็ทำตัวดีๆ เล่า อย่าให้ท่านโหวตำหนิ หรือไม่พอใจได้” เยี่ยนเยว่ฉีออกความเห็น แต่แท้ท
“ห้ามแตะต้องนางอีก!” มู่เลี่ยงหรงรีบก้าวขึ้นมาสมทบบนรถม้า ใบหน้าถมึงทึงแสดงความไม่พอใจอย่างแจ่มชัด บุรุษเจ้าเล่ห์ผู้นี้ไม่คู่ควรกับนางฟ้าน้อยของตนสักนิด อ๋องหนุ่มจึงออกคำสั่งห้ามอย่างเด็ดขาด แต่ก็ไม่ได้ตวาดเสียงดังจนเรียกความสนใจจากภายนอก“ก็ได้...ก็ได้ กระหม่อมจะไม่ยุ่งกับนาง จะไม่แตะต้องคุณหนูถางอีกแม้แต่ปลายก้อย ทีนี้พวกท่านพอใจกันหรือยัง” เยี่ยนจิ้นหลิงรับคำง่ายๆ น้ำเสียงเจือแววเกียจคร้าน ในเมื่อถางซือเซียนไม่รู้จักพูดจาให้กระจ่างตนก็จะปล่อยเหตุการณ์ให้เป็นไปแบบนี้เช่นกันในขณะที่ทุกคนยังตกตะลึงกับคำตอบ ชายหนุ่มก็เป่าปากส่งสัญญาณเรียกอาชาแสนรู้ของตน จากนั้นบุรุษผู้เอาแต่ใจก็ทะยานจากไปทันทีโดยไม่สนว่าใครจะคิดยังไงเมื่อได้ยินและเห็นท่าทีของเขา ถางซือเซียนก็เงยหน้าขึ้น นัยน์ตากลมโตปรากฏน้ำตาเอ่อคลอ จากนั้นจึงร่วงหล่นพรั่งพรูดังเม็ดมุกเล็กๆ ยังไม่ทันจะข้ามวัน บุรุษร้ายกาจผู้นั้นก็ทำร้ายนางอย่างเลือดเย็นเสียแล้ว“ฮือๆ ท่านกุนซือ คนใจร้าย” นางเอามือปิดหน้าแล้วสะอึกสะอื้น น้อยอกน้อยใจที่ชายหนุ่มทิ้งนางอย่างง่ายดายเช่นนี้ เรื่องเมื่อคืนคงไม่มีความหมายสำหรับเขา มีเพียงตนที่คิดมากอยู่ฝ่ายเ
“แต่ว่าตอนนี้ข้าที่ร้อนรุ่มไปทั้งกาย เจ้าไม่สงสารเลยหรือ” มู่เลี่ยงหลงทำเสียงอ่อนเสียงหวานขอความเห็นใจ จมูกโด่งรั้นก็ซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่นเพื่อกระตุ้นกระแสรัญจวนอีกครั้งเยี่ยนเยว่ฉีเห็นท่าทางของมู่เลี่ยงหรงแล้ว ก็รู้ทันทีว่า เขาจะต้องไม่ยอมปล่อยนางเป็นแน่‘แต่คนยังเจ็บอยู่เลยนะ ไม่เอาหรอก’ก่อนอีกฝ่ายจะทันตั้งตัว เยี่ยนเยว่ฉีรวมรวมพลังปราณสกัดจุดบนร่างกายสามีอย่างว่องไว เพราะหากปล่อยเอาไว้ตนต้องไม่รอดจากเงื้อมมือของบุรุษผู้ถูกไฟปรารถนาครอบงำเป็นแน่มู่เลี่ยงหรงพลาดท่าจนไม่อาจขยับกายได้ นัยน์ตาเข้มลึกเบิกกว้าง คาดไม่ถึงว่าสตรีอ่อนหวานที่ตนตระกองกอดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจะกล้าลงมือกับเขา“เสี่ยวเยว่ เจ้าทำบ้าอะไร!” มู่เลี่ยงหรงตวาด“ข้าอาบน้ำเสร็จแล้ว เชิญท่านพี่ตามสบาย” นางฉีกยิ้มจนตาหยี ท่าทางเจ้าเล่ห์แสนกลเช่นนี้ช่างเหมือนใครบางคนเสียเหลือเกิน“เสี่ยวเยว่ เดี๋ยว...อย่าเพิ่งไป อย่า...ได้โปรด”มู่เลี่ยงหรงหัวเราะก็ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออก เมื่อเยี่ยนเยว่ฉีนวยนาดพลางหัวเราะคิกคักออกไปจากห้องอาบน้ำ แล้วทิ้งเขาเอาไว้ตามลำพังกับความแข็งขึงที่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อยกว่าอ๋องหนุ่มจะสงบอารมณ์พลุ่ง