แชร์

ตอนที่15 สู่อ้อมแขน

ผู้เขียน: มี่เยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-07 15:29:39

ครั้นมู่เลี่ยงหรงสังเกตเห็นสตรีตรงหน้าเกิดอาการผิดปกติเขาจึงหยุดเป่าขลุ่ยทันที ร่างสูงปราดเข้าไปรับร่างบางสู่อ้อมแขนได้ทันท่วงที

เขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดหญิงสาวถึงได้หมดเรี่ยวแรง จึงได้แต่ประคองนางไว้ในอ้อมแขน แล้วใช้อีกมือหนึ่งลูบแก้มนวลอย่างห่วงใย

ร่างงามนุ่มนิ่มหอมกรุ่นอ่อนระทวยพิงอกแกร่ง ใบหน้านางแดงเรื่อจนถึงใบหู เสียงหายใจหอบกระชั้นดังชัดเจน นัยน์ตาฉ่ำปรือ ริมฝีปากสีแดงสดเผยอออกเล็กน้อยราวกับกำลังเชื้อเชิญให้เขาเข้าครอบครอง

ผ่านไปครู่หนึ่งนางยังคงเหมือนคนไร้สติสิ้นเรี่ยวแรง ชายหนุ่มจึงตวัดแขนอุ้มร่างขึ้นแนบกาย เขาพาหญิงสาวไปยังตั่งหินแล้วนั่งลง ส่งผลให้ยามนี้เยี่ยนเยว่ฉีนั่งอยู่บนตักแกร่ง 

มู่เลี่ยงหรงจดจ้องโฉมสะคราญในอ้อมแขนอย่างไม่วางตา กิริยาช่างยั่วยวนชวนให้เขาตกตะลึง ต้องลอบกลืนน้ำลายด้วยรู้สึกว่าคอนั้นแห้งผาก

‘นางกำลังเชิญชวนข้าอยู่อย่างนั้นหรือ’

เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยินดีอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างเต็มใจ เขาก็ไม่สามารถควบคุมตนเองได้อีก ความสุขุมเยือกเย็นที่เคยมีพลันสลายไปจนสิ้น ในที่สุดเขาจรดริมฝีปากแนบปากอันอวบอิ่ม

ลิ้นร้อนตวัดไล้เลียกลีบปากสีกุหลาบอย่างแผ่วเบา จากนั้นค่อย ๆ แทรกเข้าสู่ด้านใน ครั้นปลายลิ้นทั้งสองสัมผัสกันก่อให้เกิดกระแสป่วนปั่นสั่นสะท้าน ลิ้นร้อนกระหวัดรัดลิ้นบาง ดูดชิมความหวานอย่างลึกซึ้ง เขาโหมจูบหนักหน่วงทว่าเนิบช้า ค่อย ๆ เติมเชื้อแผดเผานางให้ลุกเป็นไฟ บุรุษผู้หิวกระหายดูดกลืนลมหายใจของนางแทบหมดสิ้น

“เสี่ยวเยว่...เสี่ยวเยว่ของข้า...” มู่เลี่ยงหรงพึมพำดั่งคนละเมอ เขาไม่แน่ใจว่าทำไมจึงอยากเรียกขานนางเช่นนี้

แต่ก็ช่างเถิด ตอนนี้เหตุผลอะไรก็ไม่สำคัญอีกแล้ว

เยี่ยนเยว่ฉีพยายามหอบหายใจ เผยอริมฝีปากส่งเสียงครางหวิว ช่างยั่วยวนชวนให้บุรุษคลุ้มคลั่ง

มู่เลี่ยงหรงครางกระหึ่มในลำคอ กระแสร้อนวูบหนึ่งพลันพุ่งไปยังกลางกาย  ความเป็นชายแข็งขึงดึงดัน เขาปวดหนึบกับความอึดอัดตึงแน่นที่ถูกซ่อนไว้ใต้กางเกง 

แม้จะรุมร้อนด้วยเพลิงปรารถนาสักเพียงใด ชายหนุ่มก็อดทนมิให้ตนเองขาดสติจนรีบร้อนครอบครองหญิงสาวในอ้อมอกเสียตรงนี้

เยี่ยนเยว่ฉีรู้รสสัมผัสบุรุษปนกับรสสุราจาง ๆ ชายผู้นี้กำลังมอมเมานางด้วยรสจูบ หัวสมองขาวโพลน ร่างกายเบาหวิวและสติล่องลอย มือทั้งสองข้างเลื่อนขึ้นโอบต้นคอแข็งแกร่งเอาไว้แน่นราวกับเกรงว่าเขาจะจากไป

กระแสรุ่มร้อนพลุ่งพล่านยากควบคุม ยามนี้นางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้ว ได้แต่เพียงปล่อยตัวปล่อยใจไปตามที่ชายหนุ่มนำพา นางขยับตัวไปมาหวังจะคลายความรู้สึกวาบหวามที่กำลังทรมานร่างกาย แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อความแข็งขึงของบุรุษดุนดันสะโพกงาม

ถึงเยี่ยนเยว่ฉีจะไร้ประสบการณ์เรื่องชายหญิง แต่ก็เคยได้อ่านหนังสือภาพวังวสันต์[1]มาบ้าง

ครั้งนั้นนางบังเอิญไปพบเข้าตอนไปยืมหนังสือในห้องของพี่ชายคนรองมาอ่าน จำได้ว่าตอนเห็นภาพในหนังสือครั้งแรกก็อายแทบตาย จนพี่รองเข้ามาเห็นเข้าพอดี แต่เขาก็ไม่ได้ดุว่า กลับพูดว่าให้นางศึกษาเรื่องในห้องหอเอาไว้บ้างก็ดี ยามได้ร่วมหอกับบุรุษที่พึงใจจะได้ไม่ตระหนกตกใจจนทำอันใดมิถูก

เมื่อรู้ว่าตนเองกำลังนั่งอยู่บนความเป็นชายของฉินอ๋องก็ตกใจ นี่หรือคือแก่นกายของบุรุษ มันช่างใหญ่โตและร้อนจนแทบลวกผิว คิดไม่ถึงเลยว่าของจริงจะน่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าภาพวาดในหนังสือ

เยี่ยนเยว่ฉีได้สติขึ้นมาทันที ความตกใจระคนอับอาย นางจึงพยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขนที่รัดแน่น

มู่เลี่ยงหรงกัดฟันกรอด พอหญิงสาวในอ้อมกอดขยับกาย ยิ่งดิ้นสะโพกงอนงามก็ยิ่งบดเบียดกับแก่นกายของเขา ชายหนุ่มส่งเสียงครางต่ำในลำคอ สตรีนางนี้ทำให้เขาแทบคลุ้มคลั่ง ความอดกลั้นที่มีเกือบจะพังทลาย บุรุษผู้ร้อนรุ่มถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย แต่ยังคงโอบกอดเจ้าแสนซนไว้อย่างหวงแหน

“เสี่ยวเยว่...อย่าดิ้นสิ” เขากระซิบข้างหูนางอย่างแผ่วเบา ซ้ำเรียกขานนางอย่างสนิทชิดเชื้อ

“ทะ...ท่านอ๋อง...ปะ...ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ” นางยังไม่ยอมหยุดดิ้น มือทั้งสองทั้งทุบทั้งผลักป่ายปัดไปทั่ว เริ่มร้องโวยวายเสียงดังหวังให้เขาปล่อยตัวนางเสียที

“อยู่นิ่ง ๆ ไม่อย่างนั้นเราจะทนไม่ไหวแล้วนะ” มู่เลี่ยงหรงห้ามปรามด้วยเสียงอันสั่นเทา แต่มิยอมคลายอ้อมแขนแม้สักน้อย ลมหายใจร้อนเป่ากระทบใบหูนางจนแดงซ่าน

“ฮือ ๆ ท่านปล่อยสิ ปล่อยข้า” นางยังคงดิ้นรน มือเล็กทุบลงบนอกอีกฝ่าย

“ชู่ว์...เด็กดื้อ ถ้าเจ้าดิ้นอยู่แบบนี้เราจะสงบลงได้อย่างไร หรือว่าเจ้าอยากให้เราหมดความอดทนแล้วจับเจ้ากินเสียทั้งเนื้อทั้งตัวเดี๋ยวนี้...หือ” กล่าวจบก็จุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากของนางทีหนึ่ง

ลมหายใจอันหนักหน่วงของท่านอ๋องทำให้เยี่ยนเยว่ฉีรู้ว่าเขากำลังข่มใจด้วยความยากเย็น นางจึงหยุดดิ้น หยดน้ำใส ๆ เริ่มเอ่อคลอบนดวงตา อับอายที่ถูกเขาช่วงชิงจูบแรกของนางไป

เมื่อหญิงสาวเชื่อฟังและหยุดดิ้น มู่เลี่ยงหรงยิ้มกริ่มอย่างพอใจ นัยน์ตาคมปลาบยังฉายแววปรารถนาอันลุกโชน นิ้วเรียวหยาบของบุรุษวาดไล้บนริมฝีปากบวมแดงที่เพิ่งผ่านการจูบอย่างเร่าร้อน รสชาติหวานล้ำยังคงตราตรึง อ๋องหนุ่มไม่คิดว่าสตรีในอ้อมกอดจะหอมหวานถึงเพียงนี้ จะดูดกลืนเท่าไรก็มิพอ ทำให้เขาหิวกระหายไม่รู้จบ…

มู่เลี่ยงหรงยังไม่ยอมปล่อยร่างบางให้ลงจากตัก ภายในใจเริ่มรักใคร่เอ็นดูนางขึ้นหลายส่วน ชายหนุ่มเพียงหัวเราะเบา ๆ ทุกครั้งที่นางหน้าแดงยามถูกหยอกเย้าจุดอ่อนไหวบนใบหู

ในคราแรกฉินอ๋องเพียงหวังจะตรวจสอบวรยุทธ์ของหญิงสาวแล้วคืนขลุ่ยหยกให้แก่นางเพียงเท่านั้น ไม่คิดว่าจะได้รางวัลเป็นจูบอันเนิ่นนานแสนหวาน ชายหนุ่มแปลกใจอยู่ไม่น้อยเนื่องจากคาดไม่ถึงว่าคนงามจะกล้า ‘ยั่วยวน’ เขา

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องเจ้าขา...ข้ายอมแล้ว   ตอนที่101 เรากลับกันเถิด

    ส่วนฮองเฮานั่งจิบชาด้วยสีหน้าอันเรียบเฉย ทำประหนึ่งว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน ทั้งที่ในใจลอบตำหนิแม่สามีที่พูดจาเอาแต่ใจ โดยไม่สนพระทัยสักนิดว่าเรื่องนี้ควรพูดออกมาตอนนี้หรือไม่ หากมู่เลี่ยงหรงต้องการจะให้จ้าวกุ้ยอินมาเป็นเป็นหวางเฟยแล้วละก็ คงไม่รอให้ไทเฮาเสนอมู่เลี่ยงหรงหยุดรอชายาที่หน้าตำหนัก ความจริงตนไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งนางไว้ที่ตรงนั้น แต่ด้วยกำลังบังเกิดโทสะจึงต้องรีบจากมาก่อนเรื่องราวจะแย่ลง เพียงไม่นานนักเยี่ยนเยว่ฉีก็เดินออกมาจากประตูตำหนัก หญิงสาวมองผู้เป็นสามีอย่างเข้าอกเข้าใจ“ท่านอ๋องเรากลับกันเถิด”“อ้ายเฟย ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งเจ้า”“วางใจเถิด หวางเฟยของท่านเป็นคนที่มีเหตุผล” เยี่ยนเยว่ฉียิ้มหยอกเย้าหวังให้เขาสบายใจ“ข้าไม่มีทางรับใครเข้าจวนอีก” เขารีบอธิบาย เพราะกลัวว่าเยี่ยนเยว่ฉีจะเข้าใจผิด“ดูพูดเข้า หากเป็นพระราชโองการ หรือพระเสาวนีย์อย่างไรท่านก็ขัดมิได้อยู่”“เสด็จพี่มีรับสั่งจะไม่บังคับข้าอีก”“แต่ไทเฮาไม่ได้ทรงรับปากท่านอ๋องนี่”“เป็นดั่งเจ้าว่า แต่ถ้าเสด็จแม่ยังคงดื้อดึง เรื่องนี้คนที่จะเสียใจที่สุดคงจะเป็นจ้าวกุ้ยอิน”“หากนางได้แต่งกับท่านสมใจ จะมีแต่ความ

  • ท่านอ๋องเจ้าขา...ข้ายอมแล้ว   ตอนที่100 ในที่สุด

    ในที่สุดรถม้าก็แล่นมาถึงจุดจอดรถม้าของวังหลวงซิ่นเฉิงขานเรียกผู้เป็นนาย ส่วนซูจิ้งก็จัดการวางขั้นบันไดข้างรถม้า ทั้งสองต่างทำหน้าที่ของตนเองโดยไม่มองหน้า ไม่พูดไม่จากันแม้แต่ครึ่งคำ ทั้งที่ต้องเดินเคียงกันไปตลอดทางเป็นองครักษ์หนุ่มที่รู้สึกเหมือนจะทนไม่ไหว คิดว่ายังไงก็ต้องหาทางคุยกับซูจิ้งให้รู้เรื่องรู้ราว อย่างไรเสียตอนนี้ก็อยู่จวนเดียวกัน หากนางเป็นอนุบ่าวของเยี่ยนจิ้นหลิงจริง เหตุใดจึงตามหวางเฟยมาเล่า เขาจะต้องถามความให้กระจ่าง หากแม้ไม่มีวาสนาต่อกันก็ยินดีจะล่าถอย ไม่ใช่เดาสุ่มเอาเองเช่นนี้ เมื่อตกลงใจได้เขาก็ผ่อนคลายลงหลายส่วน‘คืนนี้ล่ะ ซาลาเปาน้อย ข้าจะต้องรู้ความจริงให้จงได้’มู่เลี่ยงหรงต้องพาเยี่ยนเยว่ฉีไปถวายพระพรไทเฮา หนทางจากจุดจอดรถม้าไม่ใกล้เลย ซ้ำไทเฮายังเลือกเวลาให้ทั้งสองมาเข้าเฝ้ายามตะวันตรงศีรษะ ที่น่าแปลกคือไม่มีเกี้ยวสำหรับสตรีมารับ กว่าจะถึงตำหนักของพระนาง ฉินอ๋องกับหวางเฟยต้องเดินเท้าเป็นเวลาราวหนึ่งก้านธูปเมื่อทั้งสองถึงที่หมายก็เห็นกูกูสูงวัยผู้หนึ่งยืนรออยู่หน้าประตูตำหนัก ครั้นนางเห็นมู่เลี่ยงหรงก็รีบเข้ามาต้อนรับทันที จากนั้นจึงเดินนำบุคคลทั้งคู่เข้าส

  • ท่านอ๋องเจ้าขา...ข้ายอมแล้ว   ตอนที่99 นึกชื่นชม

    พ่อบ้านใหญ่รับคำแล้วจัดการสั่งงานลูกน้องอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ท่วงท่าและน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยพลัง เยี่ยนเยว่ฉีเห็นดังนั้นก็นึกชื่นชม มิน่าเล่า ท่านอ๋องถึงวางใจคนหนุ่มผู้นี้ให้รับผิดชอบเรื่องน้อยใหญ่ในจวน ดูท่าทางนางคงไม่ต้องเหนื่อยยากอย่างที่คิดมู่เลี่ยงหรงให้พ่อบ้านใหญ่กับมามาทั้งสี่ถอยออกไปได้ ก่อนถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง แล้วส่งเสียงเรียกออกไป“พวกเจ้าเข้ามาคารวะน้ำชาหวางเฟยเถิด”พอสิ้นเสียงคำสั่ง สตรีโฉมงามสามนางก็เดินนำหน้าหญิงสาวอีกสิบกว่าคนเข้ามาภายในห้องโถง เยี่ยนเยว่ฉีมองไปยังพระชายารองทั้งสามที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยท่าทีสงบที่สุด ถึงแม้จะรู้สึกตกอกตกใจอยู่บ้างกับจำนวนสตรีที่ถวายตัวให้มู่เลี่ยงหรงแต่มิได้มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ‘บัดซบ! เยอะขนาดนี้เชียว’เยี่ยนเยว่ฉีตั้งใจเอาไว้ว่าหากพวกนางไม่ได้แสดงตัวเป็นปรปักษ์ ตนเองก็จะไม่กระทำการรุนแรงใด ๆ ทั้งสิ้นมู่เลี่ยงหรงแนะนำชายารองทั้งสามด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติ ไม่มีอาการกังวลหรือตกประหม่าให้เห็น แต่ภายในใจกลับก็รู้สึกหนักอึ้งเพราะเกรงว่าเยี่ยนเยว่ฉีจะยังรับเรื่องฮูหยินอีกสิบเอ็ดคนไม่ได้ แต่เมื่อเห็นว่านางยังคงยิ้มละไม ไม่มีอาการกระอั

  • ท่านอ๋องเจ้าขา...ข้ายอมแล้ว   ตอนที่98 ชิงหรูไม่ได้ถวายตัวให้ข้า

    “อ้ายเฟย สี่คนนี้คือนางกำนัลที่ข้าคัดสรรมาให้ ข้ารับรองว่าพวกนางทำงานดีและมีความรอบรู้ หากเจ้าต้องการทราบเรื่องใดในจวน พวกนางสามารถแนะนำจัดหาให้เจ้าได้ทั้งหมด โดยเฉพาะชิงหรู นางดูแลห้องข้างของข้ามาหลายปี”เยี่ยนเยว่ฉีหรี่นัยน์ตามองชิงหรูอย่างเสียมิได้ พอเห็นก็จำได้ทันทีว่าหญิงสาวผู้นี้คือนางกำนัลที่เตรียมน้ำอุ่นมาให้เมื่อคืน นางหน้าตาสะสวย นัยน์ตาหวานฉ่ำดูยั่วยวน ผิวพรรณนวลเนียนเปล่งปลั่ง รูปร่างงามระหงสมส่วน มีเสน่ห์ดึงดูดใจบุรุษมากทีเดียวมู่เลี่ยงหรงที่ลอบสังเกตอยู่พบว่าเยี่ยนเยว่ฉีกำลังกินน้ำส้มอยู่ เขากลั้วหัวเราะเบา ๆ จนนางต้องหันมาค้อนผู้เป็นสามีทีหนึ่ง“ชิงหรูไม่ได้ถวายตัวให้ข้า”“ข้ายังไม่ได้ว่าอันใดท่านเสียหน่อย” หวางเฟยบ่นพึมพำเมื่อถูกจับได้“ก็ข้าอยากบอกเจ้านี่” ฉินอ๋องไม่ต้องการทำให้พระชายาคนงามต้องรู้สึกเสียหน้าจึงพูดแก้เก้อให้เสร็จสรรพ“เยว่ฉีทราบแล้ว” นางพอใจที่ท่านอ๋องไว้หน้าตนมู่เลี่ยงหรงยิ้มกว้าง ก่อนจะหันไปสั่งนางกำนัลทั้งหลายให้ปรนนิบัติผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ของหวางเฟย เหล่านางกำนัลรีบทำตามประสงค์ของเจ้านาย เยี่ยนเยว่ฉียอมรับว่าผู้ที่มู่เลี่ยงหรงคัดสรรค์มาให้นางนั้นทำ

  • ท่านอ๋องเจ้าขา...ข้ายอมแล้ว   ตอนที่97 แย่แล้วคุณหนูของข้า

    อ๋องหนุ่มฝืนลุกจากเตียงด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เขาคว้าชุดคลุมเอามาใส่อย่างลวก ๆ ก่อนจะเปล่งเสียงเรียกสาวใช้คนสนิทของนางให้มาช่วยจัดการเรื่องวุ่นวายของสตรี เยี่ยนเยว่ฉีมองตามร่างสูงที่เพิ่งเดินออกจากห้องนอนไปซูจิ้งเข้ามาภายในห้องหอ นางยอบกายคำนับฉินอ๋องที่ทำหน้าถมึงทึงอยู่บนเก้าอี้ยาวริมหน้าต่างที่ห้องชั้นนอก เขาไม่พูดอะไรเพียงแต่โบกมือเป็นสัญญาณให้นางเข้าไปหาเยี่ยนเยว่ฉีในห้องนอนซูจิ้งเดินผ่านกองชุดวิวาห์ที่ถูกฉีกขาดกระจัดกระจายอยู่บนพื้นก็อดรู้สึกตกใจไม่ได้ หรือว่าฉินอ๋องทำรุนแรงกับนายหญิงของตน‘แย่แล้วคุณหนูของข้า’ สตรีร่างเล็กแทบจะวิ่งเข้าไปที่หน้าเตียง ภาพที่เห็นคือเยี่ยนเยว่ฉีนั่งเอาผ้าห่มปิดร่างกายที่เปลือยเปล่าเอาไว้ มีคราบน้ำตาอาบบนแก้ม แต่ไม่ปรากฏร่องรอยความเสียใจแม้แต่น้อย“คุณหนู ไม่ใช่สิ หวางเฟยเป็นอันใดไปเพคะ”“เรื่องสุดวิสัยของสตรี” เยี่ยนเยว่ฉีเอ่ยเสียงเย็นคำตอบของเยี่ยนเยว่ฉีทำให้ซูจิ้งโล่งอก มิน่าเล่าฉินอ๋องถึงได้ทำหน้าถมึงทึงเช่นนั้น มีเนื้ออยู่ตรงหน้าแต่กลับกินไม่ได้ ช่างน่าเห็นใจเหลือเกิน“เช่นนั้นลงมาจากเตียงก่อนเพคะ ซูจิ้งจะได้ปรนนิบัติท่านเปลี่ยนเสื้อผ้าเอง”“อืม”

  • ท่านอ๋องเจ้าขา...ข้ายอมแล้ว   ตอนที่96 แทบจะไม่เหลืออาภรณ์ติดกาย

    แม้แทบจะไม่เหลืออาภรณ์ติดกาย ทว่าเยี่ยนเยว่ฉีกลับร้อนรุ่มมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อถูกกระตุ้นเพลิงในกาย เพื่อให้เขากับนางแนบสนิทใกล้ชิดยิ่งขึ้น มู่เลี่ยงหรงจึงขยับร่างบางให้หันหน้าเข้าหาตน และด้วยการบังคับขยับนี้เยี่ยนเยว่ฉีจึงต้องตวัดขาเรียวยาวโอบรอบสะโพกสอบของเขาเอาไว้ แล้วคล้องแขนกับลำคอเพื่อเป็นหลักยึด ฝ่ามือร้อนของบุรุษลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังนวลเนียน เมื่อพบกับปมเล็ก ๆ ที่ผูกไว้ก็กระตุกออกอย่างเบามือ อุปสรรคสุดท้ายถูกกำจัดจนสิ้น เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าของเทพธิดาแสนสวยในอ้อมกอดแสงจากเทียนมงคลคู่สีแดงวูบไหว อาบไล้ไปบนผิวขาวเนียนละเอียดดุจกระเบื้องเคลือบ ยิ่งทำให้เยี่ยนเยว่ฉีงดงามราวรูปสลักอันไร้รอยตำหนิ ช่างสูงค่าคู่ควรให้ทะนุถนอม‘วิเศษยิ่งนัก ยอดรักของข้า’ดวงตาลากไล้สำรวจเทพธิดาในอ้อมกอด ยิ่งมองยิ่งพบว่าเรือนกายของนางช่างสมบูรณ์แบบ เต็มไปด้วยเสน่ห์น่าหลงใหลทุกสัดส่วน ร่างระหงยั่วยวนน่าสัมผัสไปทุกตารางนิ้ว ไม่ว่ามือจะลูบไล้ไปตรงที่ใด ผิวกายขาวผ่องดุจแสงจันทร์กระจ่างก็เรียบลื่นนุ่มละมุนมือ มู่เลี่ยงหรงแทบลืมหายใจเมื่อแลเห็นปทุมถันอวบอิ่มเต็มตา ยอดสีหวานชูชันท้าทายให้ครอบครองยิ่งนัก ชายห

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status